วันศุกร์ที่ 23 กรกฎาคม พ.ศ. 2564

วิชาวินัยบัญญัติ นักธรรมชั้นเอก 2544

ปัญหาและเฉลยวิชาวินัยบัญญัติ  นักธรรมชั้นเอก

สอบในสนามหลวง

วันจันทร์ ที่  ๕  พฤศจิกายน  พ.ศ. ๒๕๔๔

๑.

๑.๑

อปโลกนกรรมมีกี่อย่าง ?  อะไรบ้าง ?


๑.๒

สงฆ์ผู้ทำสังฆกรรม  มีกำหนดจำนวนไว้อย่างไร ?

๑.

๑.๑

มี  ๕  อย่างคือ

๑) นิสสารณา  นาสนะสามเณรผู้กล่าวตู่พระผู้มีพระภาคเจ้า

๒) โอสารณา รับสามเณรผู้ถูกนาสนะแล้วกลับประพฤติเรียบร้อย ให้เข้าหมู่

           ๓) ภัณฑูกรรม บอกขออนุญาตปลงผมคนผู้จะบวชอันภิกษุจะทำเอง

           ๔) พรหมทัณฑ์  ประกาศไม่ว่ากล่าวภิกษุหัวดื้อว่ายาก

           ๕) กัมมลักขณะ  อปโลกน์แจกอาหารในโรงฉันเป็นต้น


๑.๒

มีกำหนดจำนวนไว้ดังนี้

           จตุวรรค  สงฆ์มีจำนวน  ๔  รูป

           ปัญจวรรค  สงฆ์มีจำนวน  ๕  รูป

           ทสวรรค  สงฆ์มีจำนวน  ๑๐  รูป

           วีสติวรรค  สงฆ์มีจำนวน  ๒๐  รูป

๒.

๒.๑

วัตถุที่ใช้เป็นนิมิตกำหนดเขตสีมามีกี่อย่าง ?  อะไรบ้าง ?


๒.๒

ปัจจุบันนิยมใช้วัตถุอะไรเป็นนิมิต ? และวัตถุที่จะใช้เป็นนิมิตนั้นได้มีกำหนดไว้อย่างไร ?

๒.

๒.๑

มี  ๘  อย่างคือ

           ๑) ภูเขา 

           ๒) ศิลา        

           ๓) ป่าไม้         

           ๔) ต้นไม้

           ๕) จอมปลวก     

           ๖) หนทาง               

           ๗) แม่น้ำ                  

           ๘) น้ำ


๒.๒

ใช้ศิลาเป็นนิมิต มีกำหนดไว้ดังนี้

           ๑) เป็นศิลาหินแท้  หินปนแร่  ใช้ได้ทั้งหมด

           ๒) เป็นศิลามีก้อนโตไม่ถึงตัวช้าง  ขนาดเท่าศีรษะโคหรือ

               กระบือเขื่อง ๆ

           ๓) เป็นศิลาแท่งเดียว

           ๔) อย่างเล็กขนาดเท่าก้อนน้ำอ้อยหนัก ๓๒ ปะละ ราว ๕ ชั่ง 

               ก็ใช้ได้

๓.

๓.๑

สมานสังวาสสีมา  และติจีวราวิปปวาสสีมา  ได้แก่สีมาเช่นไร ?


๓.๒

ในการถอน  และสมมติ  สีมาทั้ง  ๒ นี้  มีวิธีปฏิบัติก่อนหลังอย่างไร ?

๓.

๓.๑

สีมาที่ทรงพระอนุญาตให้สงฆ์สมมติเป็นแดนมีสังวาสเสมอกัน  ภิกษุ

ผู้อยู่ในเขตนี้มีสิทธิในอันจะเข้าอุโบสถ ปวารณา และสังฆกรรมร่วมกัน

เรียกว่าสมานสังวาสสีมา  สมานสังวาสสีมานี้  ทรงพระอนุญาต

ให้สมมติติจีวราวิปปวาส  ซ้ำลงได้อีก  เว้นบ้าน  และอุปจารบ้าน

อันตั้งอยู่ในสีมานั้น  เมื่อได้สมมติอย่างนี้แล้ว  แม้ภิกษุอยู่ห่างจาก

ไตรจีวรในสีมานั้น  ก็ไม่เป็นอันอยู่ปราศ  เรียกว่าติจีวราวิปปวาสสีมา



๓.๒

ในการถอน ให้ถอนติจีวราวิปปวาสสีมาก่อน ถอนสมานสังวาสสีมาภายหลังในการสมมติ  ให้สมมติสมานสังวาสสีมาก่อน สมมติติจีวราวิปปวาสสีมาภายหลัง

๔.

๔.๑

ภิกษุผู้ควรได้รับสมมติให้เป็นภัตตุทเทสกะ ต้องประกอบด้วยคุณสมบัติเช่นไร ?


๔.๒

ภัตรที่ควรแจกเฉพาะมีกี่อย่าง ?  อะไรบ้าง ?

๔.

๔.๑

ต้องประกอบด้วยคุณสมบัติดังนี้คือ

           ๑) เว้นอคติ  ๔  คือฉันทาคติ  โทสาคติ  โมหาคติ  ภยาคติ

           ๒) รู้จักภัตรที่ควรแจกหรือมิควรแจก

           ๓) รู้จักลำดับที่พึงแจก


๔.๒

มี  ๕  อย่างคือ

           ๑) อาคันตุกภัตร  อาหารที่เขาถวายเฉพาะภิกษุอาคันตุกะ

           ๒) คมิยภัตร  อาหารที่เขาถวายเฉพาะภิกษุผู้จะไปอยู่ที่อื่น

           ๓) คิลานภัตร  อาหารที่เขาถวายเฉพาะภิกษุอาพาธ

           ๔) คิลานุปัฏฐากภัตร  อาหารที่เขาถวายเฉพาะภิกษุผู้พยาบาลไข้

           ๕) กุฏิภัตร  อาหารที่เขาถวายแก่ภิกษุผู้อยู่ในกุฏิที่เขาสร้าง

๕.

๕.๑

อภัพบุคคลในอุปสมบทกรรมได้แก่บุคคลเช่นไร ?  โดยวัตถุมีกี่อย่าง ?  อะไรบ้าง ?


๕.๒

ปัจฉิมกิจแห่งการอุปสมบทมีอะไรบ้าง ?  ตอบเพียง ๒ ข้อ

๕.

๕.๑

ได้แก่บุคคลที่ไม่สมควรแก่การอุปสมบท อุปสมบทไม่ขึ้น ถูกห้ามอุปสมบทตลอดชีวิต  โดยวัตถุมี  ๓  คือ

           ๑) พวกที่มีเพศบกพร่อง  ไม่รู้ว่าเป็นชายหรือเป็นหญิง

           ๒) พวกประพฤติผิดพระธรรมวินัย เช่น ฆ่าพระอรหันต์ เป็นต้น

           ๓) พวกประพฤติผิดต่อกำเนิดของตน  คือฆ่ามารดาบิดา


๕.๒

มี  ๖  ข้อ  (ตอบเพียง ๒ ข้อ) คือ

           ๑) วัดเงาแดดในทันที                          

           ๒) บอกประมาณแห่งฤดู

           ๓) บอกส่วนแห่งวัน                           

           ๔) บอกสังคีติ

           ๕) บอกนิสสัย  ๔                   

           ๖) บอกอกรณียกิจ  ๔

๖.

๖.๑

วิวาทาธิกรณ์คืออะไร ?


๖.๒

วิวาทาธิกรณ์นั้น  ระงับด้วยอธิกรณสมถะกี่อย่าง ?  อะไรบ้าง ?

๖.

๖.๑

คืออธิกรณ์ที่เกิดจากการทะเลาะกัน โต้เถียงกัน โดยปรารภพระธรรมวินัย        


๖.๒

ด้วยอธิกรณสมถะ  ๒  อย่างคือ

           ๑) สัมมุขาวินัย 

           ๒) เยภุยยสิกา 

๗.

๗.๑

วุฏฐานวิธี  แปลว่าอะไร ?  ประกอบด้วยอะไรบ้าง ?


๗.๒

ในการทำวุฏฐานวิธีแต่ละอย่างนั้น  ต้องการสงฆ์จำนวนเท่าไร ?

๗.

๗.๑

แปลว่าระเบียบเป็นเครื่องออกจากอาบัติ ประกอบด้วย ปริวาส มานัต  ปฏิกัสสนา  และอัพภาน


๗.๒

การให้ปริวาส  ให้มานัต  และทำปฏิกัสสนาต้องการสงฆ์จตุวรรค 

การให้อัพภาน  ต้องการสงฆ์วีสติวรรค

พระราชบัญญัติคณะสงฆ์  พ.ศ. ๒๕๐๕, (ฉบับที่ ๒)  พ.ศ. ๒๕๓๕

๘.

๘.๑

ตามมาตรา ๑๒  แห่งพระราชบัญญัติคณะสงฆ์  กำหนดองค์ประกอบของมหาเถรสมาคมไว้อย่างไร ?


๘.๒

มหาเถรสมาคมมีอำนาจหน้าที่อย่างไร ?  ตอบเพียง ๒ ข้อ

๘.

๘.๑

กำหนดไว้ดังนี้

           สมเด็จพระสังฆราช ทรงดำรงตำแหน่งประธานกรรมการโดยตำแหน่ง

           สมเด็จพระราชาคณะทุกรูป  เป็นกรรมการโดยตำแหน่ง  และ

           พระราชาคณะซึ่งสมเด็จพระสังฆราชทรงแต่งตั้ง มีจำนวน

ไม่เกิน  ๑๒  รูป  เป็นกรรมการ


๘.๒

มีอำนาจหน้าที่อย่างนี้   (ตอบเพียง  ๒  ข้อ)    

           ๑) ปกครองคณะสงฆ์ให้เป็นไปโดยเรียบร้อยดีงาม

           ๒) ปกครองและกำหนดการบรรพชาสามเณร

           ๓) ควบคุมและส่งเสริมการศาสนศึกษา  การศึกษาสงเคราะห์

             การสาธารณูปการ และการสาธารณสงเคราะห์ของคณะสงฆ์

          ๔) รักษาหลักพระธรรมวินัยของพระพุทธศาสนา

           ๕) ปฏิบัติหน้าที่อื่นๆ ตามที่บัญญัติไว้ในพระราชบัญญัตินี้หรือ

               กฎหมายอื่น

๙.

๙.๑

ตามมาตรา ๒๑  แห่งพระราชบัญญัติคณะสงฆ์  ให้จัดแบ่งเขตปกครองคณะสงฆ์ส่วนภูมิภาคไว้อย่างไร ?


๙.๒

พระภิกษุจะต้องรับนิคหกรรมเมื่อทำผิดเช่นไร ? และได้รับนิคหกรรม

ให้สึก  ต้องสึกภายในเวลาเท่าไร ?

๙.

๙.๑

แบ่งดังนี้คือ     ๑) ภาค

                ๒) จังหวัด

                ๓) อำเภอ

                ๔) ตำบล

           ส่วนจำนวนและเขตปกครองดังกล่าวให้เป็นไปตามที่กำหนดในกฎมหาเถรสมาคม


๙.๒

เมื่อกระทำการล่วงละเมิดพระธรรมวินัย  และนิคหกรรมที่จะลงโทษ

แก่ภิกษุจะต้องเป็นนิคหกรรมตามพระธรรมวินัย

ต้องสึกภายใน ๒๔  ชั่วโมง  นับแต่เวลาที่ได้ทราบคำวินิจฉัยนั้น

๑๐.

๑๐.๑

พระภิกษุจะไม่สังกัดอยู่ในวัดใดวัดหนึ่งเลยได้หรือไม่ อ้างมาตราประกอบด้วย ?


๑๐.๒

เจ้าพนักงาน ตามความในประมวลกฎหมายอาญา ในพระราชบัญญัติคณะสงฆ์  ได้แก่ใคร ?

๑๐.

๑๐.๑

ไม่ได้,  ตามมาตรา  ๒๗ (๓)  แห่งพระราชบัญญัติคณะสงฆ์  ๒๕๐๕, 

(ฉบับที่ ๒) พ.ศ. ๒๕๓๕


๑๐.๒

ได้แก่พระภิกษุซึ่งได้รับแต่งตั้งให้ดำรงตำแหน่งในการปกครองคณะสงฆ์  และไวยาวัจกร เป็นเจ้าพนักงานตามความในประมวลกฎหมายอาญา (มาตรา  ๔๕)


ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น