หนังสือนักธรรมชั้นตรี,นักธรรมตรีpdf,นักธรรมตรี,สรุปนักธรรมตรี,ข้อสอบนักธรรมตรี,เก็งข้อสอบนักธรรมตรี
- หน้าแรก
- พุทธประวัติ
- ธรรมวิภาค
- เบญจศีล-เบญจธรรม
- แบบกระทู้ธรรมชั้นตรี
- แบบกระทู้ธรรมชั้นโท
- แบบกระทู้ธรรมชั้นเอก
- หมวด พุทธศาสนสุภาษิต
- อนุพุทธประวัติชั้นโท
- ดาวโหลดหนังสือธรรมศึกษาชั้นตรี โท เอก
- Download ข้อสอบนักธรรมและธรรมศึกษา ปี 2559-2563
- ประวัตินักธรรม-ธรรมศึกษา โดยสังเขป
- ขอบข่ายการเรียนการสอนธรรมศึกษา 2561
- ขอบข่ายธรรมศึกษา ระดับอุดมศึกษาและประชาชนทั่วไป
- ข้อสอบนักธรรมตรี-โท-เอก[ย้อนหลัง]
วันเสาร์ที่ 31 กรกฎาคม พ.ศ. 2564
วันเสาร์ที่ 10 กรกฎาคม พ.ศ. 2564
อนุพุทธประวัติ นักธรรมชั้นโท 2543
อนุพุทธประวัติ นักธรรมชั้นโท 2543
ปัญหาและเฉลยอนุพุทธประวัติ นักธรรมชั้นโท
สอบในสนามหลวง พ.ศ. ๒๕๔๓
วันศุกร์ ที่ ๑๗ พฤศจิกายน พ.ศ. ๒๕๔๓
------------------------------
๑.
๑.๑
อนุพุทธบุคคลคือบุคคลพวกไหน ? ได้ชื่อว่าอย่างนั้นเพราะเหตุไร ?
๑.๒
อนุพุทธบุคคล เป็นนักบวชหรือบุคคลทั่วไป ?
๑.
๑.๑
คือบุคคลผู้เป็นสาวกของพระพุทธเจ้า ได้ชื่ออย่างนั้นเพราะเป็นผู้รู้ตาม
พระพุทธเจ้า
๑.๒
เป็นนักบวชก็มี เป็นบุคคลทั่วไปก็มี
๒.
๒.๑
การศึกษาอนุพุทธประวัติให้ประโยชน์อย่างไรต่อเจ้าของประวัติ ?
๒.๒
การศึกษาอนุพุทธประวัติให้คุณค่าอย่างไรต่อผู้ศึกษา ?
๒.
๒.๑
เป็นการประกาศเกียรติคุณพระสาวกผู้เป็นอุปการะแก่พระศาสนา ได้เชิดชูพระคุณท่าน นำเพื่อนร่วมศาสนาให้เกิดปสาทะและนับถือ ความดีของพระสาวกปรากฏแล้วจักเชิดชูพระเกียรติคุณของพระศาสดายิ่งขึ้น
๒.๒
ให้คุณค่าในด้านกำหนดและจดจำวัตรปฏิบัติอันงดงามของท่านมาเป็นปฏิปทาเครื่องดำเนินชีวิตของตน
๓.
๓.๑
พระโกณฑัญญะได้เกิดความรู้เห็นอย่างไรก่อน จึงนับว่าเป็นปฐมอริยสาวก ?
๓.๒
ท่านได้รับเกียรติยศเป็นพิเศษเพราะเหตุนี้อย่างไรบ้าง ?
๓.
๓.๑
ได้เกิดความรู้เห็นว่า สิ่งใดสิ่งหนึ่งมีความเกิดขึ้นเป็นธรรมดา สิ่งนั้น ทั้งมวลมีความดับไปเป็นธรรมดา คือได้ดวงตาเห็นธรรม (ธรรมจักษุ) แล้วทูลขอบวชกับพระพุทธองค์ จึงนับได้ว่าเป็นปฐมอริยสาวกใน พระศาสนา
๓.๒
เมื่อท่านเกิดความรู้เห็นดังนี้ พระบรมศาสดาจึงทรงเปล่งอุทาน ว่า "อญฺญาสิ วต โภ โกณฺฑญฺโญ อญฺญาสิ วต โภ โกณฺฑญฺโญ” แปลว่า โกณฑัญญะได้รู้แล้วหนอๆ แต่นั้นมา ท่านมีนามว่า อัญญาโกณฑัญญะ ข้อนี้เป็นเกียรติยศพิเศษสำหรับท่านผู้เป็นปฐมอริยสาวก ฯ
๔.
๔.๑
พระสาวกรูปใดได้รับการบวชด้วยญัตติจตุตถกรรมเป็นรูปแรก ?
๔.๒
พระสาวกรูปนั้นได้รับยกย่องเป็นเลิศในทางไหน ?
๔.
๔.๑
พระราธะ
๔.๒
ในทางมีปฏิภาณ คือญาณแจ่มแจ้งในพระธรรมเทศนา
๕.
๕.๑
พระพุทธองค์ทรงยกย่องพระสารีบุตรคู่กับพระโมคคัลลานะโดยอุปมาไว้ อย่างไร ?
๕.๒
ที่ตรัสอุปมาไว้อย่างนั้นเพราะเหตุไร ?
๕.
๕.๑
พระพุทธองค์ตรัสอุปมาว่า พระสารีบุตรเปรียบเหมือนมารดาผู้ให้ทารกเกิด พระโมคคัลลานะเปรียบเหมือนนางนมผู้เลี้ยงทารกที่เกิดแล้วนั้น
๕.๒
ที่ตรัสอุปมาไว้อย่างนั้นเพราะพระสารีบุตรย่อมแนะนำให้ตั้งอยู่ใน โสดาปัตติผล พระโมคคัลลานะย่อมแนะนำให้ตั้งอยู่ในคุณเบื้องบนที่ สูงกว่านั้น
๖.
๖.๑
การพบกันของพระอัสสชิและอุปติสสปริพาชกมีผลต่อพระพุทธศาสนา อย่างไร ?
๖.๒
พระสารีบุตรมีปัญญาเลิศกว่าพระสาวกทั้งหลายนั้น มีอะไรเป็นเครื่อง ยืนยัน ?
๖.
๖.๑
มีผลเกิดขึ้นดังนี้คือ
๑) อุปติสสปริพาชกได้ความเลื่อมใสในวัตรของพระอัสสชิ
๒) อุปติสสปริพาชกได้ฟังธรรมแล้วได้ดวงตาเห็นธรรม
๓) อุปติสสปริพาชกได้ชักชวนเพื่อนไปบวช ฟังธรรมแล้วได้บรรลุ
ธรรม
๔) พระพุทธองค์ได้อัครสาวกเบื้องซ้ายเบื้องขวา
๖.๒
มีพระพุทธดำรัสตรัสยกย่องพระสารีบุตรว่า เป็นยอดแห่งพระสาวกผู้มีปัญญาและตรัสสรรเสริญว่า พระสารีบุตรสามารถแสดงธรรมจักร และจตุราริยสัจ ได้กว้างขวางพิสดารแม้นกับพระองค์ ประกอบกับพระธรรมเทศนาที่ท่าน ได้แสดงไว้ในโอกาสนั้น ๆ ส่องให้เห็นถึงอัจฉริยภาพอย่างแท้จริงของท่าน ในด้านนี้
๗.
๗.๑
ธรรมุทเทศคืออะไรบ้าง ? ๗.๒ ใครแสดงแก่ใคร ?
๗.
๗.๑
ธรรมุทเทศ คือ
๑) โลกคือหมู่สัตว์อันชรานำเข้าไปใกล้ ไม่ยั่งยืน
๒) โลกคือหมู่สัตว์ไม่มีผู้ป้องกัน ไม่เป็นใหญ่จำเพาะตน
๓) โลกคือหมู่สัตว์ไม่มีอะไรเป็นของ ๆ ตน จำต้องละสิ่งทั้งปวงไป
๔) โลกคือหมู่สัตว์พร่องอยู่เป็นนิตย์ ไม่รู้จักอิ่ม เป็นทาสแห่งตัณหา
๗.๒
พระรัฐบาลแสดงถวายพระเจ้าโกรัพยะ
ศาสนพิธี
๘.
๘.๑
คำว่า สวดมาติกาหรือสดับปกรณ์ หมายถึงอะไร ?
๘.๒
คำทั้งสองนั้นใช้ต่างกันอย่างไร ?
๘.
๘.๑
หมายถึงการสวดบทมาติกาของพระอภิธรรม ๗ คัมภีร์ หรือที่เรียกว่า สัตตัปปกรณาภิธรรม ซึ่งมีการบังสุกุลเป็นที่สุด เป็นประเพณีนิยมจัดให้พระสงฆ์สวดในงานทำบุญหน้าศพอย่างหนึ่ง
๘.๒
คำว่าสวดมาติกา ใช้ในงานศพราษฎรสามัญทั่วไป ส่วนคำว่า สดับปกรณ์ ใช้เรียกโดยโวหารทางราชการในงานหลวง (ศพหรืออัฐิของเจ้านายตั้งแต่ชั้นหม่อมเจ้าขึ้นไป)
๙.
๙.๑
ผ้าวัสสิกสาฎกคือผ้าเช่นไร ?
๙.๒
ผ้าจำนำพรรษาคือผ้าเช่นไร ?
๙.
๙.๑
คือ ผ้าสำหรับภิกษุใช้นุ่งในเวลาอาบน้ำฝนหรืออาบน้ำทั่วไป เรียกกันว่า ผ้าอาบน้ำฝนบ้าง ผ้าอาบบ้าง ผ้านี้เกิดขึ้นเฉพาะฤดูกาลที่ทรงอนุญาตเป็นบริขารพิเศษชั่วคราว อธิษฐานไว้ใช้ได้ตลอด ๔ เดือนฤดูฝน พ้นจากเขตนั้นเป็นธรรมเนียมให้วิกัป
๙.๒
คือ ผ้าที่ทายกถวายแก่ภิกษุผู้อยู่จำพรรษาครบ ๓ เดือน เว้นผ้ากฐิน
๑๐.
๑๐.๑
ศาสนพิธีเล่ม ๒ แสดงอุโบสถกรรมไว้กี่ประเภท ? อะไรบ้าง ?
๑๐.๒
แต่ละประเภทมีความแตกต่างกันอย่างไร ?
๑๐.
๑๐.๑
มี ๓ ประเภท คือ สังฆอุโบสถ ๑ ปาริสุทธิอุโบสถ ๑ อธิษฐานอุโบสถ ๑
๑๐.๒
มีความแตกต่างกันดังนี้
๑)
สังฆอุโบสถ คือ อุโบสถกรรมที่พระภิกษุตั้งแต่ ๔ รูปขึ้นไป ประชุมสวด พระปาฏิโมกข์
๒)
ปาริสุทธิอุโบสถ คือ อุโบสถกรรมที่พระภิกษุน้อยกว่า ๔ รูป มีเพียง ๓ รูป หรือ ๒ รูป ร่วมกันทำเป็นการคณะ ให้แต่ละรูปบอกความบริสุทธิ์ของตน ๆ
๓)
อธิษฐานอุโบสถ คืออุโบสถกรรมที่พระภิกษุรูปเดียวทำเป็นการบุคคลด้วยการอธิษฐานความบริสุทธิ์ใจของตนเอง
วิชาอนุพุทธประวัติ นักธรรมชั้นโท 2545
วิชาอนุพุทธประวัติ นักธรรมชั้นโท 2545
ปัญหาและเฉลยวิชาอนุพุทธประวัติ นักธรรมชั้นโท
สอบในสนามหลวง
วันเสาร์ ที่ ๒๓ พฤศจิกายน พ.ศ. ๒๕๔๕
๑. ๑.๑ การศึกษาอนุพุทธประวัติมีประโยชน์อย่างไร ?
๑.๒ เมื่อครั้งที่พระอรหันต์ ๖๑ องค์ เกิดขึ้นในโลก มีใครบ้าง ?
๑. ๑.๑ นำให้เกิดความเลื่อมใสและความนับถือ กำหนดและจดจำวัตรปฏิบัติอันงดงาม
ของท่านมาเป็นปฏิปทาเครื่องดำเนินชีวิตของตน และเมื่อความดีของพระสาวก
ปรากฏแล้วจะเชิดชูเกียรติคุณของพระศาสดาให้ยิ่งขึ้น ฯ
๑.๒ มีพระพุทธองค์ ๑ พระปัญจวัคคีย์ ๕ พระยสะ ๑ สหายของพระยสะที่ปรากฏนาม
๔ และที่ไม่ปรากฏนามอีก ๕๐ ฯ
๒. ๒.๑ พระพุทธองค์ทรงส่งสาวกออกไปประกาศพระศาสนา เพราะทรงเห็นประโยชน์
อะไร ?
๒.๒ พระอัสสชิได้แสดงธรรมแก่อุปติสสปริพาชก มีใจความย่อว่าอย่างไร ?
๒. ๒.๑ ทรงเห็นประโยชน์เกื้อกูลแก่มหาชน เพื่อให้เห็นธรรมและตั้งอยู่ในสัมมาปฏิบัติ
อันเป็นปัจจัยแห่งความสุขความสงบ ฯ
๒.๒ มีใจความย่อว่า "พระศาสดาทรงแสดงความเกิดแห่งธรรมทั้งหลาย เพราะ
เป็นไปแห่งเหตุ และความดับแห่งธรรมเหล่านั้น เพราะดับแห่งเหตุ พระศาสดาตรัสอย่างนี้" ฯ
๓. ๓.๑ ปัญหาว่า "พระขีณาสพตายแล้วเป็นอะไร" ใครเป็นผู้ถาม ? ใครเป็นผู้ตอบ ?
และตอบว่าอย่างไร ?
๓.๒ ข้อความว่า "ท่านควรสำเหนียกใจอย่างนี้ว่า เราจักไม่พูดคำอันเป็นเหตุ เถียงกัน ถือผิดต่อกัน" ใครพูดกับใคร ? ที่ไหน ?
๓. ๓.๑ พระสารีบุตรเป็นผู้ถาม พระยมกะเป็นผู้ตอบ และตอบว่า รูป เวทนา สัญญา
สังขาร วิญญาณ ที่ไม่เที่ยง ดับไปแล้ว ฯ
๓.๒ พระผู้มีพระภาคเจ้าตรัสแก่พระโมคคัลลานะ ที่บ้านกัลลวาลมุตตคาม แขวงมคธ ฯ
๔. ๔.๑ พระมหากัสสปะได้รับการอุปสมบทด้วยวิธีใด ?
๔.๒ พระมหากัสสปะโดยปกติถือธุดงค์อะไรบ้าง ?
๔. ๔.๑ ด้วยวิธีรับพุทธโอวาท ๓ ข้อ ฯ
๔.๒ ถือธุดงค์ ๓ อย่าง คือ
๑) ทรงผ้าบังสุกุลจีวรเป็นวัตร
๒) ถือเที่ยวบิณฑบาตเป็นวัตร
๓) ถือการอยู่ป่าเป็นวัตร ฯ
๕. ๕.๑ พระสาวกผู้ได้รับการอุปสมบทด้วยญัตติจตุตถกรรมวาจาเป็นองค์แรกคือใคร ?
๕.๒ ท่านได้รับยกย่องจากพระศาสดาว่าเลิศกว่าภิกษุทั้งหลาย อย่างไร ?
๕. ๕.๑ พระราธะ ฯ
๕.๒ ได้รับยกย่องว่า เลิศกว่าภิกษุทั้งหลายผู้มีปฏิภาณ คือญาณแจ่มแจ้ง
ในธรรมเทศนา ฯ
๖. ๖.๑ ราหุลกุมาร ได้บรรพชาเป็นสามเณรเพราะเหตุใด ?
๖.๒ พระราหุล ได้รับยกย่องว่าเลิศในทางใด ?
๖. ๖.๑ เพราะพระมารดาให้ไปขอราชสมบัติกับพระพุทธองค์ ซึ่งเป็นพระราชบิดา ดังนั้น
พระองค์จึงทรงประทานทรัพย์อันเป็นโลกุตตระ โดยมอบหมายให้พระสารีบุตร
เป็นพระอุปัชฌาย์ บรรพชาให้ราหุลกุมาร ด้วยการรับสรณคมน์ ๓ ฯ
๖.๒ ได้รับยกย่องว่าเลิศกว่าภิกษุทั้งหลายผู้ใคร่ศึกษาพระธรรมวินัย ฯ
๗. ๗.๑ พระนางปชาบดี โคตมี ยินดีรับครุธรรม ๘ ข้อมาปฏิบัติ อุปมาเหมือนอะไร ?
๗.๒ พระเถรีผู้มีชื่อต่อไปนี้ได้รับเอตทัคคะในทางไหน ?
ก) กิสาโคตมีเถรี
ข) กุณฑลเกสีเถรี
ค) ภัททกาปิลานีเถรี
ง) ภัททากัจจานาเถรี
จ) โสณาเถรี
๗. ๗.๑ เปรียบเหมือนหญิงหรือชายที่ยังรุ่นสาวรุ่นหนุ่ม กำลังรักแต่งกาย อาบน้ำ
สระเกล้าแล้วได้พวงดอกอุบล พวงมะลิ หรือพวงลำดวนแล้ว จะพึงรับด้วยมือ
ทั้ง ๒ แล้วตั้งไว้บนศีรษะด้วยความยินดีฉันนั้น ฯ
๗.๒ ก) ในทางทรงไว้ซึ่งจีวรอันเศร้าหมอง
ข) ในทางขิปปาภิญญา หรือ ตรัสรู้เร็ว
ค) ในทางระลึกได้ซึ่งปุพเพนิวาส
ง) ในทางถึงซึ่งอภิญญาอันใหญ่แล้ว
จ) ในทางมีความเพียรปรารภแล้ว ฯ
ศาสนพิธี
๘. ๘.๑ การศึกษาให้เข้าใจในศาสนพิธี มีประโยชน์อย่างไร ?
๘.๒ ในพิธีทำบุญตักบาตรเทโวโรหณะ พระพุทธรูปที่จะประดิษฐานบนรถทรงหรือ
คานหาม นิยมพระพุทธรูปปางอะไร ?
๘. ๘.๑ ก) ทำให้เข้าใจเรื่องของศาสนพิธีได้โดยถูกต้อง
ข) ให้เห็นเป็นเรื่องสำคัญ ไม่ไร้สาระ
ค) ทำให้ปฏิบัติได้ถูกต้อง ไม่ผิดเพี้ยนจากขนบธรรมเนียมประเพณี ฯ
๘.๒ นิยมพระพุทธรูปปางอุ้มบาตร ถ้าไม่มีจะเป็นพระพุทธรูปปางอะไรก็ได้ ฯ
๙. ๙.๑ งานทำบุญต่อนามคืองานทำบุญเช่นไร ?
๙.๒ จงเขียนคำบังสุกุลเป็น มาดู
๙. ๙.๑ คืองานทำบุญที่คณะญาติของผู้กำลังป่วยหนักจัดขึ้น เพื่อให้ผู้ป่วยหายป่วย
และเพื่อให้ผู้ป่วยได้มีโอกาสบำเพ็ญกุศลในบั้นปลายแห่งชีวิตของตน ฯ
๙.๒ อจิรํ วตยํ กาโย ปฐวึ อธิเสสฺสติ
ฉุฑฺโฑ อเปตวิญฺญาโณ นิรตฺถํว กลิงฺครํ ฯ
๑๐. ๑๐.๑ ผ้าวัสสิกสาฎก ใครเป็นผู้ถวายคนแรก ?
๑๐.๒ การถวายผ้าวัสสิกสาฎกนั้น มีมูลเหตุมาจากอะไร ?
๑๐. ๑๐.๑ นางวิสาขา มหาอุบาสิกา ฯ
๑๐.๒ มีมูลเหตุมาจากเดิมยังไม่มีพุทธานุญาตให้ภิกษุมีผ้าอาบน้ำฝน ภิกษุทั้งหลาย
จึงเปลือยกายอาบน้ำ นางวิสาขา มหาอุบาสิกา ทราบเรื่องนั้นแล้ว เห็นว่า
ไม่สมควรแก่เพศสมณะจึงทูลขอพระพุทธานุญาต เพื่อถวายผ้าอาบน้ำฝน
แก่ภิกษุทั้งหลาย ฯ
วิชาอนุพุทธประวัติ นักธรรมชั้นโท 2546
วิชาอนุพุทธประวัติ นักธรรมชั้นโท 2546
ปัญหาและเฉลยวิชาอนุพุทธประวัติ นักธรรมชั้นโท
สอบในสนามหลวง
พ.ศ. ๒๕๔๖
๑.
๑.๑
อนุพุทธองค์แรกสำเร็จเป็นพระภิกษุด้วยพระพุทธดำรัสว่าอย่างไร ?
๑.๒
อนุพุทธองค์นั้นได้เป็นพระโสดาบันและได้เป็นพระอรหันต์ เพราะได้ฟังพระธรรมเทศนาอะไร ?
๑.
๑.๑
ด้วยพระพุทธดำรัสว่า “ ท่านจงเป็นภิกษุมาเถิด ธรรมอันเรากล่าวดีแล้ว ท่านจงประพฤติพรหมจรรย์ เพื่อทำที่สุดทุกข์โดยชอบเถิด ” ฯ
๑.๒
ได้เป็นพระโสดาบัน เพราะได้ฟังธัมมจักกัปปวัตตนสูตร และได้เป็น
พระอรหันต์ เพราะได้ฟังอนัตตลักขณสูตร ฯ
๒.
๒.๑
อนุปุพพีกถา คืออะไร ? ทรงยกขึ้นแสดงด้วยพระพุทธประสงค์อย่างไร ?
๒.๒
พระสาวกผู้ได้ฟัง อนุปุพพีกถา ครั้งแรกคือใคร ? ณ ที่ไหน ?
๒.
๒.๑
คือ ถ้อยคำที่กล่าวโดยลำดับ ฯ ด้วยพระพุทธประสงค์เพื่อฟอกจิตกุลบุตรให้ห่างไกลจากความยินดีในกาม ควรรับพระธรรมเทศนาให้เกิดธรรมจักษุ เหมือนผ้าที่ปราศจากมลทิน ควรรับน้ำย้อมได้ ฉะนั้น ฯ
๒.๒
คือ ยสกุลบุตร ฯ ณ ป่าอิสิปตนมฤคทายวัน ฯ
๓.
๓.๑
ชฎิล ๓ พี่น้อง ชื่ออะไรบ้าง ? ใครได้รับยกย่องว่าเป็นผู้มีบริวารมาก ?
๓.๒
ท่านเหล่านั้นพร้อมบริวารได้บรรลุอรหัต เพราะฟังพระธรรมเทศนาอะไร ?
ใจความย่อว่าอย่างไร ?
๓.
๓.๑
ชื่อ อุรุเวลกัสสปะ นทีกัสสปะ และคยากัสสปะ ฯ อุรุเวลกัสสปะ ฯ
๓.๒
เพราะฟังอาทิตตปริยายสูตร ฯ
ใจความย่อว่า อายตนะภายใน อายตนะภายนอก วิญญาณ สัมผัส และเวทนาที่เกิดแต่สัมผัส เป็นของร้อน ร้อนเพราะไฟคือความกำหนัด ความโกรธ ความหลง และร้อนเพราะความเกิด ความแก่ ความตาย ความโศกร่ำไรรำพัน เจ็บกาย เสียใจ คับใจ ฯ
๔.
จงตอบคำถามเกี่ยวกับพระอนุรุทธเถระ ดังต่อไปนี้
๔.๑
ก) ท่านเป็นโอรสของใคร ?
ข) เกี่ยวเนื่องกับพระบรมศาสดาอย่างไร ?
๔.๒
ก) ท่านออกบวชพร้อมกับใครบ้าง ?
ข) ได้รับยกย่องจากพระบรมศาสดาอย่างไร ?
๔.
๔.๑
ก) ของพระเจ้าศากยะพระนามว่า อมิโตทนะ พระมารดาไม่ปรากฏ
พระนาม ฯ
ข) เป็นพระโอรสของพระเจ้าอาของพระบรมศาสดา จึงนับเป็นพระอนุชา
ของพระบรมศาสดา ฯ
๔.๒
ก) พร้อมกับพระอุบาลี พระภัททิยะ พระภคุ พระกิมพิละ พระอานนท์
และพระเทวทัต ฯ
ข) เป็นผู้เลิศในทางมีจักษุทิพย์ ฯ
๕.
๕.๑
พระสารีบุตรได้บรรลุอรหัตผลช้ากว่าบริวาร เพราะเหตุไร ?
๕.๒
พระโมคคัลลานะ นิพพานที่ไหน ? อัฐิธาตุของท่านบรรจุไว้ที่ไหน ?
๕.
๕.๑
เพราะท่านเป็นผู้มีปัญญามาก ต้องใช้บริกรรมใหญ่ ซึ่งเปรียบด้วยการเสด็จไปข้างไหน ๆ แห่งพระราชา ต้องตระเตรียมราชพาหนะและราชบริพารที่จำเป็น จึงช้ากว่าการไปของคนสามัญ ฯ
๕.๒
นิพพานที่ตำบลกาฬสิลา แขวงมคธ ฯ อัฐิธาตุของท่านบรรจุไว้ที่เจดีย์
ใกล้ซุ้มประตูแห่งเวฬุวนาราม ฯ
๖.
การศึกษาเป็นการพัฒนาชีวิตและสังคมให้ก้าวหน้าและก้าวไกล จึงอยากทราบว่า
๖.๑
พระเถระองค์ใด ได้รับการยกย่องว่า เป็นผู้ใฝ่ใจในการศึกษา ?
๖.๒
ท่านได้รับการยกย่องเช่นนั้น เพราะมีปฏิปทาอย่างไร ?
๖.
๖.๑
พระราหุลเถระ ฯ
๖.๒
มีปฏิปทาอย่างนี้คือ ท่านตื่นขึ้นแต่เช้าแล้วกอบเอาทรายมาเต็มกำมือแล้วปรารถนาว่า ขอให้เราได้รับโอวาทคำสั่งสอนแต่สำนักพระทศพลและพระอุปัชฌาย์อาจารย์เท่าเม็ดทรายในกำมือเถิด แล้วตั้งใจศึกษา ตั้งใจปฏิบัติอย่างจริงจัง ด้วยปฏิปทาเช่นนี้แล จึงได้รับการยกย่องว่าเป็นผู้ใฝ่ใจในการศึกษา ฯ
๗.
๗.๑
พระอานนท์ได้บรรลุโสดาปัตติผลเพราะได้ฟังโอวาทจากใคร ? และได้บรรลุอรหัตผลเมื่อไร ?
๗.๒
ท่านบรรลุอรหัตผลและนิพพาน ต่างจากพระสาวกองค์อื่นอย่างไร ?
๗.
๗.๑
จากพระปุณณมันตานีบุตร ฯ
บรรลุอรหัตผลก่อนวันรุ่งขึ้นจะทำปฐมสังคายนา ฯ
๗.๒
การบรรลุอรหัตผลของท่านไม่ปรากฏว่าได้ในขณะยืน หรือเดิน หรือนั่ง หรือนอน ปรากฏว่าท่านได้ในระหว่างอิริยาบถ ๔ ท่านนิพพานบนอากาศ กลางแม่น้ำโรหิณีแล้วอธิษฐานให้สรีระของท่านแยกเป็น ๒ ภาค ให้ตกลงที่ฝั่งแม่น้ำฝั่งละภาค ฯ
ศาสนพิธี
๘.
๘.๑
ศาสนพิธีเล่ม ๒ แสดงอุโบสถกรรมไว้กี่ประเภท ? อะไรบ้าง ?
๘.๒
แต่ละประเภทต่างกันอย่างไร ?
๘.
๘.๑
แสดงไว้ ๓ ประเภทคือ สังฆอุโบสถ ๑ ปาริสุทธิอุโบสถ ๑ อธิษฐานอุโบสถ ๑ ฯ
๘.๒
มีความแตกต่างกันดังนี้
๑) สังฆอุโบสถ คือ อุโบสถกรรมที่พระภิกษุตั้งแต่ ๔ รูปขึ้นไป
ประชุมสวดพระปาฏิโมกข์
๒) ปาริสุทธิอุโบสถ คือ อุโบสถกรรมที่พระภิกษุน้อยกว่า ๔ รูป
มีเพียง ๓ รูป หรือ ๒ รูป ร่วมกันทำเป็นการคณะ ให้แต่ละรูป
บอกความบริสุทธิ์ของตน ๆ
๓) อธิษฐานอุโบสถ คือ อุโบสถกรรมที่พระภิกษุรูปเดียวทำเป็นการ
บุคคล ด้วยการอธิษฐานความบริสุทธิ์ใจของตนเอง ฯ
๙.
จงให้ความหมายของคำต่อไปนี้
๙.๑
การเข้าพรรษา
๙.๒
การออกพรรษา
๙.
๙.๑
การเข้าพรรษา หมายถึง การที่ภิกษุผูกใจว่า จะอยู่ประจำเสนาสนะในวัดใดวัดหนึ่งตลอดเวลา ๓ เดือนในฤดูฝน ไม่ไปค้างแรมให้ล่วงราตรีในที่แห่งอื่น ระหว่างผูกใจนั้น เว้นแต่ไปด้วยสัตตาหกรณียะ ฯ
๙.๒
การออกพรรษา หมายถึง กาลที่สิ้นสุดกำหนดอยู่จำพรรษาของภิกษุตามพระวินัยบัญญัติ มีพิธีเป็นสังฆกรรมพิเศษโดยเฉพาะ เรียกโดยภาษาพระวินัยว่า ปวารณากรรม คือการทำปวารณาของสงฆ์ผู้อยู่ร่วมกันตลอดเวลา ๓ เดือน ฯ
๑๐.
๑๐.๑
สามีจิกรรม หมายถึงอะไร ? มีเท่าไร ? อะไรบ้าง ?
๑๐.๒
การเทศน์ในปัจจุบันนิยมทำกันกี่ลักษณะ ? อะไรบ้าง ?
๑๐.
๑๐.๑
หมายถึง การขอขมาโทษกันให้อภัยกัน ทุกโอกาสไม่ว่าจะมีโทษขัดข้องหมองใจกันหรือไม่ก็ตาม ถึงโอกาสที่ควรทำสามีจิกรรมกันแล้ว ทุกรูป
ไม่พึงละโอกาสเสีย ฯ มี ๒ แบบ คือ
๑) แบบขอขมาโทษ
๒) แบบถวายสักการะ ฯ
๑๐.๒
นิยมทำกัน ๔ ลักษณะ คือ
๑) เทศน์ในงานทำบุญ
๒) เทศน์ตามกาลนิยม
๓) เทศน์พิเศษ
๔) เทศน์มหาชาติ ฯ
วิชาอนุพุทธประวัติ นักธรรมชั้นโท 2547
วิชาอนุพุทธประวัติ นักธรรมชั้นโท 2547
ปัญหาและเฉลยวิชาอนุพุทธประวัติ นักธรรมชั้นโท
สอบในสนามหลวง
พ.ศ. ๒๕๔๗
๑. อนุพุทธบุคคล คือใคร ? เป็นได้เฉพาะบรรพชิตหรือเฉพาะคฤหัสถ์ ?
๑. คือ สาวกของพระพุทธเจ้า ที่ท่านได้ตรัสรู้มรรคผลตามพระพุทธเจ้า ฯ
เป็นได้ทั้งบรรพชิตและคฤหัสถ์ ฯ
๒. พระวาจาว่า ท่านจงเป็นภิกษุมาเถิด ธรรมอันเรากล่าวดีแล้ว ท่านจงประพฤติ
พรหมจรรย์ เพื่อทำที่สุดทุกข์โดยชอบเถิด ดังนี้ คำว่า ที่สุดทุกข์ คืออะไร ? ผู้ทำ
ที่สุดทุกข์ได้ก่อนกว่าผู้อื่นคือใคร ? ด้วยพระธรรมเทศนาอะไร ?
๒. คือ พระอรหัตผล ฯ
คือ พระภิกษุปัญจวัคคีย์ ฯ
ด้วยพระธรรมเทศนาชื่อว่า อนัตตลักขณสูตร ฯ
๓. พระพุทธเจ้าทรงทำอิทธาภิสังขารแก่ใครเป็นครั้งแรก ? ทรงทำเช่นนั้นด้วยพระพุทธ
ประสงค์อย่างไร ?
๓. ทรงทำแก่ ยสกุลบุตรและบิดาของยสกุลบุตรเป็นครั้งแรก ฯ
ด้วยพระพุทธประสงค์เพื่อให้ยสกุลบุตรพิจารณาภูมิธรรมอันตนได้เห็นแล้ว จนถึง
ได้บรรลุพระอรหัต และให้บิดาได้ฟังธรรมแล้วบรรลุพระโสดาปัตติผล ฯ
๔. ในคราวที่เสด็จไปโปรดพระเจ้าพิมพิสาร ณ ลัฏฐิวัน มีพระสาวกตามเสด็จไปเป็น
จำนวนมาก ผู้ที่เป็นหัวหน้าของพระสาวกเหล่านั้นคือใคร ? และท่านมีส่วนสำคัญ
ในการประกาศพระศาสนาในครั้งนั้นอย่างไร ?
๔. คือ พระอุรุเวลกัสสปะ ฯ
ท่านเป็นที่เคารพนับถือของมหาชน ได้ประกาศความไม่มีแก่นสารแห่งลัทธิเก่าของตน
และความที่ตนเป็นสาวกของพระพุทธองค์ ทำให้พระเจ้าพิมพิสารพร้อมด้วยบริวาร
๑๒ ส่วน น้อมจิตลงสดับพระธรรมเทศนาเรื่องอนุปุพพีกถาและอริยสัจ ๔ พระเจ้า
พิมพิสารพร้อมด้วยบริวาร ๑๑ ส่วน ได้ดวงตาเห็นธรรม อีก ๑ ส่วน ตั้งอยู่
ในไตรสรณคมน์ ฯ
๕. เมื่อครั้งพระพุทธเจ้าประทับอยู่ที่เมืองเทวทหะ รับสั่งกับพระภิกษุผู้เข้าเฝ้าเพื่อทูลลาไป
ปัจฉาภูมิชนบท ให้ไปลาพระเถระรูปใด ? และทรงยกย่องพระเถระรูปนั้นว่าอย่างไร ?
๕. รับสั่งให้ไปลาพระสารีบุตรเถระ ฯ
ทรงยกย่องท่านว่า เป็นผู้มีปัญญา อนุเคราะห์เพื่อนบรรพชิต ฯ
๖. พระมหากัสสปะออกบวชเพราะมีความเห็นอย่างไร ? ท่านได้รับยกย่องว่าเลิศใน
ทางไหน ?
๖. เพราะมีความเห็นว่า ผู้อยู่ครองเรือนต้องคอยนั่งรับบาปเพราะการงานที่ผู้อื่นทำไม่ดี
และเห็นว่าฆราวาสคับแคบ เป็นทางมาแห่งกิเลสธุลี จึงมีใจเบื่อหน่ายสละสมบัติ
ออกบวชอุทิศพระอรหันต์ในโลก ฯ
ได้รับยกย่องว่า เป็นเลิศแห่งภิกษุผู้ทรงธุดงค์ ฯ
๗. บุคคลประเภทที่ว่า ธัมมัปปมาณิกา ผู้ถือธรรมเป็นประมาณ มีอธิบายอย่างไร ?
ในข้อนี้มีตัวอย่างแสดงไว้อย่างไร ?
๗. มีอธิบายว่า บุคคลประเภทนี้ถือธรรมเป็นสำคัญ ชอบใจเฉพาะข้อปฏิบัติ เห็นผู้ที่
ตั้งอยู่ในสังวรมีมรรยาทเรียบร้อย และได้ฟังธรรมอันท่านแสดงมุ่งกล่าวเฉพาะ
ข้อปฏิบัติ ย่อมเลื่อมใส ฯ
ตัวอย่างเช่นพระสารีบุตรได้เห็นพระอัสสชิ และได้ฟังธรรมของท่านแล้ว จึงเกิดความ
เลื่อมใส ฯ
ศาสนพิธี
๘. การทำวัตร และการสวดมนต์ ต่างกันอย่างไร ?
๘. การทำวัตร คือ การทำกิจวัตรที่ต้องทำประจำ วันละ ๒ เวลา คือ เช้า-เย็น จนเป็น
วัตรปฏิบัติ มีการสวดบูชาพระรัตนตรัย และสวดพิจารณาปัจจัยที่บริโภคเป็นต้น
ส่วนการสวดมนต์คือ การสวดพระพุทธมนต์ต่างๆ นอกเหนือจากบทสวดทำวัตร
ที่เป็นส่วนพระสูตรก็มี ที่เป็นส่วนพระปริตรก็มี ที่เป็นส่วนเฉพาะคาถาอันนิยม
กำหนดให้นำมาสวดประกอบในการสวดมนต์เป็นประจำก็มี ฯ
๙. คำต่อไปนี้หมายถึงอะไร ?
ก. เทศน์มหาชาติ
ข. ทำบุญอัฐิ
ค. สามัญอนุโมทนา
ง. วิเสสอนุโมทนา
จ. สลากภัต
๙. ก. หมายถึง เทศนาเรื่องพระเวสสันดรชาดก
ข. หมายถึง ทำบุญหลังจากการปลงศพปรารภผู้ล่วงลับแล้ว
ค. หมายถึง การอนุโมทนาที่นิยมใช้ปฏิบัติกันทั่วไปเป็นปกติ
ง. หมายถึง การอนุโมทนาด้วยบทสวดสำหรับอนุโมทนาเป็นพิเศษ
เฉพาะทาน เฉพาะกาล เฉพาะเรื่อง
จ. หมายถึง ภัตตาหารที่ทายก ทายิกาถวายตามสลาก ฯ
๑๐. ประเพณีการเทศน์แจงและการสวดแจงอาศัยเค้ามูลมาจากเรื่องอะไร ? นิยมเทศน์
ในงานอะไร ?
๑๐. อาศัยเค้ามูลมาจากเรื่องการทำปฐมสังคายนา ซึ่งเป็นการรวบรวมพระธรรมวินัย จัดไว้
เป็นหมวดหมู่ เรียกว่า พระไตรปิฎก ดังนั้นการเทศน์แจงจึงเป็นการแสดงธรรม
แจกแจงวัตถุและหัวข้อในพระไตรปิฎก ในการทำปฐมสังคายนา มีการกสงฆ์จำนวน
๕๐๐ รูป การสวดแจงจึงนิยมนิมนต์พระสงฆ์ ๕๐๐ รูป ให้เท่าจำนวนการกสงฆ์
ในครั้งนั้น ฯ
นิยมเทศน์ในงานฌาปนกิจศพ ฯ
วิชาอนุพุทธประวัติ นักธรรมชั้นโท 2548
วิชาอนุพุทธประวัติ นักธรรมชั้นโท 2548
ปัญหาและเฉลยวิชาอนุพุทธประวัติ นักธรรมชั้นโท
สอบในสนามหลวง
วันอาทิตย์ ที่ ๒๐ พฤศจิกายน พ.ศ. ๒๕๔๘
๑. ประวัติอนุพุทธบุคคลมีความสำคัญต่อผู้ศึกษาอย่างไร ?
๑. ทำให้ผู้ศึกษาได้รับความรู้ในจริยาวัตรและคุณความดีที่ท่านได้บำเพ็ญมา ตลอด
จนถึงผลงานในการช่วยเผยแผ่พระพุทธศาสนาอันทำให้เจริญสืบมาถึงทุกวันนี้
นำให้เกิดความเลื่อมใสและความนับถือ เป็นทิฏฐานุคติอันดี สามารถน้อมนำมา
ปฏิบัติตามได้ ฯ
๒. คำที่มีอยู่ในธัมมจักกัปปวัตตนสูตรต่อไปนี้ ได้แก่อะไร ?
ก. ส่วนสุด ๒ อย่าง
ข. มัชฌิมาปฏิปทา
๒. ก. ส่วนสุด ๒ อย่าง คือ
๑. กามสุขัลลิกานุโยค ความหมกมุ่นอยู่ในกาม
๒. อัตตกิลมถานุโยค ความทำตนให้ลำบาก
ข. มัชฌิมาปฏิปทา ได้แก่ข้อปฏิบัติสายกลาง คือ มรรคมีองค์ ๘ ฯ
๓. ความเป็นผู้สำรวมกิริยาอาการให้เรียบร้อยดีงามสมความเป็นสมณะ เป็นการ
เผยแผ่พระพุทธศาสนาได้ทางหนึ่ง ในข้อนี้มีปฏิปทาของพระสาวกองค์ใดเป็น
ตัวอย่าง ? จงเล่าประวัติโดยสังเขปมาประกอบ
๓. พระอรหันตสาวกทุกรูปล้วนเป็นผู้สำรวมกิริยาอาการเรียบร้อยดีงามทั้งสิ้น แต่ที่
ได้รับยกย่องเป็นพิเศษคือพระอัสสชิเถระ ท่านมีกิริยาอาการที่น่าเลื่อมใส เป็นเหตุ
ให้อุปติสสะปริพาชกเห็นแล้วเกิดศรัทธา เข้าไปหา ขอฟังธรรมจนได้บรรลุ
โสดาปัตติผล ภายหลังยังชักชวนสหายของตนเข้ามาบวชในพระธรรมวินัย ได้เป็น
กำลังสำคัญช่วยพระศาสดาเผยแผ่พระพุทธศาสนาให้เจริญรุ่งเรืองกว้างขวาง
และมั่นคงอย่างรวดเร็ว ฯ
๔. พระสาวกผู้ได้รับการยกย่องว่าเป็นผู้มีบริวารมาก คือใคร ? เพราะท่านมีคุณธรรม อะไร ?
๔. คือ พระอุรุเวลกัสสปะ ฯ เพราะท่านรู้จักสงเคราะห์บริวารด้วยอามิสบ้าง ด้วยธรรม
บ้าง จึงเป็นที่รักใคร่นับถือ สามารถยึดเหนี่ยวน้ำใจบริวารไว้ได้ ฯ
๕. ธรรมเสนาบดี และ นวกัมมาธิฏฐายี เป็นนามของพระสาวกองค์ใด ? เพราะเหตุไร
จึงมีนามเช่นนั้น ?
๕. ธรรมเสนาบดี เป็นนามของพระสารีบุตรเถระ เพราะท่านเป็นกำลังสำคัญยิ่งในการ
ประกาศพระพุทธศาสนา ฯ นวกัมมาธิฏฐายี เป็นนามของพระโมคคัลลานเถระ
เพราะท่านเป็นผู้สามารถกำกับดูแลการก่อสร้าง ฯ
๖. พระศาสดาทรงประทานพระโอวาทเป็นการให้อุปสมบทแก่พระมหากัสสปะไว้
กี่ข้อ ? อะไรบ้าง ?
๖. ๓ ข้อ คือ
๑. เราจักเข้าไปตั้งความละอายและความยำเกรงอย่างแรงกล้าไว้ในภิกษุ
ทั้งที่เป็นเถระ ปานกลาง และผู้ใหม่
๒. เราจักเงี่ยหูลงฟังธรรม อันประกอบด้วยกุศล และพิจารณาเนื้อความ
แห่งธรรมนั้น
๓. เราจักไม่ละสติที่ไปในกาย ฯ
๗. พระมหากัจจายนะ นิพพานก่อนหรือหลังพระพุทธเจ้า ? มีอะไรเป็นข้ออ้าง ?
๗. พระมหากัจจายนะ นิพพานหลังพระพุทธเจ้า มีมธุรสูตรเป็นข้ออ้าง โดยมีใจความ
ตอนหนึ่งในพระสูตรนั้นว่า พระเจ้ามธุรราชตรัสถามว่า เดี๋ยวนี้ พระผู้มีพระภาคเจ้า
นั้นเสด็จอยู่ ณ ที่ไหน พระมหากัจจายนะทูลว่า พระผู้มีพระภาคเจ้าปรินิพพานแล้ว ฯ
ศาสนพิธี
๘. วันธรรมสวนะ คือวันอะไร ? ทรงอนุญาตให้มีในวันใดบ้าง ?
๘. คือ วันกำหนดประชุมฟังธรรม หรือที่เรียกว่า “วันพระ” ฯ ในวัน ๘ ค่ำ และ
วัน ๑๔ ค่ำ หรือ ๑๕ ค่ำของปักษ์ทั้งข้างขึ้นและข้างแรม ฯ
๙. ผ้าป่าคือผ้าอะไร ? คำพิจารณาผ้าป่าว่าอย่างไร ?
๙. คือ ผ้าบังสุกุลจีวร ได้แก่ผ้าเปื้อนฝุ่นที่ไม่มีเจ้าของหวงแหน ทิ้งอยู่ตามป่าดงบ้าง
ตามป่าช้าบ้าง ตามถนนหนทางและห้อยอยู่ตามกิ่งไม้บ้าง ที่สุดจนกระทั่งที่เขา
อุทิศไว้แทบเท้า รวมเรียกว่า “ผ้าป่า” ฯ
คำพิจารณาผ้าป่าว่า อิมํ ปํสุกูลจีวรํ อสฺสามิกํ มยฺหํ ปาปุณาติ หรือว่า
อิมํ วตฺถํ อสฺสามิกํ ปํสุกูลจีวรํ มยฺหํ ปาปุณาติ ฯ
๑๐. จงให้ความหมายของคำต่อไปนี้ ?
ก. ปาฏิปุคคลิกทาน
ข. เภสัชทาน
ค. สลากภัตต์
ง. ผ้าวัสสิกสาฎก
จ. ผ้าอัจเจกจีวร
๑๐. ก. คือทานที่ถวายเจาะจงเฉพาะรูปนั้นรูปนี้
ข. คือการถวายเภสัช ๕ ได้แก่ เนยใส เนยข้น น้ำมัน น้ำผึ้ง น้ำอ้อย
ค. คือภัตตาหารที่ทายกทายิกาถวายตามสลาก
ง. คือผ้าที่อธิษฐานสำหรับใช้นุ่งในเวลาอาบน้ำฝน หรืออาบน้ำทั่วไป
จ. คือผ้าจำนำพรรษาที่ทายกรีบด่วนถวายก่อนกำหนดกาล ฯ
วิชาอนุพุทธประวัติ นักธรรมชั้นโท 2549
วิชาอนุพุทธประวัติ นักธรรมชั้นโท 2549
ปัญหาและเฉลยวิชาอนุพุทธประวัติ นักธรรมชั้นโท
สอบในสนามหลวง
วันเสาร์ ที่ ๑๖ ธันวาคม พ.ศ. ๒๕๔๙
๑. อนุพุทธบุคคล คือใคร ? ท่านเหล่านั้นมีความสำคัญต่อพระศาสดา
อย่างไร ?
๑. คือ สาวกผู้ตรัสรู้ตามพระพุทธเจ้า ฯ
มีความสำคัญอย่างนี้ แม้พระศาสดาได้ตรัสรู้และทรงแสดงธรรม แต่เมื่อ
ขาดผู้รู้ธรรมและรับปฏิบัติ ความตรัสรู้ของพระองค์ก็ไม่สำเร็จประโยชน์ ฯ
๒. พระอัญญาโกณฑัญญะ ใคร่ครวญดูตามประวัติ ความเชื่อถือของท่าน
หนักไปทางไหน ในตำราทายลักษณะหรือในอัตตกิลมถานุโยคปฏิบัติ ?
ขอฟังเหตุผล
๒. เห็นว่าหนักไปในอัตตกิลมถานุโยคปฏิบัติ เหตุผลคือ เดิมท่านเชื่อตำรา
แน่ใจ จึงบวชตามและเฝ้าอุปัฏฐาก ครั้นเห็นทรงเลิกทุกรกิริยา ก็สิ้นหวัง
นี่ก็เพราะเชื่อมั่นในอัตตกิลมถานุโยคปฏิบัติว่า เลิกเสียเป็นอันไม่สำเร็จ
เมื่อพระองค์ตรัสบอกว่า สำเร็จแล้ว ก็คัดค้านไม่เชื่อถือ อาการที่คัดค้าน
และพูดถ้อยคำที่แสดงอคารวะนั้น เป็นเครื่องยืนยันความเห็นดังกล่าว ฯ
๓. พระยสะมีมารดาบิดาตั้งภูมิลำเนาอยู่ที่ไหน ? ออกบวชเพราะเหตุไร ?
๓. อยู่ที่เมืองพาราณสี ใกล้ป่าอิสิปตนมฤคทายวัน ฯ
เพราะมีความเบื่อหน่ายในการครองฆราวาส เนื่องจากได้เห็นอาการของ
พวกชนบริวารอันวิปริตไปโดยอาการต่างๆ ไม่เป็นที่ตั้งแห่งการยังจิตให้
เพลิดเพลิน จึงได้เดินออกจากเรือนไปพบพระพุทธองค์ได้ฟังพระธรรมเทศนา
จนบรรลุเป็นพระอรหันต์ จึงได้ออกบวช ฯ
๔. ความเป็นผู้มีบริวารมาก เป็นผลมาจากอะไร ? และดีอย่างไร ?
พระสาวกองค์ใดได้รับการยกย่องว่าเลิศในทางนี้ ?
๔. เป็นผลมาจากความรู้จักเอาใจบริษัท รู้จักสงเคราะห์ด้วยอามิสบ้าง
ด้วยธรรมบ้าง ฯ
ดีอย่างนี้คือ ภิกษุผู้ประกอบด้วยคุณสมบัติเห็นปานนี้ ย่อมเป็นผู้อัน
บริษัทรักใคร่นับถือ สามารถควบคุมบริษัทไว้อยู่ เป็นผู้อันจะพึงปรารถนา
ในสาวกมณฑล ฯ
พระอุรุเวลกัสสปะ ฯ
๕. เมื่อเอ่ยถึง พระสารีบุตร ทำให้นึกถึงพระสาวกอีกองค์หนึ่ง คือใคร ?
ท่านได้บรรลุพระอรหัตและนิพพานที่ไหน ? ก่อนหรือหลังพระสารีบุตร
กี่วัน ?
๕. คือพระโมคคัลลานะ ฯ
ท่านได้บรรลุพระอรหัตที่บ้านกัลลวาลมุตตคาม แขวงมคธ ก่อนพระ
สารีบุตร ๘ วัน และนิพพานที่ตำบลกาฬศิลา แขวงมคธ หลังพระสารีบุตร
๑๕ วัน ฯ
๖. พระสาวกผู้ปรารภเหตุว่า “ผู้อยู่ครองเรือนต้องคอยนั่งรับบาป เพราะ
การงานที่ผู้อื่นทำไม่ดี” แล้วมีใจเบื่อหน่ายสละทรัพย์สมบัติออกบวช
คือใคร ? ท่านได้รับยกย่องจากพระศาสดาว่า เป็นผู้เลิศในทางไหน ?
เพราะเหตุใด ?
๖. คือ พระมหากัสสปะ ฯ
ท่านได้รับยกย่องจากพระศาสดาว่า เป็นผู้เลิศในทางถือธุดงค์ เพราะ
ท่านถือธุดงค์ ๓ อย่างเป็นประจำ คือ ทรงผ้าบังสุกุลจีวรเป็นวัตร ๑
เที่ยวบิณฑบาตเป็นวัตร ๑ อยู่ป่าเป็นวัตร ๑ ฯ
๗. พระสาวก ผู้อธิบายภัทเทกรัตตสูตรที่ทรงแสดงโดยย่อให้พิสดาร คือ
ใคร ? ท่านได้รับการสรรเสริญจากพระศาสดาว่าอย่างไร ?
๗. คือ พระมหากัจจายนะ ฯ
ท่านได้รับสรรเสริญจากพระศาสดาว่า เป็นผู้ฉลาดในการอธิบายคำที่ย่อ
ให้พิสดาร ฯ
ศาสนพิธี
๘. ศาสนพิธี คืออะไร ? การศึกษาศาสนพิธีให้เข้าใจ มีประโยชน์อย่างไร ?
๘. คือ พิธีทางศาสนา ฯ
มีประโยชน์คือ
๑. ทำให้เข้าใจเรื่องของศาสนพิธีได้โดยถูกต้อง
๒. ให้เห็นเป็นเรื่องสำคัญไม่ไร้สาระ
๓. ทำให้ปฏิบัติได้ถูกต้อง ไม่ผิดเพี้ยนจากขนบธรรมเนียมประเพณี ฯ
๙. การทำวัตร คืออะไร ? ทำวัตรสวดมนต์ เพื่อความมุ่งหมายใด ?
๙. คือ การทำกิจวัตรของภิกษุสามเณรและอุบาสกอุบาสิกา เป็นการทำกิจ ที่ต้องทำประจำจนเป็นวัตร-ปฏิบัติ เรียกสั้นๆ ว่า ทำวัตร ฯ
ความมุ่งหมายของการทำวัตรสวดมนต์นี้ บัณฑิตถือว่าเป็นอุบายสงบจิต
ไม่ให้คิดวุ่นวายตามอารมณ์ได้ชั่วขณะที่ทำ เมื่อทำประจำวันละ ๒ เวลา
ทั้งเช้าเย็นครั้งละครึ่งชั่วโมง หรือ ๑ ชั่วโมงเป็นอย่างน้อย ก็เท่ากับได้
ใช้เวลาสงบจิตได้วันละไม่ต่ำกว่า ๑ ใน ๒๔ ชั่วโมง ฯ
๑๐. ในวันอุโบสถ พระธรรมกถึกให้ศีล ๘ เป็นอุโบสถศีล แต่มีผู้ศรัทธาจะ
รักษาเพียงศีล ๕ เท่านั้น พึงปฏิบัติอย่างไร ?
๑๐. พึงปฏิบัติอย่างนี้ สมาทานเพียง ๕ ข้อ ในระหว่างข้อที่ ๓ ซึ่ง
พระธรรมกถึกให้ด้วยบทว่า อพฺรหฺมจริยา ... พึงรับสมาทานว่า กาเมสุ
มิจฺฉาจารา... และรับต่อไปจนครบ ๕ ข้อเมื่อครบแล้วก็กราบ ๓ ครั้ง
ลดลงนั่งราบไม่ต้องรับต่อไป ฯ
*********
วิชาอนุพุทธประวัติ นักธรรมชั้นโท 2550
วิชาอนุพุทธประวัติ นักธรรมชั้นโท 2550
ปัญหาและเฉลยวิชาอนุพุทธประวัติ นักธรรมชั้นโท
สอบในสนามหลวง
วันพุธ ที่ ๒๘ พฤศจิกายน พ.ศ. ๒๕๕๐
๑. สัมมาสัมพุทธะ ปัจเจกพุทธะ และอนุพุทธะ ต่างกันอย่างไร ?
การเรียนอนุพุทธประวัติสำเร็จประโยชน์อย่างไร ?
๑. สัมมาสัมพุทธะ ตรัสรู้เองโดยชอบ และสอนผู้อื่นให้รู้ตามได้ด้วย
ปัจเจกพุทธะ ตรัสรู้เฉพาะตน แต่ไม่สามารถสอนผู้อื่นให้รู้ตามได้
อนุพุทธะ ตรัสรู้ตาม คือมีพระพุทธเจ้าสั่งสอนจึงรู้ตามได้ และสามารถสอนผู้อื่นให้กระทำตามด้วย ฯ
เพื่อจะได้ทราบความเป็นไปและปฏิปทาของท่าน ที่ได้ช่วยประกาศพระศาสนาในที่นั้น ๆ จนเป็นเหตุเจริญแพร่หลายและมั่นคง แล้วจักได้ถือเป็นทิฏฐานุคติ บำเพ็ญประโยชน์ตนและประโยชน์ท่านโดยควรแก่ฐานะของตน ทั้งให้สำเร็จเป็นสังฆานุสติมั่นคงอีกด้วย ฯ
๒. พระอัญญาโกณฑัญญะ ชื่อเดิมว่าอะไร ? เกิดที่ไหน ? เรียนจบอะไร ? ทำไมจึงได้ชื่ออัญญาโกณฑัญญะ ?
๒. ชื่อเดิมว่าโกณฑัญญะ ฯ
เกิดที่บ้านพราหมณ์ชื่อโทณวัตถุ อยู่ไม่ห่างจากกรุงกบิลพัสดุ์ ฯ
เรียนจบไตรเพทและรู้ตำราทำนายลักษณะ ฯ
เพราะอาศัยพระอุทานว่า อญฺญาสิ ที่แปลว่า ได้รู้แล้ว ที่พระผู้มี พระภาคเจ้าทรงเปล่งเมื่อท่านโกณฑัญญะได้ดวงตาเห็นธรรม ฯ
๓. เศรษฐีบิดาพระยสะออกติดตามหาพระยสะให้กลับบ้าน แต่เหตุไฉนเมื่อพบแล้วจึงมิได้นำกลับไปตามความประสงค์เดิม ?
๓. เพราะได้ทราบว่า พระยสะบรรลุเป็นพระอรหันต์แล้ว ไม่ควรเพื่อจะกลับไปครองเรือนอีกต่อไป ควรจะออกบวชเป็นพระภิกษุ ฯ
๔. พระอุรุเวลกัสสปะบวชเป็นพระภิกษุในพระพุทธศาสนา เพราะเหตุใด ? พระพุทธองค์ทรงพาท่านไปกรุงราชคฤห์ด้วย เพราะทรงมีพุทธประสงค์อย่างไร ?
๔. พระอุรุเวลกัสสปะเห็นอภินิหารของพระพุทธองค์หลายประการ จนถอนทิฏฐิมานะของตน เห็นว่าลัทธิของตนหาแก่นสารมิได้ และตนก็มิได้เป็นผู้วิเศษ ได้ความสลดใจ จึงทูลขออุปสมบท ฯ
ทรงมีพุทธประสงค์จะปลูกศรัทธาแก่มหาชน เพราะท่านเป็นที่นับถือของมหาชนมานาน ฯ
๕. พรข้อว่า ถ้าจักไม่โปรดให้ข้าพระองค์อยู่ในที่ประทับของพระองค์ และข้อว่า ถ้าพระองค์จะเสด็จไปสู่ที่นิมนต์ที่ข้าพระองค์รับไว้
พระอานนท์ทูลขอเพื่อประโยชน์อะไร ?
๕. ข้อต้น เพื่อป้องกันคำติเตียนว่า พระอานนท์บำรุงพระศาสดาเพราะเห็นแก่ลาภ
ข้อหลัง เพื่อป้องกันคนกล่าวว่า พระอานนท์บำรุงพระศาสดาไปทำอะไร เพราะพระองค์ไม่ทรงอนุเคราะห์แม้ด้วยกิจเท่านี้ ฯ
๖. ธรรมุทเทศ มีอะไรบ้าง ? ใครแสดงแก่ใคร ?
๖. มี
๑. โลกคือหมู่สัตว์ อันชรานำเข้าไปใกล้ ไม่ยั่งยืน
๒. โลกคือหมู่สัตว์ ไม่มีผู้ป้องกัน ไม่เป็นใหญ่จำเพาะตน
๓. โลกคือหมู่สัตว์ ไม่มีอะไรเป็นของ ๆ ตน จำต้องละทิ้งสิ่งทั้งปวงไป
๔. โลกคือหมู่สัตว์ พร่องอยู่เป็นนิตย์ ไม่รู้จักอิ่ม เป็นทาสแห่งตัณหา ฯ
พระรัฐบาลแสดงถวายพระเจ้าโกรัพยะ ฯ
๗. พระโมฆราชทูลถามปัญหาพระพุทธองค์เป็นคนที่เท่าไร ? เพราะเหตุไร ?
๗. เป็นคนที่ ๑๕ ฯ เพราะครั้งแรกเห็นว่าท่านอชิตมาณพเป็นผู้ใหญ่กว่าจึงยอมให้ถามก่อน แต่เมื่อปรารภจะทูลถามเป็นคนที่ ๒ และคนที่ ๙ ถูกพระพุทธองค์ทรงห้ามไว้ให้รอก่อน จึงได้โอกาสทูลถามเป็นคนที่ ๑๕ ฯ
๘. ในอสีติมหาสาวก มีองค์ไหนบ้างมีความสัมพันธ์เป็นศิษย์และอาจารย์กัน ? จงบอกมาสัก ๒ คู่
๘. (ตอบเพียง ๒ คู่)
พระอัญญาโกณฑัญญะกับพระปุณณมันตานีบุตร
พระอัสสชิกับพระสารีบุตร
พระสารีบุตรกับพระราธะ
พระสารีบุตรกับพระราหุล
พระมหากัจจายนะกับพระโสณกุฏิกัณณะ ฯ
ศาสนพิธี
๙. วันเทโวโรหณะ คือวันอะไร ? เนื่องด้วยวันนั้น มีบุญพิธีอะไรที่ทำกันมาจนถึงบัดนี้ ?
๙. คือ วันที่พระพุทธเจ้าเสด็จลงจากเทวโลก หลังจากที่เสด็จขึ้นไป จำพรรษาในดาวดึงสพิภพถ้วนไตรมาส โบราณเรียกอีกอย่างหนึ่งว่า วันพระเจ้าเปิดโลก ตรงกับวันขึ้น ๑๕ ค่ำ เดือน ๑๑ ฯ
มีการทำบุญตักบาตรแด่พระพุทธเจ้าพร้อมทั้งพระสงฆ์ในวันรุ่งขึ้น จนเป็นประเพณีทำบุญตักบาตรที่เรียกว่าตักบาตรเทโวโรหณะ มาจนถึงปัจจุบันนี้ ฯ
๑๐. บังสุกุลเป็น คืออะไร ? คาถาที่ใช้บังสุกุลเป็น ว่าอย่างไร ?
๑๐. บังสุกุลเป็น คือบุญกิริยาที่เจ้าภาพประสงค์จะบริจาควัตถุเนื่องด้วยกายของตน โดยเฉพาะผ้าอุทิศสงฆ์ให้เป็นผ้าบังสุกุล ปกตินิยมทำเมื่อป่วยหนัก เป็นการกำหนดมรณานุสสติวิธีหนึ่ง ฯ
ว่า อจิรํ วตยํ กาโย ปฐวึ อธิเสสฺสติ
ฉุฑฺโฑ อเปตวิญฺญาโณ นิรตฺถํว กลิงฺครํ ฯ
***********
วิชาอนุพุทธประวัติ นักธรรมชั้นโท 2551
วิชาอนุพุทธประวัติ นักธรรมชั้นโท 2551
ปัญหาและเฉลยวิชาอนุพุทธประวัติ นักธรรมชั้นโท
สอบในสนามหลวง
วันอาทิตย์ ที่ ๒๓ พฤศจิกายน พ.ศ. ๒๕๕๑
๑. พุทธบุคคล มีกี่ประเภท ? อะไรบ้าง ?
๑. มี ๓ ประเภท ฯ คือ ๑. พระสัมมาสัมพุทธะ ๒. พระปัจเจกพุทธะ
๓. พระอนุพุทธะ ฯ
๒. ปัญจวัคคีย์ทั้ง ๕ ท่าน ได้ดวงตาเห็นธรรมก่อนหลังกันอย่างไร ?
๒. ท่านโกณฑัญญะ ได้ดวงตาเห็นธรรมเป็นองค์แรก ต่อมาท่านวัปปะและท่านภัททิยะจึงได้ และต่อมาท่านมหานามะและท่านอัสสชิจึงได้ตามลำดับ ฯ
๓. พระสาวกผู้สำเร็จเป็นพระอริยบุคคลเพราะฟังธรรมเทศนาเรื่องเดียวซ้ำ ๒ ครั้ง คือใคร ? ธรรมเทศนาเรื่องอะไร ?
๓. คือ พระยสะ ฯ เรื่อง อนุปุพพีกถาและอริยสัจ ๔ ฯ
๔. อนัตตลักขณสูตร และ อาทิตตปริยายสูตร ว่าด้วยเรื่องอะไร ?
ทรงแสดงแก่ใคร ?
๔. อนัตตลักขณสูตร ว่าด้วยเรื่อง ขันธ์ ๕ คือ รูป เวทนา สัญญา สังขาร วิญญาณ เป็นอนัตตา ทรงแสดงแก่พระปัญจวัคคีย์
อาทิตตปริยายสูตร ว่าด้วยเรื่อง สิ่งทั้งปวงเป็นของร้อน ร้อนเพราะไฟคือราคะโทสะโมหะ ฯ
ทรงแสดงแก่ชฎิล ๓ พี่น้อง พร้อมด้วยบริวาร ๑,๐๐๐ คน ฯ
๕. อุปติสสปริพาชกเลื่อมใสในพระพุทธศาสนาเพราะได้ฟังธรรมจากใคร ?
มีใจความว่าอย่างไร ?
๕. จากพระอัสสชิ ฯ มีใจความว่า พระศาสดาทรงแสดงความเกิดแห่งธรรมทั้งหลาย เพราะเป็นไปแห่งเหตุ และความดับแห่งธรรมเหล่านั้น เพราะดับแห่งเหตุ พระศาสดาตรัสอย่างนี้ ฯ
๖. พระมหากัสสปเถระเป็นประธานในการทำสังคายนาครั้งแรกที่ไหน ?
ใช้เวลานานเท่าไร ?
๖. ที่ถ้ำสัตตบัณณคูหา เวภารบรรพต กรุงราชคฤห์ ฯ ใช้เวลา ๗ เดือน ฯ
๗. การบวชของพระมหากัจจายนะ มีความเป็นมาอย่างไร ?
๗. มีความเป็นมาอย่างนี้ ท่านได้รับมอบหมายจากพระเจ้าจัณฑปัชโชตให้ไปทูลเชิญพระพุทธเจ้าเสด็จกรุงอุชเชนี จึงทูลลาบวชด้วย ครั้นได้เข้าเฝ้าฟังธรรมแล้ว บรรลุพระอรหัต จึงทูลขอบวช ฯ
๘. “โลกมีอะไรผูกพันไว้ อะไรเป็นเครื่องสัญจรของโลกนั้น ท่านกล่าวกันว่า นิพพานๆ ดังนี้ เพราะละอะไรได้ ?” ปัญหานี้ใครทูลถาม ?
๘. อุทยมาณพเป็นผู้ทูลถาม ฯ
ศาสนพิธี
๙. ในงานมงคลที่ทำกันอย่างสามัญทั่วไป นิยมเจริญพระพุทธมนต์ด้วย บทสวดมนต์ที่รวมเรียกสั้นๆ ว่าอะไร ? และต้องมีบทอื่นมาประกอบอีก เรียกว่าอะไร ?
๙. เรียกว่า เจ็ดตำนาน ฯ
เรียกว่า ต้นสวดมนต์หรือต้นตำนาน และท้ายสวดมนต์ ฯ
๑๐. เทศน์มหาชาติ คือการเทศน์เรื่องอะไร ? มีกี่กัณฑ์ ?
จบเทศน์มหาชาติแล้ว นิยมเทศน์ต่อด้วยเรื่องอะไร ?
๑๐ เรื่องเวสสันดรชาดก ฯ มี ๑๓ กัณฑ์ ฯ เรื่อง จตุราริยสัจจกถา ฯ
***********
วิชาอนุพุทธประวัติ นักธรรมชั้นโท 2552
วิชาอนุพุทธประวัติ นักธรรมชั้นโท 2552
ปัญหาและเฉลยวิชาอนุพุทธประวัติ นักธรรมชั้นโท
สอบในสนามหลวง
พ.ศ. ๒๕๕๒
๑. พระสาวกสงฆ์ผู้ได้ชื่อว่าอนุพุทธะมีความสำคัญอย่างไร?
ตอบ มีความสำคัญคือพระสาวกสงฆ์จัดเป็นรัตนะประการหนึ่งในรัตนะ๓ ซึ่งเป็นผู้มีศีลและทิฏฐิเสมอกัน ถ้าไม่มีพระสาวกสงฆ์เป็นผู้รู้ธรรมและรับปฏิบัติธรรม ความตรัสรู้ของพระพุทธเจ้าก็ไม่สำเร็จประโยชน์และพระสาวกสงฆ์นั้นได้เป็นกำลังใหญ่ของพระศาสนา ในอันช่วยประกาศพระธรรม ประดิษฐานพระพุทธศาสนาขึ้นเพื่อประโยชน์สุขแก่ชนเป็นอันมาก
๒. พระปัญจวัคคีย์ได้บรรลุเป็นพระอรหันต์พร้อมกัน แต่พระอัญญาโกณฑัญญะได้รับยกย่องเป็นปฐมสาวก เพราะเหตุไร?
ตอบ เพราะพระอัญญาโกณฑัญญะเป็นผู้ได้ดวงตาเห็นธรรมก่อนและได้รับอุปสมบทก่อนองค์อื่น
๓. เอหิภิกขุอุปสัมปทาที่ประทานแก่พระปัญจวัคคีย์ และพระยสะต่างกันอย่างไร เพราะเหตุไร?
ตอบ ต่างกันคือที่ประทานแก่พระปัญจวัคคีย์มีคำว่า เพื่อทำที่สุดทุกข์โดยชอบ ส่วนที่ประทานแก่พระยสะไม่มีคำว่า เพื่อทำที่สุดทุกข์โดยชอบ ส่วนที่ประทานแก่พระยสะไม่มีคำว่า เพื่อทำที่สุดทุกข์โดยชอบ เพราะพระยสะได้ถึงที่สุดทุกข์แล้ว ฯ
๔. พระปัญจวัคคีย์องค์ไหนบ้างได้ศิษย์ดีมีความสำคัญต่อพระศาสนา ศิษย์นั้นชื่ออะไรและเป็นผู้เลิศในทางด้านใด?
ตอบ พระอัญญาโกณฑัญญะ ได้พระปุณณมันตานีบุตรเป็นศิษย์เป็นผู้เลิศในทางธรรมกถึก
พระอัสสชิได้พระสารีบุตรเป็นศิษย์ เป็นผู้เลิศในทางมีปัญญามาก ฯ
๕. ชฎิล ๓ พี่น้องต่างละลัทธิของตน บวชเป็นภิกษุในพระพุทธศาสนาเพราะเหตุใด?
ตอบ อุรุเวลกัสสปะ ถือตัวว่าเป็นผู้วิเศษ แต่พระพุทธเจ้าทรงใช้อิทธิปาฏิหาริย์และอาเทสนาปาฏิหาริย์ทรมานจนถอนทิฏฐิมานะ ได้ปรีชาหยั่งเห็นว่าลัทธิของตนหาแก่นสารมิได้ ตนมิได้เป็นผู้วิเศษแต่ประการใด ได้ความสลดใจ จึงทูลขออุปสมบท ส่วนนทีกัสสปะและคยกัสสปะ เห็นพี่ชายถือเพศเป็นภิกษุ ถามทราบความว่าพรหมจรรย์นี้ประเสริฐ จึงเข้าไปเฝ้าพระพุทธเจ้าทูลขออุปสมบท ฯ
๖. พระเจ้าพิมพิสารทรงถวายพระราชอุทยานเวฬุวันแด่พระภิกษุสงฆ์มีพระพุทธเจ้าเป็นประธาน เพราะทรงพิจารณาเห็นอย่างไรและทรงถวายด้วยวิธีการอย่างไร?
ตอบ เพราะทรงเห็นว่า พระราชอุทยานเวฬุวันเป็นที่ไม่ไกลไม่ใกล้นัก แต่บ้านบริบูรณ์ด้วยทางเป็นที่ไปและเป็นที่มา ควรที่ผู้มีธุระจะพึงไปถึง กลางวันไม่เกลื่อนกล่นด้วยหมู่คน กลางคืนเงียบเสียงที่จะอื้ออึงกึกก้อง ปราศจากลมแต่ชนที่เดินเข้าออกสมควรเป็นที่ประกอบกิจของผู้ต้องการที่สงัด และควรเป็นที่หลีกออกเร้นอยุ่ตามวิสัยสมณะ ควรเป็นที่เสด็จอยู่ของพระศาสดาดังนี้ และทรงถวายด้วยวิธีการทรงจับพระเต้าทองเต็มด้วยน้ำ หลั่งลงถวายพระราชอุทยานเวฬุวันนั้นแก่พระภิกษุสงฆ์มีพระพุทธเจ้าเป็นประธาน ฯ
๗. “คนเหล่านี้ทั้งหมดยังไม่ทันถึง ๑๐๐ ปี ก็จักไม่มีเหลือจักล่วงไปหมด ดูการเล่นไม่มีประโยชน์อะไร ควรขวนขวายหาธรรมเครื่องพ้นดีกว่า” นี่เป็นคำพูดของใครพูดกะใคร?
ตอบ ของอุปติสสมาณพ พูดกะโกลิตมาณพ ฯ
๘. คำถามว่า “ข้าพเจ้าจักพิจารณาเห็นโลกอย่างไร มัจจุราชจึงจักไม่แลเห็น” ใครเป็นผู้ถาม พระศาสดาทรงพยากรณ์ไว้อย่างไร?
ตอบ พระโมฆราชเป็นผู้ทูลถาม พระศาสดาทรงพยากรณ์ว่า ท่านจงเป็นคนมีสติ พิจารณาเห็นโลกโดยความเป็นของว่างเปล่า ถอนความตามเห็นว่าตัวของเราเสียทุกเมื่อเถิด ท่านจักข้ามล่วงมัจจุราชเสียได้ด้วยอุบายอย่างนี้ ท่านพิจารณาเห็นโลกอย่างนี้แล มัจจุราชจึงไม่แลเห็น ฯ
ศาสนพิธี
๙. สามัญอนุโมทนากับวิเสสอนุโมทนา ต่างกันอย่างไร?
ตอบ ต่างกันอย่างนี้ สามัญอนุโมทนา คือการอนุโมทนาที่นิยมใช้ปฏิบัติกันทั่วไปเป็นปกติ ไม่ว่างานใดก็ใช้อนุโมทนาอย่างนั้น ส่วนวิเสสอนุโมทนา คือการอนุโมทนาด้วยบทสวดสำหรัยอนุโมทนาเป็นพิเศษเฉพาะทาน เฉพาะกาล และเฉพาะเรื่อง
๑๐. บท อทาสิ เม อกาสิ เม… และบท อยญฺจ โข ทกฺขิณา ทินฺนา… ใช้ต่างกันอย่างไร?
ตอบ อทาสิ เม อกาสิ เม… ใช้ในกรณีที่ศพยังอยู่
อยญฺจ โข ทกฺขิณา ทินฺนา… ใช้ในกรณีทำบุญอัฐิ ฯ
วิชาอนุพุทธประวัติ นักธรรมชั้นโท 2553
วิชาอนุพุทธประวัติ นักธรรมชั้นโท 2554
วิชาอนุพุทธประวัติ นักธรรมชั้นโท 2555
วิชาอนุพุทธประวัติ นักธรรมชั้นโท 2555
ปัญหาและเฉลยวิชาอนุพุทธประวัติ นักธรรมชั้นโท
สอบในสนามหลวง
วันเสาร์ ที่ ๑ ธันวาคม พ.ศ. ๒๕๕๕
๑. การที่พระเจ้าพิมพิสารเข้าเฝ้าพระพุทธเจ้า เป็นเหตุให้พระองค์ได้รับอนุตตริยะอะไรบ้าง?
ตอบ ได้อนุตตริยะ ๓ อย่าง คือ
พระองค์ได้เฝ้า เป็นทัสสนานุตตริยะ
ได้ทรงสดับธรรม เป็นสวนานุตตริยะ
ได้ธรรมจักษุเห็นธรรมนั้น เป็นลาภานุตตริยะ ฯ
๒. พระวาจาที่ตรัสให้อุปสมบทแก่พระอัญญาโกณฑัญญะ และพระยสะเหมือนกันหรือต่างกัน? เพราะเหตุไร?
ตอบ เหมือนกันตรงที่ทรงรับเข้าสู่พรหมจรรย์ ว่า “จงเป็นภิกษุมาเถิด ธรรมอันเรากล่าวดีแล้ว จงประพฤติพรหมจรรย์เถิด”
ต่างกันที่พระอัญญาโกณฑัญญะ มีพระพุทธดำรัสต่อท้ายว่า “เพื่อทำที่สุดทุกข์โดยชอบ” เพราะท่านยังไม่บรรลุพระอรหัตต์
ส่วนพระยสะ ไม่มีคำว่า “เพื่อทำที่สุดทุกข์โดยชอบ” เพราะท่านบรรลุพระอรหัตต์แล้ว ฯ
๓. พระอัญญาโกณฑัญญะ กับพระอุรุเวลกัสสปะทูลขอบวชในพระศาสนาโดยมีมูลเหตุความเป็นมาต่างกันอย่างไร?
ตอบ ต่างกันอย่างนี้ พระอัญญาโกณฑฑัญญะได้ธรรมจักษุ คือดวงตาเห็นธรรม ที่ท่านกล่าวว่าเป็นพระโสดาบัน มีศรัทธาในพระศาสนามั่นคงแล้ว จึงขอบวช ฯ
พระอุรุเวลกัสสปะได้ปรีชาหยั่งเห็นว่าลัทธิของตนหาแก่นสารไม่ได้หลงถือตนว่า เป็นผู้วิเศษ แต่หาเป็นเช่นนั้นไม่ ได้ความสลดใจจึงลอยบริขารชฏิลของตนเสียแล้วจึงขอบวช ฯ
๔. ชฎิล ๓ พี่น้อง มีชื่ออะไรบ้าง? ได้บรรลุพระอรหัตต์เพราะฟังพระธรรมเทศนาชื่ออะไร?
ตอบ พระอุรุเวลกัสสปะ พระนทีกัสสปะ พระคยากัสสปะฯ ฟังอาทิตตปริยายสูตร ฯ
๕. จงระบุชื่อพระสาวกผู้ที่บวชเพราะเหตุต่อไปนี้
๑. บวชเพราะศรัทธา
๒. บวชเพราะจำใจ
๓. บวชเพราะหลงไหลในรูป ฯ
ตอบ ๑.บวชเพราะศรัทธา คือ พระรัฐบาล
๒.บวชเพราะจำใจ คือ พระนันทะ
๓.บวชเพราะหลวงไหลในรูป คือ พระวักกลิ ฯ
๖. อนุพุทธที่เป็นสาวกสาวิกาของพระศาสดา ซึ่งได้รับการอุปสมบทด้วยวิธีพิเศษมีบ้างหรือไม่? ถ้ามี คือใคร? อุปสมบทด้วยวิธีใด?
ตอบ มี ฯ คือ พระมหากัสสปะ อุปสมบทด้วยวิธีรับพระโอวาท ๓ ข้อ, พระนางมหาปชาบดีโคตมี อุปสมบทด้วยวิธีรับครุธรรม ๘ ประการ ฯ
๗. “หมู่มนุษย์ในโลกนี้ อาศัยอะไรจึงบูชายัญบวงสรวงเทวดา” นี่เป็นปัญหาของใคร? และได้รับพุทธพยากรณ์ว่าอย่างไร?
ตอบ เป็นปัญหาของปุณณกมาณพ ฯ ได้รับพุทธพยากรณ์ว่า หมู่มนุษย์เหล่านั้น อยากได้ของที่ตนปรารถนาอาศัยของที่มีชราทรุดโทรม จึงบูชายัญบวงสรวงเทวดา ฯ
๘. ข้อธรรมว่า “โลกคือหมู่สัตว์อันชรานำเข้าไปใกล้ ไม่ยั่งยืน” เรียกว่าธรรมอะไร? ใครแสดงว่าใคร?
ตอบ เรียกว่า ธรรมุเทศ ฯ พระรัฐบาลแสดงถวายแก่พระเจ้าโกรัพยะ ฯ
ศาสนพิธี
๙. การถวายผ้าวัสสิกสาฎกนั้น มีมูลเหตุมาจากอะไร? ใครเป็นผู้ถวายคนแรก?
ตอบ มีมูลเหตุมาจากเดิมยังไม่มีพุทธานุญาตให้ภิกษุมีผ้าวัสสิกสาฎก ภิกษุทั้งหลายจึงเปลือยกายอาบน้ำ นางวิสาขามหาอุบาสิกาทราบเรื่องนั้นแล้วเห็นว่าไม่สมควรแก่เพศสมณะ จึงทูลขอพระพุทธานุญาต เพื่อถวายผ้าอาบน้ำฝนแก่ภิกษุทั้งหลาย ฯ
๑๐. จงเขียนอุโบสถศีล เฉพาะข้อที่ ๗ มาดู
ตอบ นจฺจคีตวาทิตวิสูกทสฺสนา มาลาคนฺธวิเลปนธารณมณฺฑนวิภูสนฏฺฐานา เวรมณี สิกฺขาปทํ สมาทิยามิ ฯ
วิชาอนุพุทธประวัติ นักธรรมชั้นโท 2556
ปัญหาและเฉลยวิชาอนุพุทธประวัติ นักธรรมชั้นโท สอบในสนามหลวง
วันพฤหัสบดี ที่ ๒๑ พฤศจิกายน พ.ศ. ๒๕๕๖
อนุพุทธบุคคล คือใคร ? มีความส ำคัญอย่างไร ? เฉลย คือ สาวกผู้ตรัสรู้ตามพระพุทธเจ้าฯ
อนุพุทธบุคคลเป็นสังฆรัตนะในรัตนะ๓เป็นพยานยืนยันความตรัสรู้ของ พระพุทธเจ้าและเป็นก ำลังใหญ่ของพระพุทธเจ้าในอันช่วยประกา พระธรรมประดิษฐานพระพุทธศาสนาขึ้นเพื่อประโยชน์สุขแก่ชนเป็น อันมาก ฯ
๒. พระศาสดาทรงแสดงอาทิตตปริยายสูตรโปรดพวกปุราณชฎิลเพราะเหตุไร ?
เฉลย เพราะเป็นพระสูตรที่เหมาะแก่บุรพจรรยาของพวกปุราณชฎิลผู้อบรมมาใน การบูชาเพลิงฯ
พระสาวกรูปใดได้รับยกย่องจากพระศาสดาว่าเป็นผู้กตัญญูกตเวที ? จง
ตัวอย่างมาสัก ๒ เรื่อง
เฉลย พระสารีบุตรเถระฯ
เรื่องที่๑ พระสารีบุตรนับถือพระอัสสชิเป็นอาจารย์เมื่ออาจารย์อยู่ใน ทิศใด ก่อนจะนอน ท่านจะนมัสการและนอนหันศีรษะไปทางทิศนั้น
เรื่องที่๒พระสารีบุตรระลึกถึงอุปการะของราธพราหมณ์ที่เคยถวายภิก แก่ท่านทัพพีหนึ่งฯ
พระสาวกผู้บวชเพราะเบื่อหน่าย บวชเพราะเพื่อน คือใคร ? เฉลย บวชเพราะเบื่อหน่ายคือ พระยสะ พระมหากัสสปะ ฯ
บวชเพราะเพื่อนคือ พระภัททิยศากยะพระวิมละ พระสุพาหุ พระปุณณชิพระควัมปติและเพื่อนชาวชนบทอีก๕๐ คน ฯ (ตอบองค์ใดองค์หนึ่งก็ให้ และตอบองค์อื่น ถ้าถูกก็ควรให้)
อุปสมบทวิธีพิเศษด้วยการรับพระโอวาท ๓ ข้อ และด้วยการรับครุ ๘ ข้อ ทรงประทานให้แก่ใคร ? และท่านนั้น ๆ ได้รับการยกย่องเป็นเอต ในทางไหน ?
เฉลย การรับพระโอวาท ๓ ข้อ ทรงประทานแก่พระมหากัสสปะ การรับครุธรรม๘ ข้อ ทรงประทานแก่พระนางมหาปชาบดีโคตมีฯ พระมหากัสสปะได้รับยกย่องเป็นเอตทัคคะในทางทรงธุดงคคุณ พระนางมหาปชาบดีโคตมีได้รับยกย่องเป็นเอตทัคคะในทางรัตตัญญูฯ
พระมหากัจจายนะได้รับมอบหมายจากพระพุทธเจ้าให้ไปเผยแผ่พระพุทธศาส แทนพระองค์ ณ เมืองใด และได้ผลเป็นอย่างไร ?
เฉลย ณ เมืองอุชเชนีฯ
ได้รับผลคือ พระเจ้าจัณฑปัชโชตและชาวพระนครเลื่อมใสใน พระพุทธศาสนา ฯ
ปัญหาว่า โลกคือหมู่สัตว์อันอะไรปิดบังไว้จึงหลงอยู่ในที่มืด ผู้ถาม ? และพระศาสดาทรงพยากรณ์ว่าอย่างไร ?
เฉลย อชิตมาณพเป็นผู้ถามฯ
ทรงพยากรณ์ว่าโลกคือหมู่สัตว์อันอวิชชาคือความไม่รู้แจ้งปิดบัง จึงหลงดุจอยู่ในที่มืดฯ
การท ำสังคายนาก่อให้เกิดคุณประโยชน์แก่พระศาสนาอย่างไรบ้าง ? เฉลย ให้เกิดคุณประโยชน์อย่างนี้
ก จัดและป้องกันอลัชชีได้ำท ความเห็นพุทธศาสนิกให้ถูกต้องและำ ปฏิบัติถูกต้องได้และท ำให้พระศาสนามั่นคงและแพร่หลายยิ่งขึ้นฯ
ศาสนพิธี
ศาสนพิธีเล่ม ๒ แสดงอุโบสถกรรมไว้กี่ประเภท ? อะไรบ้าง ? เฉลย ๓ ประเภท ฯ คือ
สังฆอุโบสถ๑ ปาริสุทธิอุโบสถ๑ อธิษฐานอุโบสถ๑ ฯ
๑๐. จงให้ความหมายของค ำต่อไปนี้ การเข้าพรรษา การออกพรรษา ฯ
เฉลย การเข้าพรรษาหมายถึงการที่ภิกษุผูกใจว่าจะอยู่ณที่ใดที่หนึ่งตลอดเวลา
เดือนในฤดูฝนไม่ไปค้างแรมให้ล่วงราตรีในที่แห่งอื่นระหว่างผ
เว้นแต่ไปด้วยสัตตาหกรณียะฯ
การออกพรรษา หมายถึง กาลที่สิ้นสุดก ำหนดอยู่จ ำพรรษาของภิก พระวินัยบัญญัติมีพิธีเป็นสังฆกรรมพิเศษโดยเฉพาะเรียกโดยภาษา พระวินัยว่าปวารณากรรม คือการท ำปวารณาของสงฆ์ผู้อยู่ร่วมกันต เวลา ๓ เดือน ฯ
*********
วิชาอนุพุทธประวัติ นักธรรมชั้นโท 2557
วิชาอนุพุทธประวัติ นักธรรมชั้นโท 2557
ปัญหาและเฉลยวิชาอนุพุทธประวัติ นักธรรมชั้นโท
สอบในสนามหลวง
วันจันทร์ที่ ๑๐ พฤศจิกายน พ.ศ. ๒๕๕๗
๑. พระสาวกที่พระพุทธองค์ทรงส่งไปประกาศพระศาสนาครั้งแรก มีจำนวนเท่าไร? ประกอบด้วยใครบ้าง?
เฉลย มี ๖๐ องค์ ฯ ประกอบด้วยพระปัญจวัคคีย์ พระยสะ สหายพระยสที่ปรากฏนาม ๔ องค์ และไม่ปรากฏนามอีก ๕๐ องค์ ฯ
๒. พระอัสสชิได้แสดงธรรมแก่อุปติสสปริพาชก มีใจความย่อว่าอย่างไร?
เฉลย มีใจความย่อว่า “ธรรมใดเกิดแต่เหตุ พระศาสดาทรงแสดงเหตุแห่งธรรมนั้น และความดับแห่งธรรมนั้น พระศาสดาตรัสสอนอย่างนี้” ฯ
๓. อุบาสกผู้ประกาศตนถึงรัตนะ ๒ และรัตนะ ๓ ว่าเป็นสรณะคนแรก คือใคร?
เฉลย ผู้ถึงรัตนะ ๒ คือตปุสสะ และภัลลิกะ
ผู้ถึงรัตนะ ๓ คือบิดาของยสะ ฯ
๔. สามเณรรูปแรกในพระพุทธศาสนา คือใคร? ได้บรรลุพระอรหัตเพราะฟังธรรมจากใคร?
เฉลย สามเณรราหุล ฯ จากพระพุทธองค์ ฯ
๕. การที่เจ้าศากยะทูลขอให้พระอุบาลีผู้เป็นช่างกัลบกบวชก่อน เพราะเหตุไร?
เฉลย เพราะประสงค์จะละมานะของตน ฯ
๖. ภิกษุ ภิกษุณี ผู้เอตทัคคะในทางเป็นพระธรรมกถึก คือใคร?
เฉลย ภิกษุ คือพระปุณณมันตานีบุตร ฯ
ภิกษุณี คือนางธรรมทินนาเถรี ฯ
๗. พระพุทธองค์ทรงแสดงโทษแห่งความเพียรที่ตึงเกินไปและหย่อนเกินไปแก่พระโสณโกฬิวิสะว่าอย่างไร?
เฉลย ทรงแสดงว่า ความเพียรที่ตึงเกินไปเป็นไปเพื่อความฟุ้งซ่าน ที่หย่อนเกินไปเป็นเพื่อความเกียจคร้าน ฯ
๘. มาณพทั้ง ๑๖ คนผู้ทูลถามโสฬสปัญหากะพระพุทธองค์ เป็นศิษย์ของใคร? ท่านตั้งสำนักอยู่ที่ไหน?
เฉลย ของพราหมณ์พาวรี ฯ
อยู่ที่ฝั่งแม่น้ำโคธาวารี ระหว่างเมืองอัสสกะและเมืองอาฬกะ ฯ
ศาสนพิธี
๙. จงเขียนคาถาที่ใช้ในการบังสุกุลเป็น และบังสุกุลตาย มาดู
เฉลย คาถาที่ใช้ในการบังสุกุลเป็น ว่า
อจิรํ วตยํ กาโย ปฐวึ อธิเสสฺสติ
ฉุฑฺโฑ อเปตวิญฺญาโณ นิรตฺถํว กลิงฺครํ
คาถาที่ใช้ในการบังสุกุลตายว่า
อนิจฺจา วต สงฺขารา อุปฺปาทวยธมฺมิโน
อุปฺปชฺชิตฺวา นิรุชฺฌนฺติ เตสํ วูปสโม สุโข ฯ
๑๐. วันธรรมสวนะ คือวันอะไร? ทรงอนุญาตให้มีในวันใดบ้าง?
เฉลย คือวันกำหนดประชุมฟังธรรม หรือที่เรียกว่า “วันพระ” ฯ ในวัน ๘ ค่ำ และวัน ๑๔ ค่ำ หรือ ๑๕ ค่ำของปักษ์ทั้งข้างขึ้นและข้างแรม ฯ