วันพฤหัสบดีที่ 22 กรกฎาคม พ.ศ. 2564

วิชาพุทธานุพุทธประวัติ นักธรรมชั้นเอก 2551

ปัญหาและเฉลยวิชาพุทธานุพุทธประวัติ  นักธรรมชั้นเอก

สอบในสนามหลวง

วันอาทิตย์ ที่ ๒๓ พฤศจิกายน พ.ศ. ๒๕๕๑

๑.       พุทธประวัติ วิภาคที่ ๑ ปุริมกาล และวิภาคที่ ๓ อปรกาล ที่ทรงรจนาไว้แสดงถึงเรื่องอะไร ?

๑.       ปุริมกาล แสดงถึงเรื่องเป็นไปในกาลก่อนแต่บำเพ็ญพุทธกิจ

อปรกาล แสดงถึงเรื่องถวายพระเพลิงและแจกพระธาตุ ฯ

๒.       ในขณะเสวยวิมุตติสุขใต้ร่มไม้มหาโพธิ์  พระพุทธเจ้าทรงพิจารณา    ข้อธรรมอะไร ?   และธรรมนั้นมีใจความย่อว่าอย่างไร ?

๒.       ทรงพิจารณาปฏิจจสมุปบาท ฯ

          มีใจความย่อว่า  สภาวะอย่างหนึ่งเป็นผลเกิดแต่เหตุอย่างหนึ่งแล้ว  ซ้ำเป็นเหตุยังผลอย่างอื่นให้เกิดต่อไปอีก เหมือนลูกโซ่เกี่ยวคล้องกันเป็นสาย ฯ

๓.       อนุปุพพีกถาและสามุกกังสิกธรรม คืออะไร ?  พระพุทธเจ้าทรงแสดงแก่บุคคลผู้มีองคสมบัติอะไร ?

๓.       อนุปุพพีกถา  คือ ถ้อยคำที่กล่าวเรียงเรื่องเป็นลำดับไป คือ ทานกถา สีลกถา สัคคกถา กามาทีนวกถา เนกขัมมานิสังสกถา

สามุกกังสิกธรรม คือ ธรรมที่พระพุทธเจ้าทรงยกขึ้นแสดงเอง 

ได้แก่อริยสัจ ๔ ฯ

ผู้มีองคสมบัติ คือ

                    ๑. เป็นมนุษย์

                    ๒. เป็นคฤหัสถ์

                    ๓. มีอุปนิสัยแก่กล้า  ควรบรรลุโลกุตรคุณในที่นั้น ฯ

๔.       พระพุทธเจ้าเสด็จไปโปรดชฎิล ๓ พี่น้องพร้อมบริวาร โดยบังเอิญหรือโดยตั้งพระหฤทัยไว้ก่อน ?  มีหลักฐานสนับสนุนคำตอบนั้นอย่างไร ?

๔.       โดยตั้งพระหฤทัยไว้ก่อน ฯ   มีหลักฐานปรากฏว่า  ในครั้งที่ทรงส่งพระสาวก ๖๐ องค์แรกไปประกาศพระพุทธศาสนาในที่ต่าง ๆ  ทรงมีพระดำรัสว่า  “แม้เราก็จะไปยังตำบลอุรุเวลาเสนานิคม  เพื่อจะแสดงธรรม” ฯ

๕.       มีภาษิตอยู่บทหนึ่งว่า สัตบุรุษตั้งมั่นแล้วในสัจจะที่เป็นอรรถเป็นธรรม ดังนี้ ข้อนี้ มีปฏิปทาของพระสาวกรูปใด ที่ให้สัญญาต่อกันไว้แล้วปฏิบัติตามสัญญานั้น เป็นตัวอย่าง ?   จงเล่าเรื่องประกอบ

๕.       มีปฏิปทาของพระสารีบุตร เป็นตัวอย่าง ฯ เรื่องมีอยู่ว่า เมื่อครั้งที่ท่านและพระโมคคัลลานะยังไม่ได้อุปสมบท  เคยให้สัญญากันว่า ใครได้โมกขธรรมก่อน จะบอกแก่กัน ต่อมาท่านพระสารีบุตรได้ฟัง

อริยสัจจกถาแต่สำนักพระอัสสชิแล้ว ได้ดวงตาเห็นธรรม จึงนำข้อความนั้นไปบอกแก่พระโมคคัลลานะ จนได้บรรลุธรรมเช่นเดียวกัน ฯ 

๖.       พระเจ้าโกรัพยะตรัสถึงเหตุแห่งความเสื่อมที่จะให้คนออกบวชกะ     พระสาวกรูปใด ?  เหตุแห่งความเสื่อมนั้นได้แก่อะไรบ้าง ?

๖.       กะพระรัฏฐปาลเถระ ฯ  เหตุนั้นได้แก่ ๑. ความแก่ชรา ๒. ความเจ็บ  ๓. ความสิ้นโภคทรัพย์  ๔. ความสิ้นญาติ ฯ

๗.       ในวันที่พระมหาบุรุษประสูติ มีสหชาติที่เกิดพร้อมกันกี่อย่าง ?  

        อะไรบ้าง ?

๗.       มี ๗ อย่าง  คือ ๑. พระนางพิมพา  ๒. พระอานนท์  ๓. กาฬุทายีอมาตย์  ๔. ฉันนะอมาตย์  ๕. ม้ากัณฐกะ  ๖. ต้นมหาโพธิ์         ๗. ขุมทรัพย์ทั้ง ๔ ฯ

๘.       การทำสังคายนาครั้งที่ ๓  มีมูลเหตุจากอะไร ?   ใครเป็นผู้อุปถัมภ์ ?  

พระสงฆ์ผู้เข้าร่วมทำสังคายนามีจำนวนเท่าไร ?  ใครเป็นประธาน ?  

ใช้เวลานานเท่าไร ?

๘.       มีมูลเหตุจากพวกเดียรถีย์เป็นจำนวนมากปลอมบวชในพระพุทธศาสนา ฯ   พระเจ้าอโศกมหาราช ทรงเป็นผู้อุปถัมภ์ ฯ   มีจำนวน ๑,๐๐๐ รูป ฯ พระโมคคัลลีบุตรติสสเถระ เป็นประธาน ฯ   ใช้เวลา ๙ เดือน ฯ 

๙.       จงระบุชื่อพระสาวกผู้ที่บวชด้วยเหตุต่อไปนี้

          ก. บวชด้วยศรัทธา

          ข. บวชเพราะจำใจ

          ค. บวชตามเพื่อน

          ง. บวชเพราะเห็นโทษของการครองเรือน

๙.       ก. บวชด้วยศรัทธา  คือ พระรัฐปาลเถระ

          ข. บวชเพราะจำใจ คือ พระนันทเถระ

          ค. บวชตามเพื่อน  คือ พระวิมล พระสุพาหุ พระปุณณชิ พระควัมปติ

          ง. บวชเพราะเห็นโทษของการครองเรือน  คือ พระมหากัสสปเถระ ฯ

๑๐.     ถูปารหบุคคล ได้แก่บุคคลเช่นไร ?  มีใครบ้าง ?

๑๐.     ได้แก่ บุคคลผู้ควรแก่การบรรจุอัฐิธาตุไว้ในสถูปเพื่อสักการบูชาด้วยความเลื่อมใส ฯ  มี

๑.     พระตถาคตอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้า  ๒. พระปัจเจกสัมพุทธเจ้า

     ๓.  พระอรหันตสาวก                         ๔. พระเจ้าจักรพรรดิราช ฯ


***********

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น