วันจันทร์ที่ 12 กรกฎาคม พ.ศ. 2564

วิชาวินัยบัญญัติ นักธรรมชั้นโท 2550

 วิชาวินัยบัญญัติ นักธรรมชั้นโท 2550


ปัญหาและเฉลยวิชาวินัยบัญญัติ  นักธรรมชั้นโท

สอบในสนามหลวง

วันพฤหัสบดี ที่ ๒๙ พฤศจิกายน พ.ศ. ๒๕๕๐

๑.     อภิสมาจาร  มีรูปเป็น ๒ อย่าง อย่างหนึ่งเป็นข้ออนุญาต  อีกอย่างหนึ่งคืออะไร ?   และปรับอาบัติอะไรได้บ้าง ?

๑.     อีกอย่างหนึ่งคือ ข้อห้าม ฯ

        ปรับอาบัติถุลลัจจัยและอาบัติทุกกฏ ฯ

๒.    ภิกษุใช้เครื่องนุ่งห่มของคฤหัสถ์ปกปิดกายแทนจีวร จะผิดหรือไม่ อย่างไร ?

๒.    อาจจะผิดหรือไม่ผิดแล้วแต่กรณี  ในกรณีที่ไม่มีจีวร  เช่นจีวรถูกไฟไหม้  ถูกโจรชิงไปหมด  นุ่งห่มผ้าของคฤหัสถ์ได้  ห้ามมิให้เปลือยกาย   ถ้าไม่ปกปิด ต้องอาบัติทุกกฏ แต่ถ้าไม่มีเหตุแล้วนุ่งห่มต้องอาบัติทุกกฏ ฯ

๓.     วิธีใช้วิธีรักษาบาตรที่ถูกต้อง  คืออย่างไร ?

๓.     คือ  ห้ามไม่ให้ใช้บาตรต่างกระโถน  คือทิ้งก้างปลา  กระดูก  เนื้อ  หรืออื่น ๆ  อันเป็นเดนลงในบาตร  ห้ามไม่ให้ล้างมือหรือบ้วนปากลงในบาตร  จะเอามือเปื้อนจับบาตรก็ไม่ควร  ฉันแล้วให้ล้างบาตร  ห้ามไม่ให้เก็บไว้ทั้งยังเปียก  ให้ผึ่งแดดก่อน  ห้ามไม่ให้ผึ่งทั้งยังเปียก  ให้เช็ดจนหมดน้ำก่อนจึงผึ่ง  ห้ามไม่ให้ผึ่งไว้นาน  ให้ผึ่งสักครู่หนึ่ง ฯ


๔.     สัทธิวิหาริก  คือใคร ? อุปัชฌาย์ควรมีใจเอื้อเฟื้อสัทธิวิหาริกของตนอย่างไรบ้าง ?

๔.     คือ  ภิกษุผู้พึ่งพิง   ในการอุปสมบท ภิกษุถือภิกษุรูปใดเป็นอุปัชฌาย์  ก็เป็นสัทธิวิหาริกของภิกษุรูปนั้น ฯ

อุปัชฌาย์ควรมีใจเอื้อเฟื้อสัทธิวิหาริกของตนอย่างนี้ คือ

๑. เอาใจใส่ในการศึกษาของสัทธิวิหาริก  

๒. สงเคราะห์ด้วยบาตร จีวร และบริขารอื่น ๆ 

    ถ้าของตนไม่มีก็ขวนขวายให้

        ๓. ขวนขวายป้องกันหรือระงับความเสื่อมเสียอันจักเกิดมีหรือได้มีแล้ว

          แก่สัทธิวิหาริก

๔. เมื่อสัทธิวิหาริกอาพาธ  ทำการพยาบาล ฯ

๕.     ภิกษุอยู่จำพรรษาแล้ว  มีเหตุให้ไปที่อื่น  คิดว่าจะกลับมาทันภายใน  วันนั้น  มิได้ผูกใจสัตตาหะไว้  แต่มีเหตุขัดข้องให้กลับถึงเมื่ออรุณขึ้นเสียแล้ว เช่นนี้ พรรษาขาดหรือไม่ ?   เพราะเหตุใด ?

๕.     ถ้าไปด้วยธุระที่ทรงอนุญาตให้ไปด้วยสัตตาหกรณียะ  พรรษาไม่ขาด ฯ

เพราะยังอยู่ในพระพุทธานุญาตนั้นเอง  ทั้งจิตคิดจะกลับก็มีอยู่   ถ้าไปด้วยมิใช่ธุระที่เป็นสัตตาหกรณียะ พรรษาขาด ฯ

๖.     ในการทำอุโบสถสวดปาติโมกข์นั้น  มีบุพพกิจอะไรบ้าง ?  และภิกษุอาจต้องอาบัติถุลลัจจัยด้วยเรื่องอะไรได้บ้าง ?

๖.     มีดังนี้  นำปาริสุทธิของภิกษุผู้อาพาธมา   นำฉันทะของเธอมาด้วย   บอกฤดู   นับภิกษุ   สั่งสอนนางภิกษุณี ฯ

ในเรื่องที่ว่า  รู้อยู่ว่าจะมีภิกษุอื่นมาร่วมทำอุโบสถด้วยอีก  แต่นึกเสียว่า  ช่างเป็นไร  แล้วสวด  ปรับอาบัติถุลลัจจัย ฯ

๗.    ปวารณา  คืออะไร ?  มีพระพุทธานุญาตให้ภิกษุเช่นไรทำปวารณาได้ ?  และทำในวันไหน ?

๗.    คือ  การบอกให้โอกาสแก่ภิกษุทั้งหลายเพื่อปรารถนาตักเตือนว่ากล่าวตนได้ ฯ

มีพระพุทธานุญาตให้ภิกษุผู้อยู่จำพรรษาถ้วนไตรมาสทำปวารณาแทนอุโบสถ ฯ

ในวันขึ้น ๑๕ ค่ำ เดือน ๑๑  ซึ่งเป็นวันเต็ม ๓ เดือนแต่วันจำพรรษา ฯ

๘.     ดิรัจฉานวิชาไม่ดีอย่างไร  พระศาสดาจึงตรัสห้ามไว้  ไม่ให้บอกไม่ให้เรียน ?

๘.     เป็นความรู้ที่เขาสงสัยว่าลวงหรือหลง  ไม่ใช่ความรู้จริงจัง   ผู้บอกเป็นผู้ลวง  ผู้เรียนก็เป็นผู้หัดเพื่อจะลวงหรือเป็นผู้หลงงมงาย   ฉะนั้น  พระศาสดาจึงตรัสห้ามไว้ไม่ให้บอก ไม่ให้เรียน ฯ

๙.     ยาวกาลิก กับ  ยาวชีวิก  ต่างกันอย่างไร ?

๙.     ยาวกาลิก  คือ  ของที่ใช้บริโภคเป็นอาหาร  บริโภคได้ชั่วคราว คือตั้งแต่เช้าถึงเที่ยงวัน  ได้แก่ โภชนะ ๕  นมสด นมส้ม ของขบเคี้ยว เป็นต้น

ส่วนยาวชีวิก  เป็นของที่ให้ประกอบเป็นยา  บริโภคได้เสมอไป  ไม่มีจำกัดเวลา  แต่เมื่อมีเหตุจึงบริโภคได้  ได้แก่ รากไม้ น้ำฝาด ใบไม้   ผลไม้ ยางไม้ เกลือ เป็นต้น ฯ

๑๐.   อโคจร  คืออะไร ?   มีอะไรบ้าง ?

๑๐.   คือ  บุคคลก็ดี  สถานที่ก็ดี  อันภิกษุไม่ควรไปสู่ ฯ

มีหญิงแพศยา ๑   หญิงหม้าย ๑   สาวเทื้อ ๑   ภิกษุณี ๑   บัณเฑาะก์ ๑   ร้านสุรา ๑ ฯ

***********

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น