แสดงบทความที่มีป้ายกำกับ วิชาอนุพุทธประวัติ นักธรรมชั้นโทย้อนหลัง แสดงบทความทั้งหมด
แสดงบทความที่มีป้ายกำกับ วิชาอนุพุทธประวัติ นักธรรมชั้นโทย้อนหลัง แสดงบทความทั้งหมด

วันเสาร์ที่ 10 กรกฎาคม พ.ศ. 2564

อนุพุทธประวัติ นักธรรมชั้นโท 2543

 อนุพุทธประวัติ นักธรรมชั้นโท 2543


ปัญหาและเฉลยอนุพุทธประวัติ  นักธรรมชั้นโท

สอบในสนามหลวง พ.ศ. ๒๕๔๓

วันศุกร์ ที่  ๑๗  พฤศจิกายน พ.ศ. ๒๕๔๓

------------------------------

๑.

๑.๑

อนุพุทธบุคคลคือบุคคลพวกไหน ?  ได้ชื่อว่าอย่างนั้นเพราะเหตุไร ?


๑.๒

อนุพุทธบุคคล เป็นนักบวชหรือบุคคลทั่วไป ?

๑.

๑.๑

คือบุคคลผู้เป็นสาวกของพระพุทธเจ้า ได้ชื่ออย่างนั้นเพราะเป็นผู้รู้ตาม

พระพุทธเจ้า


๑.๒

เป็นนักบวชก็มี เป็นบุคคลทั่วไปก็มี

๒.

๒.๑

การศึกษาอนุพุทธประวัติให้ประโยชน์อย่างไรต่อเจ้าของประวัติ ?


๒.๒

การศึกษาอนุพุทธประวัติให้คุณค่าอย่างไรต่อผู้ศึกษา ?

๒.

๒.๑

เป็นการประกาศเกียรติคุณพระสาวกผู้เป็นอุปการะแก่พระศาสนา               ได้เชิดชูพระคุณท่าน นำเพื่อนร่วมศาสนาให้เกิดปสาทะและนับถือ  ความดีของพระสาวกปรากฏแล้วจักเชิดชูพระเกียรติคุณของพระศาสดายิ่งขึ้น


๒.๒

ให้คุณค่าในด้านกำหนดและจดจำวัตรปฏิบัติอันงดงามของท่านมาเป็นปฏิปทาเครื่องดำเนินชีวิตของตน

๓.

๓.๑

พระโกณฑัญญะได้เกิดความรู้เห็นอย่างไรก่อน จึงนับว่าเป็นปฐมอริยสาวก ?


๓.๒

ท่านได้รับเกียรติยศเป็นพิเศษเพราะเหตุนี้อย่างไรบ้าง ?

๓.

๓.๑

ได้เกิดความรู้เห็นว่า สิ่งใดสิ่งหนึ่งมีความเกิดขึ้นเป็นธรรมดา สิ่งนั้น        ทั้งมวลมีความดับไปเป็นธรรมดา คือได้ดวงตาเห็นธรรม (ธรรมจักษุ) แล้วทูลขอบวชกับพระพุทธองค์ จึงนับได้ว่าเป็นปฐมอริยสาวกใน       พระศาสนา


๓.๒

เมื่อท่านเกิดความรู้เห็นดังนี้  พระบรมศาสดาจึงทรงเปล่งอุทาน ว่า "อญฺญาสิ วต โภ โกณฺฑญฺโญ อญฺญาสิ วต โภ โกณฺฑญฺโญ” แปลว่า โกณฑัญญะได้รู้แล้วหนอๆ แต่นั้นมา ท่านมีนามว่า อัญญาโกณฑัญญะ ข้อนี้เป็นเกียรติยศพิเศษสำหรับท่านผู้เป็นปฐมอริยสาวก ฯ


๔.

๔.๑

พระสาวกรูปใดได้รับการบวชด้วยญัตติจตุตถกรรมเป็นรูปแรก ?


๔.๒

พระสาวกรูปนั้นได้รับยกย่องเป็นเลิศในทางไหน ?

๔.

๔.๑

พระราธะ


๔.๒

ในทางมีปฏิภาณ คือญาณแจ่มแจ้งในพระธรรมเทศนา

๕.

๕.๑

พระพุทธองค์ทรงยกย่องพระสารีบุตรคู่กับพระโมคคัลลานะโดยอุปมาไว้ อย่างไร ?


๕.๒

ที่ตรัสอุปมาไว้อย่างนั้นเพราะเหตุไร ?

๕.

๕.๑

พระพุทธองค์ตรัสอุปมาว่า พระสารีบุตรเปรียบเหมือนมารดาผู้ให้ทารกเกิด   พระโมคคัลลานะเปรียบเหมือนนางนมผู้เลี้ยงทารกที่เกิดแล้วนั้น


๕.๒

ที่ตรัสอุปมาไว้อย่างนั้นเพราะพระสารีบุตรย่อมแนะนำให้ตั้งอยู่ใน   โสดาปัตติผล พระโมคคัลลานะย่อมแนะนำให้ตั้งอยู่ในคุณเบื้องบนที่   สูงกว่านั้น

๖.

๖.๑

การพบกันของพระอัสสชิและอุปติสสปริพาชกมีผลต่อพระพุทธศาสนา    อย่างไร ?


๖.๒

พระสารีบุตรมีปัญญาเลิศกว่าพระสาวกทั้งหลายนั้น มีอะไรเป็นเครื่อง     ยืนยัน ?

๖.

๖.๑

มีผลเกิดขึ้นดังนี้คือ

     ๑) อุปติสสปริพาชกได้ความเลื่อมใสในวัตรของพระอัสสชิ

     ๒) อุปติสสปริพาชกได้ฟังธรรมแล้วได้ดวงตาเห็นธรรม

     ๓) อุปติสสปริพาชกได้ชักชวนเพื่อนไปบวช ฟังธรรมแล้วได้บรรลุ

          ธรรม

     ๔) พระพุทธองค์ได้อัครสาวกเบื้องซ้ายเบื้องขวา


๖.๒

มีพระพุทธดำรัสตรัสยกย่องพระสารีบุตรว่า เป็นยอดแห่งพระสาวกผู้มีปัญญาและตรัสสรรเสริญว่า พระสารีบุตรสามารถแสดงธรรมจักร    และจตุราริยสัจ ได้กว้างขวางพิสดารแม้นกับพระองค์ ประกอบกับพระธรรมเทศนาที่ท่าน    ได้แสดงไว้ในโอกาสนั้น ๆ ส่องให้เห็นถึงอัจฉริยภาพอย่างแท้จริงของท่าน     ในด้านนี้

๗.

๗.๑

ธรรมุทเทศคืออะไรบ้าง ?    ๗.๒  ใครแสดงแก่ใคร ?

๗.

๗.๑

ธรรมุทเทศ คือ


     ๑) โลกคือหมู่สัตว์อันชรานำเข้าไปใกล้ ไม่ยั่งยืน

     ๒) โลกคือหมู่สัตว์ไม่มีผู้ป้องกัน ไม่เป็นใหญ่จำเพาะตน

     ๓) โลกคือหมู่สัตว์ไม่มีอะไรเป็นของ ๆ ตน จำต้องละสิ่งทั้งปวงไป

     ๔) โลกคือหมู่สัตว์พร่องอยู่เป็นนิตย์ ไม่รู้จักอิ่ม เป็นทาสแห่งตัณหา


๗.๒

พระรัฐบาลแสดงถวายพระเจ้าโกรัพยะ



                                   ศาสนพิธี

๘.

๘.๑

คำว่า สวดมาติกาหรือสดับปกรณ์ หมายถึงอะไร ?


๘.๒

คำทั้งสองนั้นใช้ต่างกันอย่างไร ?

๘.

๘.๑

หมายถึงการสวดบทมาติกาของพระอภิธรรม ๗ คัมภีร์ หรือที่เรียกว่า  สัตตัปปกรณาภิธรรม ซึ่งมีการบังสุกุลเป็นที่สุด เป็นประเพณีนิยมจัดให้พระสงฆ์สวดในงานทำบุญหน้าศพอย่างหนึ่ง


๘.๒

คำว่าสวดมาติกา ใช้ในงานศพราษฎรสามัญทั่วไป ส่วนคำว่า สดับปกรณ์ ใช้เรียกโดยโวหารทางราชการในงานหลวง (ศพหรืออัฐิของเจ้านายตั้งแต่ชั้นหม่อมเจ้าขึ้นไป)

๙.

๙.๑

ผ้าวัสสิกสาฎกคือผ้าเช่นไร ?


๙.๒

ผ้าจำนำพรรษาคือผ้าเช่นไร ?

๙.

๙.๑

คือ ผ้าสำหรับภิกษุใช้นุ่งในเวลาอาบน้ำฝนหรืออาบน้ำทั่วไป เรียกกันว่า ผ้าอาบน้ำฝนบ้าง ผ้าอาบบ้าง ผ้านี้เกิดขึ้นเฉพาะฤดูกาลที่ทรงอนุญาตเป็นบริขารพิเศษชั่วคราว อธิษฐานไว้ใช้ได้ตลอด ๔ เดือนฤดูฝน พ้นจากเขตนั้นเป็นธรรมเนียมให้วิกัป


๙.๒

คือ ผ้าที่ทายกถวายแก่ภิกษุผู้อยู่จำพรรษาครบ ๓ เดือน   เว้นผ้ากฐิน

๑๐.

๑๐.๑

ศาสนพิธีเล่ม ๒ แสดงอุโบสถกรรมไว้กี่ประเภท ?  อะไรบ้าง ?


๑๐.๒

แต่ละประเภทมีความแตกต่างกันอย่างไร ?

๑๐.

๑๐.๑

มี ๓ ประเภท คือ สังฆอุโบสถ ๑  ปาริสุทธิอุโบสถ ๑  อธิษฐานอุโบสถ ๑


๑๐.๒

มีความแตกต่างกันดังนี้


๑)

สังฆอุโบสถ คือ อุโบสถกรรมที่พระภิกษุตั้งแต่ ๔ รูปขึ้นไป ประชุมสวด   พระปาฏิโมกข์


๒)

ปาริสุทธิอุโบสถ คือ อุโบสถกรรมที่พระภิกษุน้อยกว่า ๔ รูป มีเพียง ๓ รูป หรือ ๒ รูป ร่วมกันทำเป็นการคณะ ให้แต่ละรูปบอกความบริสุทธิ์ของตน ๆ


๓)

อธิษฐานอุโบสถ คืออุโบสถกรรมที่พระภิกษุรูปเดียวทำเป็นการบุคคลด้วยการอธิษฐานความบริสุทธิ์ใจของตนเอง


วิชาอนุพุทธประวัติ นักธรรมชั้นโท 2545

 วิชาอนุพุทธประวัติ นักธรรมชั้นโท 2545


ปัญหาและเฉลยวิชาอนุพุทธประวัติ  นักธรรมชั้นโท

สอบในสนามหลวง

วันเสาร์ ที่  ๒๓  พฤศจิกายน พ.ศ. ๒๕๔๕

 ๑.    ๑.๑ การศึกษาอนุพุทธประวัติมีประโยชน์อย่างไร ?

        ๑.๒ เมื่อครั้งที่พระอรหันต์ ๖๑ องค์ เกิดขึ้นในโลก  มีใครบ้าง ?

 ๑.    ๑.๑ นำให้เกิดความเลื่อมใสและความนับถือ กำหนดและจดจำวัตรปฏิบัติอันงดงาม

             ของท่านมาเป็นปฏิปทาเครื่องดำเนินชีวิตของตน และเมื่อความดีของพระสาวก

             ปรากฏแล้วจะเชิดชูเกียรติคุณของพระศาสดาให้ยิ่งขึ้น ฯ

        ๑.๒  มีพระพุทธองค์ ๑ พระปัญจวัคคีย์ ๕ พระยสะ ๑ สหายของพระยสะที่ปรากฏนาม

              ๔  และที่ไม่ปรากฏนามอีก ๕๐ ฯ

 ๒.    ๒.๑ พระพุทธองค์ทรงส่งสาวกออกไปประกาศพระศาสนา เพราะทรงเห็นประโยชน์

             อะไร ?

        ๒.๒ พระอัสสชิได้แสดงธรรมแก่อุปติสสปริพาชก มีใจความย่อว่าอย่างไร ?

 ๒.    ๒.๑ ทรงเห็นประโยชน์เกื้อกูลแก่มหาชน เพื่อให้เห็นธรรมและตั้งอยู่ในสัมมาปฏิบัติ

             อันเป็นปัจจัยแห่งความสุขความสงบ ฯ

        ๒.๒ มีใจความย่อว่า "พระศาสดาทรงแสดงความเกิดแห่งธรรมทั้งหลาย เพราะ

             เป็นไปแห่งเหตุ และความดับแห่งธรรมเหล่านั้น เพราะดับแห่งเหตุ พระศาสดาตรัสอย่างนี้" ฯ

 ๓.    ๓.๑  ปัญหาว่า "พระขีณาสพตายแล้วเป็นอะไร" ใครเป็นผู้ถาม ? ใครเป็นผู้ตอบ ?  

             และตอบว่าอย่างไร ?

        ๓.๒ ข้อความว่า   "ท่านควรสำเหนียกใจอย่างนี้ว่า   เราจักไม่พูดคำอันเป็นเหตุ                     เถียงกัน ถือผิดต่อกัน"  ใครพูดกับใคร ?  ที่ไหน ?

 ๓.    ๓.๑ พระสารีบุตรเป็นผู้ถาม พระยมกะเป็นผู้ตอบ และตอบว่า รูป เวทนา สัญญา

             สังขาร วิญญาณ ที่ไม่เที่ยง ดับไปแล้ว ฯ

        ๓.๒ พระผู้มีพระภาคเจ้าตรัสแก่พระโมคคัลลานะ ที่บ้านกัลลวาลมุตตคาม แขวงมคธ ฯ

 ๔.    ๔.๑ พระมหากัสสปะได้รับการอุปสมบทด้วยวิธีใด ?

        ๔.๒ พระมหากัสสปะโดยปกติถือธุดงค์อะไรบ้าง ?

 ๔.    ๔.๑ ด้วยวิธีรับพุทธโอวาท ๓ ข้อ ฯ

        ๔.๒ ถือธุดงค์ ๓ อย่าง คือ

                   ๑) ทรงผ้าบังสุกุลจีวรเป็นวัตร

                   ๒) ถือเที่ยวบิณฑบาตเป็นวัตร

                   ๓) ถือการอยู่ป่าเป็นวัตร ฯ

 ๕.    ๕.๑ พระสาวกผู้ได้รับการอุปสมบทด้วยญัตติจตุตถกรรมวาจาเป็นองค์แรกคือใคร ?

        ๕.๒ ท่านได้รับยกย่องจากพระศาสดาว่าเลิศกว่าภิกษุทั้งหลาย อย่างไร ?

 ๕.    ๕.๑ พระราธะ ฯ

        ๕.๒ ได้รับยกย่องว่า เลิศกว่าภิกษุทั้งหลายผู้มีปฏิภาณ คือญาณแจ่มแจ้ง

             ในธรรมเทศนา ฯ

 ๖.    ๖.๑ ราหุลกุมาร ได้บรรพชาเป็นสามเณรเพราะเหตุใด ?

        ๖.๒ พระราหุล ได้รับยกย่องว่าเลิศในทางใด ?

 ๖.    ๖.๑ เพราะพระมารดาให้ไปขอราชสมบัติกับพระพุทธองค์ ซึ่งเป็นพระราชบิดา ดังนั้น

             พระองค์จึงทรงประทานทรัพย์อันเป็นโลกุตตระ โดยมอบหมายให้พระสารีบุตร

             เป็นพระอุปัชฌาย์  บรรพชาให้ราหุลกุมาร ด้วยการรับสรณคมน์ ๓ ฯ

        ๖.๒ ได้รับยกย่องว่าเลิศกว่าภิกษุทั้งหลายผู้ใคร่ศึกษาพระธรรมวินัย ฯ

 ๗.    ๗.๑ พระนางปชาบดี โคตมี  ยินดีรับครุธรรม ๘ ข้อมาปฏิบัติ อุปมาเหมือนอะไร ?

        ๗.๒ พระเถรีผู้มีชื่อต่อไปนี้ได้รับเอตทัคคะในทางไหน ?

                   ก) กิสาโคตมีเถรี                                                

                   ข) กุณฑลเกสีเถรี                                        

                   ค) ภัททกาปิลานีเถรี

                   ง)  ภัททากัจจานาเถรี                                    

                   จ) โสณาเถรี

 ๗.    ๗.๑ เปรียบเหมือนหญิงหรือชายที่ยังรุ่นสาวรุ่นหนุ่ม กำลังรักแต่งกาย อาบน้ำ

             สระเกล้าแล้วได้พวงดอกอุบล พวงมะลิ หรือพวงลำดวนแล้ว จะพึงรับด้วยมือ

             ทั้ง ๒ แล้วตั้งไว้บนศีรษะด้วยความยินดีฉันนั้น ฯ

        ๗.๒      ก) ในทางทรงไว้ซึ่งจีวรอันเศร้าหมอง

                   ข) ในทางขิปปาภิญญา หรือ ตรัสรู้เร็ว

                   ค) ในทางระลึกได้ซึ่งปุพเพนิวาส

                   ง)  ในทางถึงซึ่งอภิญญาอันใหญ่แล้ว

                   จ) ในทางมีความเพียรปรารภแล้ว ฯ

ศาสนพิธี

 ๘.    ๘.๑ การศึกษาให้เข้าใจในศาสนพิธี มีประโยชน์อย่างไร ?

        ๘.๒ ในพิธีทำบุญตักบาตรเทโวโรหณะ พระพุทธรูปที่จะประดิษฐานบนรถทรงหรือ

             คานหาม นิยมพระพุทธรูปปางอะไร ?

 ๘.    ๘.๑       ก) ทำให้เข้าใจเรื่องของศาสนพิธีได้โดยถูกต้อง

                   ข) ให้เห็นเป็นเรื่องสำคัญ ไม่ไร้สาระ

                   ค) ทำให้ปฏิบัติได้ถูกต้อง ไม่ผิดเพี้ยนจากขนบธรรมเนียมประเพณี ฯ

        ๘.๒ นิยมพระพุทธรูปปางอุ้มบาตร   ถ้าไม่มีจะเป็นพระพุทธรูปปางอะไรก็ได้ ฯ

 ๙.    ๙.๑ งานทำบุญต่อนามคืองานทำบุญเช่นไร ?

        ๙.๒ จงเขียนคำบังสุกุลเป็น มาดู

 ๙.    ๙.๑ คืองานทำบุญที่คณะญาติของผู้กำลังป่วยหนักจัดขึ้น เพื่อให้ผู้ป่วยหายป่วย

             และเพื่อให้ผู้ป่วยได้มีโอกาสบำเพ็ญกุศลในบั้นปลายแห่งชีวิตของตน ฯ

        ๙.๒       อจิรํ วตยํ กาโย                 ปฐวึ อธิเสสฺสติ

                   ฉุฑฺโฑ อเปตวิญฺญาโณ         นิรตฺถํว กลิงฺครํ ฯ

๑๐. ๑๐.๑ ผ้าวัสสิกสาฎก ใครเป็นผู้ถวายคนแรก ?

      ๑๐.๒ การถวายผ้าวัสสิกสาฎกนั้น มีมูลเหตุมาจากอะไร ?

๑๐. ๑๐.๑ นางวิสาขา มหาอุบาสิกา ฯ

      ๑๐.๒ มีมูลเหตุมาจากเดิมยังไม่มีพุทธานุญาตให้ภิกษุมีผ้าอาบน้ำฝน ภิกษุทั้งหลาย

             จึงเปลือยกายอาบน้ำ   นางวิสาขา มหาอุบาสิกา  ทราบเรื่องนั้นแล้ว  เห็นว่า

             ไม่สมควรแก่เพศสมณะจึงทูลขอพระพุทธานุญาต เพื่อถวายผ้าอาบน้ำฝน

             แก่ภิกษุทั้งหลาย ฯ

วิชาอนุพุทธประวัติ นักธรรมชั้นโท 2546

 วิชาอนุพุทธประวัติ นักธรรมชั้นโท 2546


ปัญหาและเฉลยวิชาอนุพุทธประวัติ  นักธรรมชั้นโท

สอบในสนามหลวง

พ.ศ. ๒๕๔๖


๑.

๑.๑

อนุพุทธองค์แรกสำเร็จเป็นพระภิกษุด้วยพระพุทธดำรัสว่าอย่างไร ?


๑.๒

อนุพุทธองค์นั้นได้เป็นพระโสดาบันและได้เป็นพระอรหันต์ เพราะได้ฟังพระธรรมเทศนาอะไร ?

๑.

๑.๑

ด้วยพระพุทธดำรัสว่า  “ ท่านจงเป็นภิกษุมาเถิด  ธรรมอันเรากล่าวดีแล้ว  ท่านจงประพฤติพรหมจรรย์ เพื่อทำที่สุดทุกข์โดยชอบเถิด ”  ฯ


๑.๒

ได้เป็นพระโสดาบัน เพราะได้ฟังธัมมจักกัปปวัตตนสูตร  และได้เป็น

พระอรหันต์ เพราะได้ฟังอนัตตลักขณสูตร ฯ

๒.

๒.๑

อนุปุพพีกถา คืออะไร ?  ทรงยกขึ้นแสดงด้วยพระพุทธประสงค์อย่างไร ?


๒.๒

พระสาวกผู้ได้ฟัง อนุปุพพีกถา ครั้งแรกคือใคร ?  ณ ที่ไหน ?

๒.

๒.๑

คือ ถ้อยคำที่กล่าวโดยลำดับ ฯ  ด้วยพระพุทธประสงค์เพื่อฟอกจิตกุลบุตรให้ห่างไกลจากความยินดีในกาม  ควรรับพระธรรมเทศนาให้เกิดธรรมจักษุ  เหมือนผ้าที่ปราศจากมลทิน ควรรับน้ำย้อมได้ ฉะนั้น ฯ


๒.๒

คือ ยสกุลบุตร ฯ   ณ ป่าอิสิปตนมฤคทายวัน ฯ

๓.

๓.๑

ชฎิล ๓ พี่น้อง ชื่ออะไรบ้าง ?  ใครได้รับยกย่องว่าเป็นผู้มีบริวารมาก ?


๓.๒

ท่านเหล่านั้นพร้อมบริวารได้บรรลุอรหัต เพราะฟังพระธรรมเทศนาอะไร ?

ใจความย่อว่าอย่างไร ?

๓.

๓.๑

ชื่อ อุรุเวลกัสสปะ  นทีกัสสปะ  และคยากัสสปะ ฯ  อุรุเวลกัสสปะ ฯ




๓.๒

เพราะฟังอาทิตตปริยายสูตร ฯ 

ใจความย่อว่า  อายตนะภายใน อายตนะภายนอก วิญญาณ  สัมผัส  และเวทนาที่เกิดแต่สัมผัส เป็นของร้อน  ร้อนเพราะไฟคือความกำหนัด ความโกรธ  ความหลง  และร้อนเพราะความเกิด ความแก่ ความตาย ความโศกร่ำไรรำพัน เจ็บกาย เสียใจ คับใจ ฯ

๔.

จงตอบคำถามเกี่ยวกับพระอนุรุทธเถระ ดังต่อไปนี้


๔.๑

      ก) ท่านเป็นโอรสของใคร ?

      ข) เกี่ยวเนื่องกับพระบรมศาสดาอย่างไร ?


๔.๒

      ก) ท่านออกบวชพร้อมกับใครบ้าง ?

      ข) ได้รับยกย่องจากพระบรมศาสดาอย่างไร ?

๔.

๔.๑

      ก) ของพระเจ้าศากยะพระนามว่า อมิโตทนะ พระมารดาไม่ปรากฏ

          พระนาม ฯ

      ข) เป็นพระโอรสของพระเจ้าอาของพระบรมศาสดา จึงนับเป็นพระอนุชา

          ของพระบรมศาสดา ฯ


๔.๒

      ก) พร้อมกับพระอุบาลี พระภัททิยะ พระภคุ พระกิมพิละ พระอานนท์  

          และพระเทวทัต ฯ

      ข) เป็นผู้เลิศในทางมีจักษุทิพย์ ฯ

๕.

๕.๑

พระสารีบุตรได้บรรลุอรหัตผลช้ากว่าบริวาร เพราะเหตุไร ?


๕.๒

พระโมคคัลลานะ นิพพานที่ไหน ?  อัฐิธาตุของท่านบรรจุไว้ที่ไหน ?

๕.

๕.๑

เพราะท่านเป็นผู้มีปัญญามาก ต้องใช้บริกรรมใหญ่ ซึ่งเปรียบด้วยการเสด็จไปข้างไหน ๆ แห่งพระราชา  ต้องตระเตรียมราชพาหนะและราชบริพารที่จำเป็น  จึงช้ากว่าการไปของคนสามัญ ฯ



๕.๒

นิพพานที่ตำบลกาฬสิลา แขวงมคธ ฯ  อัฐิธาตุของท่านบรรจุไว้ที่เจดีย์

ใกล้ซุ้มประตูแห่งเวฬุวนาราม ฯ

๖.

การศึกษาเป็นการพัฒนาชีวิตและสังคมให้ก้าวหน้าและก้าวไกล  จึงอยากทราบว่า


๖.๑

พระเถระองค์ใด ได้รับการยกย่องว่า  เป็นผู้ใฝ่ใจในการศึกษา ?


๖.๒

ท่านได้รับการยกย่องเช่นนั้น เพราะมีปฏิปทาอย่างไร ?

๖.

๖.๑

พระราหุลเถระ ฯ


๖.๒

มีปฏิปทาอย่างนี้คือ ท่านตื่นขึ้นแต่เช้าแล้วกอบเอาทรายมาเต็มกำมือแล้วปรารถนาว่า ขอให้เราได้รับโอวาทคำสั่งสอนแต่สำนักพระทศพลและพระอุปัชฌาย์อาจารย์เท่าเม็ดทรายในกำมือเถิด แล้วตั้งใจศึกษา ตั้งใจปฏิบัติอย่างจริงจัง  ด้วยปฏิปทาเช่นนี้แล จึงได้รับการยกย่องว่าเป็นผู้ใฝ่ใจในการศึกษา ฯ

๗.

๗.๑

พระอานนท์ได้บรรลุโสดาปัตติผลเพราะได้ฟังโอวาทจากใคร ?  และได้บรรลุอรหัตผลเมื่อไร ?


๗.๒

ท่านบรรลุอรหัตผลและนิพพาน ต่างจากพระสาวกองค์อื่นอย่างไร ?

๗.

๗.๑

จากพระปุณณมันตานีบุตร ฯ 

บรรลุอรหัตผลก่อนวันรุ่งขึ้นจะทำปฐมสังคายนา ฯ


๗.๒

การบรรลุอรหัตผลของท่านไม่ปรากฏว่าได้ในขณะยืน หรือเดิน หรือนั่ง หรือนอน ปรากฏว่าท่านได้ในระหว่างอิริยาบถ ๔ ท่านนิพพานบนอากาศ  กลางแม่น้ำโรหิณีแล้วอธิษฐานให้สรีระของท่านแยกเป็น ๒ ภาค  ให้ตกลงที่ฝั่งแม่น้ำฝั่งละภาค ฯ




ศาสนพิธี

๘.

๘.๑

ศาสนพิธีเล่ม ๒ แสดงอุโบสถกรรมไว้กี่ประเภท ?  อะไรบ้าง ?


๘.๒

แต่ละประเภทต่างกันอย่างไร ?

๘.

๘.๑

แสดงไว้ ๓ ประเภทคือ สังฆอุโบสถ ๑ ปาริสุทธิอุโบสถ ๑ อธิษฐานอุโบสถ ๑ ฯ


๘.๒

มีความแตกต่างกันดังนี้

      ๑) สังฆอุโบสถ คือ อุโบสถกรรมที่พระภิกษุตั้งแต่ ๔ รูปขึ้นไป

          ประชุมสวดพระปาฏิโมกข์

      ๒) ปาริสุทธิอุโบสถ คือ อุโบสถกรรมที่พระภิกษุน้อยกว่า ๔ รูป

          มีเพียง ๓ รูป หรือ ๒ รูป  ร่วมกันทำเป็นการคณะ ให้แต่ละรูป

          บอกความบริสุทธิ์ของตน ๆ

      ๓) อธิษฐานอุโบสถ คือ อุโบสถกรรมที่พระภิกษุรูปเดียวทำเป็นการ

          บุคคล ด้วยการอธิษฐานความบริสุทธิ์ใจของตนเอง ฯ

๙.

จงให้ความหมายของคำต่อไปนี้


๙.๑

การเข้าพรรษา


๙.๒

การออกพรรษา

๙.

๙.๑

การเข้าพรรษา หมายถึง การที่ภิกษุผูกใจว่า จะอยู่ประจำเสนาสนะในวัดใดวัดหนึ่งตลอดเวลา ๓ เดือนในฤดูฝน  ไม่ไปค้างแรมให้ล่วงราตรีในที่แห่งอื่น ระหว่างผูกใจนั้น  เว้นแต่ไปด้วยสัตตาหกรณียะ ฯ


๙.๒

การออกพรรษา หมายถึง กาลที่สิ้นสุดกำหนดอยู่จำพรรษาของภิกษุตามพระวินัยบัญญัติ  มีพิธีเป็นสังฆกรรมพิเศษโดยเฉพาะ  เรียกโดยภาษาพระวินัยว่า ปวารณากรรม คือการทำปวารณาของสงฆ์ผู้อยู่ร่วมกันตลอดเวลา ๓ เดือน ฯ

๑๐.

๑๐.๑

สามีจิกรรม หมายถึงอะไร ?  มีเท่าไร ?  อะไรบ้าง ?


๑๐.๒

การเทศน์ในปัจจุบันนิยมทำกันกี่ลักษณะ ?  อะไรบ้าง ?

๑๐.

๑๐.๑

หมายถึง การขอขมาโทษกันให้อภัยกัน ทุกโอกาสไม่ว่าจะมีโทษขัดข้องหมองใจกันหรือไม่ก็ตาม ถึงโอกาสที่ควรทำสามีจิกรรมกันแล้ว ทุกรูป

ไม่พึงละโอกาสเสีย ฯ   มี ๒ แบบ  คือ

      ๑) แบบขอขมาโทษ

      ๒) แบบถวายสักการะ ฯ


๑๐.๒

นิยมทำกัน ๔ ลักษณะ  คือ

      ๑) เทศน์ในงานทำบุญ

      ๒) เทศน์ตามกาลนิยม

      ๓) เทศน์พิเศษ

      ๔) เทศน์มหาชาติ ฯ

วิชาอนุพุทธประวัติ นักธรรมชั้นโท 2547

 วิชาอนุพุทธประวัติ นักธรรมชั้นโท 2547


ปัญหาและเฉลยวิชาอนุพุทธประวัติ  นักธรรมชั้นโท

สอบในสนามหลวง

พ.ศ. ๒๕๔๗


   ๑.  อนุพุทธบุคคล คือใคร ?  เป็นได้เฉพาะบรรพชิตหรือเฉพาะคฤหัสถ์ ?

   ๑.  คือ สาวกของพระพุทธเจ้า ที่ท่านได้ตรัสรู้มรรคผลตามพระพุทธเจ้า ฯ

        เป็นได้ทั้งบรรพชิตและคฤหัสถ์ ฯ

   ๒.  พระวาจาว่า ท่านจงเป็นภิกษุมาเถิด ธรรมอันเรากล่าวดีแล้ว ท่านจงประพฤติ

        พรหมจรรย์ เพื่อทำที่สุดทุกข์โดยชอบเถิด ดังนี้  คำว่า ที่สุดทุกข์ คืออะไร ?  ผู้ทำ

        ที่สุดทุกข์ได้ก่อนกว่าผู้อื่นคือใคร ?  ด้วยพระธรรมเทศนาอะไร ?

   ๒.  คือ พระอรหัตผล ฯ

        คือ พระภิกษุปัญจวัคคีย์ ฯ

        ด้วยพระธรรมเทศนาชื่อว่า อนัตตลักขณสูตร ฯ

   ๓.  พระพุทธเจ้าทรงทำอิทธาภิสังขารแก่ใครเป็นครั้งแรก ?   ทรงทำเช่นนั้นด้วยพระพุทธ

        ประสงค์อย่างไร ?

   ๓.  ทรงทำแก่ ยสกุลบุตรและบิดาของยสกุลบุตรเป็นครั้งแรก ฯ

        ด้วยพระพุทธประสงค์เพื่อให้ยสกุลบุตรพิจารณาภูมิธรรมอันตนได้เห็นแล้ว จนถึง

        ได้บรรลุพระอรหัต  และให้บิดาได้ฟังธรรมแล้วบรรลุพระโสดาปัตติผล ฯ

   ๔.  ในคราวที่เสด็จไปโปรดพระเจ้าพิมพิสาร ณ ลัฏฐิวัน มีพระสาวกตามเสด็จไปเป็น

        จำนวนมาก   ผู้ที่เป็นหัวหน้าของพระสาวกเหล่านั้นคือใคร ?  และท่านมีส่วนสำคัญ

        ในการประกาศพระศาสนาในครั้งนั้นอย่างไร ?

   ๔.  คือ พระอุรุเวลกัสสปะ ฯ

        ท่านเป็นที่เคารพนับถือของมหาชน ได้ประกาศความไม่มีแก่นสารแห่งลัทธิเก่าของตน

        และความที่ตนเป็นสาวกของพระพุทธองค์ ทำให้พระเจ้าพิมพิสารพร้อมด้วยบริวาร

        ๑๒ ส่วน  น้อมจิตลงสดับพระธรรมเทศนาเรื่องอนุปุพพีกถาและอริยสัจ ๔  พระเจ้า

        พิมพิสารพร้อมด้วยบริวาร ๑๑ ส่วน ได้ดวงตาเห็นธรรม  อีก ๑ ส่วน ตั้งอยู่

        ในไตรสรณคมน์ ฯ

   ๕.  เมื่อครั้งพระพุทธเจ้าประทับอยู่ที่เมืองเทวทหะ รับสั่งกับพระภิกษุผู้เข้าเฝ้าเพื่อทูลลาไป

        ปัจฉาภูมิชนบท ให้ไปลาพระเถระรูปใด ?  และทรงยกย่องพระเถระรูปนั้นว่าอย่างไร ?

­   ๕.  รับสั่งให้ไปลาพระสารีบุตรเถระ ฯ

        ทรงยกย่องท่านว่า เป็นผู้มีปัญญา อนุเคราะห์เพื่อนบรรพชิต ฯ

   ๖.  พระมหากัสสปะออกบวชเพราะมีความเห็นอย่างไร ? ท่านได้รับยกย่องว่าเลิศใน

        ทางไหน ?

   ๖.  เพราะมีความเห็นว่า ผู้อยู่ครองเรือนต้องคอยนั่งรับบาปเพราะการงานที่ผู้อื่นทำไม่ดี  

        และเห็นว่าฆราวาสคับแคบ เป็นทางมาแห่งกิเลสธุลี  จึงมีใจเบื่อหน่ายสละสมบัติ

        ออกบวชอุทิศพระอรหันต์ในโลก ฯ

        ได้รับยกย่องว่า เป็นเลิศแห่งภิกษุผู้ทรงธุดงค์ ฯ

   ๗.  บุคคลประเภทที่ว่า ธัมมัปปมาณิกา ผู้ถือธรรมเป็นประมาณ มีอธิบายอย่างไร ? 

        ในข้อนี้มีตัวอย่างแสดงไว้อย่างไร ?

   ๗.  มีอธิบายว่า บุคคลประเภทนี้ถือธรรมเป็นสำคัญ ชอบใจเฉพาะข้อปฏิบัติ เห็นผู้ที่

        ตั้งอยู่ในสังวรมีมรรยาทเรียบร้อย และได้ฟังธรรมอันท่านแสดงมุ่งกล่าวเฉพาะ

        ข้อปฏิบัติ ย่อมเลื่อมใส ฯ

        ตัวอย่างเช่นพระสารีบุตรได้เห็นพระอัสสชิ และได้ฟังธรรมของท่านแล้ว จึงเกิดความ

        เลื่อมใส ฯ

ศาสนพิธี

   ๘.  การทำวัตร และการสวดมนต์ ต่างกันอย่างไร ?

   ๘.  การทำวัตร คือ การทำกิจวัตรที่ต้องทำประจำ วันละ ๒ เวลา คือ เช้า-เย็น จนเป็น

        วัตรปฏิบัติ มีการสวดบูชาพระรัตนตรัย และสวดพิจารณาปัจจัยที่บริโภคเป็นต้น  

        ส่วนการสวดมนต์คือ การสวดพระพุทธมนต์ต่างๆ  นอกเหนือจากบทสวดทำวัตร 

        ที่เป็นส่วนพระสูตรก็มี ที่เป็นส่วนพระปริตรก็มี ที่เป็นส่วนเฉพาะคาถาอันนิยม

        กำหนดให้นำมาสวดประกอบในการสวดมนต์เป็นประจำก็มี ฯ

   ๙.  คำต่อไปนี้หมายถึงอะไร ?

               ก. เทศน์มหาชาติ

               ข. ทำบุญอัฐิ

               ค. สามัญอนุโมทนา

               ง. วิเสสอนุโมทนา

               จ. สลากภัต

   ๙.          ก. หมายถึง เทศนาเรื่องพระเวสสันดรชาดก

               ข. หมายถึง  ทำบุญหลังจากการปลงศพปรารภผู้ล่วงลับแล้ว

               ค. หมายถึง การอนุโมทนาที่นิยมใช้ปฏิบัติกันทั่วไปเป็นปกติ

               ง. หมายถึง   การอนุโมทนาด้วยบทสวดสำหรับอนุโมทนาเป็นพิเศษ

                              เฉพาะทาน เฉพาะกาล เฉพาะเรื่อง

               จ. หมายถึง ภัตตาหารที่ทายก ทายิกาถวายตามสลาก ฯ

๑๐.  ประเพณีการเทศน์แจงและการสวดแจงอาศัยเค้ามูลมาจากเรื่องอะไร ?  นิยมเทศน์

        ในงานอะไร ?


๑๐.  อาศัยเค้ามูลมาจากเรื่องการทำปฐมสังคายนา ซึ่งเป็นการรวบรวมพระธรรมวินัย จัดไว้

        เป็นหมวดหมู่ เรียกว่า พระไตรปิฎก ดังนั้นการเทศน์แจงจึงเป็นการแสดงธรรม

        แจกแจงวัตถุและหัวข้อในพระไตรปิฎก  ในการทำปฐมสังคายนา มีการกสงฆ์จำนวน

        ๕๐๐ รูป  การสวดแจงจึงนิยมนิมนต์พระสงฆ์ ๕๐๐ รูป ให้เท่าจำนวนการกสงฆ์

        ในครั้งนั้น ฯ

        นิยมเทศน์ในงานฌาปนกิจศพ ฯ

วิชาอนุพุทธประวัติ นักธรรมชั้นโท 2548

 วิชาอนุพุทธประวัติ นักธรรมชั้นโท 2548


ปัญหาและเฉลยวิชาอนุพุทธประวัติ  นักธรรมชั้นโท

สอบในสนามหลวง

วันอาทิตย์ ที่  ๒๐  พฤศจิกายน พ.ศ. ๒๕๔๘


   ๑.  ประวัติอนุพุทธบุคคลมีความสำคัญต่อผู้ศึกษาอย่างไร ?

   ๑.  ทำให้ผู้ศึกษาได้รับความรู้ในจริยาวัตรและคุณความดีที่ท่านได้บำเพ็ญมา ตลอด

        จนถึงผลงานในการช่วยเผยแผ่พระพุทธศาสนาอันทำให้เจริญสืบมาถึงทุกวันนี้

        นำให้เกิดความเลื่อมใสและความนับถือ เป็นทิฏฐานุคติอันดี สามารถน้อมนำมา

        ปฏิบัติตามได้ ฯ

   ๒.  คำที่มีอยู่ในธัมมจักกัปปวัตตนสูตรต่อไปนี้ ได้แก่อะไร ?

             ก. ส่วนสุด ๒ อย่าง

             ข. มัชฌิมาปฏิปทา

   ๒.        ก. ส่วนสุด ๒ อย่าง คือ

                   ๑. กามสุขัลลิกานุโยค ความหมกมุ่นอยู่ในกาม

                   ๒. อัตตกิลมถานุโยค ความทำตนให้ลำบาก

             ข. มัชฌิมาปฏิปทา ได้แก่ข้อปฏิบัติสายกลาง  คือ มรรคมีองค์ ๘ ฯ

   ๓.  ความเป็นผู้สำรวมกิริยาอาการให้เรียบร้อยดีงามสมความเป็นสมณะ เป็นการ

        เผยแผ่พระพุทธศาสนาได้ทางหนึ่ง ในข้อนี้มีปฏิปทาของพระสาวกองค์ใดเป็น

        ตัวอย่าง ?  จงเล่าประวัติโดยสังเขปมาประกอบ

   ๓.  พระอรหันตสาวกทุกรูปล้วนเป็นผู้สำรวมกิริยาอาการเรียบร้อยดีงามทั้งสิ้น แต่ที่

        ได้รับยกย่องเป็นพิเศษคือพระอัสสชิเถระ ท่านมีกิริยาอาการที่น่าเลื่อมใส เป็นเหตุ

        ให้อุปติสสะปริพาชกเห็นแล้วเกิดศรัทธา เข้าไปหา ขอฟังธรรมจนได้บรรลุ

        โสดาปัตติผล ภายหลังยังชักชวนสหายของตนเข้ามาบวชในพระธรรมวินัย ได้เป็น

        กำลังสำคัญช่วยพระศาสดาเผยแผ่พระพุทธศาสนาให้เจริญรุ่งเรืองกว้างขวาง

        และมั่นคงอย่างรวดเร็ว ฯ

   ๔.  พระสาวกผู้ได้รับการยกย่องว่าเป็นผู้มีบริวารมาก คือใคร ?  เพราะท่านมีคุณธรรม               อะไร ?

   ๔.  คือ พระอุรุเวลกัสสปะ ฯ เพราะท่านรู้จักสงเคราะห์บริวารด้วยอามิสบ้าง ด้วยธรรม

        บ้าง จึงเป็นที่รักใคร่นับถือ สามารถยึดเหนี่ยวน้ำใจบริวารไว้ได้ ฯ

   ๕.  ธรรมเสนาบดี และ นวกัมมาธิฏฐายี เป็นนามของพระสาวกองค์ใด ? เพราะเหตุไร

        จึงมีนามเช่นนั้น ?

   ๕.  ธรรมเสนาบดี เป็นนามของพระสารีบุตรเถระ เพราะท่านเป็นกำลังสำคัญยิ่งในการ

        ประกาศพระพุทธศาสนา ฯ  นวกัมมาธิฏฐายี เป็นนามของพระโมคคัลลานเถระ

        เพราะท่านเป็นผู้สามารถกำกับดูแลการก่อสร้าง ฯ

   ๖.  พระศาสดาทรงประทานพระโอวาทเป็นการให้อุปสมบทแก่พระมหากัสสปะไว้

        กี่ข้อ ?  อะไรบ้าง ?

   ๖.  ๓ ข้อ คือ

              ๑. เราจักเข้าไปตั้งความละอายและความยำเกรงอย่างแรงกล้าไว้ในภิกษุ

                 ทั้งที่เป็นเถระ ปานกลาง และผู้ใหม่

              ๒. เราจักเงี่ยหูลงฟังธรรม อันประกอบด้วยกุศล และพิจารณาเนื้อความ

                 แห่งธรรมนั้น

              ๓. เราจักไม่ละสติที่ไปในกาย ฯ

   ๗.  พระมหากัจจายนะ นิพพานก่อนหรือหลังพระพุทธเจ้า ? มีอะไรเป็นข้ออ้าง ?

   ๗.  พระมหากัจจายนะ นิพพานหลังพระพุทธเจ้า มีมธุรสูตรเป็นข้ออ้าง โดยมีใจความ

        ตอนหนึ่งในพระสูตรนั้นว่า พระเจ้ามธุรราชตรัสถามว่า เดี๋ยวนี้ พระผู้มีพระภาคเจ้า

        นั้นเสด็จอยู่ ณ ที่ไหน พระมหากัจจายนะทูลว่า พระผู้มีพระภาคเจ้าปรินิพพานแล้ว ฯ

ศาสนพิธี

   ๘.  วันธรรมสวนะ คือวันอะไร ?  ทรงอนุญาตให้มีในวันใดบ้าง ?

   ๘.  คือ วันกำหนดประชุมฟังธรรม หรือที่เรียกว่า “วันพระ” ฯ  ในวัน ๘ ค่ำ และ

        วัน ๑๔ ค่ำ หรือ ๑๕ ค่ำของปักษ์ทั้งข้างขึ้นและข้างแรม ฯ

   ๙.  ผ้าป่าคือผ้าอะไร ?  คำพิจารณาผ้าป่าว่าอย่างไร ?

   ๙.  คือ ผ้าบังสุกุลจีวร ได้แก่ผ้าเปื้อนฝุ่นที่ไม่มีเจ้าของหวงแหน ทิ้งอยู่ตามป่าดงบ้าง

        ตามป่าช้าบ้าง ตามถนนหนทางและห้อยอยู่ตามกิ่งไม้บ้าง ที่สุดจนกระทั่งที่เขา

        อุทิศไว้แทบเท้า รวมเรียกว่า “ผ้าป่า” ฯ 

        คำพิจารณาผ้าป่าว่า  อิมํ  ปํสุกูลจีวรํ  อสฺสามิกํ  มยฺหํ  ปาปุณาติ   หรือว่า  

        อิมํ  วตฺถํ  อสฺสามิกํ  ปํสุกูลจีวรํ  มยฺหํ  ปาปุณาติ ฯ

๑๐.  จงให้ความหมายของคำต่อไปนี้ ?

              ก. ปาฏิปุคคลิกทาน

              ข. เภสัชทาน

              ค. สลากภัตต์

              ง. ผ้าวัสสิกสาฎก

              จ. ผ้าอัจเจกจีวร


๑๐.        ก. คือทานที่ถวายเจาะจงเฉพาะรูปนั้นรูปนี้

              ข. คือการถวายเภสัช ๕ ได้แก่ เนยใส เนยข้น น้ำมัน น้ำผึ้ง น้ำอ้อย

              ค. คือภัตตาหารที่ทายกทายิกาถวายตามสลาก

              ง. คือผ้าที่อธิษฐานสำหรับใช้นุ่งในเวลาอาบน้ำฝน หรืออาบน้ำทั่วไป

              จ. คือผ้าจำนำพรรษาที่ทายกรีบด่วนถวายก่อนกำหนดกาล ฯ

วิชาอนุพุทธประวัติ นักธรรมชั้นโท 2549

 วิชาอนุพุทธประวัติ นักธรรมชั้นโท 2549


ปัญหาและเฉลยวิชาอนุพุทธประวัติ  นักธรรมชั้นโท

สอบในสนามหลวง

วันเสาร์ ที่ ๑๖ ธันวาคม พ.ศ. ๒๕๔๙


   ๑.  อนุพุทธบุคคล คือใคร ? ท่านเหล่านั้นมีความสำคัญต่อพระศาสดา

        อย่างไร ?

   ๑.  คือ สาวกผู้ตรัสรู้ตามพระพุทธเจ้า ฯ

        มีความสำคัญอย่างนี้ แม้พระศาสดาได้ตรัสรู้และทรงแสดงธรรม แต่เมื่อ

        ขาดผู้รู้ธรรมและรับปฏิบัติ ความตรัสรู้ของพระองค์ก็ไม่สำเร็จประโยชน์ ฯ

  ๒.  พระอัญญาโกณฑัญญะ  ใคร่ครวญดูตามประวัติ ความเชื่อถือของท่าน

        หนักไปทางไหน ในตำราทายลักษณะหรือในอัตตกิลมถานุโยคปฏิบัติ ?

        ขอฟังเหตุผล

  ๒.  เห็นว่าหนักไปในอัตตกิลมถานุโยคปฏิบัติ เหตุผลคือ เดิมท่านเชื่อตำรา

        แน่ใจ จึงบวชตามและเฝ้าอุปัฏฐาก ครั้นเห็นทรงเลิกทุกรกิริยา ก็สิ้นหวัง

        นี่ก็เพราะเชื่อมั่นในอัตตกิลมถานุโยคปฏิบัติว่า เลิกเสียเป็นอันไม่สำเร็จ

        เมื่อพระองค์ตรัสบอกว่า สำเร็จแล้ว ก็คัดค้านไม่เชื่อถือ อาการที่คัดค้าน

        และพูดถ้อยคำที่แสดงอคารวะนั้น เป็นเครื่องยืนยันความเห็นดังกล่าว ฯ

  ๓.  พระยสะมีมารดาบิดาตั้งภูมิลำเนาอยู่ที่ไหน ?  ออกบวชเพราะเหตุไร ?

  ๓.  อยู่ที่เมืองพาราณสี ใกล้ป่าอิสิปตนมฤคทายวัน ฯ

        เพราะมีความเบื่อหน่ายในการครองฆราวาส เนื่องจากได้เห็นอาการของ

        พวกชนบริวารอันวิปริตไปโดยอาการต่างๆ ไม่เป็นที่ตั้งแห่งการยังจิตให้


        เพลิดเพลิน จึงได้เดินออกจากเรือนไปพบพระพุทธองค์ได้ฟังพระธรรมเทศนา

        จนบรรลุเป็นพระอรหันต์ จึงได้ออกบวช ฯ

   ๔.  ความเป็นผู้มีบริวารมาก  เป็นผลมาจากอะไร ?  และดีอย่างไร ? 

        พระสาวกองค์ใดได้รับการยกย่องว่าเลิศในทางนี้ ?

   ๔.  เป็นผลมาจากความรู้จักเอาใจบริษัท รู้จักสงเคราะห์ด้วยอามิสบ้าง

        ด้วยธรรมบ้าง ฯ

        ดีอย่างนี้คือ ภิกษุผู้ประกอบด้วยคุณสมบัติเห็นปานนี้ ย่อมเป็นผู้อัน

        บริษัทรักใคร่นับถือ สามารถควบคุมบริษัทไว้อยู่ เป็นผู้อันจะพึงปรารถนา

        ในสาวกมณฑล ฯ

        พระอุรุเวลกัสสปะ ฯ

   ๕.  เมื่อเอ่ยถึง  พระสารีบุตร ทำให้นึกถึงพระสาวกอีกองค์หนึ่ง คือใคร ?

        ท่านได้บรรลุพระอรหัตและนิพพานที่ไหน ? ก่อนหรือหลังพระสารีบุตร

        กี่วัน ?

   ๕. คือพระโมคคัลลานะ ฯ

        ท่านได้บรรลุพระอรหัตที่บ้านกัลลวาลมุตตคาม แขวงมคธ ก่อนพระ       

        สารีบุตร ๘ วัน และนิพพานที่ตำบลกาฬศิลา แขวงมคธ หลังพระสารีบุตร

        ๑๕ วัน ฯ

   ๖.  พระสาวกผู้ปรารภเหตุว่า “ผู้อยู่ครองเรือนต้องคอยนั่งรับบาป เพราะ

        การงานที่ผู้อื่นทำไม่ดี” แล้วมีใจเบื่อหน่ายสละทรัพย์สมบัติออกบวช

        คือใคร ?  ท่านได้รับยกย่องจากพระศาสดาว่า  เป็นผู้เลิศในทางไหน ?

        เพราะเหตุใด ?

   ๖. คือ พระมหากัสสปะ ฯ

        ท่านได้รับยกย่องจากพระศาสดาว่า เป็นผู้เลิศในทางถือธุดงค์ เพราะ

        ท่านถือธุดงค์ ๓ อย่างเป็นประจำ คือ ทรงผ้าบังสุกุลจีวรเป็นวัตร ๑

        เที่ยวบิณฑบาตเป็นวัตร ๑ อยู่ป่าเป็นวัตร ๑ ฯ

  ๗.  พระสาวก ผู้อธิบายภัทเทกรัตตสูตรที่ทรงแสดงโดยย่อให้พิสดาร คือ

        ใคร ?  ท่านได้รับการสรรเสริญจากพระศาสดาว่าอย่างไร ?

  ๗.  คือ พระมหากัจจายนะ ฯ  

        ท่านได้รับสรรเสริญจากพระศาสดาว่า เป็นผู้ฉลาดในการอธิบายคำที่ย่อ

        ให้พิสดาร ฯ

ศาสนพิธี

  ๘.  ศาสนพิธี คืออะไร ?  การศึกษาศาสนพิธีให้เข้าใจ มีประโยชน์อย่างไร ?

  ๘.  คือ พิธีทางศาสนา ฯ

        มีประโยชน์คือ

             ๑. ทำให้เข้าใจเรื่องของศาสนพิธีได้โดยถูกต้อง

             ๒. ให้เห็นเป็นเรื่องสำคัญไม่ไร้สาระ

             ๓. ทำให้ปฏิบัติได้ถูกต้อง ไม่ผิดเพี้ยนจากขนบธรรมเนียมประเพณี ฯ

  ๙.  การทำวัตร  คืออะไร ?  ทำวัตรสวดมนต์  เพื่อความมุ่งหมายใด ?

  ๙.  คือ การทำกิจวัตรของภิกษุสามเณรและอุบาสกอุบาสิกา เป็นการทำกิจ                ที่ต้องทำประจำจนเป็นวัตร-ปฏิบัติ เรียกสั้นๆ ว่า ทำวัตร ฯ

        ความมุ่งหมายของการทำวัตรสวดมนต์นี้ บัณฑิตถือว่าเป็นอุบายสงบจิต

        ไม่ให้คิดวุ่นวายตามอารมณ์ได้ชั่วขณะที่ทำ เมื่อทำประจำวันละ ๒ เวลา

        ทั้งเช้าเย็นครั้งละครึ่งชั่วโมง หรือ ๑ ชั่วโมงเป็นอย่างน้อย ก็เท่ากับได้

        ใช้เวลาสงบจิตได้วันละไม่ต่ำกว่า ๑ ใน ๒๔ ชั่วโมง ฯ

๑๐.  ในวันอุโบสถ พระธรรมกถึกให้ศีล ๘ เป็นอุโบสถศีล แต่มีผู้ศรัทธาจะ

        รักษาเพียงศีล ๕ เท่านั้น  พึงปฏิบัติอย่างไร ?

๑๐.  พึงปฏิบัติอย่างนี้ สมาทานเพียง ๕ ข้อ ในระหว่างข้อที่ ๓ ซึ่ง

        พระธรรมกถึกให้ด้วยบทว่า อพฺรหฺมจริยา ... พึงรับสมาทานว่า กาเมสุ

        มิจฺฉาจารา... และรับต่อไปจนครบ ๕ ข้อเมื่อครบแล้วก็กราบ ๓ ครั้ง

        ลดลงนั่งราบไม่ต้องรับต่อไป ฯ


*********

วิชาอนุพุทธประวัติ นักธรรมชั้นโท 2550

 วิชาอนุพุทธประวัติ นักธรรมชั้นโท 2550


ปัญหาและเฉลยวิชาอนุพุทธประวัติ  นักธรรมชั้นโท

สอบในสนามหลวง

วันพุธ ที่ ๒๘ พฤศจิกายน พ.ศ. ๒๕๕๐

๑.     สัมมาสัมพุทธะ  ปัจเจกพุทธะ  และอนุพุทธะ  ต่างกันอย่างไร ?  

การเรียนอนุพุทธประวัติสำเร็จประโยชน์อย่างไร ?

๑.     สัมมาสัมพุทธะ  ตรัสรู้เองโดยชอบ  และสอนผู้อื่นให้รู้ตามได้ด้วย 

ปัจเจกพุทธะ  ตรัสรู้เฉพาะตน  แต่ไม่สามารถสอนผู้อื่นให้รู้ตามได้

อนุพุทธะ  ตรัสรู้ตาม  คือมีพระพุทธเจ้าสั่งสอนจึงรู้ตามได้  และสามารถสอนผู้อื่นให้กระทำตามด้วย ฯ

        เพื่อจะได้ทราบความเป็นไปและปฏิปทาของท่าน  ที่ได้ช่วยประกาศพระศาสนาในที่นั้น ๆ  จนเป็นเหตุเจริญแพร่หลายและมั่นคง  แล้วจักได้ถือเป็นทิฏฐานุคติ  บำเพ็ญประโยชน์ตนและประโยชน์ท่านโดยควรแก่ฐานะของตน  ทั้งให้สำเร็จเป็นสังฆานุสติมั่นคงอีกด้วย ฯ

๒.    พระอัญญาโกณฑัญญะ  ชื่อเดิมว่าอะไร ?   เกิดที่ไหน ?   เรียนจบอะไร ?   ทำไมจึงได้ชื่ออัญญาโกณฑัญญะ ?

๒.    ชื่อเดิมว่าโกณฑัญญะ ฯ

เกิดที่บ้านพราหมณ์ชื่อโทณวัตถุ อยู่ไม่ห่างจากกรุงกบิลพัสดุ์ ฯ

เรียนจบไตรเพทและรู้ตำราทำนายลักษณะ ฯ

เพราะอาศัยพระอุทานว่า อญฺญาสิ ที่แปลว่า ได้รู้แล้ว  ที่พระผู้มี    พระภาคเจ้าทรงเปล่งเมื่อท่านโกณฑัญญะได้ดวงตาเห็นธรรม ฯ

๓.     เศรษฐีบิดาพระยสะออกติดตามหาพระยสะให้กลับบ้าน  แต่เหตุไฉนเมื่อพบแล้วจึงมิได้นำกลับไปตามความประสงค์เดิม ?

๓.     เพราะได้ทราบว่า  พระยสะบรรลุเป็นพระอรหันต์แล้ว  ไม่ควรเพื่อจะกลับไปครองเรือนอีกต่อไป  ควรจะออกบวชเป็นพระภิกษุ ฯ

๔.     พระอุรุเวลกัสสปะบวชเป็นพระภิกษุในพระพุทธศาสนา เพราะเหตุใด ?   พระพุทธองค์ทรงพาท่านไปกรุงราชคฤห์ด้วย  เพราะทรงมีพุทธประสงค์อย่างไร ?

๔.     พระอุรุเวลกัสสปะเห็นอภินิหารของพระพุทธองค์หลายประการ จนถอนทิฏฐิมานะของตน  เห็นว่าลัทธิของตนหาแก่นสารมิได้  และตนก็มิได้เป็นผู้วิเศษ  ได้ความสลดใจ  จึงทูลขออุปสมบท ฯ

ทรงมีพุทธประสงค์จะปลูกศรัทธาแก่มหาชน เพราะท่านเป็นที่นับถือของมหาชนมานาน ฯ

๕.     พรข้อว่า  ถ้าจักไม่โปรดให้ข้าพระองค์อยู่ในที่ประทับของพระองค์   และข้อว่า  ถ้าพระองค์จะเสด็จไปสู่ที่นิมนต์ที่ข้าพระองค์รับไว้ 

พระอานนท์ทูลขอเพื่อประโยชน์อะไร ?

๕.     ข้อต้น  เพื่อป้องกันคำติเตียนว่า  พระอานนท์บำรุงพระศาสดาเพราะเห็นแก่ลาภ

ข้อหลัง  เพื่อป้องกันคนกล่าวว่า  พระอานนท์บำรุงพระศาสดาไปทำอะไร  เพราะพระองค์ไม่ทรงอนุเคราะห์แม้ด้วยกิจเท่านี้ ฯ



๖.     ธรรมุทเทศ  มีอะไรบ้าง ?   ใครแสดงแก่ใคร ?

๖.     มี 

๑. โลกคือหมู่สัตว์  อันชรานำเข้าไปใกล้  ไม่ยั่งยืน

๒. โลกคือหมู่สัตว์  ไม่มีผู้ป้องกัน  ไม่เป็นใหญ่จำเพาะตน

๓. โลกคือหมู่สัตว์  ไม่มีอะไรเป็นของ ๆ ตน  จำต้องละทิ้งสิ่งทั้งปวงไป

๔. โลกคือหมู่สัตว์ พร่องอยู่เป็นนิตย์  ไม่รู้จักอิ่ม เป็นทาสแห่งตัณหา ฯ

พระรัฐบาลแสดงถวายพระเจ้าโกรัพยะ ฯ

๗.    พระโมฆราชทูลถามปัญหาพระพุทธองค์เป็นคนที่เท่าไร ? เพราะเหตุไร ?

๗.    เป็นคนที่ ๑๕ ฯ  เพราะครั้งแรกเห็นว่าท่านอชิตมาณพเป็นผู้ใหญ่กว่าจึงยอมให้ถามก่อน  แต่เมื่อปรารภจะทูลถามเป็นคนที่ ๒ และคนที่ ๙  ถูกพระพุทธองค์ทรงห้ามไว้ให้รอก่อน  จึงได้โอกาสทูลถามเป็นคนที่ ๑๕ ฯ

๘.     ในอสีติมหาสาวก  มีองค์ไหนบ้างมีความสัมพันธ์เป็นศิษย์และอาจารย์กัน ?  จงบอกมาสัก ๒ คู่

๘.     (ตอบเพียง ๒ คู่)

พระอัญญาโกณฑัญญะกับพระปุณณมันตานีบุตร

        พระอัสสชิกับพระสารีบุตร

พระสารีบุตรกับพระราธะ

พระสารีบุตรกับพระราหุล

พระมหากัจจายนะกับพระโสณกุฏิกัณณะ ฯ




ศาสนพิธี

๙.     วันเทโวโรหณะ  คือวันอะไร ?   เนื่องด้วยวันนั้น  มีบุญพิธีอะไรที่ทำกันมาจนถึงบัดนี้ ?

๙.     คือ  วันที่พระพุทธเจ้าเสด็จลงจากเทวโลก  หลังจากที่เสด็จขึ้นไป      จำพรรษาในดาวดึงสพิภพถ้วนไตรมาส  โบราณเรียกอีกอย่างหนึ่งว่า     วันพระเจ้าเปิดโลก ตรงกับวันขึ้น ๑๕ ค่ำ เดือน ๑๑ ฯ

มีการทำบุญตักบาตรแด่พระพุทธเจ้าพร้อมทั้งพระสงฆ์ในวันรุ่งขึ้น    จนเป็นประเพณีทำบุญตักบาตรที่เรียกว่าตักบาตรเทโวโรหณะ มาจนถึงปัจจุบันนี้ ฯ

๑๐.   บังสุกุลเป็น  คืออะไร ?  คาถาที่ใช้บังสุกุลเป็น  ว่าอย่างไร ?

๑๐.   บังสุกุลเป็น   คือบุญกิริยาที่เจ้าภาพประสงค์จะบริจาควัตถุเนื่องด้วยกายของตน  โดยเฉพาะผ้าอุทิศสงฆ์ให้เป็นผ้าบังสุกุล  ปกตินิยมทำเมื่อป่วยหนัก  เป็นการกำหนดมรณานุสสติวิธีหนึ่ง ฯ

        ว่า         อจิรํ วตยํ กาโย          ปฐวึ อธิเสสฺสติ

                  ฉุฑฺโฑ อเปตวิญฺญาโณ  นิรตฺถํว กลิงฺครํ ฯ

***********

วิชาอนุพุทธประวัติ นักธรรมชั้นโท 2551

 วิชาอนุพุทธประวัติ นักธรรมชั้นโท 2551


ปัญหาและเฉลยวิชาอนุพุทธประวัติ  นักธรรมชั้นโท

สอบในสนามหลวง

วันอาทิตย์ ที่ ๒๓ พฤศจิกายน พ.ศ. ๒๕๕๑ 

๑.       พุทธบุคคล มีกี่ประเภท ?   อะไรบ้าง ?

๑.       มี ๓ ประเภท ฯ   คือ ๑. พระสัมมาสัมพุทธะ  ๒. พระปัจเจกพุทธะ 

๓. พระอนุพุทธะ ฯ

๒.      ปัญจวัคคีย์ทั้ง ๕ ท่าน ได้ดวงตาเห็นธรรมก่อนหลังกันอย่างไร ?

๒.      ท่านโกณฑัญญะ ได้ดวงตาเห็นธรรมเป็นองค์แรก ต่อมาท่านวัปปะและท่านภัททิยะจึงได้   และต่อมาท่านมหานามะและท่านอัสสชิจึงได้ตามลำดับ ฯ

๓.       พระสาวกผู้สำเร็จเป็นพระอริยบุคคลเพราะฟังธรรมเทศนาเรื่องเดียวซ้ำ ๒ ครั้ง  คือใคร ?   ธรรมเทศนาเรื่องอะไร ?

๓.       คือ พระยสะ ฯ  เรื่อง อนุปุพพีกถาและอริยสัจ ๔ ฯ

๔.       อนัตตลักขณสูตร และ อาทิตตปริยายสูตร  ว่าด้วยเรื่องอะไร ?  

ทรงแสดงแก่ใคร ?

๔.       อนัตตลักขณสูตร ว่าด้วยเรื่อง ขันธ์ ๕ คือ รูป เวทนา สัญญา สังขาร วิญญาณ เป็นอนัตตา  ทรงแสดงแก่พระปัญจวัคคีย์

อาทิตตปริยายสูตร ว่าด้วยเรื่อง สิ่งทั้งปวงเป็นของร้อน  ร้อนเพราะไฟคือราคะโทสะโมหะ ฯ

ทรงแสดงแก่ชฎิล ๓ พี่น้อง พร้อมด้วยบริวาร ๑,๐๐๐ คน ฯ

๕.       อุปติสสปริพาชกเลื่อมใสในพระพุทธศาสนาเพราะได้ฟังธรรมจากใคร ? 

มีใจความว่าอย่างไร ?

๕.       จากพระอัสสชิ ฯ   มีใจความว่า  พระศาสดาทรงแสดงความเกิดแห่งธรรมทั้งหลาย เพราะเป็นไปแห่งเหตุ  และความดับแห่งธรรมเหล่านั้น เพราะดับแห่งเหตุ  พระศาสดาตรัสอย่างนี้ ฯ

๖.       พระมหากัสสปเถระเป็นประธานในการทำสังคายนาครั้งแรกที่ไหน ?  

ใช้เวลานานเท่าไร ?

๖.       ที่ถ้ำสัตตบัณณคูหา เวภารบรรพต กรุงราชคฤห์ ฯ ใช้เวลา ๗ เดือน ฯ

๗.      การบวชของพระมหากัจจายนะ มีความเป็นมาอย่างไร ?

๗.      มีความเป็นมาอย่างนี้ ท่านได้รับมอบหมายจากพระเจ้าจัณฑปัชโชตให้ไปทูลเชิญพระพุทธเจ้าเสด็จกรุงอุชเชนี จึงทูลลาบวชด้วย ครั้นได้เข้าเฝ้าฟังธรรมแล้ว บรรลุพระอรหัต จึงทูลขอบวช ฯ

๘.       “โลกมีอะไรผูกพันไว้  อะไรเป็นเครื่องสัญจรของโลกนั้น  ท่านกล่าวกันว่า นิพพานๆ ดังนี้ เพราะละอะไรได้ ?”   ปัญหานี้ใครทูลถาม ?

๘.       อุทยมาณพเป็นผู้ทูลถาม ฯ

  

ศาสนพิธี

๙.       ในงานมงคลที่ทำกันอย่างสามัญทั่วไป นิยมเจริญพระพุทธมนต์ด้วย          บทสวดมนต์ที่รวมเรียกสั้นๆ ว่าอะไร ?  และต้องมีบทอื่นมาประกอบอีก เรียกว่าอะไร ?

๙.      เรียกว่า เจ็ดตำนาน ฯ

          เรียกว่า ต้นสวดมนต์หรือต้นตำนาน และท้ายสวดมนต์ ฯ

๑๐.    เทศน์มหาชาติ คือการเทศน์เรื่องอะไร ?   มีกี่กัณฑ์ ?  

จบเทศน์มหาชาติแล้ว นิยมเทศน์ต่อด้วยเรื่องอะไร ?

๑๐     เรื่องเวสสันดรชาดก ฯ   มี ๑๓ กัณฑ์ ฯ   เรื่อง จตุราริยสัจจกถา ฯ

***********

วิชาอนุพุทธประวัติ นักธรรมชั้นโท 2552

 วิชาอนุพุทธประวัติ นักธรรมชั้นโท 2552


ปัญหาและเฉลยวิชาอนุพุทธประวัติ  นักธรรมชั้นโท

สอบในสนามหลวง 

พ.ศ. ๒๕๕๒

๑.     พระสาวกสงฆ์ผู้ได้ชื่อว่าอนุพุทธะมีความสำคัญอย่างไร?

ตอบ มีความสำคัญคือพระสาวกสงฆ์จัดเป็นรัตนะประการหนึ่งในรัตนะ๓ ซึ่งเป็นผู้มีศีลและทิฏฐิเสมอกัน ถ้าไม่มีพระสาวกสงฆ์เป็นผู้รู้ธรรมและรับปฏิบัติธรรม ความตรัสรู้ของพระพุทธเจ้าก็ไม่สำเร็จประโยชน์และพระสาวกสงฆ์นั้นได้เป็นกำลังใหญ่ของพระศาสนา ในอันช่วยประกาศพระธรรม ประดิษฐานพระพุทธศาสนาขึ้นเพื่อประโยชน์สุขแก่ชนเป็นอันมาก

๒.    พระปัญจวัคคีย์ได้บรรลุเป็นพระอรหันต์พร้อมกัน แต่พระอัญญาโกณฑัญญะได้รับยกย่องเป็นปฐมสาวก เพราะเหตุไร?

ตอบ เพราะพระอัญญาโกณฑัญญะเป็นผู้ได้ดวงตาเห็นธรรมก่อนและได้รับอุปสมบทก่อนองค์อื่น

๓.     เอหิภิกขุอุปสัมปทาที่ประทานแก่พระปัญจวัคคีย์ และพระยสะต่างกันอย่างไร เพราะเหตุไร?

ตอบ ต่างกันคือที่ประทานแก่พระปัญจวัคคีย์มีคำว่า เพื่อทำที่สุดทุกข์โดยชอบ ส่วนที่ประทานแก่พระยสะไม่มีคำว่า เพื่อทำที่สุดทุกข์โดยชอบ ส่วนที่ประทานแก่พระยสะไม่มีคำว่า เพื่อทำที่สุดทุกข์โดยชอบ เพราะพระยสะได้ถึงที่สุดทุกข์แล้ว ฯ

๔.     พระปัญจวัคคีย์องค์ไหนบ้างได้ศิษย์ดีมีความสำคัญต่อพระศาสนา ศิษย์นั้นชื่ออะไรและเป็นผู้เลิศในทางด้านใด?

ตอบ พระอัญญาโกณฑัญญะ ได้พระปุณณมันตานีบุตรเป็นศิษย์เป็นผู้เลิศในทางธรรมกถึก

พระอัสสชิได้พระสารีบุตรเป็นศิษย์ เป็นผู้เลิศในทางมีปัญญามาก ฯ

๕.     ชฎิล ๓ พี่น้องต่างละลัทธิของตน บวชเป็นภิกษุในพระพุทธศาสนาเพราะเหตุใด?

ตอบ อุรุเวลกัสสปะ ถือตัวว่าเป็นผู้วิเศษ แต่พระพุทธเจ้าทรงใช้อิทธิปาฏิหาริย์และอาเทสนาปาฏิหาริย์ทรมานจนถอนทิฏฐิมานะ ได้ปรีชาหยั่งเห็นว่าลัทธิของตนหาแก่นสารมิได้ ตนมิได้เป็นผู้วิเศษแต่ประการใด ได้ความสลดใจ จึงทูลขออุปสมบท ส่วนนทีกัสสปะและคยกัสสปะ เห็นพี่ชายถือเพศเป็นภิกษุ ถามทราบความว่าพรหมจรรย์นี้ประเสริฐ จึงเข้าไปเฝ้าพระพุทธเจ้าทูลขออุปสมบท ฯ

๖.      พระเจ้าพิมพิสารทรงถวายพระราชอุทยานเวฬุวันแด่พระภิกษุสงฆ์มีพระพุทธเจ้าเป็นประธาน เพราะทรงพิจารณาเห็นอย่างไรและทรงถวายด้วยวิธีการอย่างไร?

ตอบ เพราะทรงเห็นว่า พระราชอุทยานเวฬุวันเป็นที่ไม่ไกลไม่ใกล้นัก แต่บ้านบริบูรณ์ด้วยทางเป็นที่ไปและเป็นที่มา ควรที่ผู้มีธุระจะพึงไปถึง กลางวันไม่เกลื่อนกล่นด้วยหมู่คน กลางคืนเงียบเสียงที่จะอื้ออึงกึกก้อง ปราศจากลมแต่ชนที่เดินเข้าออกสมควรเป็นที่ประกอบกิจของผู้ต้องการที่สงัด และควรเป็นที่หลีกออกเร้นอยุ่ตามวิสัยสมณะ ควรเป็นที่เสด็จอยู่ของพระศาสดาดังนี้ และทรงถวายด้วยวิธีการทรงจับพระเต้าทองเต็มด้วยน้ำ หลั่งลงถวายพระราชอุทยานเวฬุวันนั้นแก่พระภิกษุสงฆ์มีพระพุทธเจ้าเป็นประธาน ฯ

๗.    “คนเหล่านี้ทั้งหมดยังไม่ทันถึง ๑๐๐ ปี ก็จักไม่มีเหลือจักล่วงไปหมด ดูการเล่นไม่มีประโยชน์อะไร ควรขวนขวายหาธรรมเครื่องพ้นดีกว่า” นี่เป็นคำพูดของใครพูดกะใคร?

ตอบ ของอุปติสสมาณพ พูดกะโกลิตมาณพ ฯ

๘.     คำถามว่า “ข้าพเจ้าจักพิจารณาเห็นโลกอย่างไร มัจจุราชจึงจักไม่แลเห็น” ใครเป็นผู้ถาม พระศาสดาทรงพยากรณ์ไว้อย่างไร?

ตอบ พระโมฆราชเป็นผู้ทูลถาม พระศาสดาทรงพยากรณ์ว่า ท่านจงเป็นคนมีสติ พิจารณาเห็นโลกโดยความเป็นของว่างเปล่า ถอนความตามเห็นว่าตัวของเราเสียทุกเมื่อเถิด ท่านจักข้ามล่วงมัจจุราชเสียได้ด้วยอุบายอย่างนี้ ท่านพิจารณาเห็นโลกอย่างนี้แล มัจจุราชจึงไม่แลเห็น ฯ

ศาสนพิธี

๙.     สามัญอนุโมทนากับวิเสสอนุโมทนา ต่างกันอย่างไร?

ตอบ ต่างกันอย่างนี้ สามัญอนุโมทนา คือการอนุโมทนาที่นิยมใช้ปฏิบัติกันทั่วไปเป็นปกติ ไม่ว่างานใดก็ใช้อนุโมทนาอย่างนั้น ส่วนวิเสสอนุโมทนา คือการอนุโมทนาด้วยบทสวดสำหรัยอนุโมทนาเป็นพิเศษเฉพาะทาน เฉพาะกาล และเฉพาะเรื่อง

๑๐. บท อทาสิ เม อกาสิ เม… และบท อยญฺจ โข ทกฺขิณา ทินฺนา… ใช้ต่างกันอย่างไร?

ตอบ     อทาสิ เม อกาสิ เม… ใช้ในกรณีที่ศพยังอยู่

อยญฺจ โข ทกฺขิณา ทินฺนา… ใช้ในกรณีทำบุญอัฐิ ฯ

วิชาอนุพุทธประวัติ นักธรรมชั้นโท 2553


 



ปัญหาและเฉลยวิชาอนุพุทธประวัติ นักธรรมชั้นโท สอบในสนามหลวง

วันพุธ ที่ ๒๔ พฤศจิกายน   พ.ศ.๒๕๕๓


 
                        พุทธบริษัท ๔ ผู้เป็นอริยสาวกดับการเกิดขึ้นก่อนหลังกันอย่างไมีล ำ บุคคลแรกของแต่ละบริษัทนั้นคือใคร ?

                        มีล ำดับอย่างนี้ คือ ภิกษุ อุบาสก อุบาสิกา และภิกษุณี ฯ พระอัญญาโกณฑัญญะ เป็นคนแรกของภิกษุบริษัท บิดาของพระยสะ เป็นคนแรกของอุบาสกบริษัท มารดาและภรรยาของพระยสะ เป็นคนแรกของอุบาสิกาบริษัท พระนางปชาบดี โคตมี เป็นคนแรกของภิกษุณีบริษัท ฯ


                         พระอัญญาโกณฑัญญะมีมูลเหตุจูงใจอะไร จึงได้ออกบวชตามอุปั พระมหาบุรุษขณะบ ำเพ็ญทุกรกิริยา ?

                        เพราะได้เคยเข้าร่วมท ำนายพระลักษณะของพระมหาบุรุษโดยเชื่อมั่นว่ เป็นพระพุทธเจ้า จึงตามอุปัฏฐากด้วยหวังว่า เมื่อพระมหาบุ จักทรงเทศนาโปรด ฯ
 

                        มารยาทดีมีความส ำรวมย่อมเป็นศรีของสมณะ สามารถจะปลูกศรัทธ เลื่อมใสให้เกิดแก่ผู้พบเห็น นี่เป็นปฏิปทาจริยาวัตรของพระสา จงเล่าประวัติของท่านโดยย่อ

                        ของพระอัสสชิเถระ ฯ

ท่านเป็นหนึ่งในพระปัญจวัคคีย์ ได้ฟังพระธรรมเทศนาจนได้บรรลุพร แล้ว ได้เป็นก ำลังในการประกาศพระศาสนา อุปติสสปริพาชกพบเห็นแล้ว ความเลื่อมใส ขอฟังธรรมจากท่าน แล้วได้เข้ามาบวชในพระพุทธศาสนา

                        ยสกุลบุตรได้ฟังธรรมอะไรจากพระศาสดาเป็นครั้งแรก ?  ณ  ที่ไหน ?

                        ได้ฟัง  อนุปุพพีกถา  และอริยสัจ ๔ ฯ

ณ ป่าอิสิปตนมฤคทายวัน  แขวงเมืองพาราณสี ฯ

                        พระสาวกผู้ได้รับยกย่องว่าเป็นผู้มีบริวารมากคือใคร ? ท่านมี เพราะเหตุไร ?


                        พระอุรุเวลกัสสปะ ฯ

เพราะท่านรู้จักเอาใจบริษัท  รู้จักสงเคราะห์ด้วยอามิสบ้าง  ด้วยธ

                        พระพุทธโอวาทว่า เราจะไม่ละสติที่ไปในกาย คือพิจารณาร่างก เป็นอารมณ์ ดังนี้ พระองค์ตรัสกะสาวกรูปใด ? พระสาวกรูปนั้ เอตทัคคะในทางใด ?


                        พระมหากัสสปะ ฯ เป็นเอตทัคคะในทางถือธุดงค์ ฯ

                        พระมหากัจจายนะเคยได้รับมอบหมายจากพระพุทธเจ้าให้ไปเผยแผ พระศาสนาแทนพระองค์เมื่อครั้งไหน ? ได้ผลอย่างไร ?

                        เมื่อครั้งที่ท่านบรรลุพระอรหัต และอุปสมบทเป็นภิกษุแล้ว พระพุทธเจ้าให้เสด็จไปกรุงอุชเชนี เพื่อประกาศพระศาสนาตามพระราชประ ของพระเจ้าจัณฑปัชโชต แต่พระพุทธเจ้ารับสั่งให้ท่านไปแทน ฯ พระเจ้าจัณฑปัชโชตและชาวพระนครเลื่อมใสในพระพุทธศาสนา ฯ

                        พระพุทธเจ้าทรงแสดงธรรมโปรดพระโมฆราชด้วยเรื่องอะไร ? มีความหมาย อย่างไร ?

                        ด้วยเรื่องสุญญตานุปัสสนา ฯ มีความหมายว่า ให้พิจารณาเห็น ความเป็นของว่างเปล่า ถอนความเห็นว่าเป็นตัวตนของเราเสีย ฯ

ศาสนพิธี

                        ค ำว่า เจริญพระพุทธมนต์กับสวดพระพุทธมนต์ใช้ต่างกันอย่างไร ท ำบุญฉลองอัฐิจัดเข้าในอย่างไหนใน ๒ อย่างข้างต้น ?

                        เจริญพระพุทธมนต์ใช้ในงานมงคล สวดพระพุทธมนต์ใช้ในงานอวมงคล จัดเข้าในการเจริญพระพุทธมนต์ แต่ไม่ต้องตั้งขันน ้ำมนต์และส

๑๐.   งานท ำบุญต่อนามหรือต่ออายุ            คืองานท ำบุญเช่นไร ?

๑๐.  คืองานท ำบุญที่คณะญาติของผู้ก ำลังป่วยหนักจัดขึ้น เพื่อใ และเพื่อให้ผู้ป่วยได้มีโอกาสบ ำเพ็ญกุศลในบั้นปลายแห่งชีวิต เป็นความประสงค์ของผู้จะท ำบุญต่ออายุเองเพื่อความเป็นสิริมงคล

*********

วิชาอนุพุทธประวัติ นักธรรมชั้นโท 2554

 


ปัญหาและเฉลยวิชาอนุพุทธประวัติ นักธรรมชั้นโท สอบในสนามหลวง 
วันพุธ         ที่ ๑๔ ธันวาคม              พ.ศ. ๒๕๕๔ 



            พระอัญญาโกณฑัญญะส ำเร็จเป็นพระอรหันต์หลังจากบวชเป็นพระภิกษ กี่วัน ? ส ำเร็จเพราะฟังพระธรรมเทศนาชื่ออะไร ?

            ๕ วัน ฯชื่อ  อนัตตลักขณสูตร ฯ 
            ภิกษุผู้รัตตัญญู ย่อมมีคุณสมบัติเช่นไร จึงพ้นจากค ำต ำห โตเพราะกินข้าว เฒ่าเพราะบวชนาน ?

            ย่อมเป็นผู้เก่าแก่ ได้พบเห็นและสันทัดในกิจการของคณะ ย่อ อาจท ำให้ส ำเร็จด้วยตนเองหรือบอกเล่าแนะน ำผู้อื่น เป็นเจ้าแบบ ผู้รักษาคลังพัสดุ ฯ


            พระพุทธองค์ทรงแสดงอนุปุพพีกถาแก่ใครเป็นคนแรก ? อนุปุพพีกถานั้นกล่าวถึงเรื่องอะไร ?

            แสดงแก่ยสกุลบุตรเป็นคนแรก ฯ กล่าวพรรณนาทานการให้ แล้วพรรณนา ศีลความรักษากายวาจาเรียบร้อย พรรณนาสวรรค์คือกามคุณที่บุคค ซึ่งจะพึงได้พึงถึงด้วยกรรมอันดีคือทานและศีล พรรณนาโทษแห และพรรณนาอานิสงส์แห่งความออกไปจากกาม ฯ

๔.     พระสารีบุตรได้รับการสรรเสริญว่าเป็นผู้กตัญญูกตเวที จงเล่าเรื่อ สัก ๑ เรื่อง เพื่อยืนยันค ำกล่าวนี้

            (ให้ตอบเพียง ๑ เรื่อง)

เรื่องที่ ๑ พระสารีบุตรนับถือพระอัสสชิเป็นอาจารย์ เมื่ออ ทิศใด ก่อนจะนอน ท่านจะนมัสการและนอนหันศีรษะไปทางทิศนั

เรื่องที่ ๒              ราธพราหมณ์เสียใจมีร่างกายซูบซีด                 เพราะไม่ได้อุป
ปรารถนา      พระศาสดาทรงทราบความแล้วตรัสถามภิกษุทั้งหลายว่า  มีใ
ระลึกถึงอุปการะของราธะได้บ้าง,                พระสารีบุตรทูลว่า                       ราธพรา
เคยถวายภิกษาแก่ท่านทัพพีหนึ่ง                    พระศาสดาตรัสสรรเสริญว่าเป็นผ
ดีนัก           อุปการะเพียงเท่านี้ก็ยังจ ำได้ ฯ

            ความเห็นว่าพระขีณาสพตายแล้วดับสูญ เป็นความเห็นผิด ความเ ถูกต้องเป็นอย่างไร ?

            ความเห็นที่ถูกต้องว่า  พระขีณาสพตายแล้ว   รูป  เวทนา  สัญญา
วิญญาณ         ที่ไม่เที่ยงดับไป ฯ

            พระมหากัสสปะได้รับอุปสมบทแล้วนานเท่าไรจึงบรรลุพระอรหัต ? พระโอวาทข้อว่า “เราจะไม่ละสติที่ไปในกาย คือพิจารณาร่างกาย อารมณ์” สงเคราะห์เข้าในธรรมข้อใดบ้าง ?

            ๘ วัน ฯ
สงเคราะห์เข้าใน             กายคตาสติ     และ    วิปัสสนาญาณ       เป็นต้น ฯ



            พระสาวกผู้แสดงความไม่ต่างกันแห่งวรรณะ ๔ เหล่า คือใคร ? แสดงแก่ใคร ? ที่ไหน ? พระสูตรนั้นชื่ออะไร ?

            พระมหากัจจายนะเป็นผู้แสดง ฯ แก่พระเจ้ามธุรราช อวันตีบุตร ฯ ที่คุนธาวัน แขวงมธุรราชธานี ฯ สูตรนั้นชื่อว่า มธุรสูตร ฯ

            อาจารย์ผู้ผูกปัญหาให้ศิษย์ ๑๖ คนไปทูลถามพระพุทธเจ้า ชื่ออะ ทั้งอาจารย์และศิษย์ฟังพุทธพยากรณ์แล้วได้บรรลุผลอะไร ?

            พราหมณ์พาวรี ฯ ปิงคิยมาณพได้ดวงตาเห็นธรรม ฯ

ศิษย์อีก ๑๕ คน  ได้บรรลุเป็นพระอรหันต์ ฯ ส่วนอาจารย์ได้บรรลุเ

ศาสนพิธี
            วันเทโวโรหณะ  คือวันอะไร ?

เนื่องด้วยวันนั้น  มีบุญพิธีอะไรที่ท ำกันมาจนถึงบัดนี้ ?

            คือ วันที่พระพุทธเจ้าเสด็จลงจากเทวโลก หลังจากที่เสด็จขึ้นไป ในดาวดึงสพิภพถ้วนไตรมาส โบราณเรียกอีกอย่างหนึ่งว่า วันพร เปิดโลก ฯ


มีการท ำบุญตักบาตรแด่พระพุทธเจ้าพร้อมทั้งพระสงฆ์ จนเป็นประเพ ตักบาตรที่เรียกว่า ตักบาตรเทโวโรหณะ มาจนถึงปัจจุบันนี้ ฯ

๑๐.  วิหารทานคาถา  ซึ่งเป็นบทอนุโมทนาพิเศษ                    เริ่มต้นด้วย               สีตํ
ปฏิหนฺติ ฯลฯ             นิยมใช้สวดเมื่อใด ?

๑๐. เมื่อทายกถวายเสนาสนะมี  โบสถ์  วิหาร  กุฎี  เป็นต้น ฯ *********




วิชาอนุพุทธประวัติ นักธรรมชั้นโท 2555

 วิชาอนุพุทธประวัติ นักธรรมชั้นโท 2555

ปัญหาและเฉลยวิชาอนุพุทธประวัติ  นักธรรมชั้นโท

สอบในสนามหลวง

วันเสาร์ ที่ ๑ ธันวาคม พ.ศ. ๒๕๕๕

๑.      การที่พระเจ้าพิมพิสารเข้าเฝ้าพระพุทธเจ้า เป็นเหตุให้พระองค์ได้รับอนุตตริยะอะไรบ้าง?

ตอบ ได้อนุตตริยะ ๓ อย่าง คือ

พระองค์ได้เฝ้า เป็นทัสสนานุตตริยะ

ได้ทรงสดับธรรม เป็นสวนานุตตริยะ

ได้ธรรมจักษุเห็นธรรมนั้น เป็นลาภานุตตริยะ ฯ

๒.     พระวาจาที่ตรัสให้อุปสมบทแก่พระอัญญาโกณฑัญญะ และพระยสะเหมือนกันหรือต่างกัน? เพราะเหตุไร?

ตอบ เหมือนกันตรงที่ทรงรับเข้าสู่พรหมจรรย์ ว่า “จงเป็นภิกษุมาเถิด ธรรมอันเรากล่าวดีแล้ว จงประพฤติพรหมจรรย์เถิด”

ต่างกันที่พระอัญญาโกณฑัญญะ มีพระพุทธดำรัสต่อท้ายว่า “เพื่อทำที่สุดทุกข์โดยชอบ” เพราะท่านยังไม่บรรลุพระอรหัตต์

ส่วนพระยสะ ไม่มีคำว่า “เพื่อทำที่สุดทุกข์โดยชอบ” เพราะท่านบรรลุพระอรหัตต์แล้ว ฯ

๓.     พระอัญญาโกณฑัญญะ กับพระอุรุเวลกัสสปะทูลขอบวชในพระศาสนาโดยมีมูลเหตุความเป็นมาต่างกันอย่างไร?

ตอบ ต่างกันอย่างนี้ พระอัญญาโกณฑฑัญญะได้ธรรมจักษุ คือดวงตาเห็นธรรม ที่ท่านกล่าวว่าเป็นพระโสดาบัน มีศรัทธาในพระศาสนามั่นคงแล้ว จึงขอบวช ฯ

พระอุรุเวลกัสสปะได้ปรีชาหยั่งเห็นว่าลัทธิของตนหาแก่นสารไม่ได้หลงถือตนว่า เป็นผู้วิเศษ แต่หาเป็นเช่นนั้นไม่ ได้ความสลดใจจึงลอยบริขารชฏิลของตนเสียแล้วจึงขอบวช ฯ

๔.     ชฎิล ๓ พี่น้อง มีชื่ออะไรบ้าง? ได้บรรลุพระอรหัตต์เพราะฟังพระธรรมเทศนาชื่ออะไร?

ตอบ พระอุรุเวลกัสสปะ พระนทีกัสสปะ พระคยากัสสปะฯ    ฟังอาทิตตปริยายสูตร ฯ

๕.      จงระบุชื่อพระสาวกผู้ที่บวชเพราะเหตุต่อไปนี้

๑. บวชเพราะศรัทธา

๒. บวชเพราะจำใจ

๓. บวชเพราะหลงไหลในรูป ฯ

ตอบ    ๑.บวชเพราะศรัทธา คือ พระรัฐบาล

๒.บวชเพราะจำใจ คือ พระนันทะ

๓.บวชเพราะหลวงไหลในรูป คือ พระวักกลิ ฯ

๖.      อนุพุทธที่เป็นสาวกสาวิกาของพระศาสดา ซึ่งได้รับการอุปสมบทด้วยวิธีพิเศษมีบ้างหรือไม่? ถ้ามี คือใคร? อุปสมบทด้วยวิธีใด?

ตอบ มี ฯ คือ พระมหากัสสปะ อุปสมบทด้วยวิธีรับพระโอวาท ๓ ข้อ, พระนางมหาปชาบดีโคตมี อุปสมบทด้วยวิธีรับครุธรรม ๘ ประการ ฯ

๗.     “หมู่มนุษย์ในโลกนี้ อาศัยอะไรจึงบูชายัญบวงสรวงเทวดา” นี่เป็นปัญหาของใคร? และได้รับพุทธพยากรณ์ว่าอย่างไร?

ตอบ เป็นปัญหาของปุณณกมาณพ ฯ ได้รับพุทธพยากรณ์ว่า หมู่มนุษย์เหล่านั้น อยากได้ของที่ตนปรารถนาอาศัยของที่มีชราทรุดโทรม จึงบูชายัญบวงสรวงเทวดา ฯ

๘.     ข้อธรรมว่า “โลกคือหมู่สัตว์อันชรานำเข้าไปใกล้ ไม่ยั่งยืน” เรียกว่าธรรมอะไร? ใครแสดงว่าใคร?

ตอบ เรียกว่า ธรรมุเทศ ฯ   พระรัฐบาลแสดงถวายแก่พระเจ้าโกรัพยะ ฯ

ศาสนพิธี

๙.     การถวายผ้าวัสสิกสาฎกนั้น มีมูลเหตุมาจากอะไร? ใครเป็นผู้ถวายคนแรก?

ตอบ มีมูลเหตุมาจากเดิมยังไม่มีพุทธานุญาตให้ภิกษุมีผ้าวัสสิกสาฎก ภิกษุทั้งหลายจึงเปลือยกายอาบน้ำ นางวิสาขามหาอุบาสิกาทราบเรื่องนั้นแล้วเห็นว่าไม่สมควรแก่เพศสมณะ จึงทูลขอพระพุทธานุญาต เพื่อถวายผ้าอาบน้ำฝนแก่ภิกษุทั้งหลาย ฯ

๑๐. จงเขียนอุโบสถศีล เฉพาะข้อที่ ๗ มาดู

ตอบ นจฺจคีตวาทิตวิสูกทสฺสนา มาลาคนฺธวิเลปนธารณมณฺฑนวิภูสนฏฺฐานา เวรมณี สิกฺขาปทํ สมาทิยามิ ฯ

วิชาอนุพุทธประวัติ นักธรรมชั้นโท 2556

 






ปัญหาและเฉลยวิชาอนุพุทธประวัติ นักธรรมชั้นโท สอบในสนามหลวง

วันพฤหัสบดี ที่ ๒๑ พฤศจิกายน พ.ศ. ๒๕๕๖

  อนุพุทธบุคคล คือใคร ? มีความส ำคัญอย่างไร ? เฉลย คือ สาวกผู้ตรัสรู้ตามพระพุทธเจ้าฯ


อนุพุทธบุคคลเป็นสังฆรัตนะในรัตนะ๓เป็นพยานยืนยันความตรัสรู้ของ พระพุทธเจ้าและเป็นก ำลังใหญ่ของพระพุทธเจ้าในอันช่วยประกา พระธรรมประดิษฐานพระพุทธศาสนาขึ้นเพื่อประโยชน์สุขแก่ชนเป็น อันมาก ฯ


๒. พระศาสดาทรงแสดงอาทิตตปริยายสูตรโปรดพวกปุราณชฎิลเพราะเหตุไร ?


เฉลย เพราะเป็นพระสูตรที่เหมาะแก่บุรพจรรยาของพวกปุราณชฎิลผู้อบรมมาใน การบูชาเพลิงฯ


  พระสาวกรูปใดได้รับยกย่องจากพระศาสดาว่าเป็นผู้กตัญญูกตเวที ? จง

ตัวอย่างมาสัก ๒ เรื่อง


เฉลย  พระสารีบุตรเถระฯ


เรื่องที่๑ พระสารีบุตรนับถือพระอัสสชิเป็นอาจารย์เมื่ออาจารย์อยู่ใน ทิศใด ก่อนจะนอน ท่านจะนมัสการและนอนหันศีรษะไปทางทิศนั้น


เรื่องที่๒พระสารีบุตรระลึกถึงอุปการะของราธพราหมณ์ที่เคยถวายภิก แก่ท่านทัพพีหนึ่งฯ



  พระสาวกผู้บวชเพราะเบื่อหน่าย บวชเพราะเพื่อน คือใคร ? เฉลย บวชเพราะเบื่อหน่ายคือ พระยสะ พระมหากัสสปะ ฯ


บวชเพราะเพื่อนคือ พระภัททิยศากยะพระวิมละ พระสุพาหุ พระปุณณชิพระควัมปติและเพื่อนชาวชนบทอีก๕๐ คน ฯ (ตอบองค์ใดองค์หนึ่งก็ให้ และตอบองค์อื่น ถ้าถูกก็ควรให้)


  อุปสมบทวิธีพิเศษด้วยการรับพระโอวาท ๓ ข้อ และด้วยการรับครุ ๘ ข้อ ทรงประทานให้แก่ใคร ? และท่านนั้น ๆ ได้รับการยกย่องเป็นเอต ในทางไหน ?


เฉลย การรับพระโอวาท ๓ ข้อ ทรงประทานแก่พระมหากัสสปะ การรับครุธรรม๘ ข้อ ทรงประทานแก่พระนางมหาปชาบดีโคตมีฯ พระมหากัสสปะได้รับยกย่องเป็นเอตทัคคะในทางทรงธุดงคคุณ พระนางมหาปชาบดีโคตมีได้รับยกย่องเป็นเอตทัคคะในทางรัตตัญญูฯ


  พระมหากัจจายนะได้รับมอบหมายจากพระพุทธเจ้าให้ไปเผยแผ่พระพุทธศาส แทนพระองค์ ณ เมืองใด และได้ผลเป็นอย่างไร ?


เฉลย  ณ เมืองอุชเชนีฯ


ได้รับผลคือ พระเจ้าจัณฑปัชโชตและชาวพระนครเลื่อมใสใน พระพุทธศาสนา ฯ



  ปัญหาว่า โลกคือหมู่สัตว์อันอะไรปิดบังไว้จึงหลงอยู่ในที่มืด ผู้ถาม ? และพระศาสดาทรงพยากรณ์ว่าอย่างไร ?


เฉลย  อชิตมาณพเป็นผู้ถามฯ


ทรงพยากรณ์ว่าโลกคือหมู่สัตว์อันอวิชชาคือความไม่รู้แจ้งปิดบัง จึงหลงดุจอยู่ในที่มืดฯ


  การท ำสังคายนาก่อให้เกิดคุณประโยชน์แก่พระศาสนาอย่างไรบ้าง ? เฉลย ให้เกิดคุณประโยชน์อย่างนี้


ก จัดและป้องกันอลัชชีได้ำท ความเห็นพุทธศาสนิกให้ถูกต้องและำ ปฏิบัติถูกต้องได้และท ำให้พระศาสนามั่นคงและแพร่หลายยิ่งขึ้นฯ


ศาสนพิธี


  ศาสนพิธีเล่ม ๒ แสดงอุโบสถกรรมไว้กี่ประเภท ? อะไรบ้าง ? เฉลย ๓ ประเภท ฯ คือ


สังฆอุโบสถ๑ ปาริสุทธิอุโบสถ๑ อธิษฐานอุโบสถ๑ ฯ



๑๐. จงให้ความหมายของค ำต่อไปนี้ การเข้าพรรษา การออกพรรษา ฯ


เฉลย การเข้าพรรษาหมายถึงการที่ภิกษุผูกใจว่าจะอยู่ณที่ใดที่หนึ่งตลอดเวลา

  เดือนในฤดูฝนไม่ไปค้างแรมให้ล่วงราตรีในที่แห่งอื่นระหว่างผ

เว้นแต่ไปด้วยสัตตาหกรณียะฯ


การออกพรรษา หมายถึง กาลที่สิ้นสุดก ำหนดอยู่จ ำพรรษาของภิก พระวินัยบัญญัติมีพิธีเป็นสังฆกรรมพิเศษโดยเฉพาะเรียกโดยภาษา พระวินัยว่าปวารณากรรม คือการท ำปวารณาของสงฆ์ผู้อยู่ร่วมกันต เวลา ๓ เดือน ฯ


*********






วิชาอนุพุทธประวัติ นักธรรมชั้นโท 2557

 วิชาอนุพุทธประวัติ นักธรรมชั้นโท 2557

ปัญหาและเฉลยวิชาอนุพุทธประวัติ  นักธรรมชั้นโท

สอบในสนามหลวง

วันจันทร์ที่ ๑๐ พฤศจิกายน พ.ศ. ๒๕๕๗


๑.     พระสาวกที่พระพุทธองค์ทรงส่งไปประกาศพระศาสนาครั้งแรก มีจำนวนเท่าไร? ประกอบด้วยใครบ้าง?

เฉลย มี ๖๐ องค์ ฯ ประกอบด้วยพระปัญจวัคคีย์ พระยสะ สหายพระยสที่ปรากฏนาม ๔ องค์ และไม่ปรากฏนามอีก ๕๐ องค์ ฯ

๒.    พระอัสสชิได้แสดงธรรมแก่อุปติสสปริพาชก มีใจความย่อว่าอย่างไร?

เฉลย มีใจความย่อว่า “ธรรมใดเกิดแต่เหตุ พระศาสดาทรงแสดงเหตุแห่งธรรมนั้น และความดับแห่งธรรมนั้น พระศาสดาตรัสสอนอย่างนี้” ฯ

๓.     อุบาสกผู้ประกาศตนถึงรัตนะ ๒ และรัตนะ ๓ ว่าเป็นสรณะคนแรก คือใคร?

เฉลย     ผู้ถึงรัตนะ ๒ คือตปุสสะ และภัลลิกะ

           ผู้ถึงรัตนะ ๓ คือบิดาของยสะ ฯ

๔.     สามเณรรูปแรกในพระพุทธศาสนา คือใคร? ได้บรรลุพระอรหัตเพราะฟังธรรมจากใคร?

เฉลย สามเณรราหุล ฯ จากพระพุทธองค์ ฯ

๕.    การที่เจ้าศากยะทูลขอให้พระอุบาลีผู้เป็นช่างกัลบกบวชก่อน เพราะเหตุไร?

เฉลย เพราะประสงค์จะละมานะของตน ฯ

๖.     ภิกษุ ภิกษุณี ผู้เอตทัคคะในทางเป็นพระธรรมกถึก คือใคร?

เฉลย     ภิกษุ คือพระปุณณมันตานีบุตร ฯ

           ภิกษุณี คือนางธรรมทินนาเถรี ฯ

๗.    พระพุทธองค์ทรงแสดงโทษแห่งความเพียรที่ตึงเกินไปและหย่อนเกินไปแก่พระโสณโกฬิวิสะว่าอย่างไร?

เฉลย ทรงแสดงว่า ความเพียรที่ตึงเกินไปเป็นไปเพื่อความฟุ้งซ่าน ที่หย่อนเกินไปเป็นเพื่อความเกียจคร้าน ฯ

๘.    มาณพทั้ง ๑๖ คนผู้ทูลถามโสฬสปัญหากะพระพุทธองค์ เป็นศิษย์ของใคร? ท่านตั้งสำนักอยู่ที่ไหน?

เฉลย ของพราหมณ์พาวรี ฯ

อยู่ที่ฝั่งแม่น้ำโคธาวารี ระหว่างเมืองอัสสกะและเมืองอาฬกะ ฯ


ศาสนพิธี

๙.    จงเขียนคาถาที่ใช้ในการบังสุกุลเป็น และบังสุกุลตาย มาดู

เฉลย คาถาที่ใช้ในการบังสุกุลเป็น ว่า

           อจิรํ วตยํ กาโย               ปฐวึ อธิเสสฺสติ

           ฉุฑฺโฑ อเปตวิญฺญาโณ       นิรตฺถํว กลิงฺครํ

       คาถาที่ใช้ในการบังสุกุลตายว่า

           อนิจฺจา วต สงฺขารา           อุปฺปาทวยธมฺมิโน

           อุปฺปชฺชิตฺวา นิรุชฺฌนฺติ       เตสํ วูปสโม สุโข ฯ

๑๐.         วันธรรมสวนะ คือวันอะไร? ทรงอนุญาตให้มีในวันใดบ้าง?

เฉลย คือวันกำหนดประชุมฟังธรรม หรือที่เรียกว่า “วันพระ” ฯ ในวัน ๘ ค่ำ และวัน ๑๔ ค่ำ หรือ ๑๕ ค่ำของปักษ์ทั้งข้างขึ้นและข้างแรม ฯ

วิชาอนุพุทธประวัติ นักธรรมชั้นโท 2558






ปัญหาวิชาอนุพุทธประวัติ นักธรรมชันโท
สอบในสนามหลวง

วันอาทิตย์ที่๒๙พฤศจิกายน พุทธศักราช๒๕๕๘ 
๑.  อนุพุทธองค์แรก  คือใคร ?     สาเร็จเป็นพระอรหันต์เพราะฟังพระธรรมเทศนาชื่ออะไร ?

เฉลย


คือ พระอัญญาโกณฑัญญะ ฯ      ชื่ออนัตตลักขณสูตร ฯ 
๒.
“ที่นี่วุ่นวายหนอ ที่นี่ขัดข้องหนอ” เป็ คา  ุ า  ของใคร ? เพราะเหตุใดจึงอุทานอย่างนั้น ?

เฉลย       ของยสกุลบุตร ฯ เพราะเห็นหมู่ชนบริวารนอนหลับมีอาการพิกลต่างๆดุจซากศพ

ที่ทิ้งอยู่ในป่าชเกิดความสลดใจ้า คิดเบื่อหน่าย ฯ 
๓.  พระธรรมเทศนาที่ได้ชื่อว่าอาทิตตปริยายสูตร เพราะเหตุไร ? พระพุทธองค์ทรงแสดงแก่ใคร? เฉลย   เพราะแสดงสภาวธรรมเป็นของร ้อน อันเหมาะแก่บุรพจรรยาของผู ้ฟัง ฯ   แก่พวก

ปุราณชฎิล ฯ

๔.   โกลิตะถามอุปติสสะว่า“ดูท่านไม่สนุกเหมือนในวันอืน่ วันนี้ดูใจเศร้า ท่านเป็ นอย่างไรหรือ?” อุปติสสะตอบว่าอย่างไร ?

เฉลย   ตอบว่า“โกลิตะ  อะไรที่ควรดูในการเล่นนี้มีหรือคนเหล่านี้ทั้งหมดยังไม่ทันถึง?

๑๐๐ ปี ก็จักไม่มีเหลือ จักล่วงไปหมด ดู การเล่นไม่มีประโยชน์อะไร ควรขวนขวายหาธรรมเครื่องพ ้นดีกว่า” ฯ


๕. พระโอวาทว่า“เราจักไม่ชูงวงเข้าไปสู่สกุล” พระพุทธองค์ตรัสแก่พระสาวกองค์ใด?ที่ไหน ? เฉลย แก่พระมหาโมคคัลลานะ ฯ ที่บ ้านกัลลวาลมุตตคาม แคว ้นมคธ ฯ

๖. พระมหากัสสปเถระชักชวนภิกษุสงฆ์ทาสังคายนารวบรวมพระธรรมวินัย ตังไว้เป็นแบบฉบับ้ เพื่อสมกับพระพุทธพจน์ที่ได้ประทานไว้เมื่อครังปรินิพพาน้ พระพุทธพจน์นั้นใจความว่า อย่างไร ?


เฉลย


ว่า ธรรมก็ดี วินัยก็ดี อย่างใด อันเราได ้แสดงไว ้แล ้ว ได ้บัญญัติไว ้แล ้ว นั้นจักเป็นศาสดาของท่านทั้งหลาย ในเมื่อเราล่วงไปแล ้ว ฯ
๗. บรรดาศิษย์๑๖ คน   ศิษย์คนใดน าพระธรรมเทศนาของพระพุทธองค์ไปบอกแก่พราหมณ์

พาวรีผู้เป็นอาจารย์?  พราหมณ์พาวรีฟังพระธรรมเทศนานั้นแล้ว ได้บรรลุธรรมชันไหน้ ?
เฉลย       ปิงคิยมาณพ ฯ     ชั้นเสขภูมิ ฯ

๘. พระเถระและพระเถรีผู้มีชื่อต่อไปนี้ ได้รับเอตทัคคะในทางไหน ?
ก. พระมหากัจจายนะ                  ข. พระโมฆราช                      ค. พระราหุล
ง. ปฏาจาราเถรี                            จ. อุบลวรรณาเถรี
เฉลย       ก. พระมหากัจจายนะ เป็นเอตทัคคะในทางอธิบายค าย่อให ้พิสดาร
ข. พระโมฆราช เป็นเอตทัคคะในทางทรงจีวรเศร ้าหมอง

ค.   พระราหุล เป็นเอตทัคคะในทางผู ้ใฝ่ ใจศึกษาพระธรรมวินัย ง. ปฏาจาราเถรี เป็นเอตทัคคะในทางทรงวินัย จ. อุบลวรรณาเถรีเป็นเอตทัคคะในทางมีฤทธิ์ฯ

  
ศาสนพิธี

๙.    จงเขียนอุโบสถศีลข้อที่๓มาดู ฯ
เฉลย  อพฺรหฺมจริยา  เวรมณี  สิกฺขาปท   สมาทิยามิ ฯ 

๑๐. จงให้ความหมายของคาต่อไปนี้

ก. ปาฏิปุคคลิกทาน
ง. ผ้าวัสสิกสาฎก
ข. เภสัชทาน
จ. ผ้าอัจเจกจีวร ฯ
ค. สลากภัต

เฉลย


ก. ปาฏิปุคคลิกทาน      คือทานที่ถวายเจาะจงเฉพาะรูปนั้นรูปนี้
ข. เภสัชทาน   คือการถวายเภสัช๕ ได ้แก่ เนยใส เนยข ้น น ้ามัน น ้าผึ้ง น ้าอ ้อ
ค. สลากภัต   คือภัตตาหารที่ทายกาถวายตามสลากทายิ

ง. ผ ้าวัสสิกสาฎก  คือผ ้าที่อธิษฐานส าหรับใช ้นุ่งในเวลาอาบน ้าฝน หรืออาบ
จ. ผ ้าอัจเจกจีวร  คือผ ้าจ าน าพรรษาที่ทายกรีบด่วนถวายก่อนวันออกพรรษา