๑.ทรงแสดงธรรมโปรดพระภิกษุปัญจวัคคีย์ให้ได้สาเร็จมรรคผลสูงสดุ
๒.ทรงแสดงธรรมโปรดพระยสะพร้อมด้วยสหายอีก ๕๔ คน จนสําเร็จพระอรหัตผลทั้งหมด
๓.ทรงแสดงธรรมโปรดบิดามารดาและภรรยาเก่าของพระยสะให้ได้ดวงตาเห็นธรรม แล้วแสดงตนเป็นอุบาสกอุบาสิกา
ผู้ถึงพระรตนตรัยก่อนกว่า ชนทั้งปวงในโลก
๔. ทรงส่งพระอรหันตสาวก ๖๐ องค์
ไปประกาศพระศาสนายังถิ่นต่างๆ เพื่อประโยชน์สุขแก่ชาวโลก ฯ
ปัญจวัคคีย์
·
ปัญจวัคคีย์ (คอยอุปัฏฐาก) ได้แก่ โกณฑัญญะ วัปปะ ภัททิยะ มหานามะ อัสสชิ
วันอาสาฬหบูชา พระพุทธเจ้าแสดงธรรมจักรกัปปวัตตนสูตร บรรพชิตไม่ควรเสพ ๑.กามสุขัลลิกานุโยค ๒.อัตตกิลมถานุโยค
มัชฌิมาปฏิปทา ข้อปฏิบัติอันเป็นทางสายกลางอริยมรรคมีองค์ ๘ และอริยสัจ ๔]
บรรลเป็นพระอรหันต์พร้อมกันทั้งหมดในวันแรม ๕ คํ่าเดือน ๘ ด้วยธรรมะชื่อว่า อนัตตลักขณสูตร (ขันธ์ทั้ง ๕ เป็นของไม่เที่ยง เป็น ทุกข์ เป็นอนัตตา ไม่ควรยึดมั่น)
·
พระอัญญาโกณฑัญญะ ได้ดวงตาเห็นธรรมว่า “สิ่งใดสิ่งหนึ่ง มีความเกิดเป็นธรรมดา สิ่งนั้นทั้งหมดมีความดับไปเป็นธรรมดา”
·
ปัญจวัคคีย์ -> ได้ฟัง
ธรรมจักรกัปปวัตตนสต
ร มัชฌิมาปฏิปทา อริยสัจ ๔ และอัตตลักขณสตร
(ปี 64, 57) พระพุทธเจ้าทรงแสดงปฐมเทศนาแก่ใคร และเกิดผลอย่างไร?
ตอบ แก่พระปัญจวัคคีย์ ฯ เกิดผล คือพระอัญญาโกณฑัญญะได้ดวงตาเห็นธรรมแล้วทูลขอบรรพชา ทําให้เกิดสังฆรัตนะ ฯ
(ปี 63, 61, 55) พระพุทธเจ้าทรงตัดสินพระทัย จะแสดงธรรมแก่ปัญจวัคคีย์ก่อนเพราะเหตุไร?
ตอบ เพราะทรงระลึกถึงอุปการคุณของปัญจวัคคีย์ที่ได้คอยอุปัฏฐากพระองค์เมื่อครั้งทรงบําเพ็ญทุกรกิริยา ฯ
(ปี 62, 54) พระอัญญาโกณฑัญญะได้ชื่อว่าเป็นปฐมสาวก เพราะเหตุไร ?
ตอบ เพราะได้ฟังธัมมจักกัปปวัตตนสูตร ได้ดวงตาเห็นธรรมแล้วอุปสมบทในพระพุทธศาสนาเป็นองค์แรก ฯ
(ปี 59) พระอรหันตสาวก ๕ รูปแรก คือใครบ้าง ?
ตอบ ๑. พระอัญญาโกณฑัญญะ ๒. พระวัปปะ ๓. พระภัททิยะ ๔. พระมหานามะ ๕. พระอัสสชิ
เรียกว่า พระปัญจวัคคีย์ ฯ
(ปี 59) หลังจากตรัสรู้แล้ว พระพุทธเจ้าทรงพระประสงค์จักแสดงธรรมแก่ใครก่อน? และสมพระประสงค์หรือไม่ ? เพราะเหตไุ ร ?
ตอบ ทรงพระประสงค์จักแสดงแก่อาฬารดาบส กาลามโคตร
และอุทกดาบส รามบุตรฯ ไม่สมพระประสงค์ฯ เพราะท่านทั้ง ๒ นั้นสิ้นชพ
(ปี 58) ปัญจวัคคีย์ ได้แก่ใครบ้าง ? ท่านเหล่านั้นอุปสมบทด้วยวิธีอะไร ?
ตอบ ได้แก่พระอัญญาโกณฑัญญะ พระวัปปะ พระภัททิยะ พระมหานามะ และ พระอัสสชิ ฯ ด้วยวิธีเอหิภิกขุอุปสัมปทาฯ
(ปี 53) ปัญจวัคคีย์ คือใคร? มีความเกี่ยวข้องกับพระพุทธเจ้าขณะที่ยังทรงบําเพ็ญทุกรกิริยาอย่างไร?
ตอบ คือ นักบวชกลุ่มหนึ่ง มีทงั้
หมด ๕ คน มีท่านโกณทัญญะเป็นหัวหน้า ฯ ได้ตามเสด็จ คอยอุปัฏฐากรับใช้อยู่ตลอดเวลา ฯ
(ปี 46) ปัญจวัคคีย์ ได้แก่ใครบ้าง? ท่านเหล่านั้นอุปสมบทด้วยวิธีอะไร? และบรรลุอรหัตผลที่ไหน? ตอบ
ได้แก่ พระอัญญาโกณฑัญญะ ๑ พระวัปปะ ๑ พระภัททิยะ ๑ พระมหานามะ ๑ พระอัสสชิ ๑ ฯ
อุปสมบทด้วยวิธีเอหิภิกขุอุปสัมปทา ฯ บรรลุอรหัตผลที่ป่าอิสิปตนมฤคทายวัน เมืองพาราณสี ฯ
(ปี 44) จงให้ความหมายของคําว่า ปฐมเทศนา และมัชฌิมาปฏิปทา
ดอบ ปฐมเทศนา คือการแสดงธรรมครั้งแรก มัชฌิมาปฏิปทา คือขอปฏิบัติอันเป็นทางสายกลาง
(ปี 43) พระพุทธองค์ทรงแสดงปฐมเทศนาเมื่อไร? ใจความแห่งปฐมเทศนานั้นว่าด้วยเรื่องอะไร?
เสียแล้วฯ
ตอบ เมื่อวันเพ็ญ เดือนอาสาฬหะ สองเดือนหลังจากตรัสรู้ฯ ว่าด้วยที่สุดสองอย่างอันบรรพชิตไม่ควรเสพ, มัชฌิมาปฏิปทา, และอริยสัจ ๔ ฯ
ยสะกุลบุตร
·
ยสกุลบุตร -> ได้ฟัง อนุปุพพีกถา และ อริยสัจ ๔
(ปี 62, 59, 55, 44 ออกแทบทุกปี) คําว่า "ที่นี่วุ่นวายหนอ ที่นขัดข้องหนอ" เป็นคําอุทานของใคร? เพราะเหตุใดจึงอุทานเช่นนั้น?
ตอบ ของยสกุลบุตร ฯ เพราะเห็นอาการพิกลต่าง ๆ ของหมู่ชนบริวารที่นอนหลับ ไม่เป็นที่ตั้งแห่งความยินดีเหมือนเมื่อก่อน หมู่ชนบริวาร เหล่านั้นปรากฏแก่ยสกุลบุตร ดุจซากศพที่ทิ้งอยู่ในป่าช้า ครั้นเห็นแล้วเกิดความสังเวชสลดใจ คิดเบื่อหน่าย จึงได้ออกอุทานเช่นนั้น ฯ
(ปี 58) อนุปุพพีกถา ๕ ว่าด้วยเรื่องอะไร? ทรงแสดงครั้งแรกแก่ใคร?
ตอบ ว่าด้วยทาน ศีล สวรรค์ โทษแห่งกาม และอานิสงส์แห่งการออกจากกาม ฯ แก่ยสกุลบุตร ฯ
(ปี 57) คําว่า “ที่นี่ไม่วุ่นวาย ที่นี่ไม่ขัดข้อง” เป็นวาจาของใคร? กล่าวกะใคร? ตอบ ของพระพุทธเจ้า ฯ กะยสกุลบุตร ฯ
(ปี 54) ที่นี่วุ่นวายหนอ ที่นี่ขัดของหนอ” เป็นคําอุทานของใคร? ความวุ่นวายขัดข้องนั้นสงบลงได้อย่างไร
ตอบ คําอุทานของ ยสะกุลบุตร ความวุ่นวายขัดข้องนั้นสงบลงได้โดยการฟังพระธรรมเทศนา อนุปุพพีกถาและอริยสัจ ๔ ที่พระพุทธเจ้าแสดงโปรด
ชฎิล ๓ พี่น้อง
·
ชฎิล ๓ พี่น้อง -> ได้ฟัง อาทิตตปริยายสูตร
· ชฎิล ๓ พี่น้อง คือ อุรุเวลกัสสปะ นทีกัสสปะ คยากัสสปะ และบรวาร ๑,๐๐๐ คน พระพุทธเจ้าแสดงอาทิตตปริยายสูตร ที่ตําบลคยา สีสะ ใกล้แม่นํ้าคยา ใจความว่า “อายตนะภายใน อายตนะภายนอก
เป็นของร้อนๆ เพราะไฟกิเลสมีความกําหนัด ความโกรธหรือความ หลง เผาลนจิตใจ และร้อนเพราะไฟทุกข์ มีความเกิด แก่ เจ็บ ตาย ความโศก รํ่าไร รําพัน ความคับแค้นใจ เป็นต้น มาเผาลนให้ร้อน”
(ปี 51) พระพุทธเจ้าทรงแสดงอาทิตตปริยายสูตรแก่ใคร? ที่ไหน?
ตอบ แก่ชฎิล ๓
พี่น้อง และบริวาร ๑,๐๐๐ คน ฯ ที่ตําบลคยาสีสะ ใกล้แม่นํ้าคยา ฯ
โปรดพระเจ้าพิมพิสาร
· ลัฏฐิวัน (สวนตาลหนุ่ม) เมืองราชคฤห์ แคว้นมคธ เป็นสถานที่แสดงธรรมเทศนาโปรดพระเจ้าพิมพิสารและข้าราชบริพารจนสําเร็จเป็น
พระโสดาบัน (๑๑ นหุต บรรลโุ สดาบัน ส่วนอีก ๑ นหุตขอถึงพระรัตนตรัย) นหุต คือหนึ่งหมื่น
(ปี 52) พระพุทธเจ้าทรงเลือกแคว้นมคธเป็นที่ประดิษฐานพระพุทธศาสนาเป็นแห่งแรก เพราะเหตุไร ?
ตอบ เพราะแคว้นมคธ เป็นแคว้นใหญ่มีอํานาจและบริบูรณ์ด้วยสมบัติ มีประชาชนมาก มีเจ้าลัทธิมาก จึงทรงเลือก ฯ
(ปี 49) เพราะเหตุใดพระพุทธเจ้าทรงเลือกแคว้นมคธเป็นที่ประดิษฐานพระพุทธศาสนาเป็นครั้งแรก ?
ตอบ เพราะแคว้นมคธเป็นเมืองใหญ่มีอํานาจและบรบูรณ์ด้วยสมบัติ คับคั่ง ด้วยประชาชน พระเจ้าพิมพิสารทรงปกครองโดยสิทธิ์ขาด ทั้งเป็นที่อยู่ แห่งครูเจ้าลัทธิมากกว่ามาก ฯ
(ปี 45) พระราชาของแคว้นไหนที่นับถือพระพุทธศาสนาเป็นองค์แรก? และทรงพระนามว่าอะไร?
ความปรารถนาว่า "ขอให้ข้าพเจ้ารู้ทั่วถึงธรรมของพระอรหันต์" เป็นความปรารถนาของใคร? และความปรารถนานั้นสําเร็จบริบูรณ์เมื่อไร?
ตอบ พระราชาของแคว้นมคธ ทรงพระนามว่า พิมพิสาร ฯ ของพระเจ้าพิมพิสารครั้งยังทรงเป็นพระราชกุมาร ฯ
สําเรจบริบูรณ์ในวันที่ได้ฟังอนุปุพพีกถาและอริยสัจ ๔ ที่พระพุทธเจ้าทรงแสดงโปรด ณ สวนตาลหนุ่ม จนได้ดวงตาเห็นธรรม ฯ
(ปี 43) พระพุทธองค์เสด็จกรุงราชคฤห์ครั้งแรกภายหลังตรัสรู้ประทับที่ไหน? ทรงรับถวายพระอารามแห่งแรกชื่ออะไร?
ตอบ ประทับ ณ ลฏฐิวัน สวนตาลหนุ่มฯ ชื่อว่าเวฬุวนารามฯ
พระอัสสชิ พระสารีบุตร พระพระโมคคัลลานะ
· พระอัสสชิ แสดงธรรมให้อุปติสสะว่า “ธรรมเหล่าใดเกิดแต่เหตุ พระพุทธเจ้าทรงแสดงเหตุแห่งธรรมเหล่านั้น และความดับของธรรม เหล่านั้น พระองค์มีปกติตรัสอย่างนี้”
· พระสารีบุตร(อุปติสสะ) สําเรจเป็นพระโสดาบันเพราะฟังธรรมจากพระอัสสชิ ได้ดวงตาเห็นธรรมว่า “สิ่งใดสิ่งหนึ่ง มีความเกิดเป็น ธรรมดา สิ่งนั้นทั้งหมดมีความดับไปเป็นธรรมดา” และหลังบวชได้๑๕ วันบรรลุพระอรหันต์
· พระโมคคัลลานะ(โกลิตะ) สําเร็จเป็นพระโสดาบันเพราะฟังธรรมจากพระสารีบุตร ได้ดวงตาเห็นธรรมเพราะฟังธรรมจากพระสารีบุตร และหลังบวชได้ ๗ วันบรรลุพระอรหันต์
(ปี 64, 60, 52) พระอัครสาวกทั้ง ๒ องค์สําเร็จเป็นพระโสดาบัน เพราะฟังธรรมจากใคร ?
ตอบ พระสารีบุตร ฟังธรรมจากพระอัสสชิเถระ ฯ พระโมคคัลลานะ ฟังธรรมจากพระสารบุตร ฯ
(ปี 61) พระสารีบุตรสําเรจเป็นพระโสดาบัน เพราะได้ฟังธรรมจากใคร ? ธรรมนั้นมีใจความว่าอย่างไร ?
ตอบ จากพระอัสสชิเถระ ฯ ใจความว่า "ธรรมใดเกิดแตเหตุ พระศาสดาทรงแสดงเหตุแห่งธรรมนั้น และความดับแห่งธรรมนั้น" ฯ
(ปี 57) พระสารีบุตร พระโมคคัลลานะ ได้ดวงตาเห็นธรรมเพราะฟังธรรมจากใคร?
ตอบ พระสารีบุตรฟังธรรมจากพระอัสสชิ พระโมคคัลลานะฟังธรรมจากพระสารีบุตร ฯ
(ปี 53) คําว่า ดวงตาเห็นธรรม นั้นคือเห็นอย่างไร? พระโมคคัลลานะและพระสารีบุตรได้ดวงตาเห็นธรรมเพราะฟังธรรมจากใคร?
ตอบ คือเห็นว่า สิ่งใดสิ่งหนึ่งมีความเกิดขึ้นเป็นธรรมดา สิ่งนั้นทั้งมวลมีความดับเป็นธรรมดา ฯ พระโมคคัลลานะได้ดวงตาเห็นธรรมเพราะฟังธรรม
จากพระสารีบุตร และพระสารีบุตรได้ดวงตาเห็นธรรมเพราะฟังธรรมจากพระอัสสชิเถระ ฯ
จาตุรงคสันนิบาต (วันมาฆบูขา)
·
จาตุรงคสันนิบาต เกิดขึ้นที่วัดเวฬุวัน
(ปี 51) จาตุรงคสันนิบาต คือ
การประชุมที่ประกอบด้วยองค์อะไรบ้าง?
ตอบ ด้วยองค์ คือ ๑. พระสาวกผู้เข้าประชุมนั้น ล้วนเป็นพระอรหันต์
๒. ทุกท่านล้วนได้รับเอหิภิกขุอุปสัมปทา
๓. ไมไ่ ด้มีการนัดหมาย ต่างมาประชุมพร้อมกันเอง
๔. วันนั้นเป็นวันเพ็ญเดือนมาฆะ และพระศาสดาประทาน พระบรมพุทโธวาท ซึ่งเรียกว่า โอวาทปาฏิโมกข์ ฯ
(ปี 48) ในวันจาตุรงคสันนิบาต พระศาสดาทรงแสดงโอวาทปาฏิโมกข์แก่ใคร? ที่ไหน? ทรงยกธรรมข้อใดขึ้นแสดงเป็นข้อต้น?
ตอบ
ทรงแสดงแก่พระอรหันตขีณาสพ จํานวน ๑,๒๕๐ องค์ ฯ ณ เวฬุวนาราม ฯ ยกธรรมข้อขันติขึ้นแสดงเป็นข้อต้น ฯ
พระธรรมเทศนาพระสูตร
·
อริยสัจ ๔
(ปี 49) ในปฐมเทศนา พระพุทธเจ้าทรงแสดงอริยสัจไว้เท่าไร? อะไรบ้าง?
ตอบ ทรงแสดงอริยสจไว้ ๔ ประการ ฯ
คือ ๑.ทุกข์ ๒.สมุทัย ๓.นิโรธ ๔.มรรค ฯ
·
อนัตตลักขณสูตร (ขันธ์ทั้ง ๕ เป็นของไม่เที่ยง เป็นทุกข์ เป็นอนัตตา ไม่ควรยึดมั่น) มีผลให้พระปัญจวัคคีทั้ง ๕ บรรลุอรหัตตผล
(ปี 52) อนัตตลักขณสตร ว่าด้วยเรื่องอะไร? ทรงแสดงเมื่อไร? ผลเป็นอย่างไร?
ตอบ ว่าด้วย ขันธ์
๕ เป็นอนัตตา ฯ เมื่อวันแรม ๕ คํ่า
เดือน ๘ ฯ ผลคือจิตของพระปัญจวัคคีย์ทั้ง ๕ พ้นแล้วจากอาสวะ ไม่ถือมั่นด้วยอุปาทาน ฯ (ปี
43) พระธรรมเทศนาต่อไปนี้ พระพุทธองค์ทรงแสดงที่ไหน
และมีผลอย่างไร? ก.อนัตตลักขณสตร ข.อาทิตตปริยายสตร ตอบ ก.ทรงแสดงที่ป่าอิสิปตนมฤคทายวัน มีผลให้พระปัญจวัคคีย์ทั้ง ๕ ได้บรรลุอรหัตตผล
ข.ทรงแสดงที่ตําบลคยาสีสะ ใกล้แม่นํ้าคยา มีผลให้พระภิกษุปุราณชฎิลบรรลุอรหัตตผล
·
อนุปุพพีกถา
(ปี 58) อนุปุพพีกถา ๕ ว่าด้วยเรื่องอะไร ? ทรงแสดงครั้งแรกแก่ใคร ?
ตอบ ว่าด้วยทาน ศีล สวรรค์ โทษแห่งกาม และอานิสงส์แห่งการออกจากกาม ฯ แก่ยสกุลบุตร ฯ
(ปี 48) อนุปุพพีกถา คืออะไรบ้าง? ทรงแสดงแก่ใครเป็นครั้งแรก? ตอบ คือ ทาน ศีล สวรรค์ กามาทีนพ และเนกขัมมานิสงส์ฯ แก่ยสกุลบุตรฯ
·
อาทิตตปริยายสูตร ที่ตําบลคยาสส
ะ ใกล้แม่นํ้าคยา ใจความว่า “อายตนะภายใน อายตนะภายนอก เป็นของร้อนๆ เพราะไฟกิเลสมี
ความกําหนัด ความโกรธหรือความหลง เผาลนจิตใจ และร้อนเพราะไฟทุกข์ มีความเกิด แก่
เจ็บ ตาย
ความโศก รํ่าไร รําพัน ความคับ แค้นใจ เป็นต้น มาเผาลนให้ร้อน”
มีผลทําให้ชฎิล บรรลุอรหัตตผล
·
เวทนาปริคคหสูตร แก่ทีฆนขปริพาชก ณ ถํ้าสุกรขาตา เขาคิชฌกูฏ แขวงเมืองราชคฤห์ ฯ มีใจความว่า “ให้พิจารณาร่างกาย ซึ่งมีความ
แตกทําลายไม่ยั่งยืน และแสดงผลเสียของการยึดมั่น พร้อมกับตรสให้ละเลิกทิฏฐิอย่างนั้นเสีย”
(ปี 45) พระพุทธองค์ทรงแสดงธรรมต่อไปนี้แก่ใคร? ที่ไหน? ก. โอวาทปาฏิโมกข์ข. เวทนาปริคคหสูตร
ตอบ ก. แก่พระอรหันตขีณาสพ ๑,๒๕๐ องค์ ณ เวฬุวนาราม แคว้นมคธ
ข. แก่ทีฆนขปริพาชก ณ ถํ้าสุกรขาตา เขาคิชฌกูฏ แขวงเมืองราชคฤห์ ฯ
สิ่งแรก/สิ่งสุดท้าย ที่น่าจํา
(ปี 64) เทศนากัณฑ์แรก ชื่ออะไร ? พระพุทธเจ้าทรงแสดงแก่ใคร ? ตอบ ชื่อ ธัมมจักกัปปวัตตนสูตร ฯ แก่พระปัญจวัคคีย์ ฯ
(ปี 64) ฆราวาสที่บรรลุพระอรหัตผลคนแรกคือใคร ? เพราะฟังธรรมอะไร ? ตอบ
คือ ยสกุลบุตร ฯ เพราะฟังอนุปุพพีกถา และอริยสัจ ๔ ฯ
(ปี 63, 58) ใครถวายบิณฑบาตแด่พระพุทธองค์ก่อนตรัสรู้ และก่อนปรินิพพาน? ตอบ ก่อนตรัสรู้ คือนางสุชาดา ก่อนปรินิพพาน คือนายจุนทะ ฯ
(ปี 62, 54) พระอัญญาโกณฑัญญะได้ชื่อว่าเป็นปฐมสาวก เพราะเหตุไร ?
ตอบ เพราะได้ฟังธัมมจักกัปปวัตตนสูตร ได้ดวงตาเห็นธรรมแล้วอุปสมบทในพระพุทธศาสนาเป็นองค์แรก ฯ
(ปี 61) ปฐมสาวกและปัจฉิมสาวก คือใคร ? ตอบ ปฐมสาวก คือ พระอัญญาโกณฑัญญะ ปัจฉิมสาวก คือ พระสุภัททะ ฯ
(ปี 60, 55, 46) เทศนากัณฑ์แรก ชื่ออะไร ?
ปัจฉิมสักขสาวก คือสาวกองค์สุดท้าย ที่ได้เห็นพระศาสดา ได้แก่ใคร ?
ตอบ เทศนากัณฑ์แรก ชื่อ
ธัมมจักกัปปวัตตนสูตร ฯ ปัจฉิมสักขิสาวก ได้แก่ พระสภัททะ ฯ
(ปี 60, 50) ธรรมจักษุ ดวงตาเห็นธรรมนั้น คือเห็นว่าอย่างไร? ได้เกิดขึ้นแก่ ผู้ใดเป็นคนแรก?
ตอบ เห็นว่า “สิ่งใดสิ่งหนึ่งมีความเกิดขึ้นเป็นธรรมดา สิ่งนั้นทั้งหมดล้วนมีความดับเป็นธรรมดา” ฯ เกิดแก่โกณฑัญญพราหมณ์เป็นคนแรก ฯ
(ปี 58) ผู้ประกาศตนเป็นอุบาสกด้วยการถึงรัตนะ ๒ เป็นครั้งแรก คือใคร ? ได้พบพระพุทธเจ้าที่ไหน ?
ตอบ คือตปุสสะ และภัลลิกะ ฯ ทใต้ต้นราชายตนะ ฯ
(ปี 56) บุคคลผู้แสดงตนเป็นอุบาสกด้วยการถึงรัตนะ ๒ และรัตนะ ๓ เป็นคนแรกคือใคร ?
ตอบ ผู้ถึงรัตนะ ๒ คือตปุสสะและภัลลิกะ ฯ ผู้ถึงรัตนะ ๓ คือ บิดาพระยสะ ฯ (ปี 55) พระโสดาบัน องค์แรก เรียกว่าเป็น
ปฐมสาวก คือ พระอัญญาโกณฑัญญะ (ปี 55) พระอรหันต์ มีครั้งแรก คือ พระปัญจวัคคีย์
(ปี 60, 52) คฤหัสถ์ที่บรรลุพระอรหัตผลคนแรกคือใคร ? เพราะฟังธรรมอะไร ? ตอบ คือ ยสกุลบุตร ฯ เพราะฟังอนุปุพพีกถา และอริยสัจ ๔ ฯ
(ปี 52) พระพุทธเจ้าทรงเลือกแคว้นมคธเป็นที่ประดิษฐานพระพุทธศาสนาเป็นแห่งแรก เพราะเหตุไร ?
ตอบ เพราะแคว้นมคธ เป็นแคว้นใหญ่มีอํานาจและบริบูรณ์ด้วยสมบัติ มีประชาชนมาก มีเจ้าลัทธิมาก จึงทรงเลือก ฯ
(ปี 51) พระอรหันตสาวก ๕ รูปแรก คือใครบ้าง? ตอบ คือ ๑. พระโกณฑัญญะ ๒. วัปปะ ๓. ภัททิยะ
๔. มหานามะ ๕. อัสสชิ
(ปี 49) ผู้ใดได้ถวายภตตาหารมื้อแรกหลังจากตรัสรู้ และภัตตาหารมื้อสุดท้ายก่อนปรินิพพานแก่พระพุทธเจ้า?
ตอบ ตปุสสะและภลลิกะ ๒ พาณิช ไดถวายภัตตาหารมื้อแรกหลังจากตรัสรู้แล้ว
นายจุนทกัมมารบุตร ได้ถวายภตตาหารมื้อสุดท้ายก่อนปรินิพพาน ฯ
(ปี 48) อนุปุพพีกถา คืออะไรบ้าง? ทรงแสดงแก่ใครเป็นครั้งแรก? ตอบ คือ
ทาน ศีล สวรรค์ กามาทีนพ และเนกขัมมานิสงส์ฯ แก่ยสกุลบุตรฯ
(ปี 45) พระพุทธองค์ประทับจําพรรษาสุดท้าย ณ ที่ใด? พระองค์ทรงปลงอายุสังขารเมื่อใด?
ตอบ ณ บ้านเวฬุวคาม กรุงเวสาลี แคว้นวัชชี ฯ
เมื่อวันเพ็ญเดือน ๓ คือ ๓
เดือนก่อนเสด็จดับขันธปรินิพพาน ฯ
(ปี 43) พระพุทธองค์เสด็จกรุงราชคฤห์ครั้งแรกภายหลังตรัสรู้ประทับที่ไหน? ทรงรับถวายพระอารามแห่งแรกชื่ออะไร?
ตอบ ประทับ ณ ลัฏฐิวัน สวนตาลหนุ่มฯ ชื่อว่าเวฬุวนารามฯ
ก่อนปรินิพพาน
(ปี 62, 47) การปลงอายุสังขารของพระพุทธองค์ ถือโดยใจความว่าอย่างไร ? และทรงปลงอายุสังขารเมื่อใด ?
ตอบ ถือโดยใจความว่า พระองค์ทรงปรารภถึงสังขารว่า ทรงพระชราล่วงกาลผ่านไปไม่สามารถ บําเพ็ญพุทธกิจต่อไปได้อีกแล้ว ฯ เมื่อวันเพ็ญ เดือน ๓ ก่อนวันปรินิพพาน ๓ เดือน ฯ
(ปี 50) พระพุทธองค์ทรงปลงอายุสังขาร คือทรงทําอย่างไร? ที่ไหน? เมื่อไร?
ตอบ คือทรงกําหนดพระหฤทัยว่า “จักปรินิพพานในอีก ๓ เดือนข้างหน้า” ฯ ทรงทําที่ปาวาลเจดีย์ เมืองเวสาลี แคว้นวัชชี ฯ เมื่อวันเพ็ญเดือน ๓ ก่อนปรินิพพาน ๓ เดือน (วันมาฆบูชา) ฯ
(ปี 45) พระพุทธองค์ประทับจําพรรษาสดท้าย ณ ที่ใด? พระองค์ทรงปลงอายุสังขารเมื่อใด?
ตอบ ณ บ้านเวฬุวคาม กรุงเวสาลี แคว้นวัชชี ฯ เมื่อวันเพ็ญเดือน ๓ คือ ๓
เดือนก่อนเสด็จดับขันธปรินิพพาน ฯ
(ปี 43) พระพุทธองค์ทรงจําพรรษาสุดท้ายที่เมืองอะไร? ทรงรับภตตาหารมื้อสุดท้ายที่เมืองอะไร?
ตอบ ที่เวฬุวคาม เขตเมืองเวสาลฯ ที่ปาวานคร ฯ
(ปี 44) พระพุทธองค์ได้ตรัสถึงสาเหตุของแผ่นดินไหวไว้อย่างไรบ้าง ? จงบอกมา ๕ สาเหตุ
ตอบ ตรัสถึงสาเหตดังต่อไปนี้ (เลอกตอบเพียง ๕ ข้อ)
๑. ลมกําเริบ ๕. พระพุทธเจ้าตรสรู้พระอนุตตรสัมมาสัมโพธิญาณ
๒. ท่านผู้มีฤทธิ์บันดาล ๖. พระพุทธเจ้ายังธรรมจักรให้เป็นไป
๓. พระโพธิสัตว์จุติจากดสิตลงสู่พระครรภ์ ๗. พระพุทธเจ้าทรงปลงอายุสังขาร
๔. พระโพธิสัตว์ประสติ ๘. พระพุทธเจ้าปรินิพพานด้วยอนุปาทิเสสนิพพานธาตุ
(ปี 50) พระพุทธเจ้าเสวยพระกระยาหารอะไร ก่อนแต่เสด็จปรินิพพาน? ใครถวาย?
ตอบ เสวยมังสะสุกรอ่อน (สูกรมททวะ) ฯ นายจุนทกัมมารบุตรถวาย ฯ
(ปี
45) เมื่อจะเสด็จดับขันธปรินิพพาน พระพุทธองค์ได้ประทานพระโอวาทเรื่องศาสดาแทนพระองค์ไว้อย่างไร? พระผมีพระภาคได้ตรัสถึงวิธีปฏิบัติต่อภิกษุผู้ถูกลงพรหมทัณฑ์ไว้อย่างไร?
ตอบ ได้ประทานพระโอวาทว่า "ดูก่อนอานนท์ ธรรมก็ดี วินัยก็ดี อันใด อันเราได้แสดงแล้ว ได้บัญญัติแล้วแก่ท่านทั้งหลาย ธรรมและวินัยนั้น
จักเป็นศาสดาแห่งท่านทั้งหลาย โดยกาลที่ล่วงไปแล้วแห่งเรา" ฯ
ตรัสไว้ว่า "ภิกษุนั้นจะพึงปรารถนาเจรจาคําใด ก็พึงเจรจาคํานั้น ภิกษุทั้งหลายไม่พึงว่า ไม่พึงโอวาท ไม่พึงสั่งสอนเลย" ฯ
(ปี 44) พระพุทธเจ้าทรงแสดงแกพระอานนท์เกี่ยวกับการที่ภิกษุจะพึงปฏิบัติต่อสตรไี ว้อย่างไร?
ตอบ ทรงแสดงว่า " ไม่เห็นเสียเลยดีกว่า ถ้าจําเป็นจะต้องเห็นก็อย่าพูดด้วย ถ้าจําเป็นจะต้องพูดก็ให้มีสติสํารวมระวังอย่าให้แปรปรวนไป ด้วยราคะ "
(ปี 48) พระปัจฉิมโอวาท มีใจความว่าอย่างไร? ทรงประทานที่ไหน?
ตอบ พระปัจฉิมโอวาท มีใจความ “ดูกรภิกษุทั้งหลาย บัดนี้เราขอเตือนท่านทั้งหลายว่า สังขารทั้งปวงมีความเสื่อมไปเป็นธรรมดา ท่านทั้งหลายจง ยังกิจของตนและของคนอื่นให้ถึงพร้อม ด้วยความไม่ประมาทเถิด”
ทรงประทานที่ สาลวโนทยาน เมืองกุสินารา แคว้นมัลละ
(ปี 61, 53) พระพุทธเจ้าทรงสรรเสรญปฏิบัติบูชายิ่งกว่าอามิสบูชาเพราะเหตุไร ?
ตอบ การปฏิบัติบูชา ถ้าปฏิบัติสมควรแก่ธรรม ก็จะเป็นเหตุปัจจัยให้ตรส หลักในการเผยแผ่ศาสนา และทําให้ศาสนาตั้งอยู่ได้นาน
รู้ธรรมได้ เป็นไปตามจุดมุ่งหมายสูงสุดในพระศาสนา เป็นพุทธประสงค์
ถูปารหบุคคล คือ บุคคลที่ควรแก่การบรรจุอัฐิธาตุไว้ในสถูปเพื่อบูชา มี ๔ ประเภท ได้แก่ พระสัมมาสัมพุทธเจ้า, พระปัจเจกพุทธเจ้า, พระอรหันต
สาวก
และพระเจ้าจักรพรรดิ์
(ปี 59) ถูปารหบุคคล มีกี่ประเภท ? คือใครบ้าง ?
ตอบ มี
๔ ประเภท ฯ คือ ๑. พระสัมมาสมพุทธเจ้า ๒. พระปัจเจกพุทธเจ้า ๓. พระอรหันตสาวก ๔. พระเจ้าจักรพรรดิ์ ฯ
(ปี 54, 46) ถูปารหบุคคล คือบุคคลเช่นไร? ได้แก่ใครบ้าง?
หลังปรินิพพาน
(ปี 58) สถานที่ถวายพระเพลิงพระพุทธสรีระ ชื่อว่าอะไร ? ตั้งอยู่ในเมืองอะไร ? ตอบ
ชื่อว่า มกุฏพันธนเจดีย์ ฯ เมืองกุสินารา ฯ
(ปี 57) ผู้ที่กล่าวสุนทรพจน์ระงับไม่ให้เกิดสงครามแย่งชิงพระบรมสารริกธาตุ คือใคร? ตอบ
โทณพราหมณ์ ฯ
(ปี
46) เมื่อวันพระศาสดาปรินิพพาน
มีพระสาวกผู้ใหญ่อยู่ในที่นั้นกี่รูป? ใครบ้าง? หลังพุทธปรินิพพานแล้ว ได้มีการถวายพระเพลิงพระพุทธสรีระที่ไหน? เมื่อไร?
ตอบ
มี ๒
รูป คือ
พระอนุรุทธเถระ และพระอานนทเถระ ฯ ที่ มกุฏพันธนเจดีย์ ฯ หลังพุทธปรินิพพานได้ ๗ วัน ฯ
สังคายนา
(ปี 47) พระพุทธศาสนาสืบเนื่องมาถึงปัจจุบันนี้ได้อย่างไร?
ตอบ ได้ด้วยการที่บริษัททั้ง ๔ ปฏิบัติตามพระธรรมวินัย และด้วยวิธีที่พระสงฆ์สาวกผู้ใหญ่ มีพระมหากัสสปะเป็นต้น เป็นประธานจัดทําสังคายนา พระธรรมวินัย วางแบบแผนที่ถูกต้องลงไว้ในพระพุทธศาสนาเป็นครั้งแรก เพื่อให้บริษัท ๔ ได้เล่าเรียนปฏิบัติตาม เมื่อมีสิ่งไรไม่เป็นธรรมเกิดขึ้นใน พระพุทธศาสนา พระอริยสงฆ์ในยุคนั้นๆ ได้ช่วยกันทําสังคายนาเป็นครั้งที่ ๒ และครั้งที่ ๓ เป็นลาดับมา เพื่อชําระสัทธรรมปฏิรูปนั้นเสีย จนได้ จารึกไว้ในพระคัมภีร์ให้แพร่หลาย รวมทั้งจัดการส่งพระสงฆ์ไปประกาศพระพุทธศาสนาในดินแดนต่างๆ ให้ชุมชนในดินแดนนั้นๆ เลื่อมใสปฏิบัติ ตาม จึงทําให้พระพุทธศาสนาสืบเนื่องมาจนปัจจุบันนี้ ฯ
สถานที่เกี่ยวกับพระพุทธเจ้า สังเวชนีสถาน ๔
·
ประสูติ ใต้ต้นสาละ สวนลุมพินีวัน อยู่ระหว่างกรุงกบิลพัสดุ์กับกรุงเทวทหะ
·
ตรัสรู้ ต้นพระศรีมหาโพธิ์(ต้นอัสสตถพฤกษ์) ริมฝั่งแม่นํ้าเนรัญชรา ตําบลอุรุเวลาเสนานิคม
·
ปฐมเทศนา ป่าอิสิปตนมฤคทายวน
เมืองพาราณสี แคว้นมคธ
·
ปรินิพพาน ใต้ต้นสาละคู่ ณ สาลวัน (สาลวโนทยาน) เมืองกุสินารา แคว้นมัลละ
(ปี 63, 57) สังเวชนียสถาน ๔ ตําบล เป็นสถานที่ให้ระลึกถึงเหตุการณสําคัญอะไรบ้าง?
ตอบ เหตุการณ์ที่พระพุทธองค์ ๑. ประสติ ๒. ตรสรู้ ๓. ทรงแสดงธรรมจักกัปปวัตตนสตรเป็นครั้งแรก ๔. เสด็จปรินิพพาน ฯ
(ปี 53, 44) สังเวชนียสถาน ๔ ได้แก่ที่ใดบ้าง? ตอบ ได้แก่ ๑.สถานที่ประสูติ ๒.สถานที่ตรัสรู้ ๓.สถานที่แสดงปฐมเทศนา ๔.สถานที่ปรินิพพานฯ
(ปี
51) สถานที่ต่อไปนี้เกี่ยวข้องกับพระพุทธเจ้าอย่างไร ก. ลุมพินีวัน ข. อิสิปตนมฤคทายวัน ค. สาลวโนทยาน
ตอบ ก. ลุมพินีวัน เป็นสถานที่ประสูติ ข. อิสิปตนมฤคทายวัน เป็นสถานที่ทรงแสดงปฐมเทศนา ค. สาลวโนทยาน เป็นสถานที่ปรินิพพาน
สถานที่สําคัญ
Ø
ลุมพินีวัน อยู่ระหว่างกรุงกบิลพัสดุ์กับกรุงเทวทหะ เป็นสถานที่ประสูติ
Ø
ป่าอิสิปตนมฤคทายวัน เมืองพาราณสี แคว้นมคธ ทรงแสดงปฐมเทศนาโปรดปัญจวัคคีย์
Ø ลัฏฐิวัน (สวนตาลหนุ่ม) เมืองราชคฤห์ แคว้นมคธ เป็นสถานที่แสดงอนุปุพพีกถาและอริยสัจ ๔ เพื่อโปรดพระเจ้าพิมพิสารและข้าราชบริพาร
จนสําเร็จเป็นพระโสดาบัน (๑๑ นหุต บรรลุโสดาบัน ส่วนอีก ๑ นหุตขอถึงพระรัตนตรัย) นหุต คือหนึ่งหมื่น
Ø
วัดเวฬุวัน (สวนไม้ไผ่ หรือ เวฬุวนาราม) เมืองราชคฤห์ แคว้นมคธ วัดแรกในพระพุทธศาสนา พระเจ้าพิมพิสาร เป็นผส
สถานที่พระพุทธเจ้าแสดงโอวาทปาฏิโมกข์แก่พระอรหันตขีณาสพ ๑,๒๕๐ องค์
ร้างถวาย เป็น
Ø
วัดเชตวัน เมืองสาวัตถี แคว้นโกศล อนาถบิณฑิกเศรษฐี เป็นผู้สร้างถวาย และพระพุทธองค์ประทับจําพรรษานานถึง ๑๙ พรรษา
Ø
สาลวัน (สาลวโนทยาน) เมืองกุสินารา แคว้นมัลละ ทรงแสดงมรรคมีองค์แปดแก่สุภัสททปริพาชก เป็นสถานที่ปรินิพพาน
(ปี 62, 55) ครั้งพุทธกาล วัดเชตวัน ตั้งอยู่ที่เมืองอะไร? ใครเป็นผส
ตอบ เมืองสาวัตถี ฯ อนาถบิณฑิกเศรษฐีเป็นผู้สร้างถวาย ฯ
(ปี
54,
46)
สถานที่ต่อไปนี้เกี่ยวของกับพระบรมศาสดาอย่างไร?
ร้างถวาย?
๑. ลุมพินีวัน ๒. อิสิปตนมฤคทายวัน ๓. ลัฏฐิวัน ๔. เวฬุวัน ๕. สาลวัน
ตอบ ๑. ลุมพินีวัน เป็นสถานที่ประสูติ
๒. อิสิปตนมฤคทายวัน เป็นสถานที่ทรงแสดงปฐมเทศนาโปรดพระปัญจวัคคีย์
๓. ลัฏฐิวัน
เป็นสถานที่ทรงแสดงธรรมเทศนาโปรดพระเจ้าพิมพิสารและบริวารจนสําเร็จเป็นพระโสดาบัน
๔. เวฬุวัน เป็นสถานที่ทรงแสดงโอวาทปาติโมกข์
๕. สาลวัน เป็นสถานที่ทรงแสดงมรรคมีองค์แปดแก่สุภัททปริพาชก และเป็นสถานทเสด็จดับขันธปรินิพพาน ฯ
(ปี
46) สถานที่ต่อไปนี้เกี่ยวข้องกับพระพุทธเจ้าอย่างไร? ก. ลัฏฐิวัน ข. เชตวัน
ตอบ ก.ลัฏฐิวัน เป็นสถานที่ที่พระศาสดาทรงแสดงอนุปุพพีกถาและอริยสัจ ๔
แด่พระเจ้าพิมพิสารพร้อมด้วยข้าราชบริพารผู้เสด็จไปเข้าเฝ้า ณ ที่นั่น ฯ
ข. เชตวัน เป็นพระอารามซึ่งอนาถบิณฑิกเศรษฐีสร้างถวาย และพระพุทธองค์ประทับจําพรรษานานถึง ๑๙ พรรษา ฯ
(ปี 45) สถานที่ต่อไปนี้มีความเกี่ยวเนื่องกับพระพุทธองค์อย่างไร ? ก. เวฬุวัน ข. สาลวัน
ตอบ ก. เป็นพระราชอุทยานของพระเจ้าพิมพิสารซึ่งทรงถวายเป็นที่ประทับของพระพุทธองค์พร้อมกับพระสงฆ์ เป็นสังฆารามแห่งแรกฯ ข. เป็นสถานที่แสดงธรรมโปรดสภททปริพาชกผู้เป็นปัจฉิมสักขิสาวก และเป็นสถานที่ปรินิพพาน ฯ
ประเภทของเจดีย์
๑.ธาตุเจดีย์ บรรจุพระบรมสารีริกธาตุ
๒.บริโภคเจดีย์ สิ่งของหรือสถานที่ที่พระพุทธเจ้าเคยทรงใช้สอย มี สังเวชนียสถาน, บาตร, จีวร, กฏิ, วิหาร,ตุมพสถูป
(สถูปบรรจุทะนานทองที่ใช้ ตวงพระธาตุ
เมื่อพระพุทธเจ้าปรินิพพานแล้ว) ,อังคารสถูป
๓.ธรรมเจดีย์ สิ่งที่จารึกคําสอนพระพุทธเจ้า เช่น คําภีร์ พระไตรปิฎก ใบลาน
แผ่นศิลา หนังสือ
๔.อุทเทสิกเจดีย์ พระพุทธรูป
(ปี 52) พระพุทธรูป สังเวชนียสถาน ตุมพสถูป และ
อังคารสถูป อย่างไหนเป็นบริโภคเจดีย์และอุทเทสิกเจดีย์ ?
ตอบ สังเวชนียสถาน ตุมพสถูป และ อังคารสถูป เป็นบริโภคเจดีย์ พระพุทธรูป เป็นอุทเทสิกเจดีย์ ฯ
อื่น ๆ
(ปี 47) ในพิธีศิวาราตรี ถือว่าการอาบนํ้าชําระร่างกายในแม่นํ้าเป็นการลอยบาป ส่วนในทางพระพุทธศาสนาพระพุทธเจ้าทรงแสดงวิธีลอยบาปไว้
อย่างไร? ตอบ ทรงแสดงไว้ว่า การยังบาปให้สงบระงับจากสันดาน ละกิเลสที่ทําให้เป็นผู้ดุร้ายเย่อหยิ่งและกิเลสที่ย้อมจิตให้ติดแน่นในกามารมณ์
เป็นการลอยบาป ฯ
ศาสนพิธ๊
ศาสนพิธี คือ แบบอย่างหรือแบบแผนต่างๆ ที่พึงปฏิบัติในทางพระพุทธศาสนา แยกออกเป็น ๔ หมวด ดังนี้
๑.กุศลพิธี (หมายถึง พิธีการบําเพ็ญกุศล) เป็นพิธีกรรมทําความดีแก่ตนเอง ได้แก่ พิธีแสดงตนเป็นพุทธมามกะ พิธีเวียนเทียนในวันสาคัญทาง พุทธศาสนา พิธีรักษาอุโบสถ
๒.บุญพิธี (หมายถึง พิธีการทําบุญ) เป็นพิธีบุญเนื่องด้วยประเพณีในครอบครัวของชาวพุทธ เกี่ยวกับชีวิตของคนไทยทั่วไป เกี่ยวกับเรื่องฉลอง
บ้าน
เรื่องต้องการให้เกิดสิริมงคลบ้าง เรื่องตายบ้าง จึงเกิดมีพิธีกรรมที่จะต้องปฏิบัติขึ้น และถือปฏิบัติสืบๆ กันมาตั้งแต่โบราณกาล ได้แก่ ทําบุญ งานมงคล
ทําบุญงานอวมงคล
๓.ทานพิธี
พิธีถวายทานต่างๆ มีการ
ถวายสังฆทาน เป็นต้น
๔.ปกิณกพิธี ข้อปฏิบัติในพิธีกรรมทั่วๆ ไปที่ชาวพุทธนิยมทํากัน แต่ยังไม่เป็นหมวดมารวบรวมเป็นหมวดหมู่ ได้แก่ การแสดงความเคารพพระ การ ประเคนของพระ การทํา👉นังสืออาราธนาและใบปวารณาถวายจตุปัจจัย การอาราธนาศีล อาราธนาธรรม อาราธนาพระปริตร และ การกรวดนํ้า
(ปี 64, 62, 59, 48) ศาสนพิธี คืออะไร ? ผู้ที่ได้เรียนรู้แล้วได้รับประโยชน์อย่างไรบ้าง ?
ตอบ คือ
แบบอย่าง หรือแบบแผนต่าง ๆ ที่พึงปฏิบัติในทางพระศาสนา ฯ
ย่อมได้รับประโยชน์ คือ
เป็นผู้ฉลาดในพิธีกรรมที่เกี่ยวด้วยการบําเพ็ญกุศล การทําบุญและการถวายทาน สามารถในการจัดพิธีต่าง ๆ ได้ถูกต้อง ตามระเบียบแบบแผน ชื่อว่า เป็นผู้รักษาขนบประเพณีอันงดงามของพระพุทธศาสนาไว้ได้ด้วย ฯ
ปี 57) ศาสนพิธี คืออะไร? มีหมวดอะไรบ้าง?
ตอบ คือแบบอย่างหรือแบบแผนต่างๆ ที่พึงปฏิบัติในทางพระพุทธศาสนา ฯ
มี ๑. หมวดกุศลพิธี ๒. หมวดบุญพิธี ๓. หมวดทานพธี
๔. หมวดปณิณกะ ฯ
(ปี 56) บุญพิธีมีกี่อย่าง ? อะไรบ้าง ? ตอบ มี ๒ อย่าง ฯ คือ ๑. การทําบุญงานมงคล ๒. การทําบญงานอวมงคล ฯ (ปี
50, 44) ศาสนพิธี คืออะไร? เมื่อแยกเป็นหมวดจะได้หมวดอะไรบ้าง การทําบุญขึ้นบ้านใหม่จัดอยู่ในหมวดไหน? ตอบ คือ แบบอย่างหรือแบบแผนต่าง ๆ ที่พึงปฏิบัติในทางพระพุทธศาสนา ฯ
จะได้ ๑. หมวดกุศลพิธี ๒. หมวดบุญพิธี ๓. หมวดทานพิธี ๔. หมวดปกิณกะ ฯ จัดอยู่ในหมวดบุญพิธี ฯ
(ปี 49) กุศลพิธี หมายถึง? บุญพิธี หมายถึง? ตอบ กุศลพิธี
หมายถึง พิธีการบําเพ็ญกุศลฯบุญพิธี หมายถึง พิธีการทําบุญฯ
(ปี 47) ในพิธีทําบุญต่างๆ มีผู้เกี่ยวข้องในการปฏิบัติกี่ฝ่าย? คือใครบ้าง?
ตอบ
มีผู้เกี่ยวข้องในการปฏิบัติ ๒ ฝ่าย คือ ๑. ฝ่ายเจ้าภาพ คือทายกทายิกา ผู้ประกอบการทําบุญ
๒. ฝ่ายปฏิคาหก คือผู้รับทานและประกอบพิธีกรรมตามประสงค์ ของเจ้าภาพ ซึ่งเป็นบรรพชิต เรียกอีกอย่างว่า ฝ่ายพระสงฆ์ ฯ
(ปี
46, 43) ท่านได้ศึกษาศาสนพิธีแล้ว เข้าใจเรื่องต่อไปนี้อย่างไร? ก.บุญพิธี ข.ทานพิธี
ตอบ ก.บุญพิธี ว่าด้วยพิธีทําบุญ มี ๒ อย่าง คือ ๑. ทําบุญงานมงคล เช่น ทําบุญขึ้นบ้านใหม่ ทําบุญอายุเป็นต้น
๒. ทําบุญงานอวมงคล เช่น งานศพ เป็นต้น ฯ ข.ทานพิธี ว่าด้วยพิธีถวายทานต่าง ๆ เช่น ถวายสังฆทานเป็นต้น ฯ
พุทธมามกะ (กุศลพิธี) หมายถึง ผู้ที่ประกาศตนว่าเป็นผู้รับนับถือพระพุทธเจ้า เป็นการแสดงตนให้ปรากฏว่ายอมรับนับถือพระพุทธศาสนาประจํา
ชีวิตของตน
(ปี 64) การแสดงตนเป็นพุทธมามกะ คืออะไร? ตอบ
คือ การประกาศตนว่าเป็นผู้นับถือพระพุทธศาสนา ฯ
(ปี 61, 58) การแสดงตนเป็นพุทธมามกะ หมายถึงอะไร ?
ตอบ หมายถึง การประกาศตนของผู้แสดงว่า ยอมรับนับถือพระพุทธศาสนาประจําชีวิตของตน ฯ
(ปี 53) พุทธมามกะหรือพุทธมามิกาหมายถึงบุคคลเช่นไร?
ตอบ หมายถึงบุคคลผู้เป็นชายหรือหญิงผู้รับนับถือพระพุทธเจ้าเป็นของตน เป็นการยอมรับนับถือพระพุทธศาสนาประจําชีวิตของตนนั่นเอง ฯ
(ปี 49) พุทธมามกะ หมายถึง?
(ปี 44) พิธีแสดงตนเป็นพุทธมามกะ หมายถึงอะไร?
ตอบ หมายถึง การประกาศตนของผู้แสดงว่าเป็นผู้รับนับถือพระพุทธเจ้าเป็นของตน เป็นการแสดงตนให้ปรากฏว่า ยอมรับนับถือพระพุทธศาสนา ประจําชีวิตของตน
การแสดงความเคารพในศาสนพิธี มี ๓ อย่าง (ปกิณกพิธี)
ประนมมือ (อัญชลี) คือการไหว้กระพุ่มมือทั้งสองประกบกันไว้ระหว่างอกโดยให้ทุกนิ้วของมือ ทั้งสองแนบชิดติดตรงกัน
ไหว้ (วันทา หรือ
นมัสการ) คือการยกมือที่ประนมขึ้นพร้อมก้มศีรษะเล็กน้อย ให้มือประนมจรดหน้าผาก นิ้วมือทั้ง ๒ อยู่ระหว่างคิ้ว
กราบ
(อภิวาท) คือการแสดงอาการกราบราลงพื้นด้วยเบญจางคประดิษฐ์
(ปี 63, 56, 49) การแสดงความเคารพพระมีกี่วิธี? อะไรบ้าง?
ตอบ มี ๓
วิธี ฯ
คือ ๑. ประนมมือ เรียกว่า อัญชลี ๒. ไหว้ เรียกว่า นมัสการ ๓. กราบ
เรียกว่า อภิวาท ฯ
(ปี 52) การแสดงความเคารพในศาสนพิธีมีอะไรบ้าง? ในแต่ละอย่างมีวิธีปฏิบัติอย่างไร?
ตอบ มี ประนมมือ
๑ ไหว้
๑ กราบ
๑ ฯ
ประนมมือ คือการกระพุ่มมือทั้งสองประกบกันไว้ระหว่างอก โดยให้ทุกนิ้วของมือทั้งสองแนบชิดติดตรงกัน
ไหว้ คือการยกมือที่ประนมขึ้นพร้อมก้มศีรษะเล็กน้อยให้มือประนมจรดหน้าผาก นิ้วมือทั้ง ๒ อยู่ระหว่างคิ้ว กราบ คือการแสดงอาการกราบราบลงพื้นด้วยเบญจางคประดิษฐ์ ฯ
(ปี 46) การแสดงความเคารพมีกี่วิธี? อะไรบ้าง? ในแต่ละวิธีนั้น มีวิธีปฏิบัติอย่างไร?
ตอบ มี ๓
วิธีคือ ประนมมือ ๑ ไหว้
๑ กราบ
๑ ฯ
ประนมมือ คือการกระพุ่มมือทั้งสองประกบกันไว้ระหว่างอก โดยให้ทุกนิ้วของมือทั้งสองแนบชิดติดตรงกัน ไหว้ คือการยกมือที่ประนมขึ้นพร้อมก้มศีรษะเล็กน้อยให้มือประนมจรดหน้าผาก นิ้วมือทั้ง ๒ อยู่ระหว่างคิ้ว
กราบ คือการแสดงอาการกราบราบลงพื้นด้วยเบญจางคประดิษฐ์ ไดแก่กราบด้วยองค์ ๕
คือ หน้าผาก ๑ ฝ่ามือ ๒ เข่า ๒ จรดพื้น ฯ
(ปี 45, 43) การกราบด้วยเบญจางคประดิษฐ์ หมายถึงอย่างไร?
ตอบ หมายถึงการกราบพร้อมด้วยองค์ ๕ คือให้หน้าผาก กับฝ่ามือสองข้าง เข่าสองข้างจดพื้น ฯ
การประเคนของ (ปกิณกพีธี)
(ปี 53) ในการประเคนของถวายพระ มีวิธีปฏิบัติอย่างไร?
ตอบ จับของที่ประเคนด้วยมือทั้งสอง ยกขึ้นสูงเล็กน้อยแล้วน้อยไปประเคนพระ ซึ่งพระท่านจะยื่นมือมารับ ถ้าผู้ประเคนเป็นผู้หญิง พระผู้รับท่าน จะปูผ้ารับประเคนแล้วผู้ประเคนก็เอาของวางบนผ้ารับประเคน เสร็จพึงไหว้หรือกราบก็เป็นอันเสร็จ
(ปี 44) จงอธิบายวิธีปฏิบัติในการประเคนของถวายพระ
การเผดียงสงฆ์/การอาราธนา
การเผดียงสงฆ์
(ปกิณกพิธี) หมายถึง การแจ้งความประสงค์ให้สงฆ์ทราบ
การอาราธนา (ปกิณกพิธี) หมายถึง การนิมนต์พระสงฆ์ในพิธีให้ศีล สวดพระปริตร หรือแสดงธรรม
(ปี 61) การเผดียงสงฆ์และการอาราธนา ต่างกันอย่างไร ?
ตอบ ต่างกันคือ การเผดียงสงฆ์ ได้แก่ การแจ้งความประสงค์ให้สงฆ์ทราบ
การอาราธนา ได้แก่ การนิมนต์พระสงฆ์ในพิธีให้ศีล สวดพระปริตร หรือแสดงธรรม ฯ
(ปี 47) การเผดียงสงฆ์ และ การอาราธนา หมายถึงอะไร?
(ปี 45) คําว่า "เผดยงสงฆ์" หมายถึงอะไร ?
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น