บทที่ ๘ เสด็จกรุงราชคฤห์
• อุปติสสะเป็นบุตรแห่งตระกูลหัวหน้าหมู่บ้าน บิดาชื่อ วันคันตพราหมณ์ มารดาชื่อว่า สารีพราหมนี จึงได้นามว่า สารีบุตร
• โกลิตเป็นบุตรแห่งตระกูลหัวหน้าหมู่บ้านโกลิตคาม มารดาชื่อว่าโมคคัลลี จึงได้นามว่า โมคคัลลานะ ทั้งสองท่าน ศึกษาในสำนักสัญชัยปริพาชก
• ฟังธรรมจากพระอัสสชิได้ดวงตาเห็นธรรมด้วยหัวข้อธรรม (สรุปอริยสัจ ๔)
ธรรมเหล่าใดเกิดแต่เหตุ พระตถาคตเจ้าทรงแสดงเหตุแห่งธรรมนั้น และความดับเหตุแห่งธรรมเหล่านั้น พระมหาสมณะตรัสสอนอย่างนี้”
• ติสสะและโกลิตะพร้อมด้วยสหาย
๒๕๐ คน เข้าเฝ้าพระผู้มีพระภาคเจ้า
• พระพุทธองค์ตรัสอุบายแก่ง่วงแก่โมคคัลลานะ
๙ ข้อพร้อมกับข้อเตือนใจ ๓ ข้อ
ซึ่งปฏิบัติธรรมใกล้บ้าน กัลลวาลมุตตคาม
• พระโมคคัลละสำเร็จพระอรหันต์ในวันที่
๗ หลังจากการบวชด้วยอุบายแก้ง่วง และ “ตัณหักขยธรรม”
• อุบายแก้ง่วง ๘ ข้อ
๑. เมื่อมีสัญญาอข่างไร
ให้ใส่ใจถึงสัญญาอย่างนั้นให้มากๆ
๒.
ให้พิจารณาธรรมที่ได้ฟังมาแล้ว
๓.
ให้ท่องบ่นธรรมนั้นซึ่งได้เรียนได้ฟังมาแล้ว
๔. ให้ยอน
(แยง)หูทั้ง ๒ ข้างและเอามือลูบตัว
๕.
ให้ยืนขึ้น
เอาน้ำลูบตัวเหลียวมองดูทิศต่างๆ และแหงนหน้ามองดูท้องฟ้า
๖. ให้ใส่ใจถึงแสงสว่างกลางวัน
๗.
ให้เดินจงกรม สำรวมอินทรีย์ ทำจิตให้เป็นสมาธิ ไม่ฟุ้งซ่าน
๘.
ให้สำเร็จสีหไสยาสน์ คือ
นอนตะแคงข้างขวาซ้อนเท้า มีสติตั้งใจว่าจะลุกขึ้น และเมื่อตื่นแล้วจงลุกขึ้นทันที
• พระสารีบุตรบรรลุธรรมด้วยการฟังธรรมชื่อว่าเวทนาปริคคหสูตร หลังบวช ๑๕ วัน
• ตรัสแก่ทีฆนขะ เป็นหลานของพระสารีบุตร ที่ถ่ำสุกรขาตา ที่เขาคิชกูฏ ใกล้กรุงราชคฤห์
• พระพุทธเจ้าทรงแต่งตั้งพระสารีบุตรและพระโมคคัลลานะในตำแหน่งคู่พระอัครสาวก
• สารีบุตร
ได้รับการยกย่องเป็นเอตทัคคะว่ามีปัญญาเลิศ
เป็นพระอัครสาวกเบื้องขวา
• พระโมคคัลลานะ
ได้รับการยกย่องเป็นเอตทัคคะว่า มีฤทธิ์ล้ำเลิศ เป็นอัครสาวกเบื้องซ้าย
• พระศาสดาเปรียบพระสารีบุตรเหมือนมารดาผู้ให้กำเนิดบุตร
เปรียบพระโมคคัลลานะเหมือนนางนมผู้เลียงบุตรที่เกิดแล้ว