วันพุธที่ 21 กรกฎาคม พ.ศ. 2564

วิชาธรรม นักธรรมชั้นเอก 2547

ปัญหาและเฉลยวิชาธรรม  นักธรรมชั้นเอก

สอบในสนามหลวง

พ.ศ. ๒๕๔๗


   ๑.  กิเลสกามและวัตถุกาม ได้แก่อะไร ?  อย่างไหนจัดเป็นมารและเป็นบ่วงแห่งมาร ? 

        เพราะเหตุไร ?

   ๑.  กิเลสกาม ได้แก่ เจตสิกอันเศร้าหมอง ชักให้ใคร่ ให้รัก ให้อยากได้  กล่าวคือตัณหา

        ความทะยานอยาก  ราคะ ความกำหนัด  อรติ ความขึ้งเคียด เป็นต้น  จัดเป็นมาร

        เพราะเป็นโทษล้างผลาญคุณความดีและทำให้เสียคน ฯ

        วัตถุกาม ได้แก่ รูป เสียง กลิ่น รส โผฏฐัพพะ อันเป็นของน่าชอบใจ จัดเป็นบ่วงแห่ง

        มาร เพราะเป็นอารมณ์ผูกใจให้ติดแห่งมาร ฯ

   ๒.  พระบรมศาสดาทรงแสดงอานิสงส์แห่งวิปัสสนาไว้ในอนัตตลักขณสูตรอย่างไร ?

   ๒.  ทรงแสดงไว้ว่า เอวํ ปสฺสํ ภิกฺขเว สุตวา อริยสาวโก เป็นต้น  ความว่า ดูก่อนภิกษุ

        ทั้งหลาย  อริยสาวกผู้ได้สดับแล้ว  เมื่อเห็นอย่างนี้ ย่อมเบื่อหน่าย ย่อมฟอกจิต

        ให้หมดจด  เพราะการฟอกจิตให้หมดจดได้ จิตนั้นก็พ้นจากอาสวะทั้งปวง  เมื่อจิต

        พ้นพิเศษแล้ว ก็มีญาณหยั่งรู้ว่า พ้นแล้ว และเธอรู้ประจักษ์ชัดว่า ชาติสิ้นแล้ว

        พรหมจรรย์คือกิจพระศาสนาได้ทำเสร็จแล้ว กิจอื่นที่จะต้องทำเช่นนี้ไม่มีอีก ฯ

   ๓.  ไตรลักษณ์ ที่ว่าเห็นได้ยากนั้น เพราะอะไรปิดบังไว้ ?  ผู้พิจารณาเห็นอนิจจตา

        ความเป็นของไม่เที่ยง ย่อมได้รับอานิสงส์อย่างไร ?

   ๓.  อนิจจตา มีสันตติ ความสืบต่อแห่งนามรูป ปิดบังไว้ ทุกขตา มีอิริยาบถ ความผลัด

        เปลี่ยนอิริยาบถ ปิดบังไว้ อนัตตตา มีฆนสัญญา ความสำคัญเห็นเป็นก้อน ปิดบังไว้ ฯ

        ย่อมได้รับอานิสงส์ คือเพิกถอนสันตติได้ ทำให้เห็นความเกิดขึ้นและความดับไป

        ความไม่เที่ยงแห่งสังขารทั้งหลายด้วยปัญญาอันชอบ ย่อมเบื่อหน่ายในสังขารอันเป็น

        ทุกข์ ดำเนินไปในหนทางแห่งความบริสุทธิ์ ฯ

   ๔.  ความเกิด ความแก่ และความตาย จัดเข้าในทุกข์หมวดไหน ?  โดยรวบยอด ทุกข์ที่

        แสดงในธัมมจักกัปปวัตตนสูตร ได้แก่ทุกข์เช่นไร ?

   ๔.  จัดเข้าในสภาวทุกข์ คือ ทุกข์ประจำสังขาร ฯ

        ได้แก่ อุปาทานขันธ์ ๕ ฯ

   ๕.  จริตของคนในโลกนี้มีกี่ประเภท ?  อะไรบ้าง ?  คนสูงอายุมีความกังวลนอนไม่หลับ

        เพราะคิดห่วงลูกหลานเป็นต้น จัดเป็นคนมีจริตอะไร ? กัมมัฏฐานข้อใดเป็นที่สบาย

        แก่คนจริตนั้น ?

   ๕.  มี ๖ ประเภท ฯ  คือ  ราคะจริต ๑  โทสะจริต ๑  โมหะจริต ๑  วิตกจริต ๑  

        สัทธาจริต ๑  พุทธิจริต ๑ ฯ  มีวิตกจริต ฯ  ข้ออานาปานสติ หรือ กสิณ ฯ

   ๖.  ในอนุสสติ ๑๐  ข้อว่า มรณัสสติ ไม่ใช้ว่า มรณานุสสติ เพราะเหตุไร ?

   ๖.  ที่ไม่ใช้อย่างนั้น ก็เพราะท่านสอนให้ผู้พิจารณาเห็นปรากฏชัดเป็นปัจจุบันธรรม จะได้

        เกิดความไม่ประมาท เป็นผู้แกล้วกล้าไม่ย่อท้อต่อความตาย หากจะไปเหนี่ยวรั้งเอา

        ความตายที่ล่วงมาแล้วยกขึ้นพิจารณา ในบางขณะอาจเกิดความกลัวตายขึ้นก็ได้ ฯ

   ๗.  พระพุทธคุณบทว่า สุคโต นั้น เป็นพระคุณส่วนอัตตสมบัติ และส่วนปรหิตปฏิบัติ

        อย่างไร ?  จงอธิบาย

   ๗.  พระคุณส่วนอัตตสมบัติ คือ เสด็จออกผนวชไม่ย่อท้อ เสด็จดำเนินไปตาม

        อัฏฐังคิกมรรคเป็นมัชฌิมาปฏิปทา  มิได้ทรงกลับคืนมาสู่อำนาจกิเลสที่พระองค์

        ทรงละได้แล้ว  จนบรรลุอนุตตรสัมมาสัมโพธิญาณ  เสด็จไปในที่ใด ก็ทรงไม่มี

        อันตรายใดจักเกิดแก่พระองค์ได้ เสด็จไปกลับได้โดยสวัสดี ฯ

        พระคุณส่วนปรหิตปฏิบัติ คือ เสด็จจาริกไปในสถานที่ต่างๆ เทศนาโปรดมหาชน

        ให้ได้ดวงตาเห็นธรรม ให้ได้รับประโยชน์ทั้งปัจจุบัน อนาคต และประโยชน์อย่างยิ่ง

        คือพระนิพพาน  อนึ่ง ทรงมีพระวาจาดี  คือทรงกล่าวแต่คำที่จริงที่แท้ ประกอบด้วย

        ประโยชน์แก่บุคคลที่ควรกล่าว เสด็จไประงับอันตรายด้วยความอนุเคราะห์เกื้อกูล

        แก่ปวงชน แม้เสด็จดับขันธปรินิพพานไปแล้ว ทรงฝากรอยจารึก คือพระคุณความดี

        ในโลก ดุจฝนตกลงยังพืชให้เผล็ดผล เป็นประโยชน์แก่คนและสัตว์ผู้พึ่งแผ่นดิน ฯ

   ๘.  กิจ เหตุ และผลของวิปัสสนา ได้แก่อะไร ?

   ๘.  กิจ ได้แก่ การกำจัดความมืดคือโมหะ อันปิดบังปัญญาไว้ ไม่ให้เห็นตามความเป็นจริง

        เหตุ ได้แก่ การที่จิตตั้งมั่นเป็นสมาธิ ไม่ฟุ้งซ่าน

        ผล ได้แก่ การเห็นสังขารตามความเป็นจริง ฯ

   ๙.  วิปัลลาสข้อว่า  “ วิปัลลาสในของที่เป็นทุกข์ว่าเป็นสุข ”  จะถอนได้ด้วยสัญญาอะไร

        ในสัญญา ๑๐ ?  ใจความว่าอย่างไร ?

   ๙.  จะถอนได้ด้วยอาทีนวสัญญา ฯ

        ใจความว่า ภิกษุย่อมพิจารณาอย่างนี้ว่า กายอันนี้แล มีทุกข์มาก มีโทษมาก

        เหล่าอาพาธต่างๆ ย่อมเกิดขึ้นในกายนี้ ฯ

๑๐.  ในมหาสติปัฏฐานสูตร  สติปัฏฐาน ๔ มีชื่อเรียกอีกอย่างว่ากระไร ?  สติปัฏฐาน ๔ นั้น

        มีอานิสงส์อย่างไรบ้าง ?

๑๐.  เอกายนมรรค ฯ

        มีอานิสงส์ ๕ ประการ คือ

               ๑. เพื่อความบริสุทธิ์แห่งสัตว์ทั้งหลาย

               ๒. เพื่อความข้ามพ้นโสกะและปริเทวะ

               ๓. เพื่อความดับสูญแห่งทุกข์และโทมนัส

               ๔. เพื่อบรรลุธรรมที่ควรรู้

               ๕. เพื่อการทำให้แจ้งพระนิพพาน ฯ

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น