วันเสาร์ที่ 10 กรกฎาคม พ.ศ. 2564

ปัญหาและเฉลยวิชาธรรม นักธรรมชั้นโท 2544

 ปัญหาและเฉลยวิชาธรรม นักธรรมชั้นโท 2544


ปัญหาและเฉลยวิชาธรรม  นักธรรมชั้นโท

สอบในสนามหลวง

วันเสาร์ ที่  ๓  พฤศจิกายน  พ.ศ. ๒๕๔๔

๑.

๑.๑

กาม  และกามคุณ  มีอธิบายอย่างไร ?


๑.๒

รูป เสียง กลิ่น รส โผฏฐัพพะ ทั้ง ๕ นี้ เพราะเหตุไรจึงเรียกว่า กามคุณ ?

๑.

๑.๑

กาม ได้แก่ ความใคร่ ความน่าปรารถนา ความพอใจ แบ่งเป็น

กิเลสกาม  และวัตถุกาม

ส่วนกามคุณ ได้แก่อารมณ์ที่น่าปรารถนา น่าใคร่ น่าพอใจ มี รูป  เสียง กลิ่น รส โผฏฐัพพะ  ซึ่งเป็นวัตถุกามนั่นเอง


๑.๒

เพราะเป็นกลุ่มแห่งกาม  และเป็นสิ่งที่ให้เกิดความสุข  ความพอใจได้

๒.

๒.๑

คำว่า  อธิปเตยยะ  แปลว่าอะไร ?  มีอะไรบ้าง ?


๒.๒

บุคคลผู้ถือความถูกต้องเป็นใหญ่ ทำด้วยอำนาจเมตตา กรุณา เป็นต้น

จัดเข้าในอธิปเตยยะข้อไหนได้หรือไม่ ?

๒.

๒.๑

แปลว่า  ความเป็นใหญ่  มี  ๓  คือ 

           ๑) อัตตาธิปเตยยะ  ความมีตนเป็นใหญ่

           ๒) โลกาธิปเตยยะ  ความมีโลกเป็นใหญ่

           ๓) ธัมมาธิปเตยยะ  ความมีธรรมเป็นใหญ่


๒.๒

จัดเข้าในธัมมาธิปเตยยะได้

๓.

๓.๑

ปาฏิหาริย์คืออะไร ? พระพุทธเจ้าทรงยกย่องปาฏิหาริย์อะไรว่าเป็นอัศจรรย์ยิ่งกว่าปาฏิหาริย์อื่น ?


๓.๒

พุทธจริยา  และพุทธิจริต  ต่างกันอย่างไร ?

๓.

๓.๑

คือ การกระทำที่ให้บังเกิดผลเป็นอัศจรรย์ ทรงยกย่องอนุสาสนีปาฏิหาริย์ว่าเป็นอัศจรรย์ยิ่งกว่าปาฏิหาริย์อื่น


๓.๒

พุทธจริยา  คือพระจริยาของพระพุทธเจ้า

พุทธิจริต  คือผู้มีความรู้เป็นปกติ

๔.

๔.๑

กาม ภพ ทิฏฐิ อวิชชา เพราะเหตุไรจึงเรียกว่า โอฆะ โยคะ อาสวะ ?


๔.๒

กิจในอริยสัจแต่ละอย่างนั้นมีอะไรบ้าง ?

๔.

๔.๑

เรียกว่า  โอฆะ  เพราะเป็นดุจกระแสน้ำอันท่วมใจสัตว์

เรียกว่า  โยคะ  เพราะประกอบสัตว์ไว้ในภพ

เรียกว่า  อาสวะ  เพราะเป็นสภาพหมักหมมอยู่ในสันดาน


๔.๒

มี  ๔  คือ

           ๑) ปริญญา  กำหนดรู้ทุกขสัจ

           ๒) ปหานะ  ละสมุทัยสัจ

           ๓) สัจฉิกรณะ  ทำให้แจ้งนิโรธสัจ

           ๔) ภาวนา  ทำมัคคสัจให้เกิด

๕.

๕.๑

กรรมฝ่ายอกุศลจัดเป็นมารอะไรในมาร ๕  ?  เพราะเหตุไรจึงได้ชื่อว่ามาร ?


๕.๒

สุทธาวาสมีกี่ชั้น ?  อะไรบ้าง ?  เป็นที่เกิดของใคร ?

๕.

๕.๑

จัดเป็นอภิสังขารมาร,  ที่ได้ชื่อว่ามารเพราะทำให้เป็นผู้ทุรพล


๕.๒

มี  ๕  ชั้นคือ

           ๑) อวิหา

           ๒) อตัปปา

           ๓) สุทัสสา

           ๔) สุทัสสี

           ๕) อกนิฏฐา

         เป็นที่เกิดของพระอนาคามี

๖.

๖.๑

อัญญสัตถุทเทสคืออะไร ?  หมายถึงผู้ประพฤติเช่นไร ?


๖.๒

อัญญสัตถุทเทสต่างจากสังฆเภทอย่างไร ?

๖.

๖.๑

คือถือศาสดาอื่น  หมายถึงภิกษุผู้ไปเข้ารีตเดียรถีย์ คือหันเหไปนับถือศาสนาอื่นทั้งที่ยังถือเพศบรรพชิตอยู่  ต้องห้ามมิให้อุปสมบทอีก


๖.๒

ต่างกัน คืออัญญสัตถุทเทสนั้น ละทิ้งศาสนาเดิมของตน เปลี่ยนไปนับถือศาสนาอื่น  แต่ไม่ทำลายพวกเดิมของตน

ส่วนสังฆเภทนั้น ยังอยู่ในศาสนาเดิมของตน  แต่ทำลายพวกตนเองให้แตกแยกเป็นพรรคเป็นพวก

๗.

๗.๑

อะไรเรียกว่า  อนุสัย ?  เพราะเหตุไรจึงได้ชื่อเช่นนั้น ?


๗.๒

การจ้องตาต่อตากับหญิงสาวแล้วชื่นใจ จัดเป็นเมถุนสังโยคได้หรือไม่ ? เพราะเหตุไร ?

๗.

๗.๑

กิเลสที่นอนเนื่องอยู่ในสันดาน เรียกว่าอนุสัย  เพราะกิเลสทั้ง ๗  อย่างล้วนเป็นกิเลสอย่างละเอียดที่นอนเนื่องอยู่ในสันดาน บางทีไม่แสดงอาการที่แท้จริงออกมาให้ปรากฏ ต่อเมื่อมีอารมณ์ภายนอกอย่างใดอย่างหนึ่งมายั่วยวน ก็แสดงออกมาให้ปรากฏและทำจิตให้ขุ่นมัว  เมื่อไม่มีอารมณ์มายั่วยวน ก็นอนสงบนิ่งอยู่ประหนึ่งว่าเป็นผู้ไม่มีกิเลส  เป็นอยู่เช่นนี้  จึงได้ชื่อว่าอนุสัย


๗.๒

ได้  เพราะอาการเช่นนั้นอิงอาศัยกาม

๘.

๘.๑

พระพุทธคุณ  บทว่า  อรหํ  แปลว่าอย่างไรได้บ้าง ?


๘.๒

พระสงฆ์ดีอย่างไร  จึงจัดว่าเป็นนาบุญของโลก ?

๘.

๘.๑

แปลว่า    เป็นผู้เว้นไกลจากกิเลสและบาปธรรม 

           เป็นผู้หักกำแห่งสังสารจักร

           เป็นผู้ควรแนะนำสั่งสอนเขา 

           เป็นผู้ควรรับความเคารพนับถือของเขา

           เป็นผู้ไม่มีข้อลับ ไม่ได้ทำความเสียหายอันจะพึงซ่อนเพื่อ

           มิให้คนอื่นรู้


๘.๒

พระสงฆ์เป็นผู้บริสุทธิ์  ทักขิณาที่บริจาคแก่ท่าน ย่อมมีผลานิสงส์

ดุจนาที่มีดินดีและไถดี พืชที่หว่านที่ปลูกลงย่อมเผล็ดผลไพบูลย์ จึง

ชื่อว่านาบุญของโลก

๙.

๙.๑

กรรมหมายถึงการกระทำเช่นไร ?


๙.๒

ทิฏฐธรรมเวทนียกรรม  และอุปปัชชเวทนียกรรม  คือกรรมเช่นไร ?

๙.

๙.๑

หมายถึงการกระทำทางกาย วาจา ใจ ที่มีเจตนาจงใจทำ เป็นได้

ทั้งฝ่ายดี  ฝ่ายชั่วหรือเป็นกลาง ๆ


๙.๒

ทิฏฐธรรมเวทนียกรรม  คือกรรมให้ผลในภพปัจจุบัน

อุปปัชชเวทนียกรรม  คือกรรมให้ผลในภพที่จะเกิดถัดไป

๑๐.

๑๐.๑

สัทธรรมในจรณะ ๑๕ คืออะไรบ้าง ?


๑๐.๒

พาหุสัจจะ  ความเป็นผู้ได้ฟังมาก  หมายถึงฟังอะไร ?  ประกอบด้วยองค์เท่าไร ?  อะไรบ้าง ?

๑๐.

๑๐.๑

คือ        สัทธา  ความเชื่อ

          หิริ  ความละอายแก่ใจ

           โอตตัปปะ  ความเกรงกลัวผิด

           พาหุสัจจะ  ความเป็นผู้ได้ฟังมาก

           วิริยะ  ความเพียร

           สติ  ความระลึกได้

           ปัญญา  ความรอบรู้


๑๐.๒

หมายถึงฟังธรรม ซึ่งไพเราะในเบื้องต้น ไพเราะในท่ามกลาง ไพเราะในที่สุด ประกอบด้วยอรรถ ด้วยพยัญชนะ ประกาศพรหมจรรย์บริสุทธิ์บริบูรณ์สิ้นเชิง ประกอบด้วยองค์  ๕  คือ

          ๑) พหุสฺสุตา  ได้ยินได้ฟังมาก

           ๒) ธตา  ทรงจำได้

           ๓) วจสา  ปริจิตา  ท่องไว้ด้วยวาจา

           ๔) มนสานุเปกฺขิตา  เอาใจจดจ่อ

           ๕) ทิฏฺฐิยา  สุปฏิวิทฺธา  ขบด้วยทิฏฐิ

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น