วันพุธที่ 21 กรกฎาคม พ.ศ. 2564

วิชาพุทธานุพุทธประวัติ นักธรรมชั้นเอก 2561


ปัญหาและเฉลยวิชาพุทธานุพุทธประวัติ นักธรรมชั้นเอก
สอบในสนามหลวง
วันจันทร์ ๒๖ที่พฤศจิกายน พ.ศ. ๒๕๖๑



๑.                                  ศากยวงศ์สืบเชื้อสายมาจากใคร?ที่ได้นามว่าศากยะ เพราะเหตุไร?

ตอบ สืบเชื้อสายมาจากพระเจ้าโอกกากราช ฯ เพราะเหตุ๒ ประการ คือ

๑.            เพราะได้ชื่อตามชนบทที่ตั้งเมือง
๒. เพราะมีความกล้าหาญ สามารถตั้งเมืองได้เอง ฯ


๒.                                ที่สุดโต่งอันบรรพชิตไม่ควรเสพคืออะไรบ้าง?ที่สุดโต่งนั้น มีโทษอย่างไร?
ตอบ คือ ๑. กามสุขัลลิกานุโยค

๒.           อัตตกิลมถานุโยค ฯ มีโทษดังนี้ กามสุขัลลิกานุโยคการประกอบตนให้พัวพันด้วยสุขในกามคือ

เป็นธรรมอันเลว เป็นเหตุตั้งบ้านเรือน เป็นของคนมีกิเลสหนาไม่ใช่ของคนอริยะ คือผู้บริสุทธิ์อบด้วยประโยชน์ไม่ประก

อัตตกิลมถานุโยค คือการประกอบความเหน็ดเหนื่อยแก่ตนเปล่า ให้เกิดทุกข์ แก่ผู้ประกอบ ไม่ท าผู้ป ให้เป็นอริยะ ไม่ประกอบด้วยประโยชน์ ฯ

๓.                                ภัพพบุคคล คือบุคคลเช่นใด?ประเภทที่๑ ท่านเปรียบด้วยอะไร?

ตอบ   ภัพพบุคคลคือบุคคลผู้สามารถจะตรัสรู้ธรรมได้ ฯ อุคฆติตัญญู เปรียบด้วยดอกบัวพ้นน้ า เมื่อต้องแสงพระอา ก็จักบานในวันนั้น ฯ

๔.                                พระพุทธเจ้าทรงแสดงโอวาทปาฏิโมกข์ที่ไหน? มีใจความย่อว่าอย่างไร?
ตอบ ที่เวฬุวนาราม กรุงราชคฤห์ ฯ
ใจความย่อว่าไม่ท าบาปทั้งปวง ท ากุศลให้ถึงพร้อม ท าใจให้บร


๕.                               หลังจากพระพุทธเจ้าปรินิพพานแล้ว พระมหากัสสปะได้ท าก ที่ส าคัญแก่พระศาสนา?จงอธิบาย

ตอบ   ท่านได้ท ากิจที่ส าคัญ คือเป็นผู้ชักชวนภิกษุสงฆ์ ท กรองพระธรรมวินัย และเป็นประธานในการท าสังคายนานั้น อัน เป็นเหตุให้พระศาสนาตั้งมั่นถาวรสืบมาจนถึงปัจจุบัน ฯ

๖.                                ปัญหาว่า“โลกคือหมู่สัตว์ อันอะไรปิดบังไว้ จึงหลงดุจอยู” ดังนี้ใครเป็นผู้ถาม?ได้รับค าพยากรณ์ว่าอย่างไร?
ตอบ อชิตมาณพเป็นผู้ถาม ฯ
ได้รับการพยากรณ์ว่า โลกคือหมู่สัตว์อันอวิชชาคือความไม่รู้แจ้ง
ปิดบังไว้ จึงหลงอยู่ ในที่มืด ฯ

๗.                                                 พระภัททิยเถระ มักเปล่งอุทานเนืองๆ ว่า สุขหนอๆ ดังนี้
เพราะเหตุไร?

ตอบ   เพราะเมื่อก่อนท่านเป็นพระเจ้าแผ่นดิน ต้องจัดการรักษาป้ ทั้งในวังนอกวังทั้งในเมืองนอกเมือง จนตลอดทั่วอาณาเขต แม้มีคนคอยรักษาอย่างนี้แล้ว ยังต้องหวาดระแวงสะดุ้งกลัว เป็นนิตย์ ครั้นทรงออกบวชได้บรรลุอรหัตผลแล้ว แม้อยู่ในที่ไหนๆ ก็ไม่หวาดระแวง ไม่สะดุ้งกลัว ไม่ต้องขวนขวาย มีใจปลอดโปร่ เป็นอิสระแก่ตน จึงเปล่งอุทานเช่นนั้น ฯ


๘.                                ในครั้งปฐมสังคายนา พระสาวกองค์ใดรับหน้าที่วิสัชนาพระว? ท่านอุปสมบทพร้อมกับใครบ้าง?
ตอบ พระอุบาลีเถระ ฯ
อุปสมบทพร้อมกับเจ้าศากยะ๕พระองค์ คือ ภัททิยะ อนุรุทธะ
อานนท์ ภัคคุกิมพิละ กับเจ้าโกลิยะ๑องค์ คือเทวทัต ฯ

๙.                                  ภิกษุณีผู้มีชื่อต่อไปนี้ได้รับเอตทัคคะในทางไหน? ก. พระมหาปชาบดีโคตมีเถรี
ข. พระเขมาเถรี

ค.            พระอุบลวัณณาเถรี ง. พระปฏาจาราเถรี จ. พระธัมมทินนาเถรี
ตอบ ก. ได้รับเอตทัคคะในทางรัตตัญญู

ข.           ได้รับเอตทัคคะในทางมีปัญญา ค. ได้รับเอตทัคคะในทางมีฤทธิ์ ง. ได้รับเอตทัคคะในทางทรงวินัย จ. ได้รับเอตทัคคะในทางธรรมกถึก ฯ

๑๐.  สุภัททวุฑฒบรรพชิต กล่าวจาบจ้วงพระธรรมวินัยว่าอย่าง?
และท าให้เกิดเหตุการณ์อะไรในกาลต่อมา?
ตอบ ว่า“เราทั้งหลายพ้นดีแล้วจากพระสมณะนั้นบัดนี้ เราพอใจ

จะท าสิ่งใดก็ท ามิพอใจทหรือ าสิ่งใดก็ไม่ต้องท”ฯ า เป็นเหตุให้เกิดสังคายนาพระธรรมวินัยครั้งที่๑ฯ

ให้เวลา๓ ชั่วโมง






 

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น