ปัญหาวิชาวินัยบัญญัติ นักธรรมชันโท
สอบในสนามหลวง
วันอังจันทร์ที่๓๐พฤศจิกายนพุทธศักราช๒๕๕๘
๑. ภิกษุผู้ปฏิบัติพระวินัยส่วนอภิสมาจารให้ดีงาม จะต้องปฏิบัติอย่างไร ?
เฉลย ต ้องปฏิบัติโดยสายกลาง คือไม่ถือเคร่งครัดอย่างงมงาย จนเป็ นเหตุท าต
ล าบากเพราะเหตุธรรมเนียมเล็กๆ น้อยๆ อันขัดต่อกาลเทศะ และไม่สะเพร่ามั ง่าย ละเลยต่อธรรมเนียมของภิกษุ จนถึงท าตนให ้เป็นคนเลวทราม ฯ
๒. ภิกษุผู้ละเมิดสิกขาบทนอกพระปาติโมกข์ ต้องอาบัติอะไรได้บ้าง ? เฉลย ต ้องอาบัติถุลลัจจัย และ ทุกกฏ ฯ
๓. ผ้าสาหรับทาจีวรนุ่งห่มนั้น ทรงอนุญาตไว้กี่ชนิด ? อะไรบ้าง ? เฉลย ๖ ชนิด ฯ คือ
๑. โขมะ ผ ้าท าด ้วยเปลือกไม ้ ๒. กัปปาสิกะ ผ ้าท าด ้วยฝ้ าย ๓. โกเสยยะ ผ ้าท าด ้วยใยไหม
๔. กัมพละ ผ ้าท าด ้วยขนสัตว์ ยกเว ้นผมและขนมนุษย์
๕. สาณะ ผ ้าท าด ้วยเปลือกป่าน
๖. ภังคะ ผ ้าที่ท าด ้วยของ๕อย่างนั้น แต่อย่างใดอย่างหนึ่งปนกัน ฯ
๔. ในบาลีแสดงเหตุนิสสัยระงับจากอุปัชฌายะไว้๕ประการ มีอะไรบ้าง ?
เฉลย มีอุปัชฌายะหลีกไปเสีย๑ สึกเสีย๑ ตายเสีย๑ ไปเข ้ารีตเดียรถีย์เสีย๑ สั่งบังคับ๑ฯ
๕. ภิกษุผู้อาพาธควรปฏิบัติตนอย่างไร จึงไม่เป็ นภาระแก่ผู้พยาบาล ?
เฉลย ควรปฏิบัติตนให ้เป็นผู ้พยาบาลง่ายคือทาความสบายให ้แก่ตน(ไม่ฉันของแสลง)
รู ้จักประมาณในการบริโภค ฉันยาง่ายบอกอาการไข ้ตามเป็นจริงแก่ผู ้พยาบาล เป็นผู ้อดทนต่อทุกขเวทนา ฯ
๖. การลุกยืนขึ้นรับ เป็นกิจที่ผู้น้อยพึงทาแก่ผู้ใหญ่จะปฏิบัติอย่างไรจึงไม่ขัดต่อพระวินัย ? เฉลย นั่งอยู่ในส านักผู ้ใหญ่ ไม่ลุกรับผูนั่งเข้น้อยกว่าท่านถวในบ้าแ้าน เข ้าประชุมสงฆ์
ในอาราม ไม่ลุกรับท่านผู ้ใดผู ้หนึ่ง ฯ
๗. ธุระเป็ นเหตุไปด้วยสัตตาหกรณียะที่ท่านกล่าวไว้ในบาลี มีอะไรบ้าง ? เฉลย มี
๑.
สหธรรมิกหรือมารดาบิดาเจ็บไข ้
รู ้เข ้า ไปเพื่อรักษาพยาบาล
๒.
สหธรรมิกกระสันจะสึก
รู ้เข ้า
ไปเพื่อระงับ
๓.
มีกิจสงฆ์เกิดขึ้ น
เป็ นต ้นว่า วิหารช ารุดลงในเวลานั้นอหาเครื่องไปเพื่
ทัพพสัมภาระมาปฏิสังขรณ์
๔.
ทายกต ้องการจะบ าเพ็ญกุศล ส่งมานิมนต์ ไปเพื่อบ ารุงศรัทธาของเ
หรือแมธุระอื่นนอกจากนี้ ที่เป็นกิจลักษณะ อนุโลมตามนี้ ฯ
๘. บุพพกรณ์และบุพพกิจ ในการท าอุโบสถสวดปาติโมกข์ ต่างกันอย่างไร ?
เฉลย ต่างกันอย่างนี้ บุพพกรณ์เป็นกิจที่ภิกษุพึงท าก่อนแต่ประชุมสงฆ์ มีกวาดบริเ ที่ประชุมเป็ นต ้น ส่วนบุพพกิจเป็ นกิจที่ภิกษุ พึงท าก่อนแต่สวดป มีน าปาริสุทธิของภิกษุผู ้อาพาธมาเป็นต ้น ฯ
๙. อุปปถกิริยา คืออะไร ? มีกี่อย่าง ? อะไรบ้าง ?
เฉลย คือการท านอกรีตนอกรอยของสมณะ ฯ ๓มีอย่าง ฯ คืออนาจาร ได ้แก่ความ ประพฤติไม่ดีไม่งาม ปาปสมาจาร ได ้แก่ความประพฤติเลวทราม และอเนสนา ได ้แก่ความหาเลี้ยงชีพไม่สมควร ฯ
๑๐. มหาปเทส แปลว่าอะไร ? ทรงประทานไว้เพือประโยชน์อะไร่ ?
เฉลย แปลว่า ข ้อส าหรับอ ้างใหญ่ ฯ เพื่อเป็ นหลักแห่งการวินิจฉัยทั้งในทางธ ในทางวินัย ฯ
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น