แสดงบทความที่มีป้ายกำกับ วิชาวินัย นักธรรมชั้นโท แสดงบทความทั้งหมด
แสดงบทความที่มีป้ายกำกับ วิชาวินัย นักธรรมชั้นโท แสดงบทความทั้งหมด

วันจันทร์ที่ 12 กรกฎาคม พ.ศ. 2564

วิชาวินัย นักธรรมชั้นโท 2548

 วิชาวินัย นักธรรมชั้นโท 2548


ปัญหาและเฉลยวิชาวินัย  นักธรรมชั้นโท

สอบในสนามหลวง

วันจันทร์ ที่  ๒๑  พฤศจิกายน พ.ศ. ๒๕๔๘




   ๑.  ภิกษุผู้ละเมิดสิกขาบทนอกพระปาฏิโมกข์ต้องอาบัติอะไรได้บ้าง ?

   ๑.  ต้องอาบัติถุลลัจจัย และ ทุกกฏ ฯ

   ๒.  พระพุทธองค์ทรงอนุญาตให้ภิกษุไว้ผมได้ยาวที่สุดเท่าไร ?  ไว้ได้นานที่สุดเท่าไร ?

   ๒.  ไม่เกิน ๒ นิ้ว ฯ  ไม่เกิน ๒ เดือน ฯ

   ๓.  ภิกษุไม่ต้องนำผ้าไตรจีวรไปครบสำรับ มีพระพุทธานุญาตไว้ในกรณีใดบ้าง ?

   ๓.  ใน ๒ กรณี คือ

             ๑. ในกรณีเข้าบ้านมีพระพุทธานุญาตไว้อย่างนี้ คือ

                     ๑. คราวเจ็บไข้

                     ๒. สังเกตเห็นว่าฝนจะตก

                     ๓. ไปสู่ฝั่งแม่น้ำ

                     ๔. วิหารคือกุฎีคุ้มได้ด้วยดาล

                     ๕. ได้รับอานิสงส์พรรษา

                     ๖. ได้กรานกฐิน ฯ

             ๒. ในกรณีต้องไปค้างแรมที่อื่น มีพระพุทธานุญาตไว้อย่างนี้ คือ

                     ๑. ได้รับอานิสงส์พรรษา

                     ๒. ได้กรานกฐิน ฯ

   ๔.  ในพระวินัยส่วนอภิสมาจาร มีพระพุทธบัญญัติสำหรับพระภิกษุผู้รับถือเสนาสนะ

        ของสงฆ์ ควรเอาใจใส่รักษาเสนาสนะด้วยอาการอย่างไรบ้าง ?

   ๔.  ควรเอาใจใส่รักษาอย่างนี้ คือ

             ๑. อย่าทำเปรอะเปื้อน

             ๒. ชำระให้สะอาด

             ๓. ระวังไม่ให้ชำรุด

             ๔. รักษาเครื่องเสนาสนะ

             ๕. ตั้งน้ำฉันน้ำใช้ไว้ให้มีพร้อม

             ๖. ของใช้สำหรับเสนาสนะหนึ่ง อย่าเอาไปใช้ในที่อื่นให้กระจัดกระจาย ฯ

   ๕.  วัตร ๓ คืออะไรบ้าง ?  ภิกษุเหยียบผ้าขาวอันเขาลาดไว้ในที่นิมนต์ผิดวัตรข้อไหน ? 

        มีโทษให้เกิดความเสียหายอย่างไร ?

   ๕.  คือ กิจวัตร ๑  จริยาวัตร ๑  วิธิวัตร ๑ ฯ  ผิดวัตรข้อจริยาวัตร ฯ 

        มีโทษให้เกิดความเสียหาย คือเป็นการเสียมารยาทของพระ ไม่ระวังกิริยา ทำให้

        ผ้าขาวมีรอยเปื้อนสกปรกน่ารังเกียจ แม้ภิกษุพวกเดียวกันจะนั่งก็รังเกียจขยะแขยง 

        เป็นที่ตำหนิของบัณฑิตทั้งหลาย ฯ

   ๖.  ภิกษุพบพระเถระในเวลาเข้าบ้านหรือเดินอยู่ตามทาง ควรปฏิบัติอย่างไร ?

   ๖.  ไม่ควรไหว้ ควรหลีกทาง ลุกรับ และให้อาสนะแก่ท่าน ฯ

   ๗.  อเนสนา  คืออะไร ?  ภิกษุทำอเนสนา ต้องอาบัติอะไรได้บ้าง ?

   ๗.  คือ กิริยาที่แสวงหาเลี้ยงชีพในทางไม่สมควร ฯ  ปาราชิก สังฆาทิเสส ปาจิตตีย์

        และ ทุกกฏ ฯ


   ๘.  ความรู้ในการทำเสน่ห์ให้ชายหญิงรักกัน จัดเป็นดิรัจฉานวิชาเพราะเหตุไร ?

   ๘.  เพราะเป็นความรู้ที่ไม่เกี่ยวกับธรรมวินัยของภิกษุ และเป็นความรู้ที่ทำให้เขา

        สงสัยว่าลวง ทำให้เขาหลงงมงาย ไม่ใช่ความรู้จริง ผู้บอกเป็นผู้ลวง ฝ่ายผู้เรียน

        เป็นผู้หัดเพื่อลวง  หรือเป็นผู้หลงงมงาย ฯ

   ๙.  สภาคาบัติ คืออาบัติเช่นไร ?

   ๙.  คือ อาบัติที่ภิกษุต้องเหมือนกันเพราะล่วงละเมิดสิกขาบทเดียวกัน ฯ

๑๐.  การอธิษฐานเข้าพรรษา กับการปวารณาออกพรรษา ทั้ง ๒ นี้ อย่างไหนกำหนด

        ด้วยสงฆ์เท่าไร ?  และกำหนดเขตอย่างไร ?

๑๐.  การอธิษฐานเข้าพรรษาไม่เป็นสังฆกรรมจึงไม่กำหนดด้วยสงฆ์ แต่เป็น

        ธรรมเนียมปฏิบัติอธิษฐานเข้าพรรษาพร้อมๆ กัน จะอธิษฐานที่ไหนก็ได้ แต่ท่าน

        ห้ามไม่ให้จำพรรษาในที่ไม่สมควรเท่านั้น  เช่น ในโพรงไม้ บนค่าคบไม้ ในตุ่ม 

        หรือในกระท่อมผี  เป็นต้น ฯ  และให้กำหนดบริเวณอาวาสเป็นเขต ฯ

        ส่วนการปวารณาออกพรรษาเป็นสังฆกรรม กำหนดด้วยสงฆ์ตั้งแต่ ๕ รูปขึ้นไป ฯ

        และกำหนดให้ทำภายในเขตสีมา ถ้าต่ำกว่า ๕ รูป ท่านให้ปวารณาเป็นการคณะ

        ถ้ารูปเดียวให้อธิษฐานเป็นการบุคคล ฯ