วันเสาร์ที่ 10 กรกฎาคม พ.ศ. 2564

วิชาธรรม นักธรรมชั้นโท 2545

 วิชาธรรม นักธรรมชั้นโท 2545


ปัญหาและเฉลยวิชาธรรม นักธรรมชั้นโท

สอบในสนามหลวง

วันศุกร์ ที่  ๒๒  พฤศจิกายน พ.ศ. ๒๕๔๕

 ๑.    ๑.๑ ปฏิสันถาร คืออะไร ?  มีอะไรบ้าง ?

        ๑.๒ มีประโยชน์แก่ผู้ทำอย่างไรบ้าง ?

 ๑.    ๑.๑ คือการต้อนรับแขกผู้มาถึงถิ่น ฯ   มี ๒ อย่าง

                   ๑) อามิสปฏิสันถาร   ต้อนรับด้วยสิ่งของ

                   ๒) ธัมมปฏิสันถาร     ต้อนรับโดยธรรม ฯ

        ๑.๒ อย่างนี้ คือ

                   ๑) เป็นอุบายสร้างความสามัคคีและยึดเหนี่ยวน้ำใจกัน

                   ๒) เป็นการรักษาไมตรีจิตระหว่างกันและกันให้มั่นคงยิ่งขึ้น ฯ

 ๒.    ๒.๑ วิมุตติคืออะไร ?  วิมุตติ ๒ อย่าง มีอะไรบ้าง ?

        ๒.๒ วิมุตติ ๒ กับวิมุตติ ๕ จัดเป็นโลกิยะและโลกุตตระอย่างไร ?

 ๒.    ๒.๑ คือความหลุดพ้น  มี

                   ๑) เจโตวิมุตติ     ความหลุดพ้นด้วยอำนาจแห่งใจ

                   ๒) ปัญญาวิมุตติ  ความหลุดพ้นด้วยอำนาจแห่งปัญญา ฯ

        ๒.๒ วิมุตติ ๒ เป็นโลกุตตระอย่างเดียว  

             ส่วนวิมุตติ ๕ เป็นได้ทั้งโลกิยะและโลกุตตระ ฯ

 ๓.    ๓.๑ ความเห็นว่า "ถึงคราวเคราะห์ดีก็ดีเอง ถึงคราวเคราะห์ร้ายก็ร้ายเอง" อย่างนี้

             เป็นทิฏฐิอะไร ?  จงอธิบาย

        ๓.๒ คติทางพระพุทธศาสนาต่างจากความเห็นนี้อย่างไร ?

 ๓.    ๓.๑  เป็นอเหตุกทิฏฐิ คือเห็นว่า สิ่งทั้งหลายไม่มีเหตุปัจจัย คนเราจะได้ดีหรือได้ร้าย

             ตามคราวเคราะห์ ถึงคราวจะดีก็ดีเอง ถึงคราวจะร้ายก็ร้ายเอง ไม่มีเหตุปัจจัยอื่น ฯ

        ๓.๒ พระพุทธศาสนาถือว่าสังขตธรรมทั้งปวงเกิดแต่เหตุ ฯ

 ๔.    ๔.๑ อาหารของสัตว์นรก และเปรต คืออะไร ?

        ๔.๒ คนจำพวกไหนเปรียบเหมือนอสุรกาย ในอบาย ๔ ?

 ๔.    ๔.๑ อาหารของสัตว์นรกคือกรรม  ส่วนของเปรตคือกรรมและผลทานที่ญาติมิตร

             ทำบุญอุทิศให้ ฯ

        ๔.๒ คนลอบทำโจรกรรม หลอกลวงฉกชิงเอาทรัพย์ของผู้อื่น เปรียบเหมือนอสุรกาย ฯ

 ๕.    ๕.๑ กุลมัจฉริยะ ตระหนี่ตระกูล คืออย่างไร ?

        ๕.๒  ครูสอนศิษย์  ปิดบังอำพรางความรู้  ไม่บอกให้สิ้นเชิง จัดเข้าในมัจฉริยะข้อไหน ?

 ๕.    ๕.๑ คือหวงแหนตระกูลไม่ยอมให้ตระกูลอื่นมาเกี่ยวดองด้วย    ถ้าเป็นบรรพชิตก็

             หวงอุปัฏฐาก  ไม่พอใจให้ไปบำรุงภิกษุอื่น ฯ

        ๕.๒ ธัมมมัจฉริยะ

 ๖.    ๖.๑ ญาณ ๓ ที่เป็นไปในจตุราริยสัจ  มีอะไรบ้าง ?

        ๖.๒ ญาณ ๓ ที่เป็นไปในทุกขสมุทัยมีอธิบายอย่างไร ?

 ๖.    ๖.๑ ๑) สัจจญาณ  ปรีชาหยั่งรู้อริยสัจ

             ๒) กิจจญาณ  ปรีชาหยั่งรู้กิจอันควรทำ

             ๓) กตญาณ  ปรีชาหยั่งรู้กิจอันทำแล้ว ฯ

        ๖.๒ ๑) ปรีชาหยั่งรู้ว่า นี้ทุกขสมุทัย  จัดเป็นสัจจญาณ

             ๒) ปรีชาหยั่งรู้ว่า ทุกขสมุทัย เป็นสภาพที่ควรละเสีย  จัดเป็นกิจจญาณ

             ๓) ปรีชาหยั่งรู้ว่า ทุกขสมุทัยที่ควรละๆ ได้แล้ว  จัดเป็นกตญาณ ฯ


 ๗.    ๗.๑ วิญญาณฐิติต่างจากสัตตาวาสอย่างไร ?

        ๗.๒ สัญญาเวทยิตนิโรธกับนิโรธสมาบัติต่างกันหรือเหมือนกัน ?

 ๗.    ๗.๑ ต่างกันอย่างนี้  ภูมิเป็นที่ตั้งแห่งวิญญาณเรียกว่า วิญญาณฐิติ 

             ภพเป็นที่อยู่แห่งสัตว์ เรียกว่า สัตตาวาส ฯ

        ๗.๒ ต่างกันโดยพยัญชนะ  โดยอรรถเป็นอย่างเดียวกัน  คือท่านผู้เข้าถึงสมาบัติ

             ชนิดนี้แล้วย่อมไม่มีสัญญาและเวทนา ฯ

 ๘.    ๘.๑ ในพระพุทธคุณ บทว่า อรหํ ที่แปลว่า เป็นผู้หักกำแห่งสังสารจักรนั้น กำแห่ง

             สังสารจักร ได้แก่อะไร ?

        ๘.๒ พระพุทธคุณต่อไปนี้มีคำแปลว่าอย่างไร ?

                   ก) สุคโต

                   ข) อนุตฺตโร ปุริสทมฺมสารถิ

 ๘.    ๘.๑ ได้แก่อวิชชา  ตัณหา  อุปาทานและกรรม ฯ

        ๘.๒      ก)  เป็นผู้เสด็จไปดีแล้ว

                   ข) เป็นสารถีแห่งบุรุษพึงฝึกได้ ไม่มีบุรุษอื่นยิ่งไปกว่า ฯ

 ๙.    ๙.๑ ในกรรม ๑๒  กรรมที่ให้ผลตามลำดับ ได้แก่กรรมอะไรบ้าง ?

        ๙.๒ อุปฆาตกกรรม มีอธิบายอย่างไร ?

 ๙.    ๙.๑ ได้แก่

                   ๑) ครุกรรม        กรรมหนัก

                   ๒) พหุลกรรม หรือ อาจิณณกรรม  กรรมชิน

                   ๓) อาสันนกรรม   กรรมเมื่อจวนเจียน

                   ๔) กตัตตากรรม   กรรมสักว่าทำ ฯ

        ๙.๒ อุปฆาตกกรรมเป็นกรรมที่แรง ซึ่งตรงกันข้ามกับชนกกรรม และอุปัตถัมภกกรรม

             เข้าตัดรอนการให้ผลของกรรมสองอย่างนั้นให้ขาดไปเสียทีเดียว เช่น เกิดใน

             ตระกูลสูงมั่งคั่ง แต่อายุสั้น เป็นต้น ฯ

๑๐. ๑๐.๑ ในธุดงค์ ๑๓ นั้น ธุดงค์ที่ถือได้เฉพาะกาลมีอะไรบ้าง ?

      ๑๐.๒ การถือธุดงค์ ย่อมสำเร็จด้วยอาการอย่างไร ?

๑๐. ๑๐.๑       ๑) รุกขมูลิกังคะ     ถืออยู่โคนไม้เป็นวัตร

                   ๒) อัพโภกาสิกังคะ ถืออยู่ในที่แจ้งๆ เป็นวัตร ฯ

      ๑๐.๒ สำเร็จด้วยการสมาทาน คือด้วยอธิษฐานใจหรือแม้ด้วยเปล่งวาจา ฯ

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น