วุฑฒิ คือ
ธรรมเป็นเครื่องเจริญ ๔ อย่าง
๑.
สัปปุริสูปสังเสวะ
คบท่านผู้ประพฤติชอบด้วยกาย
วาจา ใจ ที่เรียกว่า
สัตบุรุษ
๒.
สัทธัมมัสสวนะ
ฟังคำสอนของท่านโดยเคารพ
๓.
โยนิโสมนสิการ
ตริตรองให้รู้จักสิ่งที่ดีหรือชั่วโดยอุบายที่ชอบ
๔.
ธัมมานุธัมมปฏิปัตติ
ประพฤติธรรมสมควรแก่ธรรมที่ได้ตรองเห็นแล้ว
จักร ๔
๑.
ปฏิรูปเทสวาสะ
อยู่ในประเทศอันสมควร ๒. สัปปุริสูปัสสยะ คบสัตบุรุษ
๓. อัตตสัมมาปณิธิ ตั้งตนไว้ชอบ ๔.
ปุพเพกตปุญญตา ความเป็นผู้ได้กระทำความดีไว้ในปางก่อน
อคติ ๔
๑.
ลำเอียง เพราะรักใคร่กัน เรียกฉันทาคติ
๒. ลำเอียง เพราะไม่ชอบกัน เรียกโทสาคติ
๓.
ลำเอียง เพราะเขลา เรียกโมหาคติ ๔.
ลำเอียง เพราะกลัว เรียกภยาคติ
อคติ ๔
ประการนี้ ไม่ควรประพฤติ
ปธาน คือความเพียร
๔ อย่าง
๑.
สังวรปธาน
เพียรระวังบาปไม่ให้เกิดขึ้นในสันดาน
๒. ปหานปธาน เพียรละบาปที่เกิดขึ้นแล้ว
๓.
ภาวนาปธาน
เพียรให้กุศลเกิดขึ้นในสันดาน
๔. อนุรักขนาปธาน เพียรรักษากุศลที่เกิดขึ้นแล้วไม่ให้เสื่อม
อธิษฐานธรรม ๔
คือธรรมที่ควรตั้งไว้ในใจ ๔ อย่าง
๑.
ปัญญา รอบรู้สิ่งที่ควรรู้ ๒.
สัจจะ ความจริงใจ คือประพฤติสิ่งใดก็ให้ได้จริง
๓. จาคะ สละสิ่งที่เป็นข้าศึกแก่ความจริงใจ สละกิเลส
๔. อุปสมะ
สงบใจจากสิ่งที่เป็นข้าศึกแก่ความสงบ
อิทธิบาท คือ
คุณเครื่องให้สำเร็จความประสงค์
๔ อย่าง
๑.
ฉันทะ พอใจรักใคร่ ในสิ่งนั้น ๒.
วิริยะ เพียรประกอบสิ่งนั้น
๓.
จิตตะเอาใจฝักใฝ่ในสิ่งนั้นไม่วางธุระ๔. วิมังสา
หมั่นตริตรองพิจารณาเหตุผลในสิ่งนั้น
คุณ
๔ อย่างนี้
มีบริบูรณ์แล้วอาจชักนำบุคคลให้ถึงสิ่งที่ต้องประสงค์ ซึ่งไม่เหลือวิสัย
ควรทำความไม่ประมาทในที่ ๔ สถาน
๑.
ในการละกายทุจริต
ประพฤติกายสุจริต ๒. ในการละวจีทุจริต ประพฤติวจีสุจริต
๓. ในการละมโนทุจริต
ประพฤติมโนสุจริต ๔. ในการละความเห็นผิด
ทำความเห็นให้ถูก
อีกอย่างหนึ่ง
๑.
ระวังใจไม่ให้กำหนัด
ในอารมณ์เป็นที่ตั้งแห่งความกำหนัด
๒.
ระวังใจไม่ให้ขัดเคืองในอารมณ์เป็นที่ตั้งแห่งความขัดเคือง
๓.
ระวังใจไม่ให้หลงในอารมณ์เป็นที่ตั้งแห่งความหลง
๔.
ระวังใจไม่ให้มัวเมาในอารมณ์เป็นที่ตั้งแห่งความมัวเมา
ความประมาท คือความขาดสติอันก่อให้เกิดผลเสีย ๓
ประการ คือ
๑.
ให้เกิดการทำความชั่ว ๒. ให้หลงลืมทำความดี ๓.
ไม่ทำความดีอย่างต่อเนื่อง
ความไม่ประมาท คือความมีสติกำกับใจอยู่เสมอ
ให้เกิดความคิดเป็นกุศล ดังนี้
๑.
ไม่ทำความชั่ว ๒. ไม่ลืมทำความดี ๓.
ทำความดีให้ดียิ่งขึ้นไปอย่างต่อเนื่อง
เมื่อสรุปคำสอนทั้ง ๒ นัย นี้
ย่อมได้ความไม่ประมาท ๓ ประการ
คือ
๑. ระวังอย่าไปทำความชั่ว ๒. อย่าลืมทำความดี ๓.
อย่าปล่อยใจให้ไปคิดเรื่องบาปเรื่องอกุศล
พรหมวิหาร ๔
๑. เมตตา
ความรักใคร่ปรารถนาจะให้เป็นสุข ๒. กรุณา
ความสงสาร คิดจะช่วยให้พ้นทุกข์
๓.
มุทิตา ความพลอยยินดี
เมื่อผู้อื่นได้ดี ๔. อุเบกขา
ความวางเฉย ไม่ดีใจ ไม่เสียใจเมื่อผู้อื่นถึงความวิบัติ
อริยสัจ ๔
๑.
ทุกข์ ความไม่สบายกาย ไม่สบายใจ
๒. สมุทัย คือเหตุให้ทุกข์เกิด
๓.
นิโรธ คือความดับทุกข์ ๔.
มรรค
คือข้อปฏิบัติให้ถึงความดับทุกข์