วิชาอนุพุทธประวัติ นักธรรมชั้นโท 2546
ปัญหาและเฉลยวิชาอนุพุทธประวัติ นักธรรมชั้นโท
สอบในสนามหลวง
พ.ศ. ๒๕๔๖
๑.
๑.๑
อนุพุทธองค์แรกสำเร็จเป็นพระภิกษุด้วยพระพุทธดำรัสว่าอย่างไร ?
๑.๒
อนุพุทธองค์นั้นได้เป็นพระโสดาบันและได้เป็นพระอรหันต์ เพราะได้ฟังพระธรรมเทศนาอะไร ?
๑.
๑.๑
ด้วยพระพุทธดำรัสว่า “ ท่านจงเป็นภิกษุมาเถิด ธรรมอันเรากล่าวดีแล้ว ท่านจงประพฤติพรหมจรรย์ เพื่อทำที่สุดทุกข์โดยชอบเถิด ” ฯ
๑.๒
ได้เป็นพระโสดาบัน เพราะได้ฟังธัมมจักกัปปวัตตนสูตร และได้เป็น
พระอรหันต์ เพราะได้ฟังอนัตตลักขณสูตร ฯ
๒.
๒.๑
อนุปุพพีกถา คืออะไร ? ทรงยกขึ้นแสดงด้วยพระพุทธประสงค์อย่างไร ?
๒.๒
พระสาวกผู้ได้ฟัง อนุปุพพีกถา ครั้งแรกคือใคร ? ณ ที่ไหน ?
๒.
๒.๑
คือ ถ้อยคำที่กล่าวโดยลำดับ ฯ ด้วยพระพุทธประสงค์เพื่อฟอกจิตกุลบุตรให้ห่างไกลจากความยินดีในกาม ควรรับพระธรรมเทศนาให้เกิดธรรมจักษุ เหมือนผ้าที่ปราศจากมลทิน ควรรับน้ำย้อมได้ ฉะนั้น ฯ
๒.๒
คือ ยสกุลบุตร ฯ ณ ป่าอิสิปตนมฤคทายวัน ฯ
๓.
๓.๑
ชฎิล ๓ พี่น้อง ชื่ออะไรบ้าง ? ใครได้รับยกย่องว่าเป็นผู้มีบริวารมาก ?
๓.๒
ท่านเหล่านั้นพร้อมบริวารได้บรรลุอรหัต เพราะฟังพระธรรมเทศนาอะไร ?
ใจความย่อว่าอย่างไร ?
๓.
๓.๑
ชื่อ อุรุเวลกัสสปะ นทีกัสสปะ และคยากัสสปะ ฯ อุรุเวลกัสสปะ ฯ
๓.๒
เพราะฟังอาทิตตปริยายสูตร ฯ
ใจความย่อว่า อายตนะภายใน อายตนะภายนอก วิญญาณ สัมผัส และเวทนาที่เกิดแต่สัมผัส เป็นของร้อน ร้อนเพราะไฟคือความกำหนัด ความโกรธ ความหลง และร้อนเพราะความเกิด ความแก่ ความตาย ความโศกร่ำไรรำพัน เจ็บกาย เสียใจ คับใจ ฯ
๔.
จงตอบคำถามเกี่ยวกับพระอนุรุทธเถระ ดังต่อไปนี้
๔.๑
ก) ท่านเป็นโอรสของใคร ?
ข) เกี่ยวเนื่องกับพระบรมศาสดาอย่างไร ?
๔.๒
ก) ท่านออกบวชพร้อมกับใครบ้าง ?
ข) ได้รับยกย่องจากพระบรมศาสดาอย่างไร ?
๔.
๔.๑
ก) ของพระเจ้าศากยะพระนามว่า อมิโตทนะ พระมารดาไม่ปรากฏ
พระนาม ฯ
ข) เป็นพระโอรสของพระเจ้าอาของพระบรมศาสดา จึงนับเป็นพระอนุชา
ของพระบรมศาสดา ฯ
๔.๒
ก) พร้อมกับพระอุบาลี พระภัททิยะ พระภคุ พระกิมพิละ พระอานนท์
และพระเทวทัต ฯ
ข) เป็นผู้เลิศในทางมีจักษุทิพย์ ฯ
๕.
๕.๑
พระสารีบุตรได้บรรลุอรหัตผลช้ากว่าบริวาร เพราะเหตุไร ?
๕.๒
พระโมคคัลลานะ นิพพานที่ไหน ? อัฐิธาตุของท่านบรรจุไว้ที่ไหน ?
๕.
๕.๑
เพราะท่านเป็นผู้มีปัญญามาก ต้องใช้บริกรรมใหญ่ ซึ่งเปรียบด้วยการเสด็จไปข้างไหน ๆ แห่งพระราชา ต้องตระเตรียมราชพาหนะและราชบริพารที่จำเป็น จึงช้ากว่าการไปของคนสามัญ ฯ
๕.๒
นิพพานที่ตำบลกาฬสิลา แขวงมคธ ฯ อัฐิธาตุของท่านบรรจุไว้ที่เจดีย์
ใกล้ซุ้มประตูแห่งเวฬุวนาราม ฯ
๖.
การศึกษาเป็นการพัฒนาชีวิตและสังคมให้ก้าวหน้าและก้าวไกล จึงอยากทราบว่า
๖.๑
พระเถระองค์ใด ได้รับการยกย่องว่า เป็นผู้ใฝ่ใจในการศึกษา ?
๖.๒
ท่านได้รับการยกย่องเช่นนั้น เพราะมีปฏิปทาอย่างไร ?
๖.
๖.๑
พระราหุลเถระ ฯ
๖.๒
มีปฏิปทาอย่างนี้คือ ท่านตื่นขึ้นแต่เช้าแล้วกอบเอาทรายมาเต็มกำมือแล้วปรารถนาว่า ขอให้เราได้รับโอวาทคำสั่งสอนแต่สำนักพระทศพลและพระอุปัชฌาย์อาจารย์เท่าเม็ดทรายในกำมือเถิด แล้วตั้งใจศึกษา ตั้งใจปฏิบัติอย่างจริงจัง ด้วยปฏิปทาเช่นนี้แล จึงได้รับการยกย่องว่าเป็นผู้ใฝ่ใจในการศึกษา ฯ
๗.
๗.๑
พระอานนท์ได้บรรลุโสดาปัตติผลเพราะได้ฟังโอวาทจากใคร ? และได้บรรลุอรหัตผลเมื่อไร ?
๗.๒
ท่านบรรลุอรหัตผลและนิพพาน ต่างจากพระสาวกองค์อื่นอย่างไร ?
๗.
๗.๑
จากพระปุณณมันตานีบุตร ฯ
บรรลุอรหัตผลก่อนวันรุ่งขึ้นจะทำปฐมสังคายนา ฯ
๗.๒
การบรรลุอรหัตผลของท่านไม่ปรากฏว่าได้ในขณะยืน หรือเดิน หรือนั่ง หรือนอน ปรากฏว่าท่านได้ในระหว่างอิริยาบถ ๔ ท่านนิพพานบนอากาศ กลางแม่น้ำโรหิณีแล้วอธิษฐานให้สรีระของท่านแยกเป็น ๒ ภาค ให้ตกลงที่ฝั่งแม่น้ำฝั่งละภาค ฯ
ศาสนพิธี
๘.
๘.๑
ศาสนพิธีเล่ม ๒ แสดงอุโบสถกรรมไว้กี่ประเภท ? อะไรบ้าง ?
๘.๒
แต่ละประเภทต่างกันอย่างไร ?
๘.
๘.๑
แสดงไว้ ๓ ประเภทคือ สังฆอุโบสถ ๑ ปาริสุทธิอุโบสถ ๑ อธิษฐานอุโบสถ ๑ ฯ
๘.๒
มีความแตกต่างกันดังนี้
๑) สังฆอุโบสถ คือ อุโบสถกรรมที่พระภิกษุตั้งแต่ ๔ รูปขึ้นไป
ประชุมสวดพระปาฏิโมกข์
๒) ปาริสุทธิอุโบสถ คือ อุโบสถกรรมที่พระภิกษุน้อยกว่า ๔ รูป
มีเพียง ๓ รูป หรือ ๒ รูป ร่วมกันทำเป็นการคณะ ให้แต่ละรูป
บอกความบริสุทธิ์ของตน ๆ
๓) อธิษฐานอุโบสถ คือ อุโบสถกรรมที่พระภิกษุรูปเดียวทำเป็นการ
บุคคล ด้วยการอธิษฐานความบริสุทธิ์ใจของตนเอง ฯ
๙.
จงให้ความหมายของคำต่อไปนี้
๙.๑
การเข้าพรรษา
๙.๒
การออกพรรษา
๙.
๙.๑
การเข้าพรรษา หมายถึง การที่ภิกษุผูกใจว่า จะอยู่ประจำเสนาสนะในวัดใดวัดหนึ่งตลอดเวลา ๓ เดือนในฤดูฝน ไม่ไปค้างแรมให้ล่วงราตรีในที่แห่งอื่น ระหว่างผูกใจนั้น เว้นแต่ไปด้วยสัตตาหกรณียะ ฯ
๙.๒
การออกพรรษา หมายถึง กาลที่สิ้นสุดกำหนดอยู่จำพรรษาของภิกษุตามพระวินัยบัญญัติ มีพิธีเป็นสังฆกรรมพิเศษโดยเฉพาะ เรียกโดยภาษาพระวินัยว่า ปวารณากรรม คือการทำปวารณาของสงฆ์ผู้อยู่ร่วมกันตลอดเวลา ๓ เดือน ฯ
๑๐.
๑๐.๑
สามีจิกรรม หมายถึงอะไร ? มีเท่าไร ? อะไรบ้าง ?
๑๐.๒
การเทศน์ในปัจจุบันนิยมทำกันกี่ลักษณะ ? อะไรบ้าง ?
๑๐.
๑๐.๑
หมายถึง การขอขมาโทษกันให้อภัยกัน ทุกโอกาสไม่ว่าจะมีโทษขัดข้องหมองใจกันหรือไม่ก็ตาม ถึงโอกาสที่ควรทำสามีจิกรรมกันแล้ว ทุกรูป
ไม่พึงละโอกาสเสีย ฯ มี ๒ แบบ คือ
๑) แบบขอขมาโทษ
๒) แบบถวายสักการะ ฯ
๑๐.๒
นิยมทำกัน ๔ ลักษณะ คือ
๑) เทศน์ในงานทำบุญ
๒) เทศน์ตามกาลนิยม
๓) เทศน์พิเศษ
๔) เทศน์มหาชาติ ฯ
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น