ปัญหาและเฉลยวิชาพุทธานุพุทธประวัติ นักธรรมชั้นเอก
สอบในสนามหลวง
พ.ศ. ๒๕๔๗
๑. ปัญจมหาวิโลกนะ คืออะไร ? มีความเป็นมาอย่างไร ?
๑. คือ การพิจารณาถึงความเหมาะสมใหญ่ ๕ ประการ ฯ
มีความเป็นมาอย่างนี้ คือเมื่อพระมหาสัตว์เป็นสันตุสิตเทวราชอยู่ในดุสิตเทวโลก หมู่
เทวดามาทูลอาราธนาให้จุติลงไปบังเกิดในครรภ์พระมารดา ในลำดับนั้น พระมหาสัตว์
ยังมิได้ทรงให้ปฏิญญาแก่หมู่เทวดาผู้มาทูลอาราธนา ต่อเมื่อทรงพิจารณาปัญจมหา-
วิโลกนะแลัว จึงทรงให้ปฏิญญา ฯ
๒. พระอรหันตสาวกรุ่นแรกที่พระศาสดาทรงส่งไปประกาศพระศาสนา มีจำนวนเท่าไร ?
พระองค์ทรงประทานโอวาทแก่ท่านเหล่านั้นโดยย่อว่าอย่างไร ?
๒. มีจำนวนทั้งสิ้น ๖๐ รูป ฯ
ทรงประทานโอวาทว่า ท่านทั้งหลายจงเที่ยวจาริกไปในชนบท เพื่อประโยชน์และ
ความสุขแก่ชนเป็นอันมาก แต่อย่าไปทางเดียวกัน ๒ รูป จงแสดงธรรมมีคุณ
ในเบื้องต้น ท่ามกลาง และที่สุด จงประกาศพรหมจรรย์อันบริสุทธิ์บริบูรณ์สิ้นเชิง
พร้อมทั้งอรรถและพยัญชนะ ฯ
๓. พระกาฬุทายี และ กาฬเทวิลดาบส เกี่ยวข้องกับพระพุทธเจ้าอย่างไร ?
๓. พระกาฬุทายี เป็นสหชาติของพระพุทธเจ้า ก่อนบวชท่านเป็นอำมาตย์อยู่ในกรุง
กบิลพัสดุ์ พระเจ้าสุทโธทนะทรงส่งไปทูลนิมนต์พระพุทธเจ้าให้เสด็จกลับกรุงกบิลพัสดุ์
เมื่อได้อุปสมบทแล้วจึงทูลนิมนต์พระพุทธเจ้าให้เสด็จกลับได้สำเร็จตามพระราชประสงค์ ฯ
กาฬเทวิลดาบสคืออสิตดาบสนั่นเอง เมื่อพระมหาบุรุษประสูติใหม่ๆ ท่านทราบข่าว
จึงเข้าไปเยี่ยม ได้เห็นลักษณะของพระราชโอรสต้องด้วยตำรับมหาบุรุษลักษณะ
มีความเคารพในพระโอรสอย่างมาก จึงลุกขึ้นกราบลงที่พระบาททั้งสองด้วยศีรษะ
ของตนแล้วกล่าวทำนายพระลักษณะตามมหาบุรุษลักษณะพยากรณศาสตร์ ฯ
๔. พระอานนท์ได้ดวงตาเห็นธรรมเพราะฟังโอวาทจากใคร ? ท่านผู้ให้โอวาทนั้นเลิศทางไหน ?
๔. เพราะฟังโอวาทจากพระปุณณมันตานีบุตรเถระ ฯ
เลิศในทางเป็นพระธรรมกถึก ฯ
๕. ข้อความว่า “ เราจักไม่พูดคำซึ่งเป็นเหตุเถียงกัน ถือผิดต่อกัน ” พระศาสดาทรง
แนะนำใคร ? เพราะทรงเห็นโทษอย่างไร ?
๕. ทรงแนะนำพระมหาโมคคัลลานะ ฯ
เพราะว่า เมื่อคำซึ่งเป็นเหตุเถียงกันถือผิดต่อกันมีขึ้น ก็จำต้องหวังความพูดมาก
เมื่อความพูดมากมีขึ้นก็จะเกิดความคิดฟุ้งซ่าน ครั้นคิดฟุ้งซ่านแล้วก็จะเกิดความ
ไม่สำรวม ครั้นไม่สำรวมแล้วจิตก็จะห่างจากสมาธิ ฯ
๖. พระพุทธพจน์ว่า “ ทักษิณาอันบริจาคในสงฆ์ย่อมสำเร็จแก่ผู้ตายโดยฐานะ ” นั้น ท่าน
อธิบายไว้อย่างไร ? การที่ทักษิณาจะสำเร็จประโยชน์แก่ผู้ตายโดยฐานะนั้น ต้องพร้อม
ด้วยสมบัติ อะไรบ้าง ?
๖. ท่านอธิบายไว้ว่า เปตชนผู้ไปเกิดในกำเนิดอื่น ทั้งที่เป็นทุคติ ทั้งที่เป็นสุคติ ย่อม
เป็นอยู่ด้วยอาหารในคติที่เขาเกิด หาได้รับผลแห่งทานที่ทายกอุทิศถึงไม่ ต่อไปเกิด
ในปิตติวิสัย จึงได้รับผลแห่งทานที่อุทิศถึงนั้น ฯ
ต้องพร้อมด้วยสมบัติ ๓ ประการคือ การบริจาคไทยธรรมแล้วอุทิศถึงของทายก ๑
ปฏิคาหกผู้รับไทยธรรมนั้นเป็นทักขิเณยยะ คือผู้ควรรับทักษิณา ๑ เปตชนนั้น
ได้อนุโมทนา ๑ ฯ
๗. อจลเจดีย์คืออะไร ? ตั้งอยู่ที่เมืองอะไร ? เกิดขึ้นเมื่อใด ?
๗. คือสถานที่เป็นที่ประดิษฐานแห่งบันไดแก้ว บันไดทอง บันไดเงิน ซึ่งทอดลงมา
จากดาวดึงสเทวโลก ฯ
ตั้งอยู่ที่เมืองสังกัสสนคร ฯ
เกิดขึ้นในวันที่พระพุทธเจ้าเสด็จลงสู่มนุษยโลกหลังจากเสด็จประทับจำพรรษาใน
ดาวดึงสเทวโลกแล้ว ฯ
๘. พระพุทธองค์ทรงรับสั่งกะพระอานนท์ถึงประโยชน์ของการสร้างสถูปแล้วอัญเชิญ
พระอัฐิธาตุ บรรจุไว้ ณ ท่ามกลางหนทาง ๔ แพร่งแห่งถนนใหญ่ไว้อย่างไร ?
๘. ทรงรับสั่งไว้อย่างนี้คือ เพื่อเป็นปูชนียสถานให้มนุษย์ผู้สัญจรไปมา เกิดความเลื่อมใส
ศรัทธา ได้สักการะบูชาด้วยระเบียบดอกไม้ของหอม อภิวาทกราบไหว้ทำจิตให้
เลื่อมใสในพระพุทธคุณ อันจักเป็นเหตุให้เกิดประโยชน์และความสุขตลอดกาลนาน ฯ
๙. พระเจ้าสุทโธทนะทรงบรรลุพระโสดาปัตติผลด้วยพระธรรมเทศนามีใจความว่าอย่างไร ?
ทรงบรรลุอริยผลสูงสุดชั้นไหน ?
๙. มีใจความว่า ไม่พึงประมาทในบิณฑบาต พึงประพฤติธรรมให้เป็นสุจริต ผู้ประพฤติ
ธรรมย่อมอยู่เป็นสุขทั้งในโลกนี้ทั้งในโลกอื่น ฯ
ชั้นพระอรหัตผล ฯ
๑๐. พระบารมี ๑๐ ย่อมอบรมพระอัธยาศัยทำพระหฤทัยให้หนักแน่นจนสามารถพิชิตมารได้
พระบารมี ๑๐ นั้น มีอะไรบ้าง ?
๑๐. มี ๑. ทาน ๒. ศีล ๓. เนกขัมมะ ๔. ปัญญา ๕. วิริยะ ๖. ขันติ ๗. สัจจะ
๘. อธิษฐาน ๙. เมตตา ๑๐. อุเบกขา ฯ
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น