ปัญหาและเฉลยวิชาพุทธประวัติ นักธรรมชั้นตรี
สอบในสนามหลวง
พ.ศ. ๒๕๔๗
๑. พระพุทธเจ้าสืบเชื้อสายมาจากชนชาติใด ? ชนชาตินั้นมาตั้งถิ่นฐานในชมพูทวีปได้
อย่างไร ?
๑. สืบเชื้อสายมาจากชนชาติอริยกะ ชาวอริยกะนั้นเป็นผู้เจริญด้วยความรู้และขนบ
ธรรมเนียม มีฤทธิ์มีอำนาจมากกว่าพวกมิลักขะเจ้าของถิ่นเดิม เมื่อข้ามภูเขาหิมาลัยมา
ก็รุกไล่พวกมิลักขะ เจ้าของถิ่นเดิมให้ถอยเลื่อนลงมาทางใต้ แล้วเข้าตั้งถิ่นฐาน
ในชมพูทวีปแทน ฯ
๒. พระนามและนามดังต่อไปนี้ เกี่ยวข้องกับเจ้าชายสิทธัตถะอย่างไร ?
ก. พระเจ้าสุทโธทนะ
ข. พระนางเจ้าสิริมหามายา
ค. พระนันทะ
ง. วิศวามิตร
จ. นายฉันนะ
๒. ก. พระเจ้าสุทโธทนะ เป็นพระราชบิดา
ข. พระนางเจ้าสิริมหามายา เป็นพระราชมารดา
ค. พระนันทะ เป็นพระกนิษฐภาดาต่างพระมารดา
ง. วิศวามิตร เป็นครูผู้สอนศิลปวิทยาเมื่อยังทรงพระเยาว์
จ. นายฉันนะ เป็นผู้ตามเสด็จในคราวออกผนวช ฯ
๓. การที่พระราชบิดาและพระญาติวงศ์ คิดผูกพันเจ้าชายสิทธัตถะไว้ให้เพลิดเพลินอยู่
ในกามสุขเพราะเหตุไร ? และด้วยวิธีใด ?
๓. เพราะพระราชบิดาและพระญาติวงศ์ได้ทรงฟังคำทำนายของอสิตดาบสว่า พระราชกุมาร
นี้จักมีคติเป็นสอง คือ ถ้าอยู่ครองราชสมบัติจักได้เป็นจักรพรรดิราช หรือถ้าออก
บรรพชาจักได้เป็นศาสดาเอกในโลก จึงปรารถนาให้อยู่ครองราชสมบัติมากกว่าที่จะ
ยอมให้เสด็จออกบรรพชา ฯ
ด้วยการตรัสให้ขุดสระโบกขรณีในพระราชนิเวศน์ ๓ สระ เพื่อให้เป็นที่เล่นสำราญ
พระราชหฤทัย ให้จัดเครื่องทรง คือจันทน์สำหรับทา ผ้าโพกพระเศียร ฉลองพระองค์
ผ้าทรงสะพัก พระภูษา ล้วนเป็นของประณีต ให้สร้างปราสาท ๓ หลังสำหรับเป็นที่
ประทับทั้ง ๓ ฤดู ตรัสขอพระนางยโสธรามาอภิเษกเป็นพระชายา ฯ
๔. หลังจากตรัสรู้แล้ว ในระหว่างทางที่เสด็จไปป่าอิสิปตนมฤคทายวัน พระพุทธองค์ทรง
สนทนากับใคร ? และผู้นั้นได้บรรลุธรรมชั้นไหน ?
๔. ทรงพบอุปกาชีวก ฯ อุปกาชีวกไม่ได้บรรลุธรรมชั้นไหนเลย ฯ
๕. ในพิธีศิวาราตรี ถือว่าการอาบน้ำชำระร่างกายในแม่น้ำเป็นการลอยบาป ส่วนในทาง
พระพุทธศาสนาพระพุทธเจ้าทรงแสดงวิธีลอยบาปไว้อย่างไร ?
๕. ทรงแสดงไว้ว่า การยังบาปให้สงบระงับจากสันดาน ละกิเลสที่ทำให้เป็นผู้ดุร้าย
เย่อหยิ่งและกิเลสที่ย้อมจิตให้ติดแน่นในกามารมณ์ เป็นการลอยบาป ฯ
๖. การปลงอายุสังขารของพระพุทธองค์ ถือโดยใจความว่าอย่างไร ? และทรงปลงอายุ
สังขารเมื่อใด ?
๖. ถือโดยใจความว่า พระองค์ทรงปลงพระทัยว่าจะทรงบำเพ็ญพุทธกิจต่อไปอีกไม่ได้
แล้ว เพราะปรารภถึงสังขารของพระองค์ว่า ทรงพระชราแก่เฒ่าเป็นผู้ใหญ่ ล่วงกาล
ผ่านวัยเสียแล้ว ที่ทรงเปรียบว่ากายของพระองค์เป็นประหนึ่งเกวียนชำรุดที่ซ่อมแซม
ด้วยไม้ไผ่ มิใช่สัมภาระเกวียนฉะนั้น ฯ
เมื่อวันเพ็ญ เดือน ๓ ก่อนวันปรินิพพาน ๓ เดือน ฯ
๗. พระพุทธศาสนาสืบเนื่องมาถึงปัจจุบันนี้ได้อย่างไร ?
๗. ได้ด้วยการที่บริษัททั้ง ๔ ปฏิบัติตามพระธรรมวินัย และด้วยวิธีที่พระสงฆ์สาวกผู้ใหญ่
มีพระมหากัสสปะเป็นต้น เป็นประธานจัดทำสังคายนาพระธรรมวินัย วางแบบแผน
ที่ถูกต้องลงไว้ในพระพุทธศาสนาเป็นครั้งแรก เพื่อให้บริษัท ๔ ได้เล่าเรียนปฏิบัติตาม
เมื่อมีสิ่งไรไม่เป็นธรรมเกิดขึ้นในพระพุทธศาสนา พระอริยสงฆ์ในยุคนั้นๆ ได้ช่วยกัน
ทำสังคายนาเป็นครั้งที่ ๒ และครั้งที่ ๓ เป็นลำดับมา เพื่อชำระสัทธรรมปฏิรูปนั้นเสีย
จนได้จารึกไว้ในพระคัมภีร์ให้แพร่หลาย รวมทั้งจัดการส่งพระสงฆ์ไปประกาศพระ
พุทธศาสนาในดินแดนต่างๆ ให้ชุมชนในดินแดนนั้นๆ เลื่อมใสปฏิบัติตาม จึงทำให้
พระพุทธศาสนาสืบเนื่องมาจนปัจจุบันนี้ ฯ
ศาสนพิธี
๘. ในพิธีทำบุญต่างๆ มีผู้เกี่ยวข้องในการปฏิบัติกี่ฝ่าย ? คือใครบ้าง ?
๘. มีผู้เกี่ยวข้องในการปฏิบัติ ๒ ฝ่าย คือ
๑. ฝ่ายเจ้าภาพ คือทายกทายิกา ผู้ประกอบการทำบุญ
๒. ฝ่ายปฏิคาหก คือผู้รับทานและประกอบพิธีกรรมตามประสงค์
ของเจ้าภาพ ซึ่งเป็นบรรพชิต เรียกอีกอย่างว่า
ฝ่ายพระสงฆ์ ฯ
๙. เพื่อปฏิบัติให้ถูกต้องตามหลักศาสนพิธี เจ้าภาพพึงกรวดน้ำและประนมมือรับพร
ตอนไหน ?
๙. เมื่อพระสงฆ์เริ่มอนุโมทนาด้วยบทว่า ยถา วาริวหา ฯเปฯ เจ้าภาพพึงกรวดน้ำ ไม่ใช้
นิ้วมือรอง เวลารินไม่ให้น้ำขาดสาย พอว่าบท สพฺพีติโย ฯเปฯ รินน้ำให้หมดแล้ว
ประนมมือรับพรต่อไปจนจบ ฯ
๑๐. การเผดียงสงฆ์ และ การอาราธนา หมายถึงอะไร ?
๑๐. การเผดียงสงฆ์ หมายถึง การแจ้งความประสงค์ให้สงฆ์ทราบ
การอาราธนา หมายถึง การนิมนต์พระสงฆ์ในพิธีให้ศีล สวดพระปริตร หรือ
แสดงธรรม ฯ
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น