วันพฤหัสบดีที่ 22 กรกฎาคม พ.ศ. 2564

วิชาพุทธานุพุทธประวัติ นักธรรมชั้นเอก 2550

ปัญหาและเฉลยวิชาพุทธานุพุทธประวัติ  นักธรรมชั้นเอก

สอบในสนามหลวง

วันพุธ ที่ ๒๘ พฤศจิกายน พ.ศ. ๒๕๕๐

๑.     จงเล่าความเป็นมาของพุทธโกลาหล ฯ

๑.     เมื่อสุทธาวาสมหาพรหมทั้งหลายลงมาเที่ยวประกาศทั่วหมื่นโลกธาตุว่า  เบื้องหน้าแต่นี้ล่วงไปอีกแสนปี  พระสัพพัญญูจะบังเกิดในโลก  ถ้าใคร่จะพบเห็น  จงเว้นจากเวรทั้ง ๕   อุตส่าห์บำเพ็ญทาน รักษาศีล เจริญภาวนา กระทำการกุศลต่าง ๆ  ดังนี้   จึงทำให้เกิดพุทธโกลาหลขึ้น ฯ

๒.     ฤษีปัญจวัคคีย์ออกบวชตามและอยู่ปรนนิบัติพระพุทธองค์ขณะทรงบำเพ็ญทุกรกิริยา  เพราะคิดอย่างไร ?   หลีกหนีไปเพราะคิดอย่างไร ?   และการทั้ง ๒ นั้น  มีผลดีอย่างไร ?

๒.     ออกบวชตามเพราะคิดว่า  บรรพชาของพระองค์คงมีประโยชน์       พระองค์บรรลุธรรมใด  จักทรงสั่งสอนให้ตนบรรลุธรรมนั้นบ้าง ฯ

หลีกไปโดยคิดว่า  พระองค์ทรงละทุกรกิริยาแล้ว  คงจะไม่บรรลุธรรมพิเศษอันใดได้ ฯ

การมาปรนนิบัตินั้น  ทำให้สามารถเป็นพยานได้ว่า  พระพุทธองค์ทรงเคยประพฤติอัตตกิลมถานุโยคอย่างอุกฤษฎ์มาแล้ว  แม้เช่นนี้ก็ไม่เป็นทางที่จะให้รู้ธรรมพิเศษอันใดได้   ส่วนการหลีกหนีไปนั้นก็เป็นผลดี  เพราะเวลานั้นเป็นเวลาบำเพ็ญเพียรทางจิต  ซึ่งต้องการความสงัด ฯ


๓.     พระมหาสุบินนิมิตก่อนจะตรัสรู้ที่ว่า  เสด็จจงกรมบนภูเขาอุจจาระโดยพระบาทไม่แปดเปื้อน  หมายถึงอะไร ?

๓.     หมายถึง  จะทรงได้ปัจจัยทั้ง ๔  แต่มิได้มีพระทัยปลิโพธิเอื้อเฟื้อในปัจจัยทั้งปวง ฯ

๔.     พระพุทธองค์ทรงอธิษฐานจาตุรงคมหาปธาน  มีใจความว่าอย่างไร ?   ที่ไหน ?   และได้รับผลอย่างไร ?

๔.     มีใจความว่า หากยังไม่บรรลุพระสัมมาสัมโพธิญาณแล้วจักไม่ลุกขึ้น  แม้เนื้อและเลือดจะแห้งเหือดไป  เหลือแต่หนัง เอ็น และกระดูก       ก็ตามที ฯ

        ที่ตำบลอุรุเวลาเสนานิคม  ภายใต้ต้นพระศรีมหาโพธิ์ ฯ

ได้รับผลคือ  บรรลุพระสัมมาสัมโพธิญาณสมดังพระหฤทัย ฯ

๕.     ปัญญาอันรู้เห็นตามเป็นจริงแล้วอย่างไรในอริยสัจ ๔  ซึ่งมีรอบ ๓  มีอาการ ๑๒  ทำให้พระพุทธองค์ทรงยืนยันได้ว่าเป็นผู้ตรัสรู้เองโดยชอบ   ที่ว่ารอบ ๓  อาการ ๑๒  คืออย่างไร ?

๕.     คือ  ปัญญาอันรู้เห็นตามเป็นจริงว่า

นี้ทุกข์  ทุกข์นั้นควรกำหนดรู้  ทุกข์นั้นได้กำหนดรู้แล้ว

นี้เหตุให้เกิดทุกข์ เหตุให้เกิดทุกข์นั้นควรละ เหตุให้เกิดทุกข์นั้นได้ละแล้ว

นี้เหตุให้ทุกข์ดับ  เหตุให้ทุกข์ดับนั้นควรทำให้แจ้ง  เหตุให้ทุกข์ดับนั้นได้ทำให้แจ้งแล้ว

นี้ข้อปฏิบัติให้ถึงความดับทุกข์  ข้อปฏิบัตินั้นควรทำให้เกิด  ข้อปฏิบัตินั้นได้ทำให้เกิดแล้ว ฯ


๖.     ก่อนจะทรงแสดงอริยสัจ ๔  พระพุทธองค์ทรงแสดงส่วนสุด ๒ อย่างแก่ปัญจวัคคีย์ แต่ทรงแสดงอนุปุพพีกถาแก่ยสกุลบุตร  เพราะเหตุไร ?

๖.     เพราะปัญจวัคคีย์ได้ละกามออกบวชเป็นฤษีแล้ว  ซึ่งบรรพชิตในครั้งนั้นหมกมุ่นอยู่ในส่วนสุด ๒ อย่าง  คืออัตตกิลมถานุโยคและกาม      สุขัลลิกานุโยค  ฤษีปัญจวัคคีย์ติดอยู่ในอัตตกิลมถานุโยค จึงไม่จำต้องแสดงอนุปุพพีกถาเพื่อฟอกจิตให้สะอาดจากกาม   แต่ยสกุลบุตรเป็น  ผู้เสพกามอยู่ครองเรือน  กำลังได้รับความขัดข้องวุ่นวายจากกามอยู่   จึงทรงแสดงอนุปุพพีกถาฟอกจิตให้ห่างไกลจากความยินดีในกาม  ควรรับธรรมเทศนาคืออริยสัจ ๔  เหมือนผ้าที่ปราศจากมลทิน  ควรรับ   น้ำย้อมได้ฉะนั้น ฯ

๗.     พระพุทธบัญญัติที่ว่า  ผู้ขออุปสมบทต้องได้รับอนุญาตจากมารดาบิดาก่อน  นั้น  มีประวัติความเป็นมาโดยย่ออย่างไร ?

๗.     พระเจ้าสุทโธทนะทรงโทมนัสมาก  เพราะพระสิทธัตถราชกุมาร     พระนันทะ และพระราหุล  เสด็จออกผนวชแล้ว  สิ้นผู้จะสืบราชวงศ์  ต่อไป  ทรงปรารภทุกข์นี้ที่จะพึงมีแก่มารดาบิดาในตระกูลอื่น จึงทูลขอพระพุทธองค์ให้มารดาบิดาต้องอนุญาตก่อนจึงจะบวชกุลบุตรได้      จึงเกิดพระพุทธบัญญัติข้อนี้ขึ้น ฯ

๘.     บิณฑบาตของนางสุชาดาที่ถวายก่อนแต่ตรัสรู้  และของนายจุนทะที่ถวายก่อนแต่เสด็จปรินิพพาน  มีผลเสมอกัน  มีวิบากเสมอกัน  เพราะเหตุไร ?



๘.     เพราะ

ก.  ปรินิพพานเสมอกัน  คือสอุปาทิเสสปรินิพพานและอนุปาทิเสสปรินิพพาน

ข.  สมาบัติเสมอกัน  คือทรงเข้าสู่สมาบัติ ๒๔ แสนโกฏิเสมอกันก่อนจะตรัสรู้และก่อนจะปรินิพพาน

ค.  เมื่อบุคคลทั้ง ๒ ระลึกถึงการถวายบิณฑบาตของตน  ก็บังเกิดปีติโสมนัสอย่างแรงกล้าเหมือนกัน ฯ

๙.     ใครเป็นผู้ถามพระปุณณมันตานีบุตรว่า  ข้าพเจ้าถามท่านว่า  ท่านประพฤติพรหมจรรย์เพื่ออย่างนั้นหรือ ๆ  ท่านก็ตอบว่า  ไม่อย่างนั้น ๆ   เมื่อเป็นอย่างนี้  ท่านประพฤติพรหมจรรย์เพื่ออะไรเล่า ?   และได้รับคำตอบว่าอย่างไร ?

๙.     พระสารีบุตรเป็นผู้ถาม ฯ

        ได้รับคำตอบว่า  เราประพฤติพรหมจรรย์เพื่อความดับไม่มีเชื้อ ฯ

๑๐.   พระสาวกผู้ใหญ่ ๘๐ องค์  เท่าที่ปรากฏในหนังสือพุทธานุพุทธประวัติ  มีองค์ใดนิพพานก่อนและหลังพระพุทธองค์บ้าง ?   จงบอกมาอย่างละ ๒ องค์ ฯ

๑๐.   (ตอบเพียงอย่างละ ๒ องค์)

ผู้นิพพานก่อนพระพุทธองค์  คือ  พระอัญญาโกณฑัญญะ           พระสารีบุตร พระโมคคัลลานะ และพระราหุล ฯ

ผู้นิพพานหลังพระพุทธองค์  คือ  พระมหากัสสปะ  พระอุบาลี 

พระอนุรุทธะ  พระอานนท์ ฯ

***********

วิชาพุทธานุพุทธประวัติ นักธรรมชั้นเอก 2551

ปัญหาและเฉลยวิชาพุทธานุพุทธประวัติ  นักธรรมชั้นเอก

สอบในสนามหลวง

วันอาทิตย์ ที่ ๒๓ พฤศจิกายน พ.ศ. ๒๕๕๑

๑.       พุทธประวัติ วิภาคที่ ๑ ปุริมกาล และวิภาคที่ ๓ อปรกาล ที่ทรงรจนาไว้แสดงถึงเรื่องอะไร ?

๑.       ปุริมกาล แสดงถึงเรื่องเป็นไปในกาลก่อนแต่บำเพ็ญพุทธกิจ

อปรกาล แสดงถึงเรื่องถวายพระเพลิงและแจกพระธาตุ ฯ

๒.       ในขณะเสวยวิมุตติสุขใต้ร่มไม้มหาโพธิ์  พระพุทธเจ้าทรงพิจารณา    ข้อธรรมอะไร ?   และธรรมนั้นมีใจความย่อว่าอย่างไร ?

๒.       ทรงพิจารณาปฏิจจสมุปบาท ฯ

          มีใจความย่อว่า  สภาวะอย่างหนึ่งเป็นผลเกิดแต่เหตุอย่างหนึ่งแล้ว  ซ้ำเป็นเหตุยังผลอย่างอื่นให้เกิดต่อไปอีก เหมือนลูกโซ่เกี่ยวคล้องกันเป็นสาย ฯ

๓.       อนุปุพพีกถาและสามุกกังสิกธรรม คืออะไร ?  พระพุทธเจ้าทรงแสดงแก่บุคคลผู้มีองคสมบัติอะไร ?

๓.       อนุปุพพีกถา  คือ ถ้อยคำที่กล่าวเรียงเรื่องเป็นลำดับไป คือ ทานกถา สีลกถา สัคคกถา กามาทีนวกถา เนกขัมมานิสังสกถา

สามุกกังสิกธรรม คือ ธรรมที่พระพุทธเจ้าทรงยกขึ้นแสดงเอง 

ได้แก่อริยสัจ ๔ ฯ

ผู้มีองคสมบัติ คือ

                    ๑. เป็นมนุษย์

                    ๒. เป็นคฤหัสถ์

                    ๓. มีอุปนิสัยแก่กล้า  ควรบรรลุโลกุตรคุณในที่นั้น ฯ

๔.       พระพุทธเจ้าเสด็จไปโปรดชฎิล ๓ พี่น้องพร้อมบริวาร โดยบังเอิญหรือโดยตั้งพระหฤทัยไว้ก่อน ?  มีหลักฐานสนับสนุนคำตอบนั้นอย่างไร ?

๔.       โดยตั้งพระหฤทัยไว้ก่อน ฯ   มีหลักฐานปรากฏว่า  ในครั้งที่ทรงส่งพระสาวก ๖๐ องค์แรกไปประกาศพระพุทธศาสนาในที่ต่าง ๆ  ทรงมีพระดำรัสว่า  “แม้เราก็จะไปยังตำบลอุรุเวลาเสนานิคม  เพื่อจะแสดงธรรม” ฯ

๕.       มีภาษิตอยู่บทหนึ่งว่า สัตบุรุษตั้งมั่นแล้วในสัจจะที่เป็นอรรถเป็นธรรม ดังนี้ ข้อนี้ มีปฏิปทาของพระสาวกรูปใด ที่ให้สัญญาต่อกันไว้แล้วปฏิบัติตามสัญญานั้น เป็นตัวอย่าง ?   จงเล่าเรื่องประกอบ

๕.       มีปฏิปทาของพระสารีบุตร เป็นตัวอย่าง ฯ เรื่องมีอยู่ว่า เมื่อครั้งที่ท่านและพระโมคคัลลานะยังไม่ได้อุปสมบท  เคยให้สัญญากันว่า ใครได้โมกขธรรมก่อน จะบอกแก่กัน ต่อมาท่านพระสารีบุตรได้ฟัง

อริยสัจจกถาแต่สำนักพระอัสสชิแล้ว ได้ดวงตาเห็นธรรม จึงนำข้อความนั้นไปบอกแก่พระโมคคัลลานะ จนได้บรรลุธรรมเช่นเดียวกัน ฯ 

๖.       พระเจ้าโกรัพยะตรัสถึงเหตุแห่งความเสื่อมที่จะให้คนออกบวชกะ     พระสาวกรูปใด ?  เหตุแห่งความเสื่อมนั้นได้แก่อะไรบ้าง ?

๖.       กะพระรัฏฐปาลเถระ ฯ  เหตุนั้นได้แก่ ๑. ความแก่ชรา ๒. ความเจ็บ  ๓. ความสิ้นโภคทรัพย์  ๔. ความสิ้นญาติ ฯ

๗.       ในวันที่พระมหาบุรุษประสูติ มีสหชาติที่เกิดพร้อมกันกี่อย่าง ?  

        อะไรบ้าง ?

๗.       มี ๗ อย่าง  คือ ๑. พระนางพิมพา  ๒. พระอานนท์  ๓. กาฬุทายีอมาตย์  ๔. ฉันนะอมาตย์  ๕. ม้ากัณฐกะ  ๖. ต้นมหาโพธิ์         ๗. ขุมทรัพย์ทั้ง ๔ ฯ

๘.       การทำสังคายนาครั้งที่ ๓  มีมูลเหตุจากอะไร ?   ใครเป็นผู้อุปถัมภ์ ?  

พระสงฆ์ผู้เข้าร่วมทำสังคายนามีจำนวนเท่าไร ?  ใครเป็นประธาน ?  

ใช้เวลานานเท่าไร ?

๘.       มีมูลเหตุจากพวกเดียรถีย์เป็นจำนวนมากปลอมบวชในพระพุทธศาสนา ฯ   พระเจ้าอโศกมหาราช ทรงเป็นผู้อุปถัมภ์ ฯ   มีจำนวน ๑,๐๐๐ รูป ฯ พระโมคคัลลีบุตรติสสเถระ เป็นประธาน ฯ   ใช้เวลา ๙ เดือน ฯ 

๙.       จงระบุชื่อพระสาวกผู้ที่บวชด้วยเหตุต่อไปนี้

          ก. บวชด้วยศรัทธา

          ข. บวชเพราะจำใจ

          ค. บวชตามเพื่อน

          ง. บวชเพราะเห็นโทษของการครองเรือน

๙.       ก. บวชด้วยศรัทธา  คือ พระรัฐปาลเถระ

          ข. บวชเพราะจำใจ คือ พระนันทเถระ

          ค. บวชตามเพื่อน  คือ พระวิมล พระสุพาหุ พระปุณณชิ พระควัมปติ

          ง. บวชเพราะเห็นโทษของการครองเรือน  คือ พระมหากัสสปเถระ ฯ

๑๐.     ถูปารหบุคคล ได้แก่บุคคลเช่นไร ?  มีใครบ้าง ?

๑๐.     ได้แก่ บุคคลผู้ควรแก่การบรรจุอัฐิธาตุไว้ในสถูปเพื่อสักการบูชาด้วยความเลื่อมใส ฯ  มี

๑.     พระตถาคตอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้า  ๒. พระปัจเจกสัมพุทธเจ้า

     ๓.  พระอรหันตสาวก                         ๔. พระเจ้าจักรพรรดิราช ฯ


***********

วิชาพุทธานุพุทธประวัติ นักธรรมชั้นเอก 2552

ปัญหาและเฉลยวิชาพุทธานุพุทธประวัติ  นักธรรมชั้นเอก

สอบในสนามหลวง

พ.ศ. ๒๕๕๒

๑.     ปฏิจจสมุปบาทคืออะไร? พระพุทธเจ้าทรงพิจารณาปฏิจจสมุปบาท ที่ทรงกำหนดรู้แล้วนั้นอย่างไร? ณ สถานที่ใด?

ตอบ คือ สภาพอาศัยปัจจัยเกิดขึ้นฯ ทรงพิจารณาตามลำดับและถอยกลับทั้งข้างเกิดข้างดับตลอดยาม ๓ แห่งราตรี ฯ ณ ภายใต้ร่มไม้มหาโพธิ์ ฯ

๒.    ภายหลังแต่ตรัสรู้แล้ว ในสัปดาห์ที่ ๗  พระพุทธเจ้าเสด็จประทับอยู่ที่ไหน? และมีเหตุการณ์สำคัญตามที่พระคันถรจนาจารย์กล่าวไว้อย่างไรบ้าง?

ตอบ ในสัปดาห์ที่ ๗ เสด็จประทับอยู่ภายใต้ไม้ราชายตนะ มีพ่อค้า ๒ คน ชื่อตปุสสะและภัลลิกะเดินทางผ่านมา  ได้ถวายข้าวสัตตุผงสัตตุก้อน และแสดงตนเป็นอุบาสกถึงรัตนะ ๒ เป็นคู่แรกในโลก ฯ

๓.     พระอัญญาโกณฑัญญะเดิมชื่ออะไร? ที่ได้ชื่ออัญญาโกณฑัญญะเพราะเหตุไร?

ตอบ ชื่อโกณฑัญญะ ฯ เพราะได้ดวงตาเห็นธรรมขณะฟังปฐมเทศนาพระพุทธเจ้าทรงทราบจึงทรงเปล่าอุทานว่า

อัญญาสิๆ แปลว่า ได้รู้แล้วๆ อาศัยพระอุทานนี้ คำว่า อัญญาโกณฑัญญะ จึงได้เป็นชื่อของท่านตั้งแต่บัดนั้นมา ฯ

๔.     พระพุทธเจ้าทรงแสดงธรรมโปรดพุทธบริษัทด้วยอาการ ๔ อย่าง อะไรบ้าง?

ตอบ ด้วยอาการดังนี้

๑. สันทัสสนา อธิบายให้แจ่มแจ้งให้เข้าใจชัด

๒. สมาทปนา ชวนให้มีแก่ใจสมาทานคือทำตาม

๓. สมุตเตชนา ชักนำให้เกิดอุตสาหะอาจหาญเพื่อจะทำ

๔. สัมปหังสนา พยุงให้ร่าเริงในอันทำ ฯ

๕.     พระพุทธเจ้าทรงสรรเสริญพระเถระรูปใดเปรียบด้วยแมลงผึ้งตัวเที่ยวไปในสวนดอกไม้ ไม่ทำสีและกลิ่นของดอกไม้ให้ช้ำ ถือเอาแต่รสบินไป? และทรงสรรเสริญไว้อย่างไร?

ตอบ ทรงสรรเสริญพระมหาโมคคัลลานะ ฯ ทรงสรรเสริญไว้ว่า ท่านไม่ทำศรัทธาและโภคทรัพย์ของตระกูลที่เข้าไปหาให้เสีย ฯ

๖.     พระพุทธองค์ทรงแสดงสุจริตธรรมโปรดพระเจ้าสุทโธทนะ และพระนางมหาปชาบดีโคตมี ทำให้ทั้ง ๒ พระองค์ได้บรรลุอริยผลชั้นไหน?

ตอบ ทำให้พระเจ้าสุทโธทนะทรงบรรลุสกทาคามิผล และพระนางมหาปชาบดีโคตมีทรงบรรลุโสดาปัตติผล

๗.    พระดำรัสว่า “เธอไปเองเถิด เมื่อเธอไปแล้ว พระเจ้าแผ่นดินจักทรงเสื่อมใส” พระศาสดาตรัสกะพระเถระรูปใด? พระเถระรูปนั้นได้ไปประกาศพระพุทธศาสนาที่ไหน? และได้ผลอย่างไร?

ตอบ ตรัสกะพระมหากัจจายนะ ฯ ที่กรุงอุชเชนี ฯ ได้ผลคือ พระเจ้าจัณฑปัชโชตและชาวเมืองเลื่อมใส ฯ

๘.     พราหมณ์พาวรีผูกปัญหาให้มาณพ ๑๖ คน ผู้เป็นศิษย์ทูลถามพระบรมศาสดาเพื่อประสงค์อะไร? ปัญหาว่า “หมู่มนุษย์โลกนี้ คือ ฤษีกษัตริย์พราหมณ์เป็นอันมากอาศัยอะไร จึงบูชายัญบวงสรวงเทวดา” ผู้ทูลถามคือใคร? และทรงพยากรณ์ว่าอย่างไร?

ตอบ พราหมณ์พาวรีประสงค์จะสืบสวนให้ได้ความแน่นอนว่า พระโอรสของศากยราชเสด็จออกบรรพชา ปฏิญญาพระองค์ว่าเป็นพระอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าตามข่าวเล่าลือนั้นเป็นจริงหรือไม่ ฯ ผู้ทูลถามคือ ปุณณกมานพ ฯ ทรงพยากรณ์ว่า หมู่มนุษย์เหล่านั้นอยากได้ของที่ตนปรารถนา อาศัยของที่มีชราทรุดโทรมจึงบูชายัญบวงสรวงเทวดา ฯ

๙.     พระสาวกผู้ได้รับการยกย่องเป็นเอตทัคคะหลายอย่างกว่าสาวกรูปอื่นคือใคร? เป็นเอตทัคคะในทางใดบ้าง?

ตอบ พระอานนทเถระ ฯ ในทาง

๑. เลิศกว่าภิกษุทั้งหลายที่เป็นพหุสูต

๒. เลิศกว่าภิกษุทั้งหลายที่มีคติ

๓. เลิศกว่าภิกษุทั้งหลายที่มีสติ

๔. เลิศกว่าภิกษุทั้งหลายที่มีธิติปัญญาจำทรง

๕. เลิศกว่าภิกษุทั้งหลายที่เป็นอุปัฏฐาก ฯ

  



๑๐. สังคายนา คืออะไร? พระสุภัททวุฑฒบรรพชิตผู้เป็นเหตุให้พระมหากัสสปะทำปฐมสังคายนา ได้กล่าวจาบจ้วงพระธรรมวินัยมีใจความว่าอย่างไร?

ตอบ คือ การประชุมกันเรียบเรียงศาสนธรรมคำสอนของพระศาสนาวางไว้เป็นแบบแผน ฯ มีใจความว่า ท่านทั้งปวงอย่าโศกเศร้าอย่าร้องไห้ร่ำไรไปเลย เมื่อพระสมณโคดมยังอยู่นั้น เบียดเบียนว่ากล่าว ว่าสิ่งนี้ควรสิ่งนี้ไม่ควร จำเดิมแต่นี้เราปรารถนาจะกระทำสิ่งใด เราก็กระทำสิ่งนั้นได้ พระสมณโคดมนิพพานเสียก็พ้นทุกข์พ้นร้อนเราทั้งปวงแล้ว ฯ