๑๗. สังกิจจสามเณร
สังกิจจสามเณร เป็นบุตรของเศรษฐีชาวเมืองสาวัตถีคนหนึ่ง ในขณะที่อยู่ในท้อง
มารดานั่นเอง มารดาได้เสียชีวิตลง ญาติพี่น้องจึงนานางไปเผา ในขณะที่ไฟกาลังไหม้ร่างกาย
ของนางอยู่นั้น เป็นอัศจรรย์ที่ไฟไม่ไหม้ส่วนท้อง พวกสัปเหร่อได้ใช้หลาวเหล็กแทงส่วน
ท้องที่ไฟไหม้นั้นเสร็จแล้วก็กลบด้วยถ่านเพลิง ปลายหลาวเหล็กได้ไปกระทบที่หางตาของทารกนั้นพอดี พอกลบถ่านเพลิงเข้ากับส่วนที่ยังไม่ไหม้แล้วก็พากันกลับบ้านด้วยหวังว่าพรุ่งนี้
ค่อยมาดับไฟเก็บอัฐิ ไฟได้ไหม้ร่างกายของมารดาจนหมดสิ้น เว้นไว้เฉพาะทารกน้อยเท่านั้น
ที่รอดชีวิตอยู่ได้อย่างปาฏิหาริย์เหมือนกับนอนอยู่ในกลีบบัว ไฟไม่ได้ทาอันตรายใด ๆ เลย
ที่เป็นเช่นนั้น เพราะผู้ที่เกิดในภพสุดท้าย ถ้ายังไม่บรรลุพระอรหันต์แล้ว อะไรก็ไม่สามารถ
ทาให้เสียชีวิตได้
เช้าวันรุ่งขึ้น พวกสัปเหร่อมาดับไฟเห็นเด็กเพศชายนอนอยู่โดยปราศจากอันตราย
ก็อัศจรรย์ใจ อุ้มกลับบ้านไปให้พวกหมอทานายชีวิตดู หมอทานายไว้ ๒ ด้านคือ ถ้าเด็กอยู่
ครองเรือน พวกเครือญาติ ๗ ชั่วโคตรจะไม่ยากจน ถ้าออกบวชจะมีพระ ๕๐๐ รูป เป็นบริวาร
แวดล้อม พวกญาติจึงตั้งชื่อให้ว่าสังกิจจะ เพราะหางตาเป็นแผลเนื่องจากถูกหลาวเหล็ก
สังกิจจกุมารมีอายุได้ ๗ ขวบ เมื่อทราบประวัติของตนเองจากปากของเด็กเพื่อนบ้าน
ก็ปรารถนาจะบวช พวกญาติจึงพาไปขอบวชในสานักพระสารีบุตร ในวันบวช พระเถระ
ให้ตจปัญจกกัมมัฏฐานแล้วให้บวช สามเณรได้บรรลุอรหัตผล พร้อมด้วยปฏิสัมภิทา ในขณะ
ที่ปลงผมเสร็จนั้นเอง
สมัยนั้น มีกุลบุตรชาวเมืองสาวัตถีประมาณ ๓๐ คน ได้ฟังธรรมจากพระพุทธเจ้าแล้ว
มีความเลื่อมใสในพระพุทธศาสนาจึงขอบวช เมื่อบวชได้ ๕ พรรษา เรียนวิปัสสนากัมมัฏฐาน
จากพระพุทธเจ้าแล้ว มีความประสงค์จะพากันไปปฏิบัติธรรม ณ ป่าแห่งหนึ่ง จึงพากันมาทูลลา
พระพุทธเจ้า พระพุทธองค์เห็นภัยอย่างหนึ่งจะเกิดแก่ภิกษุเหล่านี้ เกรงว่าจะไม่บรรลุธรรม
มีสังกิจจสามเณรเท่านั้นที่จะช่วยเหลือพระเหล่านี้ได้ พระองค์จึงรับสั่งให้ภิกษุเหล่านั้นไป
อาลาพระสารีบุตรก่อนแล้วค่อยไป
พวกภิกษุได้ไปลาพระสารีบุตร พระเถระทราบความนัยจึงเอ่ยปากมอบสังกิจจ
สามเณรให้ไปด้วย พวกภิกษุปฏิเสธเกรงว่าจะเป็นภาระไม่มีเวลาปฏิบัติธรรม พระเถระจึงบอกให้
ทราบว่า สามเณรนี้จะไม่เป็นภาระแก่พวกเธอ พวกเธอต่างหากจะเป็นภาระแก่สามเณร
พระพุทธเจ้าทรงทราบเรื่องนี้ดีจึงส่งพวกเธอมาลาเรา เมื่อเป็นเช่นนี้ พวกภิกษุจึงจาเป็นต้อง
พาสามเณรไปด้วย รวมกันเป็น ๓๑ รูป อาลาพระเถระแล้วก็ออกเดินทางไป
เดินทางถึงหมู่บ้านแห่งหนึ่ง พวกชาวบ้านมีความเลื่อมใสศรัทธา จึงนิมนต์ให้อยู่
จาพรรษาพร้อมรับปากจะพากันอุปถัมภ์บารุงตลอดพรรษา พวกภิกษุเหล่านั้นจึงรับนิมนต์
ในวันเข้าพรรษา พวกภิกษุได้ตั้งกติกากันไว้ว่า ยกเว้นเวลาเช้าบิณฑบาตและเวลา
เย็นบารุงพระเถระเท่านั้น เวลาที่เหลือให้ปฏิบัติธรรมห้ามอยู่ด้วยกัน ๒ รูป ต้องบรรลุธรรมให้ได้ภายในพรรษานี้ ถ้ารูปใดไม่สบายพึงตีระฆังบอก พวกเราจะมาปรุงยาถวาย เมื่อทา
กติกาตกลงกันอย่างนี้แล้ว ก็แยกย้ายกันไปปฏิบัติธรรม
ต่อมาวันหนึ่ง มีชายยากไร้คนหนึ่ง หนีภัยแล้งมาจากต่างเมืองหวังจะไปขอพึ่งพา
ลูกสาวอีกเมืองหนึ่ง เดินผ่านมาถึงหมู่บ้านนั้นด้วยอาการอิดโรย ขณะนั้นพวกพระภิกษุได้
กลับมาจากบิณฑบาตกาลังจะฉันเช้า พอดีพบเข้าจึงสอบถาม เมื่อทราบเรื่องแล้วเกิดความ
สงสารเขาที่ไม่ได้กินข้าวมาหลายวันแล้ว จึงบอกให้ไปหาใบไม้มาจะแบ่งอาหารให้
ธรรมเนียมของพระสงฆ์อย่างหนึ่งก็คือ ภิกษุเมื่อจะให้อาหารแก่ผู้มาในเวลาฉัน
ไม่ให้อาหารที่เป็นยอด พึงให้มากบ้างน้อยบ้าง เท่ากับส่วนที่จะฉันเอง
ชายยากไร้หลังกินข้าวอิ่มแล้วก็สอบถามพวกท่านว่า
มีกิจนิมนต์หรือไร พระคุณเจ้าจึงได้อาหารมากมายขนาดนี้
ไม่มีหรอกโยม เป็นเรื่องปกติของที่นี่ พวกภิกษุตอบ
เขาคิดว่า เราทางานแทบตายก็ไม่ได้กินอาหารดีเช่นนี้ จะไปอยู่ทาไมที่อื่น อยู่อาศัย
กับพระพวกนี้ สบายดีกว่า จึงขออาศัยอยู่ทาวัตรปฏิบัติอุปัฏฐากพระสงฆ์ด้วย พวกพระภิกษุ
ก็อนุญาต เขาขยันทางานช่วยเหลือพระภิกษุเหล่านั้นเป็นอย่างดี
เวลาผ่านไป ๒ เดือน ชายยากไร้นั้นอยู่สุขสบายดีตลอดมา ต่อมาคิดถึงลูกสาว
จึงแอบหนีออกจากที่พักสงฆ์ไปโดยไม่บอกกล่าวอาลาแก่ผู้ใด เพราะเกรงว่าพระสงฆ์จะไม่
อนุญาต
หนทางที่ชายยากไร้นั้นไปจะต้องผ่านดงใหญ่แห่งหนึ่ง ในดงนั้นมีโจร ๕๐๐ คน
ได้บนบานเทวดาว่าจะถวายพลีกรรมในวันที่ ๗ พอดี เมื่อชายยากไร้นั้นเดินผ่านเข้าไป
กลางดงก็ถูกพวกโจรจับตัวมัดไว้เตรียมที่จะทาพิธีพลีกรรมแก่เทวดา
เขาตกใจกลัวตาย ได้ร้องขอชีวิตไว้และเสนอว่า เขาเป็นคนยากไร้ เทวดาอาจจะไม่
ชอบใจ พวกภิกษุเป็นผู้มีศีลสกุลสูง เทวดาท่านคงจะชอบใจ ไปจับพวกภิกษุมาทาพลีกรรม
จะดีกว่า พวกโจรเห็นดีด้วยจึงให้เขาพาไปที่พักสงฆ์
เขาได้พาพวกโจรไปที่สานักสงฆ์แล้วตีระฆัง พวกภิกษุเมื่อได้ยินเสียงระฆังเข้าใจว่า
มีภิกษุไม่สบายก็มารวมกันที่ศาลา หัวหน้าโจรจึงประกาศให้ทราบว่าต้องการภิกษุ ๑ รูป
เพื่อไปทาพลีกรรมพระทั้ง ๓๐ รูป ต่างอาสาไปตายทั้งสิ้น ตกลงกันไม่ได้ สังกิจจสามเณรจึงขออาสา
ไปเอง พวกภิกษุไม่ยอม เพราะสามเณรเป็นลูกศิษย์ของพระสารีบุตรฝากมา เกรงว่าพระเถระ
จะติเตียนได้ สามเณรจึงบอกให้ทราบว่าพระพุทธเจ้าและพระอุปัชฌาย์ให้ตนมาก็เพื่อมา
แก้ปัญหานี้เอง จึงยกมือไหว้พวกภิกษุ เดินตามพวกโจรไป
พวกภิกษุซึ่งยังเป็นปุถุชนต่างก็ร้องไห้สงสารสามเณรพร้อมกับกาชับหัวหน้าโจรว่า
ในช่วงที่พวกท่านตระเตรียมสิ่งของ ขอให้นาสามเณรไปไว้ที่อื่นก่อน สามเณรจะกลัว
หัวหน้าโจรได้นาสามเณรไปที่ดงนั้นแล้วทาตามพวกภิกษุสั่งไว้ เมื่อตระเตรียมทุก
อย่างเสร็จแล้ว หัวหน้าโจรได้ถือดาบเดินเข้าไปหาสามเณรหวังจะตัดคอ สามเณรได้นั่ง
เข้าฌานนิ่งอยู่ พอไปถึงหัวหน้าโจรก็ฟันลงเต็มแรงปรากฏว่าดาบงอ เขาเข้าใจว่าฟันไม่ดี
จึงยกดาบขึ้นฟันใหม่ ปรากฏว่าดาบพับม้วนจนถึงด้าม
หน้าโจรเห็นปาฏิหาริย์เช่นนี้เกิดอัศจรรย์ใจยิ่งนักคิดว่า ดาบเราฟันหินยังขาด
แต่บัดนี้ ได้งอพับดังใบตาล ดาบนี้ไม่มีจิตใจยังรู้คุณของสามเณร เรามีจิตใจยังไม่สานึกเสียอีก
ได้ทิ้งดาบลงดินแล้วคุกเข่าลงกราบสามเณรพร้อมถามว่า เณรน้อย คนเป็นพันเห็น
พวกผมแล้วต้องตัวสั่นวิ่งหนีไป แต่สาหรับท่านแล้วแม้เพียงความสะดุ้งแห่งจิตก็มิได้มีเลย
หน้าตาก็ผุดผ่องแจ่มใส ทาไมท่านจึงไม่ร้องขอชีวิตเล่า
สามเณรออกจากฌานแล้วแสดงธรรมแก่หัวหน้าโจรว่า โยม ธรรมดาอัตภาพของ
พระอรหันต์ เป็นเหมือนของหนักวางอยู่บนศีรษะ พระอรหันต์เมื่ออัตภาพนี้แตกไปย่อมยินดี
พระอรหันต์จึงไม่กลัวตาย ทุกข์ทางใจย่อมไม่มีแก่พระอรหันต์ ผู้ไม่มีความห่วงใย ผู้ก้าวล่วง
ทุกอย่างได้แล้ว หัวหน้าโจรพอได้ฟังคาสามเณรแล้ว พร้อมลูกน้องทั้งหมดได้ไหว้สามเณร
แล้วขอบวช
สามเณรได้ตัดผมและชายผ้าด้วยดาบของโจรเหล่านั้นแล้วให้บวชเป็นสามเณร
ถือศีล ๑๐ เสร็จแล้วได้พาสามเณรเหล่านั้นกลับไปยังที่พักสงฆ์ ให้พวกภิกษุทราบความ
ปลอดภัยของตน แล้วได้อาลาพวกภิกษุพาสามเณรเหล่านั้นไปเข้าเฝ้าพระพุทธเจ้า
พระพุทธเจ้าได้แสดงธรรมเทศนาว่า ผู้มีศีลแม้มีชีวิตอยู่เพียงวันเดียว ยังประเสริฐ
กว่าการทาโจรกรรม ไม่มีศีล มีชีวิตอยู่ตั้ง ๑๐๐ ปี ในเวลาจบพระธรรมเทศนา สามเณร
เหล่านั้นได้บรรลุพระอรหันต์ทั้งหมด
หนังสือนักธรรมชั้นตรี,นักธรรมตรีpdf,นักธรรมตรี,สรุปนักธรรมตรี,ข้อสอบนักธรรมตรี,เก็งข้อสอบนักธรรมตรี
- หน้าแรก
- พุทธประวัติ
- ธรรมวิภาค
- เบญจศีล-เบญจธรรม
- แบบกระทู้ธรรมชั้นตรี
- แบบกระทู้ธรรมชั้นโท
- แบบกระทู้ธรรมชั้นเอก
- หมวด พุทธศาสนสุภาษิต
- อนุพุทธประวัติชั้นโท
- ดาวโหลดหนังสือธรรมศึกษาชั้นตรี โท เอก
- Download ข้อสอบนักธรรมและธรรมศึกษา ปี 2559-2563
- ประวัตินักธรรม-ธรรมศึกษา โดยสังเขป
- ขอบข่ายการเรียนการสอนธรรมศึกษา 2561
- ขอบข่ายธรรมศึกษา ระดับอุดมศึกษาและประชาชนทั่วไป
- ข้อสอบนักธรรมตรี-โท-เอก[ย้อนหลัง]
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น