วันศุกร์ที่ 2 พฤศจิกายน พ.ศ. 2561

๒. พระอุรุเวลกัสสปะ

๒. พระอุรุเวลกัสสปะ 
พระอุรุเวลกัสสปะ เกิดในตระกูลพราหมณ์กัสสปโคตร มีน้องชาย ๒ คน ชื่อนทีกัสสปะ
และคยากัสสปะ เมื่อเจริญวัยท่านได้เรียนจบไตรเพท ตามลัทธิและประเพณีของพราหมณ์
ท่านอุรุเวลกัสสปะ มีบริวาร ๕๐๐ คน พาน้องชาย ๒ คน และบริวาร รวมทั้งหมด
๑,๐๐๐ คน ออกบวชเป็นชฎิล ตั้งอาศรมอยู่ที่ตาบลอุรุเวลา แคว้นมคธ จึงได้ชื่อว่าอุรุเวลกัสสปะ
บาเพ็ญพรตด้วยการบูชาไฟ
พระพุทธเจ้าทรงดาริว่า ควรจะนาอุรุเวลกัสสปะผู้มีอายุมาก เป็นที่นับถือของมหาชน
มาเป็นกาลังในการประกาศพระศาสนาที่แคว้นมคธ เพราะท่านเป็นที่นับถือของชนในแคว้นนั้น
มาช้านาน จึงเสด็จพระองค์เดียวไปยังอุรุเวลานิคม ตรัสขอพานักอาศัยในอาศรมของ
อุรุเวลกัสสปชฎิล แรก ๆ ไม่ยอมให้ทรงพานัก แต่ถูกพระพุทธเจ้าทรงทรมานด้วยอภินิหาร
ต่าง ๆ เห็นว่าลัทธิของตนไม่มีสาระก็เกิดความสลดใจละลัทธินั้นเสีย พากันลอยบริขารแห่ง
ชฎิลในแม่น้าแล้วทูลขอบวชพร้อมทั้งบริวาร ๕๐๐ คน
เมื่ออุรุเวลกัสสปะพร้อมทั้งบริวาร ลอยบริขารและเครื่องบูชาไฟไปในแม่น้า น้องชาย
ทั้งสองเห็นเช่นนั้น กลัวว่าจะมีภัยเกิดกับพี่ชายจึงพากันมาดู พอทราบเรื่องราวความเป็นไป
ต่าง ๆ จึงขอบวชในสานักของพระพุทธเจ้า พร้อมกับบริวารทั้งหมด พระพุทธเจ้าทรงประทาน
เอหิภิกขุอุปสัมปทาให้ แล้วทรงพาภิกษุ ๑,๐๐๓ รูปนั้น เสด็จไปยังตาบลคยาสีสะ ประทับนั่ง
บนแผ่นหิน ทรงให้ภิกษุทั้งหมดนั้นดารงอยู่ในอรหัตผลด้วย อาทิตตปริยายเทศนา ใจความ
ย่อแห่งอาทิตตปริยายเทศนาว่า ตา หู จมูก ลิ้น กาย ใจเป็นของร้อน ร้อนเพราะอะไรร้อนเพราะไฟคือราคะ ไฟคือโทสะ ไฟคือโมหะ ร้อนเพราะความเกิด เพราะความแก่ เพราะ
ความตาย เพราะความเศร้าโศก เพราะความคร่าครวญ เพราะความทุกข์ เพราะความ
โทมนัส เพราะความคับแค้นใจ
พระอุรุเวลกัสสปะเป็นกาลังสาคัญยิ่งในการประดิษฐานพระพุทธศาสนาในแคว้นมคธ
ตามตานานเล่าว่า พระพุทธเจ้าทรงพาภิกษุ ๑,๐๐๓ องค์นั้น เสด็จไปถึงเมืองราชคฤห์
ประทับที่สวนตาลหนุ่ม ชื่อลัฏฐิวัน พระเจ้าพิมพิสาร พระเจ้าแผ่นดินแคว้นมคธทรงทราบ
ข่าว จึงพร้อมด้วยข้าราชบริพารเสด็จพระราชดาเนินไปเฝ้า พระพุทธองค์ทอดพระเนตรเห็น
ข้าราชบริพารของพระเจ้าพิมพิสาร มีกิริยาอาการไม่อ่อนน้อม จึงตรัสสั่งให้พระอุรุเวลกัสสปะ
ประกาศให้คนเหล่านั้นทราบว่า ลัทธิของท่านไม่มีแก่นสาร คนเหล่านั้นสิ้นความสงสัย ตั้งใจ
ฟังพระเทศนาอนุปุพพีกถาและอริยสัจ ๔ พอจบเทศนา พระเจ้าพิมพิสารพร้อมด้วยบริวาร
๑๑ ส่วน ได้ดวงตาเห็นธรรม คือบรรลุโสดาปัตติผล อีก ๑ ส่วน ดารงอยู่ในสรณคมน์
พระอุรุเวลกัสสปะ เป็นผู้รู้จักเอาใจใส่บริษัท จึงทาให้มีคนเลื่อมใสศรัทธาในตัว
ท่านมาก มีบริวารมากถึง ๕๐๐ คน ฉะนั้น จึงได้รับการยกย่องว่า เป็นเอตทัคคะผู้ยอดเยี่ยม
กว่าภิกษุทั้งหลายด้านผู้มีบริวารมาก ท่านดารงชีพอยู่พอสมควรแก่กาลแล้ว ก็ดับขันธนิพพาน

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น