วันอังคารที่ 20 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2567

สรุปนักธรรมชั้นตรี หน้าที่ 8/12

 













หมวด

Ø  ประโยชน์เกิดแต่การถือโภคทรัพย์ อย่าง

(ปี 50) เมื่อแสวงหาโภคทรัพย์ได้โดยทางที่ชอบแล้ว  ควรทําอะไรบ้างเพื่อให้เกิดประโยชน์ในโภคทรัพย์ที่ได้มานั้น?

ตอบ ควรทํา ประโยชน์เกิดแต่การถือโภคทรัพย์ อย่าง

.เลี้ยงตัว มารดา บิดา บุตร ภรรยา บ่าวไพร่ ให้เป็นสุข

.เลี้ยงเพื่อนฝูงให้เป็นสุข

.บําบัดอันตรายที่เกิดแต่เหตุต่าง

.ทําพลี อย่าง คือ

. ญาติพลี สงเคราะห์ญาติ

. อติถิพลี ต้อนรับแขก

. ปุพพเปตพลี ทําบุญอุทิศให้ผู้ตาย

. ราชพลี ถวายเป็นหลวง มีภาษีอากรเป็นต้น

. เทวตาพลี ทําบุญอุทิศให้เทวดา

.บริจาคทานในสมณพราหมณ์ผู้ประพฤติชอบ (ปี 45) คําต่อไปนี้แปลว่าอย่างไร? )อติถิพลี )ปุพพเปตพลี

 

Ø  ศีล แปลว่า ความปกติ อย่าง คือ ความประพฤติดีทางกายวาจา

. ปาณาติปาตา เวรมณี เว้นจากทําชีวิตสัตว์ให้ตกล่วงไป.

. อทินนาทานา เวรมณี เว้นจากถือเอาสิ่งของที่เจ้าของไม่ได้ให้ด้วยอาการแห่งขโมย.

. กาเมสุ มิจฉาจารา เวรมณี เว้นจากประพฤติผิดในกาม.

. มุสาวาทา เวรมณี เว้นจากพูดเท็จ.

. สุราเมรยมัชชปมาทัฏฐานา เวรมณี เว้นจากดื่มนํ้าเมา คือสุราและเมรัย อันเป็นที่ตั้งแห่งความประมาท.

(ปี 63, 61, 56, 53) ศีลที่คฤหัสถ์ควรรักษาเป็นนิตย์ คือศีลอะไร ? ได้แก่อะไรบ้าง ?

ตอบ คือ ศีล ได้แก่ . เว้นจากทําชีวิตสัตว์ให้ตกล่วงไป . เว้นจากถือเอาสิ่งของที่เจ้าของไม่ได้ให้ด้วยอาการแห่งขโมย

. เว้นจากประพฤติผิดในกาม . เว้นจากพูดเท็จ . เว้นจากดื่มนํ้าเมาคือสุราและเมรัยอันเป็นทตั้งแห่งความประมาท

(ปี 44) จงเขียนศีล ข้อที่ พร้อมทั้งคําแปล ตอบ กาเมสุ มิจฉาจารา เวรมณี เว้นจากการประพฤติผิดในกาม

(ปี 43) จงเขียนศีล ข้อที่ พร้อมทั้งคําแปล

ตอบ สุราเมรยมัชชปมาทัฏฐานา เวรมณี แปลความว่า เว้นจากการดื่มนํ้าเมา คือสุราและเมรัย อันเป็นที่ตั้งแห่งความประมาท

 

Ø  มิจฉาวณิชชา คือ การค้าขายไม่ชอบธรรม อย่าง เป็นข้อห้ามอุบาสกอุบาสิกาไม่ให้ประกอบ


.ค้าขายเครื่องประหาร      .ค้าขายมนุษย์ .ค้าขายสต

Ø  อุบาสกอุบาสิกา ได้แก่ คฤหัสถ์ผู้ถึงพระรัตนตรัยเป็นสรณะ


ว์เป็นสําหรับฆ่าเพื่อเป็นอาหาร .ค้าขายนํ้าเมา .ค้าขายยาพิษ


(ปี 54, 44) อุบาสกอุบาสิกา ได้แก่บุคคลเช่นไร? การค้าขายที่ห้ามอุบาสกอุบาสิกาประกอบ คืออะไรบ้าง?

ตอบ อุบาสกอุบาสิกา ได้แก่ คฤหัสถ์ผู้ถึงพระรัตนตรัยเป็นสรณะ ห้ามค้าขายคือ ๑.ค้าขายเครื่องประหาร .ค้าขายมนุษย์ .ค้าขายสตว์เป็น สําหรับฆ่าเพื่อเป็นอาหาร .ค้าขายนํ้าเมา .ค้าขายยาพิษ


(ปี 52) มิจฉาวณิชชา คืออะไร? การค้าขายเด็ก การค้าขายยาเสพติด การค้าขายเบ็ดตกปลา จัดเป็นมิจฉาวณิชชาข้อใด?

ตอบ   มิจฉาวณิชชา คือ การค้าขายไม่ชอบธรรม การค้าขายเด็ก จัดเข้าในค้าขายมนุษย์ การค้าขายยาเสพติด จัดเข้าในค้าขายนํ้าเมา การค้าขายเบ็ดตกปลา จัดเข้าในค้าขายเครื่องประหาร

(ปี 51) การค้าขายสุรา เป็นอาชีพที่ถูกต้องตามกฎหมาย ในทางพระพุทธศาสนา มีความเห็นไว้อย่างไร?

ตอบ การค้าขายสราทางพระพุทธศาสนา จัดเป็นมิจฉาวณิชชา การค้าขายไม่ชอบธรรม เป็นข้อห้าม อุบาสกไม่ควรประกอบ

(ปี 50) การค้าขายสัตว์เพื่อเอาไปฆ่าเป็นอาหาร เป็นการผิดศีลข้อปาณาติบาตหรือไม่?  เพราะเหตุไร?  อุบาสกควรปฏิบัติอย่างไรในเรื่องนี้?

ตอบ ไม่ผิด   เพราะไม่ได้เป็นผฆ่าหรือสั่งให้ฆ่า อุบาสกควรเว้นการค้าขายชนิดนี้เสีย

(ปี 45) คําว่า อุบาสก อุบาสิกา แปลว่าอะไร? การค้าขายยาเสพติดมียาบ้าเป็นต้นจัดเข้าในมิจฉาวณิชชาข้อไหน?

ตอบ   อุบาสก แปลว่า ชายผเข้าถึงพระรัตนตรัย          อุบาสิกา แปลว่า หญิงผู้เข้าถึงพระรัตนตรัย            การค้าขายนํ้าเมา

 

Ø สมบัติและวิบัติ สมบัติของอุบาสกอุบาสิกา ประการ

. ประกอบด้วยศรัทธา.                               . ไม่แสวงหาเขตบุญนอกพุทธศาสนา.

. มีศีลบริสุทธิ์.                                    . บําเพ็ญบุญแต่ในพุทธศาสนา.

. ไม่ถือมงคลตื่นข่าว คือ เชื่อกรรมไม่เชื่อมงคล. ตรงข้ามกับสมบัติทั้ง นี้ เป็นวิบัติของอุบาสกอุบาสิกา

(ปี  57)  อุบาสกอุบสิกาควรตั้งอยู่ในคุณสมบัติอะไรบ้าง?

(ปี  43)  สมบัติและวิบัติของอุบาสกอุบาสิกามีอะไรบ้าง?

ตอบ มี . ประกอบด้วยศรัทธา . มีศีลบริสุทธิ์ . ไม่ถือมงคลตื่นข่าว คือเชื่อกรรม ไม่เชื่อมงคล

. ไม่แสวงหาเขตบุญนอกพระพุทธศาสนา . บําเพ็ญบุญแต่ในพระพุทธศาสนา                 ตรงข้ามกับสมบัติทั้ง นี้ เป็นวิบัติของอุบาสกอุบาสิกา

 

 

หมวด

Ø  ทิศ บุคคลประเภทต่างๆ ที่เราต้องเกี่ยวข้องสัมพันธ์ทางสังคมดุจทิศที่อยู่รอบตัว

.ทิศเบื้องหน้า บิดามารดา         .ทิศเบื้องซ้าย มิตร

.ทิศเบื้องขวา ครูอาจารย์          .ทิศเบื้องล่าง บ่าว

.ทิศเบื้องหลัง บุตรภรรยา         .ทิศเบื้องบน สมณพราหมณ์

(ปี 57) ในทิศ ทิศเหล่านี้หมายถึงใคร?  . ทิศเบื้องหน้า             . ทิศเบื้องขวา       . ทิศเบื้องหลัง   . ทิศเบื้องซ้าย   . ทิศเบื้องบน

ตอบ   . มารดาบิดา     . ครูอาจารย์      . บุตรภรรยา     . มิตร           . สมณพราหมณ์

(ปี 50) ทิศ ในคิหิปฏิบัติ มีอะไรบ้าง? แต่ละทิศหมายถึงใคร?


บุตรพึงบํารุงมารดาบิดา สถาน (ในเรื่องทิศ )

.ท่านได้เลยงมาแล้ว เลี้ยงท่านตอบ       .ประพฤติตนให้เป็นคนควรรบทรัพย์มรดก

.ช่วยทํากิจของท่าน              .เมื่อท่านล่วงลับไปแล้ว ทําบุญอุทิศให้ท่าน

.ดํารงวงศ์สกุล

(ปี 63, 58, 55) บุตรธิดาพึงปฏิบัติต่อมารดาบิดาอย่างไร?

 

ศิษย์พึงปฏิบัติต่อครูอาจารย์ สถาน (ในเรื่องทิศ )

. ลุกขึ้นยืนรับ                    . อุปัฏฐาก

. เข้าไปยืนคอยรับใช้             .เรยนศิลปวิทยาโดยเคารพ

. เชื่อฟัง

(ปี 59) ศิษย์ที่ดีพึงปฏิบัตต่อครูอาจารย์ อย่างไรบ้าง?

 

Ø คฤหัสถ์ควรบํารุงบรรพชิตด้วยการทํา การพูด การคิดประกอบด้วยเมตตา ด้วยความเป็นผู้ไม่ปิดประตู คือมิได้ห้ามเข้าบ้านเรือน ด้วย ให้อามิสทาน

Ø บรรพชิตควรอนุเคราะห์ต่อคฤหัสถ์ด้วยห้ามไม่ให้กระทําความชั่ว ให้ตั้งอยู่ในความดี อนุเคราะห์ด้วยนํ้าใจอันงาม ให้ได้ฟังสิ่งที่ยังไม่เคย ฟัง ทําสิ่งที่เคยฟังมาแล้วให้แจ่ม บอกทางสวรรค์ให้

(ปี 47) คฤหัสถ์และบรรพชิต มีหน้าที่จะพึงปฏิบัติแก่กันและกันอย่างไรบ้าง?

ตอบ   คฤหัสถ์ควรบํารุงบรรพชิตด้วยการทํา การพูด การคิดประกอบด้วยเมตตา ด้วยความเป็นผไู้ ม่ปิดประตู คือมิได้ห้ามเข้าบ้านเรือน ด้วยให้ อามิสทาน

ส่วนบรรพชิตควรอนุเคราะห์ต่อคฤหัสถ์ด้วยห้ามไม่ให้กระทําความชั่ว ให้ตั้งอยู่ในความดี อนุเคราะห์ดวยนํ้าใจอันงาม ให้ได้ฟังสิ่งที่ยังไม่ เคยฟัง ทําสิ่งที่เคยฟังมาแล้วให้แจ่ม บอกทางสวรรค์ให้

(ปี 45) การถือมงคลตื่นข่าวคือถืออย่างไร? พระพุทธศาสนาสอนให้ถืออย่างนั้นหรืออย่างไร? สมณพราหมณ์ เมื่อได้รับการบํารุงแล้ว ย่อมอนุเคราะห์กุลบุตรอย่างไรบ้าง ?

ตอบ ถือว่านี้ฤกษ์ดี ยามดี เป็นมงคลดี นี้ฤกษ์ไม่ดี ยามไม่ดี ไม่เป็นสวัสดิมงคล ฯ พระพุทธศาสนาสอนไม่ให้ถือเช่นนั้น สอนให้เชื่อว่า เรามีกรรมเป็นของของตน เราทําดีจักไดดี ทําชั่วจักได้ชั่ว

อย่างนี้ คือ . ห้ามไม่ให้กระทําความชั่ว . ให้ตั้งอยู่ในความดี . อนุเคราะห์ด้วยนํ้าใจอันงาม           . ให้ได้ฟังสิ่งที่ยังไม่เคยฟัง

. ทําสิ่งที่เคยฟังแล้วให้แจ่ม  . บอกทางสวรรค์ให้


 

ความหมาย/ประโยชน์วิชาพุทธประวัต


สรุปพุทธประวัติ นักธรรมชั้นตรี


(ปี 64, 61, 59, 52, 45) การเรียนรู้พุทธประวัติได้ประโยชน์อย่างไร ?

ตอบ ได้ประโยชน์ ประการ คือ

. ในด้านการศึกษา ทําให้ทราบความเป็นมาของพระพุทธเจ้า เช่นเดียวกับการศึกษาตํานานความเป็นมาของชาติตน ทําให้บุคคลได้ ทราบว่า ชาติของตนเป็นมาอย่างไร มีความสําคัญอย่างไร เป็นต้น

. ในด้านปฏิบัติ ทําให้บุคคลได้แนวในการดําเนินชีวิตตามพระพุทธจริยา อันเป็นปฏิปทานําความสุขความเจริญมาให้แก่บุคคลตาม สมควรแก่การประพฤติปฏิบัติ ฯ

(ปี 61, 58, 43) พุทธประวัติ คืออะไร? ตอบ คือ เรื่องที่พรรณนาความเป็นไปของสมเด็จพระสัมมาสมพุทธเจ้า

(ปี 58, 49, 43) พุทธประวัติ มีความสําคัญอย่างไรจึงต้องเรียนรู้ ?

ตอบ มีความสําคัญในการศึกษาและปฏิบัติพระพุทธศาสนา เพราะแสดงพระพุทธจริยาให้ปรากฏ เช่นเดียวกับตํานานย่อมมีความสําคัญต่อชาติของ ตนที่ให้รู้ได้ว่าชาติได้เป็นมาแล้วอย่างไร

(ปี 49, 45) พุทธประวัติว่าด้วยเรื่องอะไร?

ตอบ ว่าด้วยเรื่องความเป็นมาของพระพุทธเจ้า เป็นการแสดงพระพุทธจริยาในด้านต่างๆ ของพระองค์ให้ปรากฏ

 

 

ชมพูทวีป

วรรณะ๔ มี กษัตริย์(ปกครองบ้านเมือง) ,พราหมณ์ (สั่งสอน ทําพิธีกรรม), แพศย์ (เป็นทํานาค้าขาย), ศูทร (รับจ้างทํางาน เป็นกรรมกร)

(ปี 64, 63, 56, 51, 48) คนในชมพูทวีปแบ่งออกเป็นกี่วรรณะ? อะไรบ้าง?

ตอบ แบ่งเป็น วรรณะ คือ วรรณะกษัตริย์ วรรณะพราหมณ์ วรรณะแพศย์ และวรรณะศูทร

(ปี 64) วรรณะกษัตริย์ มีหน้าที่ทําอะไร ? ตอบ มีหน้าที่ปกครองบ้านเมือง

(ปี 63, 61) เจ้าชายสิทธัตถะอุบัติขึ้นในวรรณะใด ? ชนชาติไหน ? ตอบ วรรณะกษัตริย์ ชนชาติอริยกะ

(ปี 62) พระพุทธเจ้าสืบเชื้อสายมาจากชนชาติใด ? ชนชาตินั้นมาตั้งถิ่นฐานในชมพูทวีปได้อย่างไร ?

ตอบ สืบเชื้อสายมาจากชนชาติอริยกะ ชาวอริยกะนั้นเป็นผู้เจริญด้วยความรและขนบธรรมเนียม มีสติปัญญามากกว่าพวกมิลักขะ เจ้าของถิ่น

เดิม เมื่อข้ามภูเขาหิมาลัยมา ก็รุกไล่พวกมิลักขะ เจ้าของถิ่นเดมให้ถอยเลื่อนลงมาทางใต้แล้วเข้าตั้งถิ่นฐานในชมพูทวีปแทน

(ปี 60, 54, 46) ประชาชนในชมพูทวีป มีกี่จําพวก ? พระพุทธเจ้าสืบเชื้อสายมาจากชนชาติใด ?

ตอบ มี จําพวก คือ . มิลักขะ เจ้าของถิ่นเดิม         . อริยกะ พวกอพยพมาใหม่            สืบเชื้อสายมาจากชนชาติอริยกะ

(ปี 59, 48) วรรณะทั้ง มีหน้าที่ต่างกันอย่างไร ?

ตอบ มีหน้าที่ต่างกันอย่างนี้ . วรรณะกษตริย์ มีหน้าที่ปกครองบ้านเมือง          . วรรณะพรามหณ์ มีหน้าที่ทางฝึกสอนและทําพิธีกรรม

. วรรณะแพศย์ มีหน้าททางทํานาค้าขาย         . วรรณะศูทร มีหน้าที่รับจ้าง

(ปี 57) ชมพูทวีปแบ่งเป็น ส่วนใหญ่ คืออะไรบ้าง? ตอบ คือมัชฌิมชนบท และ ปัจจันตชนบท

(ปี 51) พระพุทธบิดาอยู่ในวรรณะอะไร? ตอบ อยู่ในวรรณะกษัตรย์

(ปี 44) ในครั้งพุทธกาล  ชาวชมพูทวีปส่วนมากนับถือศาสนาอะไร? ชนเหล่านั้นมีความคิดเห็น เรื่องความตาย และความเกิด โดยสรุปอย่างไร?

ตอบ ศาสนาพราหมณ์       เห็นอย่างนี้ คือเห็นว่าตายแล้วเกิดอย่างหนึ่ง เห็นว่าตายแล้วสูญอย่างหนึ่ง


ศากยวงศ

·       ศากยวงศ์ สืบเชื้อสายมาจาก ชนชาติอริยกะ เป็นชนชาติที่มีความเจริญด้วยความรู้และขนบธรรมเนียม มีอํานาจมากกว่าพวกมิลักขะ เป็นเจ้าของถิ่นเดิม เมื่อชาวอริยกะข้ามภูเขาหิมาลัยก็มารุกไล่ชาวมิลักขะเจ้าของถิ่นเดมให้ถอยร่นลงมาทางใต้ แล้วชาวอริยกะก็ตั้งถิ่น

ฐานทชมพูทวีปแทน

·        พระเจ้าโอกกากราช เป็นต้นวงศ์ของศากยสกุล

·        สักชนบท แบ่งออกเป็น นคร คือ .นครเดิมของพระเจ้าโอกกากราช .นครกบิลพัสดุ์ .นครเทวทหะ

·        (ปี 55) พระเจ้าสีหหนุ ปู่ของพระพุทธเจ้า

·        (ปี 60, 47) พระเจ้าสุทโธทนะ พ่อของพระพุทธเจ้า

·        (ปี 60, 47) พระนางสิริมหามายา แม่ของพระพุทธเจ้า (ท่านสวรรคตแล้ว ไปเกิดที่สวรรค์ชั้นดุสิต)

·        (ปี 59, 55) พระนางมหาปชาบดีโครตมี พระน้านางของพระพุทธเจ้า

·        (ปี 60, 47) พระนันทะ น้องชายต่างมารดาของพระพุทธเจ้า (พระเจ้าสุทโธทนะ+พระนางมหาปชาบดีโครตมี)

·        รูปนันทา  น้องสาวต่างมารดาของพระพุทธเจ้า  (พระเจ้าสุทโธทนะ+พระนางมหาปชาบดีโครตมี)

·        (ปี 55) พระนางพิมพา หรือ ยโสธรา พระชายาของพระพุทธเจ้า

(ปี 60) พระเจ้าสุทโธทนะ มีพระราชโอรสพระราชธิดากี่พระองค์ ? มีพระนาม ว่าอะไรบ้าง ?

ตอบ มีพระราชโอรส พระองค์ คือ . พระสิทธตถกุมาร . พระนันทกุมาร               มีพระราชธิดา พระองค์ คือ พระนางรูปนันทา

(ปี 59, 49) อสิตดาบส (กาฬเทวิลดาบส) และ มหาปชาบดีโคตมี เกี่ยวข้องกับเจ้าชายสิทธัตถะอย่างไร?

ตอบ อสิตดาบส (กาฬเทวิลดาบส) คือ ดาบสผเป็นที่คุ้นเคยของราชสกุล ได้เข้าเฝ้าพระเจ้าสุทโธทนะ เมื่อเจ้าชายสิทธัตถะ ประสติใหม่ๆ และ พยากรณ์ว่า พระราชกุมารจะได้เป็นพระเจ้าจักรพรรดิราช หรือศาสดาเอกในโลก

ส่วน มหาปชาบดีโคตมี เป็นพระมาตุจฉา คือพระน้านางของเจ้าชายสิทธัตถะ

(ปี 56) พระพุทธบิดาทรงมีพระนามว่าอะไร ? ทรงปกครองแคว้นอะไร ? เมืองหลวงชื่ออะไร ?

ตอบ พระนามว่าพระเจ้าสุทโธทนะ แคว้นสักกะ ชื่อกบิลพัสดุ์

(ปี 53, 47) ศากยวงศ์สืบเชื้อสายมาจากชนชาติใด? ชนชาตินั้นมาตงั้ ถิ่นฐานในชมพูทวีปได้อย่างไร?

ตอบ สืบเชื้อสายมาจากชนชาติอริยกะ ชาวอริยกะนั้นเป็นผู้เจริญด้วยความรและขนบธรรมเนียม มีอํานาจมากกว่าพวกมิลักขะเจ้าของถิ่นเดิม เมื่อข้ามภเู ขาหิมาลัยมาก็รุกไล่พวกมิลักขะ เจ้าของถิ่นเดิมให้ถอยร่นลงมาทางใต้แล้วเข้าตั้งถิ่นฐานในชมพูทวีปแทน

(ปี 50) เจ้าชายนันทกุมารกับเจ้าหญิงรูปนันทา เป็นพระโอรสและพระธิดาของใคร? มีความเกี่ยวข้องกับเจ้าชายสิทธัตถกุมารอย่างไร? ตอบ เป็น พระโอรสและพระธิดาของพระเจ้าสุทโธทนะกับพระนางปชาบดีโคตมี มีความเกี่ยวข้องกับเจ้าชายสิทธัตถกุมารโดยเป็นพระกนิฏฐภาดาและ กนิฏฐภคินีต่างพระมารดา ฯ

(ปี 46) กษัตริย์พระองค์ใดที่เป็นต้นศากยวงศ์? พระโอรสและพระธิดาของเจ้าศากยะไปสร้างพระนครขึ้นใหม่ชื่อว่าเมืองอะไร? ที่ชื่ออย่างนั้น เพราะเหตุไร? ตอบ พระเจ้าโอกกากราช เมืองกบิลพัสดุ์ เพราะเป็นที่อยู่ของกบิลดาบสมาก่อน ฯ

(ปี 44) กาฬเทวิลดาบส กราบที่พระบาทพระราชโอรสของพระเจ้าสุทโธทนะ เพราะเหตุไร?

ตอบ เพราะเห็นพระราชโอรสนั้นมีลักษณะต้องด้วยตํารับมหาบุรุษลักษณะครั้นเห็นอัศจรรย์เช่นนั้นแล้วก็มีความเคารพนับถือจึงกราบที่พระบาท ของพระราชโอรสนั้น


กลุ่มคนและบุคคลในพุทธกาล

·        สหชาติ มี คน สัตว์ ต้นไม้ สิ่งของ

.พิมพา (ยโสธรา)                                      .ม้ากัณฐกะ (ตายแล้ว ไปเกิดที่ดาวดึงส์)

.อานนท์                                               .ต้นพระศรีมหาโพธิ์

. (ปี 60, 55, 47) ฉันนะ เป็นผตามเสด็จคราวเสด็จออกบวช            .ขมทรัพย์ทั้ง

.กาฬุทายี

·       อสิตดาบส (เรียกอีกชื่อว่า กาฬเทวิลดาบส) เมื่อเจ้าชายสิทธัตถะประสติใหม่ๆ อสิตดาบสได้เข้าเฝ้าและทายพระลักษณะว่า ถ้าอยู่ครอง สมบัตจะได้เป็นพระเจ้าจักรพรรดิ ถ้าออกบวชจะได้เป็นศาสดาเอกของโลก

·        (ปี 60, 47) วิศวามิตร ป็นครูผู้สอนศิลปวิทยาของเจ้าชายสตธัตถะ เมื่อยังทรงพระเยาว์

(ปี  63,  57)  อสิตดาบสกล่าวทํานายพระมหาบุรุษไว้ว่าอย่างไร?


ตอบ ว่ามีคติเป็น คือ ถ้าอยู่ครองฆราวาสจักได้เป็นพระเจ้าจักรพรรดิ ถ้าออกบวชจักได้ตรส

(ปี 61, 51) อสิตดาบสได้ทํานายสิทธัตถกุมารว่าอย่างไร?


รู้เป็นพระสมมาสัมพุทธเจ้า


ตอบ ทํานายว่า ถ้าอยู่ครองสมบัติ จักได้เป็นพระเจ้าจักรพรรดิ์             ถ้าออกบวช จักได้เป็นพระศาสดาเอกในโลก

(ปี 56) อสิตดาบส อาฬารดาบส และอุทกดาบส มีความเกี่ยวข้องกับพระมหาบุรุษอย่างไร?

ตอบ อสิตดาบส เป็นผู้คุ้นเคยเป็นที่เคารพนับถือของศากยสกุล ในเวลาที่พระมหาบุรุษประสติใหม่ๆ ท่านได้ไปเยี่ยม และได้พยากรณ์ทํานายพระ ลักษณะของพระมหาบุรุษ ว่ามีคตเป็น ก่อนคนอื่นทั้งหมด อาฬารดาบสและอุทกดาบส เป็นผู้ที่พระองค์ได้เคยอยู่อาศัยศึกษาลัทธิของท่านทั้ง๒ฯ

 

เหตุการณ์ในระหว่างพระชนม์ของพระพุทธเจ้า

เมื่อประสูติใหม่ๆ อสิตดาบส(กาฬเทวิลดาลส) เข้าเฝ้าและทายพระลกษณะ

วัน  ขนานพระนาม (ตั้งชื่อ) ว่า สิทธัตถกุมาร

วัน  พระมารดาสวรรคต

ปี   พระราชบิดาตรสสั่งให้ขุดสระโบกขรณี สระในพระราชวัง ให้เป็นที่เล่นสําราญแก่พระองค์ และ ทรงศึกษาศิลปวิทยา (เรียน)


๑๖ ปี   พระราชบิดาตรส


สั่งให้สร้างปราสาท หลัง เพื่อเป็นที่เสด็จอยู่ใน ฤดู และตรส


ขอพระนางยโสธรามาอภิเษกเป็นพระชายา


๒๙ ปี   ได้พระโอรสนามว่าพระราหุล และเสด็จออกบรรพชา

๓๕ ปี   ตรัสรู้

๘๐ ปี   ปรินิพพาน

 

(ปี 64, 57) พระพุทธเจ้า(พระมหาบุรุษ)ประสูติที่ไหน? เมื่อไร?

ตอบ ลุมพินีวัน ระหว่างกรุงกบิลพัสดุ์กับกรุงเทวทหะ ฯ       วันเพ็ญ เดือน ก่อนพุทธศก ๘๐ ปี (ปี 64, 62, 59, 53) พระพุทธเจ้าเสด็จออกผนวช ตรัสรู้ และปรินิพพาน เมื่อมีพระชนมายุเท่าไรบ้าง? ตอบ   เสด็จออกผนวช เมื่อมีพระชนมายุ ๒๙ ปี

ตรัสรู้ เมื่อมีพระชนมายุ ๓๕ ปี ปรินิพพาน เมื่อมีพระชนมายุ ๘๐ ปี

(ปี 63) พระพุทธเจ้า ประสติ ตรสรู้ แสดงปฐมเทศนา ปรินิพพาน และถวายพระเพลิงในวันใด?

ตอบ   ประสติในวันเพ็ญเดือน


ตรัสรู้ในวันเพ็ญเดือน ๖ แสดงปฐมเทศนาในวันเพ็ญเดือน ๘ ปรินิพพานในวันเพ็ญเดือน ๖ ถวายพระเพลิงในวันอัฏฐมีแรม คํ่าเดือน ๖ฯ

(ปี 61, 60, 58, 49, 43) เจ้าชายสิทธัตถะทรงปรารภอะไรจึงเสด็จออกบวช ? ทรงบวชได้กี่ปี จึงตรัสรู้ ?

ตอบ ทรงปรารภความแก่ ความเจ็บ ความตาย และสมณะ ปี จึงตรัสรู้

(ปี 56) เมื่อเจ้าชายสิทธัตถะประสูติได้ วัน พระราชบิดาโปรดให้ทําอะไรเพื่อพระราชกุมารบ้าง?

ตอบ โปรดให้ชุมนุมพระญาติวงศ์ และเสนามาตย์พร้อมกับเชิญพราหมณร้อยแปดคนมาฉันโภชนาหาร แล้วทํามงคลรับพระลักษณะ และขนาน พระนามว่าสิทธัตถกุมาร ฯ

(ปี 54) เมื่อพระมหาบุรษมีพระชนมายุได้ วัน วัน ปี ๑๖ ปี ๒๙ ปี มีเหตุการณสําคัญเกิดแก่พระองค์อะไรบ้าง?

(ปี 53) ภายใน วัน หลังจากสิทธัตถะราชกุมารประสูติแล้ว มีเหตุการณสําคัญเกิดขึ้นแก่พระองค์อย่างไรบ้าง?

ตอบ   . เมื่อประสติแล้วใหม่ อสิตดาบส (หรือกาฬเทวิลดาบส) เข้าไปเฝ้าเยี่ยมและทํานายพระลักษณะ

. วันที่ พระเจ้าสุทโธทนะเชิญพราหมณ์ ๑๐๘ คนมาฉันโภชนาหารและขนานพระนามพระราชกุมารว่าสิทธัตถกุมาร

. วันที่ พระราชมารดาทิวงคต

(ปี 58, 49) พระพุทธเจ้าประสูติ ตรัสรู้ ปรินิพพานที่ใต้ต้นไม้อะไร? ตอบ ประสูติและปรินิพพาน ใต้ต้นสาละฯ ตรัสรู้ ใต้ต้นโพธิ์(อัสสัตถพฤกษ์)

(ปี 50) พระพุทธเจ้า ประสติ ตรสรู้ และปรินิพพาน ในวันใด? ที่ไหน?

ตอบ   ประสติในวันเพ็ญเดือน ก่อนพุทธศก ๘๐ ปี ตรัสรู้ในวันเพ็ญเดือน ก่อนพุทธศก ๔๕ ปี และปรินิพพานในวันเพ็ญเดือน ปีตั้งต้นพุทธศก

ส่วนสถานที่นั้น คือ ประสูติที่ใต้ร่มไม้สาละในลุมพินีวัน ระหว่างกรุงกบิลพัสดุ์และกรุงเทวทหะ ตรัสรู้ที่ใต้ต้นโพธิ์ (อัสสัตถพฤกษ์) ริมฝั่งแม่นํ้าเนรญชรา

ปรินิพพานที่ป่าไม้สาละ (สาลวโนทยาน) เมืองกุสินารา

(ปี 50, 44) เมื่อพระพุทธเจ้าประสูติได้ วัน และ วัน มีเหตุการณ์สําคัญอะไรเกิดขึ้น?

ตอบ เมื่อประสูติได้ วัน พระราชบิดาเชิญพราหมณ์ ๑๐๘ คนมาฉันโภชนาหาร ทํานายพระลักษณะและขนานพระนาม และเมื่อประสูติได้ วัน พระราชมารดาเสด็จสวรรคต

 

พิธีแรกนาขวัญ (เรียกอีกอย่างว่า พิธีวัปปมงคล)

(ปี 50)  เหตุการณ์ที่เงาต้นหว้าในเวลาบ่ายแล้วไมคล้อยไปตามตะวัน กลับตั้งอยู่ดุจเวลาเที่ยง ปรากฏเมื่อคราวพระมหาบุรุษทรงทําอะไรอยู่?

ตอบ ทรงนั่งขัดบัลลังก์สมาธิ เจริญอานาปานสติกัมมฏฐาน ทําปฐมฌาน ให้เกิดขึ้น

(ปี 48) ในวันเสด็จแรกนาขวัญ พระเจ้าสุทโธทนะบังคมสิทธัตถราชกุมารผู้ประทับนั่งใต้ต้นหว้า เพราะเหตุไร?

ตอบ เพราะทรงเห็นอัศจรรย์ในขณะที่สิทธัตถราชกุมารประทับนั่งใต้ต้นหว้า เงาของต้นหว้าไม่คล้อยไปตามตะวัน แม้จะเป็นเวลาบ่ายแล้ว ยังดํารง อยู่เสมือนเที่ยงวัน ฯ


เสด็จออกบวช

·        บรรพชา ริมฝั่งแม่นํ้าอโนมา อนุปิยอัมพวัน แคว้นมัลละ

·        อาฬารดาบส มหาบรุษไดไ้ ปศึกษาด้วยจนสาเร็จ สมาบัติ (รูปฌาณ อรูปฌาณ )

·        อุททกดาบส มหาบรุษได้ไปศึกษาด้วยจนสําเร็จ สมาบัติ (อรูปฌาณ )

(ปี 62) อาฬารดาบสและอุทกดาบส มีความเกี่ยวข้องกับพระพุทธเจ้าอย่างไร?

ตอบ อาฬารดาบสและอุทกดาบส เป็นผู้ที่พระองค์ได้เคยอยู่อาศัยศึกษาลัทธิของท่านทั้ง

(ปี 56) อสิตดาบส อาฬารดาบส และอุทกดาบส มีความเกี่ยวข้องกับพระมหาบุรุษอย่างไร?

ตอบ อสิตดาบส เป็นผู้คุ้นเคยเป็นที่เคารพนับถือของศากยสกุล ในเวลาที่พระมหาบุรุษประสติใหม่ๆ ท่านได้ไปเยี่ยม และได้พยากรณ์ทํานายพระ ลักษณะของพระมหาบุรุษ ว่ามีคติเป็น ก่อนคนอื่นทั้งหมด

อาฬารดาบสและอุทกดาบส เป็นผู้ที่พระองค์ได้เคยอยู่อาศัยศึกษาลัทธิของท่านทั้ง

 

(ปี 63, 60, 58, 49, 43) เจ้าชายสิทธัตถะทรงปรารภอะไรจึงเสด็จออกบวช? ทรงบวชได้กี่ปี จึงตรัสรู้ ?

ตอบ ทรงปรารภความแก่ ความเจ็บ ความตาย และสมณะ ปี จึงตรัสรู้

(ปี  62)  อะไรเป็นมูลเหตุให้เจ้าชายสิทธัตถะเสด็จออกผนวช?

ตอบ พระอรรถกถาจารย์แสดงตามนัยมหาปทานสูตรว่า ได้ทอดพระเนตรเห็นเทวทูตทั้ง คือ คนแก่ คนเจ็บ คนตาย และสมณะ ทรงสังเวช เพราะได้ทอดพระเนตรเห็นเทวทูต ข้างต้น ยังความพอพระหฤทัยในการออกผนวชให้เกิดขึ้น เพราะได้ทอดพระเนตรเห็นสมณะ

(ปี 56) พระมหาบุรุษทรงทอดพระเนตรเห็นคนแก่คนเจ็บคนตาย และบรรพชิตแล้วทรงดําริอย่างไร?

ตอบ เมื่อทรงเห็นคนแก่คนเจ็บคนตายแล้ว ทรงน้อมเข้ามาเปรียบกับพระองค์เอง เกิดความสังเวชว่า เราจะต้องแก่ต้องเจ็บต้องตายเช่นกัน เมื่อ ทรงเห็นบรรพชิต ทรงดําริว่า สาธุโขปพฺพชฺชา บวชดีนักแล

(ปี 55) พระมหาบุรุษเสด็จออกบรรพชา เพราะทรงปรารภเหตุอะไร?

ตอบ พระมหาบุรุษเสด็จออกบรรพชา เพราะทรงปรารภความแก่ ความเจ็บ ความตาย อันครอบงํามหาชนทุกคน อีกนัยหนึ่ง เพราะทรง ทอดพระเนตรเห็นเทวทูตทั้ง คือ คนแก่ คนเจ็บ คนตาย และสมณะ ทรงสลดพระทัยเพราะไม่เคยพบเห็นมาแต่ก่อน ครั้นได้ทอดพระเนตรเห็น สมณะเข้าเกิดพระทัยในการบรรพชา

(ปี 52) เทวทูต ที่เจ้าชายสิทธัตถะทรงเห็นคืออะไรบ้าง? ทรงเห็นแล้ว มีพระดําริอย่างไร?

ตอบ คือ คนแก่ คนเจ็บ คนตาย และสมณะ ทรงมีพระดําริว่า บุคคลทั่วไปถูกความเจ็บ ความแก่ ความตายครอบงํา ไม่ล่วงพ้นไปได้ ถึง พระองค์เองก็มีอย่างนั้นเป็นธรรมดา ควรแสวงหา อุบายเครื่องพ้น แต่ฆราวาสเป็นที่คับแคบ ดุจเป็นทางที่มาแห่งธุลี บรรพชาเป็นช่องว่าง พอที่จะ แสวงหาอุบายนั้นได้ จึงน้อมพระหฤทัยไปในบรรพชา

(ปี 48) พระมหาบุรุษเสด็จออกบรรพชา เพราะทอดพระเนตรเห็นอะไร? และเมื่อเห็นแล้วทรงพระดําริอย่างไร?

ตอบ เพราะทอดพระเนตรเห็นเทวทูต คือ คนแก่ คนเจ็บ คนตาย และสมณะ ทรงพระดําริว่า บุคคลทั่วไปเมาอยู่ในวัย ในความไม่มีโรค และ

ในชีวิต ถูกความเจ็บ ความแก่ ความตายครอบงํา ไมล่วงพ้นไปได้ ถึงพระองค์เองก็มีอย่างนั้นเป็นธรรมดา ควรแสวงหาอุบายเครื่องพ้น ธรรมดา

สภาวะทั้งปวงย่อมมีของที่เป็นฝ่ายตรงกันข้ามแก้กัน เช่นมีร้อนก็ต้องมีเย็นแก้ มีมดก็ต้องมีสว่างแก้ แต่ฆราวาสเป็นที่คับแคบ ดุจเป็นทางที่มาแห่ง ธุลี บรรพชาเป็นช่องว่าง พอที่จะแสวงหาอุบายนั้นได้ จึงน้อมพระทัยไปในบรรพชา

(ปี 47) การที่พระราชบิดาและพระญาติวงศ์ คิดผูกพันเจ้าชายสิทธัตถะไว้ให้เพลดเพลินอยู่ในกามสุขเพราะเหตุไร? และด้วยวิธีใด?

ตอบ เพราะพระราชบิดาและพระญาติวงศ์ได้ทรงฟังคําทํานายของอสิตดาบสว่า พระราชกุมารนี้จักมีคติเป็นสอง คือ ถ้าอยู่ครองราชสมบัติจักได้ เป็นจักรพรรดิราช หรือถ้าออกบรรพชาจักได้เป็นศาสดาเอกในโลก จึงปรารถนาให้อยู่ครองราชสมบัติมากกว่าที่จะยอมให้เสด็จออกบรรพชา


ด้วยการตรัสให้ขุดสระโบกขรณีในพระราชนิเวศน์ สระ เพื่อให้เป็นที่เล่นสําราญพระราชหฤทัย ให้จัดเครื่องทรง คือจันทน์สําหรับทา ผ้าโพกพระ


เศียร ฉลองพระองค์ ผ้าทรงสะพัก พระภูษา ล้วนเป็นของประณต มาอภิเษกเป็นพระชายา ฯ


ให้สร้างปราสาท หลังสําหรับเป็นที่ประทับทั้ง ฤดู ตรส


ขอพระนางยโสธรา


(ปี 45) พระมหาบุรุษทรงอธิษฐานเพศเป็นบรรพชิตที่ไหน ? ตอบ ที่ริมฝั่งแม่นํ้าอโนมา อนุปิยอมพวัน แคว้นมัลละ

(ปี 44) อะไรเป็นมูลเหตุให้เจ้าชายสิทธัตถะเสด็จออกผนวช? พระสทธัตถะทรงบําเพ็ญทุกรกิริยา ด้วยวิธีอย่างไรบ้าง?

ตอบ พระอรรถกถาจารย์แสดงตามนัยมหาปทานสูตรว่า ได้ทอดพระเนตรเห็นเทวทูตทั้ง คือ คนแก่ คนเจ็บ คนตาย และสมณะ ทรงสังเวช เพราะได้ทอดพระเนตรเห็นเทวทูต ข้างต้น ยังความพอพระหฤทัยในการออกผนวชให้เกิดขึ้น เพราะได้ทอดพระเนตรเห็นสมณะ

วิธีแรก ทรงกดพระทนต์ด้วยพระทนต์ กดพระตาลุด้วยพระชิวหา วิธีที่สอง ทรงผ่อนกลั้นลมอัสสาสะปัสสาสะ

วิธีที่สาม ทรงอดพระกระยาหาร

 

 


(ปี 54) พระมหาบุรุษได้ทรงศึกษาในสํานักอาฬารดาบสและอุทกดาบสจนจบวิชาความรู้ของอาจารย์ การที่จะกล่าวว่า พระองค์ตรส พระองค์เองโดยไม่มีใครเป็นครูอาจารย์ นั้นเพราะเหตุไร?


รู้ชอบด้วย


ตอบ เพราะความรู้ที่เรียนในสํานักดาบสทั้ง นั้น เป็นโลกิยธรรม ส่วนความรู้ที่ตรสรู้เอง เป็นโลกุตรธรรมที่ไม่มีใครรู้มาก่อน

 

 


บําเพ็ญทุกรกิริยา

(ปี  56)  พระมหาบุรุษเสด็จประทับบําเพ็ญเพียรจนถึงตรส


รู้ ตําบลใด? ตอบ ตําบลอุรุเวลาเสนานิคม


(ปี 55) ทุกรกิริยา คืออะไร? พระมหาบุรุษทรงบําเพ็ญทุกรกิริยาด้วยอย่างไรบ้าง? จงบอกมา ข้อ

ตอบ ทุกรกิริยา คือ การทรมานกายให้ลําบาก พระพุทธเจ้าทรงบําเพ็ญทุกรกิริยา วาระ

.ทรงกดพระทนต์ด้วยพระทนต์ (กดฟัน) กดพระตาลุด้วยพระชิวหา (เอาลิ้นดุนเพดาน) ไว้จนแน่จนพระเสโท (เหงื่อ) ไหลออกจากพระกัจฉะ(รักแร้)

.ทรงผ่อนกลั้นลมหายใจเข้าออก

.ทรงอดพระกระยาหาร

(ปี 54) พระมหาบุรุษทรงบําเพ็ญทุกรกิริยา ที่ไหน? ผู้ที่รู้เห็นเป็นพยานในเรื่องนี้คือใคร?

ตอบ ตําบลอุรุเวลาเสนานิคม แคว้นมคธ ที่รู้เห็นเป็นพยานคือ พระปัญจวัคคีย์

(ปี 52) การที่พระมหาบุรุษทรงเลกบําเพ็ญทุกกรกิริยานั้น เพราะเหตุไร?

ตอบ เพราะทรงดําริว่า ทุกกรกิริยาที่ทรงบําเพ็ญนั้นจะยิ่งไปกว่านี้ไม่มี แต่ก็ไม่เป็นทางให้ตรัสรู้ได้ การบําเพ็ญเพียรทางจิตจักเป็นทางตรัสรู้ได้ กระมัง แต่คนซูบผอมเช่นนี้ไม่สามารถทําได้ จึงทรงเลิกบําเพ็ญทุกกรกิริยา กลับมาเสวย พระอาหารตามปกติ

 


ก่อนตรัสรู้

·        (ปี 55) นางสุชาดา เป็นผู้ถวายข้าวมธุปายาสก่อนตรส


รู้


(ปี  44)  ในวันตรัสรู้ทรงอธิษฐานพระหฤทัยที่ใต้ต้นมหาโพธิ์ว่าอย่างไร?

ตอบ ทรงอธิษฐานพระหฤทัยว่า "ยังไม่บรรลุโพธิญาณเพียงใด จักไม่ลุกขนเพียงนั้น เนื้อเลือดแห้งไป เหลือหนังหุ้มกระดูกก็ตาม" (ปี 44) พระสิทธัตถะทรงผจญมารได้ชัยชนะด้วยบารมีธรรมอะไรบ้าง?

ตอบ ด้วยบารมีธรรม ๑๐ อย่าง คือ ทาน ศีล เนกขัมมะ ปัญญา วิริยะ ขันติ สัจจะ อธิษฐาน เมตตา อุเบกขา


(ปี 48 เรื่องญาณ ) พระญาณที่เกิดขึ้นแก่พระมหาบุรุษในวันที่ตรัสรู้นั้น คืออะไรบ้าง?

ตอบ คือ  .ปุพเพนิวาสานุสสติญาณ ญาณเป็นเครื่องระลึกถึงชาติหนหลังของพระองค์ได้

.จุตูปปาตญาณหรือทิพพจักขุญาณ ญาณหยั่งรู้การจุติและการเกิดของสัตว์ทั้งหลายที่เป็นไปตามกรรม

.อาสวักขยญาณ  ญาณเป็นเหตุสนอาสวะอันหมักหมมอยู่ในจิตตสนดาน 

(ปี 45, 43 เรื่องญาณ ) ในราตรีแห่งการตรัสรู้ พระมหาบุรุษทรงบรรลญาณอะไรในแต่ละยาม?

ตอบ   ทรงบรรลุปุพเพนิวาสานุสสติญาณ  ในปฐมยาม

ทรงบรรลจุตูปปาตญาณหรือทิพพจักษุญาณ ในมัชฌิมยาม ทรงบรรลุอาสวักขยญาณ ในปัจฉิมยาม

(ปี 43 เรื่องญาณ ) ญาณข้อไหน ที่ทําให้พระองค์ทรงสําเร็จความเป็นพุทธะโดยสมบูรณ์ ? ตอบ ญาณ ข้อที่

 

 


หลังตรัสรู้

(ปี 53) เมื่อพระพุทธเจ้าตรัสรู้ใหม่ พระองค์ทรงพิจารณาบุคคลผส

ตอบ บัว เหล่า


ามารถจะตรัสรู้ธรรมได้โดยเปรียบเทียบกับบัว เหล่า อย่างไรบ้าง?


.ดอกบัวที่โผล่พ้นนํ้าแล้ว เมื่อถูกแสงพระอาทิตย์ก็พร้อมที่จะเบ่งบานทันที คือผู้เข้าใจเร็วพลัน เพียงท่านยกหัวข้อธรรมขึ้นแสดง (กิเลสน้อย อินทรีย์กล้า)

.ดอกบัวที่อยู่เสมอนํ้า พร้อมจะบานในวันพรุ่ง คือผู้รู้และเข้าใจได้ต่อเมื่อท่านอธิบายขยายเนื้อความจึงรู้แจ้ง (กิเลสปานกลาง อินทรีย์ปานกลาง)

.ดอกบัวที่อยู่ใต้นํ้า พร้อมที่จะบานในวันต่อๆ ไป คือผู้พอแนะนําพรํ่าสอนบ่อยๆ ค่อยเข้าใจได้ (กิเลสหนา อินทรีย์อ่อน)

(ปี 58) ผู้ประกาศตนเป็นอุบาสกด้วยการถึงรัตนะ เป็นครั้งแรก คือใคร ? ได้พบพระพุทธเจ้าที่ไหน ?

ตอบ คือตปุสสะ และภัลลิกะ ทใต้ต้นราชายตนะ

(ปี 51) พระกระยาหารมื้อแรกของพระพุทธเจ้าหลังตรัสรู้คืออะไร? ใครเป็นผู้ถวาย?

ตอบ คือ ข้าวสัตตุผง ข้าวสัตตุก้อน พ่อค้า คน ชื่อตปุสสะและภัลลิกะ

(ปี   45)   พระพุทธองค์ทรงตัดสินพระทัยแสดงธรรมโปรดเวไนยสตว์เพราะทรงพิจารณาอย่างไร?

ตอบ เพราะทรงพิจารณาว่า บุคคลผู้มีกิเลสน้อยเบาบางก็มี หนาก็มี ผู้มีอินทรีย์กล้าก็มี อ่อนก็มี เป็นผจะพึงสอนให้รู้ได้โดยง่ายก็มี โดยยากก็มี เป็น ผู้สามารถจะรไู้ ด้ก็มี ไม่สามารถจะรู้ได้ก็มี เปรียบเหมือนดอกบัว เหล่า เมื่อเป็นเช่นนั้น พระธรรมเทศนาคงไม่ไร้ผล จักยังประโยชน์ให้สําเรจแก่ คนทุกเหล่า เว้นแต่จําพวกที่มิใช่เวไนยสตว์ที่เปรียบด้วยดอกบัวอันเป็นภักษาแห่งปลาและเต่า

(ปี 44) พระสิทธัตถะทรงบําเพ็ญเพียรอยู่เป็นเวลากี่ปีจึงได้ตรัสรู้ ? ตอบ เป็นเวลา ปี

 

 


(ปี 56) เมื่อพระศาสดาเสด็จไปเมองพาราณสเพื่อโปรดปัญจวัคคีย์ ทรงพบใครในระหว่างทาง? และหลังสนทนากันแล้วผู้นั้นได้บรรลผ

ตอบ ทรงพบอุปกาชีวก ไม่ได้บรรลุผลอะไร


ลอะไร?


(ปี 47) หลังจากตรัสรู้แล้ว ในระหว่างทางที่เสด็จไปป่าอิสิปตนมฤคทายวัน พระพุทธองค์ทรงสนทนากับใคร?  และผู้นั้นไดบรรลุธรรมชั้นไหน?

ตอบ ทรงพบอุปกาชีวก   อุปกาชีวกไม่ได้บรรลุธรรมชั้นไหนเลย

 

(ปี 45) พระพุทธองค์ตรัสรู้ธรรมพิเศษแล้ว ในพรรษาแรกเสด็จประทับอยู่ที่ไหน? และทรงบําเพ็ญพุทธกิจไว้อย่างไร?

ตอบ ประทับอยู่ ป่าอิสิปตนมฤคทายวัน แขวงเมืองพาราณสี ได้ทรงบําเพ็ญพุทธกิจที่สําคัญไว้ดังนี้







ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น