วันเสาร์ที่ 10 กรกฎาคม พ.ศ. 2564

อนุพุทธประวัติ นักธรรมชั้นโท 2543

 อนุพุทธประวัติ นักธรรมชั้นโท 2543


ปัญหาและเฉลยอนุพุทธประวัติ  นักธรรมชั้นโท

สอบในสนามหลวง พ.ศ. ๒๕๔๓

วันศุกร์ ที่  ๑๗  พฤศจิกายน พ.ศ. ๒๕๔๓

------------------------------

๑.

๑.๑

อนุพุทธบุคคลคือบุคคลพวกไหน ?  ได้ชื่อว่าอย่างนั้นเพราะเหตุไร ?


๑.๒

อนุพุทธบุคคล เป็นนักบวชหรือบุคคลทั่วไป ?

๑.

๑.๑

คือบุคคลผู้เป็นสาวกของพระพุทธเจ้า ได้ชื่ออย่างนั้นเพราะเป็นผู้รู้ตาม

พระพุทธเจ้า


๑.๒

เป็นนักบวชก็มี เป็นบุคคลทั่วไปก็มี

๒.

๒.๑

การศึกษาอนุพุทธประวัติให้ประโยชน์อย่างไรต่อเจ้าของประวัติ ?


๒.๒

การศึกษาอนุพุทธประวัติให้คุณค่าอย่างไรต่อผู้ศึกษา ?

๒.

๒.๑

เป็นการประกาศเกียรติคุณพระสาวกผู้เป็นอุปการะแก่พระศาสนา               ได้เชิดชูพระคุณท่าน นำเพื่อนร่วมศาสนาให้เกิดปสาทะและนับถือ  ความดีของพระสาวกปรากฏแล้วจักเชิดชูพระเกียรติคุณของพระศาสดายิ่งขึ้น


๒.๒

ให้คุณค่าในด้านกำหนดและจดจำวัตรปฏิบัติอันงดงามของท่านมาเป็นปฏิปทาเครื่องดำเนินชีวิตของตน

๓.

๓.๑

พระโกณฑัญญะได้เกิดความรู้เห็นอย่างไรก่อน จึงนับว่าเป็นปฐมอริยสาวก ?


๓.๒

ท่านได้รับเกียรติยศเป็นพิเศษเพราะเหตุนี้อย่างไรบ้าง ?

๓.

๓.๑

ได้เกิดความรู้เห็นว่า สิ่งใดสิ่งหนึ่งมีความเกิดขึ้นเป็นธรรมดา สิ่งนั้น        ทั้งมวลมีความดับไปเป็นธรรมดา คือได้ดวงตาเห็นธรรม (ธรรมจักษุ) แล้วทูลขอบวชกับพระพุทธองค์ จึงนับได้ว่าเป็นปฐมอริยสาวกใน       พระศาสนา


๓.๒

เมื่อท่านเกิดความรู้เห็นดังนี้  พระบรมศาสดาจึงทรงเปล่งอุทาน ว่า "อญฺญาสิ วต โภ โกณฺฑญฺโญ อญฺญาสิ วต โภ โกณฺฑญฺโญ” แปลว่า โกณฑัญญะได้รู้แล้วหนอๆ แต่นั้นมา ท่านมีนามว่า อัญญาโกณฑัญญะ ข้อนี้เป็นเกียรติยศพิเศษสำหรับท่านผู้เป็นปฐมอริยสาวก ฯ


๔.

๔.๑

พระสาวกรูปใดได้รับการบวชด้วยญัตติจตุตถกรรมเป็นรูปแรก ?


๔.๒

พระสาวกรูปนั้นได้รับยกย่องเป็นเลิศในทางไหน ?

๔.

๔.๑

พระราธะ


๔.๒

ในทางมีปฏิภาณ คือญาณแจ่มแจ้งในพระธรรมเทศนา

๕.

๕.๑

พระพุทธองค์ทรงยกย่องพระสารีบุตรคู่กับพระโมคคัลลานะโดยอุปมาไว้ อย่างไร ?


๕.๒

ที่ตรัสอุปมาไว้อย่างนั้นเพราะเหตุไร ?

๕.

๕.๑

พระพุทธองค์ตรัสอุปมาว่า พระสารีบุตรเปรียบเหมือนมารดาผู้ให้ทารกเกิด   พระโมคคัลลานะเปรียบเหมือนนางนมผู้เลี้ยงทารกที่เกิดแล้วนั้น


๕.๒

ที่ตรัสอุปมาไว้อย่างนั้นเพราะพระสารีบุตรย่อมแนะนำให้ตั้งอยู่ใน   โสดาปัตติผล พระโมคคัลลานะย่อมแนะนำให้ตั้งอยู่ในคุณเบื้องบนที่   สูงกว่านั้น

๖.

๖.๑

การพบกันของพระอัสสชิและอุปติสสปริพาชกมีผลต่อพระพุทธศาสนา    อย่างไร ?


๖.๒

พระสารีบุตรมีปัญญาเลิศกว่าพระสาวกทั้งหลายนั้น มีอะไรเป็นเครื่อง     ยืนยัน ?

๖.

๖.๑

มีผลเกิดขึ้นดังนี้คือ

     ๑) อุปติสสปริพาชกได้ความเลื่อมใสในวัตรของพระอัสสชิ

     ๒) อุปติสสปริพาชกได้ฟังธรรมแล้วได้ดวงตาเห็นธรรม

     ๓) อุปติสสปริพาชกได้ชักชวนเพื่อนไปบวช ฟังธรรมแล้วได้บรรลุ

          ธรรม

     ๔) พระพุทธองค์ได้อัครสาวกเบื้องซ้ายเบื้องขวา


๖.๒

มีพระพุทธดำรัสตรัสยกย่องพระสารีบุตรว่า เป็นยอดแห่งพระสาวกผู้มีปัญญาและตรัสสรรเสริญว่า พระสารีบุตรสามารถแสดงธรรมจักร    และจตุราริยสัจ ได้กว้างขวางพิสดารแม้นกับพระองค์ ประกอบกับพระธรรมเทศนาที่ท่าน    ได้แสดงไว้ในโอกาสนั้น ๆ ส่องให้เห็นถึงอัจฉริยภาพอย่างแท้จริงของท่าน     ในด้านนี้

๗.

๗.๑

ธรรมุทเทศคืออะไรบ้าง ?    ๗.๒  ใครแสดงแก่ใคร ?

๗.

๗.๑

ธรรมุทเทศ คือ


     ๑) โลกคือหมู่สัตว์อันชรานำเข้าไปใกล้ ไม่ยั่งยืน

     ๒) โลกคือหมู่สัตว์ไม่มีผู้ป้องกัน ไม่เป็นใหญ่จำเพาะตน

     ๓) โลกคือหมู่สัตว์ไม่มีอะไรเป็นของ ๆ ตน จำต้องละสิ่งทั้งปวงไป

     ๔) โลกคือหมู่สัตว์พร่องอยู่เป็นนิตย์ ไม่รู้จักอิ่ม เป็นทาสแห่งตัณหา


๗.๒

พระรัฐบาลแสดงถวายพระเจ้าโกรัพยะ



                                   ศาสนพิธี

๘.

๘.๑

คำว่า สวดมาติกาหรือสดับปกรณ์ หมายถึงอะไร ?


๘.๒

คำทั้งสองนั้นใช้ต่างกันอย่างไร ?

๘.

๘.๑

หมายถึงการสวดบทมาติกาของพระอภิธรรม ๗ คัมภีร์ หรือที่เรียกว่า  สัตตัปปกรณาภิธรรม ซึ่งมีการบังสุกุลเป็นที่สุด เป็นประเพณีนิยมจัดให้พระสงฆ์สวดในงานทำบุญหน้าศพอย่างหนึ่ง


๘.๒

คำว่าสวดมาติกา ใช้ในงานศพราษฎรสามัญทั่วไป ส่วนคำว่า สดับปกรณ์ ใช้เรียกโดยโวหารทางราชการในงานหลวง (ศพหรืออัฐิของเจ้านายตั้งแต่ชั้นหม่อมเจ้าขึ้นไป)

๙.

๙.๑

ผ้าวัสสิกสาฎกคือผ้าเช่นไร ?


๙.๒

ผ้าจำนำพรรษาคือผ้าเช่นไร ?

๙.

๙.๑

คือ ผ้าสำหรับภิกษุใช้นุ่งในเวลาอาบน้ำฝนหรืออาบน้ำทั่วไป เรียกกันว่า ผ้าอาบน้ำฝนบ้าง ผ้าอาบบ้าง ผ้านี้เกิดขึ้นเฉพาะฤดูกาลที่ทรงอนุญาตเป็นบริขารพิเศษชั่วคราว อธิษฐานไว้ใช้ได้ตลอด ๔ เดือนฤดูฝน พ้นจากเขตนั้นเป็นธรรมเนียมให้วิกัป


๙.๒

คือ ผ้าที่ทายกถวายแก่ภิกษุผู้อยู่จำพรรษาครบ ๓ เดือน   เว้นผ้ากฐิน

๑๐.

๑๐.๑

ศาสนพิธีเล่ม ๒ แสดงอุโบสถกรรมไว้กี่ประเภท ?  อะไรบ้าง ?


๑๐.๒

แต่ละประเภทมีความแตกต่างกันอย่างไร ?

๑๐.

๑๐.๑

มี ๓ ประเภท คือ สังฆอุโบสถ ๑  ปาริสุทธิอุโบสถ ๑  อธิษฐานอุโบสถ ๑


๑๐.๒

มีความแตกต่างกันดังนี้


๑)

สังฆอุโบสถ คือ อุโบสถกรรมที่พระภิกษุตั้งแต่ ๔ รูปขึ้นไป ประชุมสวด   พระปาฏิโมกข์


๒)

ปาริสุทธิอุโบสถ คือ อุโบสถกรรมที่พระภิกษุน้อยกว่า ๔ รูป มีเพียง ๓ รูป หรือ ๒ รูป ร่วมกันทำเป็นการคณะ ให้แต่ละรูปบอกความบริสุทธิ์ของตน ๆ


๓)

อธิษฐานอุโบสถ คืออุโบสถกรรมที่พระภิกษุรูปเดียวทำเป็นการบุคคลด้วยการอธิษฐานความบริสุทธิ์ใจของตนเอง


ปัญหาและเฉลยวิชาอนุพุทธประวัติ นักธรรมชั้นโท 2544

 ปัญหาและเฉลยวิชาอนุพุทธประวัติ นักธรรมชั้นโท 2544


ปัญหาและเฉลยวิชาอนุพุทธประวัติ  นักธรรมชั้นโท

สอบในสนามหลวง

วันอาทิตย์ ที่  ๔  พฤศจิกายน  พ.ศ. ๒๕๔๔

๑.

๑.๑

พระปัญจวัคคีย์ได้สำเร็จเป็นพระอรหันต์ เพราะฟังพระธรรมเทศนาชื่ออะไร ?


๑.๒

พระธรรมเทศนานั้นโดยย่อว่าด้วยเรื่องอะไร ?

๑.

๑.๑

ชื่อ  อนัตตลักขณสูตร


๑.๒

ว่าด้วย รูป เวทนา สัญญา สังขาร วิญญาณ ไม่เที่ยง เป็นทุกข์ เป็นอนัตตา

๒.

๒.๑

พระสาวกรูปใดที่ได้รับยกย่องจากพระศาสดาว่า เป็นยอดแห่งภิกษุผู้มีบริวารมาก ?


๒.๒

ความเป็นผู้มีบริวารมากนั้น  เป็นผลเกิดจากอะไร ?

๒.

๒.๑

พระอุรุเวลกัสสปะ


๒.๒

เกิดจากเหตุ คือความรู้จักเอาใจบริษัท รู้จักสงเคราะห์ด้วยอามิสบ้าง  ด้วยธรรมบ้าง

๓.

๓.๑

คำถามว่า " ผู้มีอายุ อินทรีย์ของท่านหมดจดผ่องใส ท่านบวชจำเพาะใคร  ใครเป็นศาสดาผู้สอนของท่าน ท่านชอบใจธรรมของใคร " เป็นคำถาม

ของใคร ?


๓.๒

ใครเป็นผู้ตอบ ?  ตอบว่าอย่างไร ?

๓.

๓.๑

อุปติสสปริพาชก


๓.๒

พระอัสสชิเป็นผู้ตอบ ตอบว่า " ผู้มีอายุ เราบวชจำเพาะพระมหาสมณะ  ผู้เป็นโอรสศากยราชออกจากศากยสกุล ท่านเป็นศาสดาของเรา เราชอบใจธรรมของท่าน "

๔.

๔.๑

ทิฏฐิแสดงความเห็นว่า  " สิ่งทั้งปวงไม่ควรแก่ข้าพเจ้า   ข้าพเจ้า 

ไม่ชอบใจทั้งหมด "  ใครพูดกับใคร ?


๔.๒

ตามทิฏฐิแสดงความเห็นนั้น  มีคำกล่าวตอบว่าอย่างไร ?

๔.

๔.๑

ปริพาชกทีฆนขะ  อัคคิเวสสนโคตร  ทูลกับพระศาสดา


๔.๒

มีพระดำรัสตอบว่า " อัคคิเวสสนะ ถ้าอย่างนั้น ความเห็นอย่างนั้น ก็ต้องไม่ควรแก่ท่าน ท่านก็ต้องไม่ชอบความเห็นอย่างนั้น "

๕.

๕.๑

พระศาสดาทรงยกย่องพระสาวกรูปใดว่า มีธรรมเครื่องอยู่เสมอด้วยพระองค์ ?


๕.๒

พระองค์ทรงปฏิบัติต่อพระสาวกรูปนั้นโดยพระอาการอย่างไร ?

๕.

๕.๑

พระมหากัสสปะ


๕.๒

ทรงรับผ้าสังฆาฏิของท่านไปทรง  และประทานผ้าสังฆาฏิของพระองค์ให้แก่ท่าน

๖.

๖.๑

พระศาสดาทรงทราบความขัดข้องจากพระสาวกรูปใด จึงได้ทรงพระอนุญาตให้สงฆ์ปัญจวรรคทำการอุปสมบทในปัจจันตชนบทได้ ?


๖.๒

ท่านได้รับยกย่องว่าเลิศทางไหน ?

๖.

๖.๑

พระโสณกุฏิกัณณะ


๖.๒

เป็นผู้มีวาจาไพเราะ

๗.

๗.๑

พระรัฐบาล  และพระนันทะ  ออกบวชเพราะเหตุใด ?


๗.๒

พระโมฆราช  และพระอุบาลี  ได้รับการยกย่องว่าเลิศในทางไหน ?

๗.

๗.๑

พระรัฐบาล  ออกบวชเพราะศรัทธา

พระนันทะ  ออกบวชเพราะจำใจ


๗.๒

พระโมฆราช  ได้รับยกย่องว่าเป็นผู้ทรงจีวรเศร้าหมอง

พระอุบาลี   ได้รับยกย่องว่าเป็นผู้ทรงพระวินัย

ศาสนพิธี

๘.

๘.๑

กุศลพิธี  และบุญพิธี  คือพิธีเช่นไร ?


๘.๒

วันเทโวโรหณะ  คือวันอะไร ?  มีชื่อเรียกอีกอย่างหนึ่งว่าวันอะไร ?

๘.

๘.๑

กุศลพิธี  คือพิธีกรรมต่าง ๆ อันเกี่ยวด้วยการอบรมความดีงามทาง

พระพุทธศาสนาเฉพาะตัวบุคคล  เช่น  พิธีรักษาอุโบสถศีล  เป็นต้น

บุญพิธี  คือพิธีทำบุญงานมงคล  และงานอวมงคล


๘.๒

คือวันที่พระองค์เสด็จลงจากเทวโลก เรียกอีกอย่างหนึ่งว่าวันพระเจ้าเปิดโลก

๙.

๙.๑

พิธีสวดพระอภิธรรมมีกี่อย่าง ?  อะไรบ้าง ?


๙.๒

การสวดมาติกาคือการสวดเรื่องอะไร ?

๙.

๙.๑

มี  ๒  อย่างคือ

           ๑) สวดประจำยามหน้าศพ

           ๒) สวดหน้าไฟในขณะฌาปนกิจ


๙.๒

คือการสวดบทมาติกาของพระอภิธรรมเจ็ดคัมภีร์หรือที่เรียกว่า

" สัตตัปปกรณาภิธรรม " ซึ่งมีการบังสุกุลเป็นที่สุด เป็นประเพณีนิยมจัดให้พระสงฆ์สวดในงานทำบุญหน้าศพอย่างหนึ่ง เรียกโดยโวหาร

ทางราชการในงานหลวงว่า " สดับปกรณ์ " แต่ราษฎรสามัญทั่วไปเรียกว่า " สวดมาติกา "

๑๐.

๑๐.๑

ผ้าป่า  และผ้าอัจเจกจีวร  ได้แก่ผ้าเช่นไร ?


๑๐.๒

การทอดผ้าป่ากำหนดกาลเวลาทอดไว้หรือไม่ ?

๑๐.

๑๐.๑

ผ้าป่า หมายถึง ผ้าเปื้อนฝุ่นที่ไม่มีเจ้าของหวงเเหน ทิ้งอยู่ตามป่าดงบ้าง ตามป่าช้าบ้าง ตามถนนหนทางและห้อยย้อยอยู่ตามกิ่งไม้บ้าง

ผ้าอัจเจกจีวร หมายถึง ผ้าจำนำพรรษาที่ทายกรีบด่วนถวายก่อนกำหนดกาล  คือถวายก่อนออกพรรษา


๑๐.๒

ไม่มีกำหนดกาลเวลา  มีศรัทธาเมื่อไรก็ถวายได้