วันเสาร์ที่ 10 กรกฎาคม พ.ศ. 2564

วิชาอนุพุทธประวัติ นักธรรมชั้นโท 2546

 วิชาอนุพุทธประวัติ นักธรรมชั้นโท 2546


ปัญหาและเฉลยวิชาอนุพุทธประวัติ  นักธรรมชั้นโท

สอบในสนามหลวง

พ.ศ. ๒๕๔๖


๑.

๑.๑

อนุพุทธองค์แรกสำเร็จเป็นพระภิกษุด้วยพระพุทธดำรัสว่าอย่างไร ?


๑.๒

อนุพุทธองค์นั้นได้เป็นพระโสดาบันและได้เป็นพระอรหันต์ เพราะได้ฟังพระธรรมเทศนาอะไร ?

๑.

๑.๑

ด้วยพระพุทธดำรัสว่า  “ ท่านจงเป็นภิกษุมาเถิด  ธรรมอันเรากล่าวดีแล้ว  ท่านจงประพฤติพรหมจรรย์ เพื่อทำที่สุดทุกข์โดยชอบเถิด ”  ฯ


๑.๒

ได้เป็นพระโสดาบัน เพราะได้ฟังธัมมจักกัปปวัตตนสูตร  และได้เป็น

พระอรหันต์ เพราะได้ฟังอนัตตลักขณสูตร ฯ

๒.

๒.๑

อนุปุพพีกถา คืออะไร ?  ทรงยกขึ้นแสดงด้วยพระพุทธประสงค์อย่างไร ?


๒.๒

พระสาวกผู้ได้ฟัง อนุปุพพีกถา ครั้งแรกคือใคร ?  ณ ที่ไหน ?

๒.

๒.๑

คือ ถ้อยคำที่กล่าวโดยลำดับ ฯ  ด้วยพระพุทธประสงค์เพื่อฟอกจิตกุลบุตรให้ห่างไกลจากความยินดีในกาม  ควรรับพระธรรมเทศนาให้เกิดธรรมจักษุ  เหมือนผ้าที่ปราศจากมลทิน ควรรับน้ำย้อมได้ ฉะนั้น ฯ


๒.๒

คือ ยสกุลบุตร ฯ   ณ ป่าอิสิปตนมฤคทายวัน ฯ

๓.

๓.๑

ชฎิล ๓ พี่น้อง ชื่ออะไรบ้าง ?  ใครได้รับยกย่องว่าเป็นผู้มีบริวารมาก ?


๓.๒

ท่านเหล่านั้นพร้อมบริวารได้บรรลุอรหัต เพราะฟังพระธรรมเทศนาอะไร ?

ใจความย่อว่าอย่างไร ?

๓.

๓.๑

ชื่อ อุรุเวลกัสสปะ  นทีกัสสปะ  และคยากัสสปะ ฯ  อุรุเวลกัสสปะ ฯ




๓.๒

เพราะฟังอาทิตตปริยายสูตร ฯ 

ใจความย่อว่า  อายตนะภายใน อายตนะภายนอก วิญญาณ  สัมผัส  และเวทนาที่เกิดแต่สัมผัส เป็นของร้อน  ร้อนเพราะไฟคือความกำหนัด ความโกรธ  ความหลง  และร้อนเพราะความเกิด ความแก่ ความตาย ความโศกร่ำไรรำพัน เจ็บกาย เสียใจ คับใจ ฯ

๔.

จงตอบคำถามเกี่ยวกับพระอนุรุทธเถระ ดังต่อไปนี้


๔.๑

      ก) ท่านเป็นโอรสของใคร ?

      ข) เกี่ยวเนื่องกับพระบรมศาสดาอย่างไร ?


๔.๒

      ก) ท่านออกบวชพร้อมกับใครบ้าง ?

      ข) ได้รับยกย่องจากพระบรมศาสดาอย่างไร ?

๔.

๔.๑

      ก) ของพระเจ้าศากยะพระนามว่า อมิโตทนะ พระมารดาไม่ปรากฏ

          พระนาม ฯ

      ข) เป็นพระโอรสของพระเจ้าอาของพระบรมศาสดา จึงนับเป็นพระอนุชา

          ของพระบรมศาสดา ฯ


๔.๒

      ก) พร้อมกับพระอุบาลี พระภัททิยะ พระภคุ พระกิมพิละ พระอานนท์  

          และพระเทวทัต ฯ

      ข) เป็นผู้เลิศในทางมีจักษุทิพย์ ฯ

๕.

๕.๑

พระสารีบุตรได้บรรลุอรหัตผลช้ากว่าบริวาร เพราะเหตุไร ?


๕.๒

พระโมคคัลลานะ นิพพานที่ไหน ?  อัฐิธาตุของท่านบรรจุไว้ที่ไหน ?

๕.

๕.๑

เพราะท่านเป็นผู้มีปัญญามาก ต้องใช้บริกรรมใหญ่ ซึ่งเปรียบด้วยการเสด็จไปข้างไหน ๆ แห่งพระราชา  ต้องตระเตรียมราชพาหนะและราชบริพารที่จำเป็น  จึงช้ากว่าการไปของคนสามัญ ฯ



๕.๒

นิพพานที่ตำบลกาฬสิลา แขวงมคธ ฯ  อัฐิธาตุของท่านบรรจุไว้ที่เจดีย์

ใกล้ซุ้มประตูแห่งเวฬุวนาราม ฯ

๖.

การศึกษาเป็นการพัฒนาชีวิตและสังคมให้ก้าวหน้าและก้าวไกล  จึงอยากทราบว่า


๖.๑

พระเถระองค์ใด ได้รับการยกย่องว่า  เป็นผู้ใฝ่ใจในการศึกษา ?


๖.๒

ท่านได้รับการยกย่องเช่นนั้น เพราะมีปฏิปทาอย่างไร ?

๖.

๖.๑

พระราหุลเถระ ฯ


๖.๒

มีปฏิปทาอย่างนี้คือ ท่านตื่นขึ้นแต่เช้าแล้วกอบเอาทรายมาเต็มกำมือแล้วปรารถนาว่า ขอให้เราได้รับโอวาทคำสั่งสอนแต่สำนักพระทศพลและพระอุปัชฌาย์อาจารย์เท่าเม็ดทรายในกำมือเถิด แล้วตั้งใจศึกษา ตั้งใจปฏิบัติอย่างจริงจัง  ด้วยปฏิปทาเช่นนี้แล จึงได้รับการยกย่องว่าเป็นผู้ใฝ่ใจในการศึกษา ฯ

๗.

๗.๑

พระอานนท์ได้บรรลุโสดาปัตติผลเพราะได้ฟังโอวาทจากใคร ?  และได้บรรลุอรหัตผลเมื่อไร ?


๗.๒

ท่านบรรลุอรหัตผลและนิพพาน ต่างจากพระสาวกองค์อื่นอย่างไร ?

๗.

๗.๑

จากพระปุณณมันตานีบุตร ฯ 

บรรลุอรหัตผลก่อนวันรุ่งขึ้นจะทำปฐมสังคายนา ฯ


๗.๒

การบรรลุอรหัตผลของท่านไม่ปรากฏว่าได้ในขณะยืน หรือเดิน หรือนั่ง หรือนอน ปรากฏว่าท่านได้ในระหว่างอิริยาบถ ๔ ท่านนิพพานบนอากาศ  กลางแม่น้ำโรหิณีแล้วอธิษฐานให้สรีระของท่านแยกเป็น ๒ ภาค  ให้ตกลงที่ฝั่งแม่น้ำฝั่งละภาค ฯ




ศาสนพิธี

๘.

๘.๑

ศาสนพิธีเล่ม ๒ แสดงอุโบสถกรรมไว้กี่ประเภท ?  อะไรบ้าง ?


๘.๒

แต่ละประเภทต่างกันอย่างไร ?

๘.

๘.๑

แสดงไว้ ๓ ประเภทคือ สังฆอุโบสถ ๑ ปาริสุทธิอุโบสถ ๑ อธิษฐานอุโบสถ ๑ ฯ


๘.๒

มีความแตกต่างกันดังนี้

      ๑) สังฆอุโบสถ คือ อุโบสถกรรมที่พระภิกษุตั้งแต่ ๔ รูปขึ้นไป

          ประชุมสวดพระปาฏิโมกข์

      ๒) ปาริสุทธิอุโบสถ คือ อุโบสถกรรมที่พระภิกษุน้อยกว่า ๔ รูป

          มีเพียง ๓ รูป หรือ ๒ รูป  ร่วมกันทำเป็นการคณะ ให้แต่ละรูป

          บอกความบริสุทธิ์ของตน ๆ

      ๓) อธิษฐานอุโบสถ คือ อุโบสถกรรมที่พระภิกษุรูปเดียวทำเป็นการ

          บุคคล ด้วยการอธิษฐานความบริสุทธิ์ใจของตนเอง ฯ

๙.

จงให้ความหมายของคำต่อไปนี้


๙.๑

การเข้าพรรษา


๙.๒

การออกพรรษา

๙.

๙.๑

การเข้าพรรษา หมายถึง การที่ภิกษุผูกใจว่า จะอยู่ประจำเสนาสนะในวัดใดวัดหนึ่งตลอดเวลา ๓ เดือนในฤดูฝน  ไม่ไปค้างแรมให้ล่วงราตรีในที่แห่งอื่น ระหว่างผูกใจนั้น  เว้นแต่ไปด้วยสัตตาหกรณียะ ฯ


๙.๒

การออกพรรษา หมายถึง กาลที่สิ้นสุดกำหนดอยู่จำพรรษาของภิกษุตามพระวินัยบัญญัติ  มีพิธีเป็นสังฆกรรมพิเศษโดยเฉพาะ  เรียกโดยภาษาพระวินัยว่า ปวารณากรรม คือการทำปวารณาของสงฆ์ผู้อยู่ร่วมกันตลอดเวลา ๓ เดือน ฯ

๑๐.

๑๐.๑

สามีจิกรรม หมายถึงอะไร ?  มีเท่าไร ?  อะไรบ้าง ?


๑๐.๒

การเทศน์ในปัจจุบันนิยมทำกันกี่ลักษณะ ?  อะไรบ้าง ?

๑๐.

๑๐.๑

หมายถึง การขอขมาโทษกันให้อภัยกัน ทุกโอกาสไม่ว่าจะมีโทษขัดข้องหมองใจกันหรือไม่ก็ตาม ถึงโอกาสที่ควรทำสามีจิกรรมกันแล้ว ทุกรูป

ไม่พึงละโอกาสเสีย ฯ   มี ๒ แบบ  คือ

      ๑) แบบขอขมาโทษ

      ๒) แบบถวายสักการะ ฯ


๑๐.๒

นิยมทำกัน ๔ ลักษณะ  คือ

      ๑) เทศน์ในงานทำบุญ

      ๒) เทศน์ตามกาลนิยม

      ๓) เทศน์พิเศษ

      ๔) เทศน์มหาชาติ ฯ

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น