วันพุธที่ 21 กรกฎาคม พ.ศ. 2564

วิชาธรรม นักธรรมชั้นเอก 2550

 วิชาธรรม นักธรรมชั้นเอก 2550


ปัญหาและเฉลยวิชาธรรม  นักธรรมชั้นเอก

สอบในสนามหลวง

วันอังคาร ที่ ๒๗ พฤศจิกายน พ.ศ. ๒๕๕๐

๑.     สหคตทุกข์ คือทุกข์เช่นไร ? มียศชื่อว่าเป็นทุกข์นั้น มีอธิบายอย่างไร ?

๑.     คือ ทุกข์ไปด้วยกัน  หรือทุกข์กำกับกัน  ได้แก่ทุกข์มีเนื่องมาจาก   วิบุลผล ฯ

มียศคือได้รับตั้งเป็นใหญ่กว่าคนสามัญเป็นชั้น ๆ  ต้องเป็นอยู่เติบกว่าคนสามัญ  จำต้องมีทรัพย์มากเป็นกำลัง  มักหาได้ไม่พอใช้  ต้องมีภาระมาก  เวลาไม่เป็นของตน  เป็นที่เกาะของผู้อื่นจนนุงนัง  ต้องพลอยสุขทุกข์ด้วยเขา ฯ

๒.     ไวพจน์แห่งวิราคะ  ได้แก่อะไรบ้าง ?

๒.     ได้แก่

มทนิมฺมทโน        แปลว่า  ธรรมยังความเมาให้สร่าง

        ปิปาสวินโย        แปลว่า  ความนำเสียซึ่งความระหาย

        อาลยสมุคฺฆาโต     แปลว่า  ความถอนขึ้นด้วยดีซึ่งอาลัย

        วฏฺฏูปจฺเฉโท       แปลว่า  ความเข้าไปตัดเสียซึ่งวัฏฏะ

ตณฺหกฺขโย            แปลว่า  ความสิ้นแห่งตัณหา

นิโรโธ                  แปลว่า  ความดับ

นิพฺพานํ               แปลว่า  ธรรมชาติหาเครื่องเสียบแทงมิได้ ฯ

  

๓.     วิมุตติ เป็นโลกิยธรรมหรือโลกุตตรธรรม ?   เป็นสาสวะหรืออนาสวะ ?

๓.     ถ้าเพ่งถึงวิมุตติที่สืบเนื่องมาจากนิพพิทาและวิราคะแล้ว ก็เป็นโลกุตตระและอนาสวะอย่างเดียว   ถ้าเพ่งถึงวิมุตติ ๕   วิมุตติเป็นโลกิยะก็มี  เป็นสาสวะก็มี   คือตทังควิมุตติและวิกขัมภนวิมุตติเป็นโลกิยะและเป็นสาสวะ   วิมุตติอีก ๓ ที่เหลือ  เป็นโลกุตตระและเป็นอนาสวะ ฯ

๔.     ในบรรดาสังขตธรรมนั้น  อะไรเป็นยอด ?   เพราะเหตุไร ?

๔.     อัฏฐังคิกมรรคเป็นยอด ฯ

เพราะองค์ ๘ แต่ละองค์ ๆ ของอัฎฐังคิกมรรคก็เป็นธรรมดี ๆ  รวมกันเข้าทั้ง ๘ ย่อมเป็นธรรมดียิ่งนัก  และเป็นทางเดียวนำไปถึงความดับทุกข์หรือถึงความหมดจดแห่งทัสสนะ ฯ

๕.     บาลีแสดงปฏิปทาแห่งสันติว่า  ผู้เพ่งความสงบพึงละอามิสในโลกเสีย

ความสงบ  ได้แก่อะไร ?   อามิส  ได้แก่อะไร ?   เพราะเหตุไรจึงเรียกว่าอามิส ?

๕.     ได้แก่  ความเรียบร้อยทางกายทางวาจาและทางใจ ฯ

ได้แก่  ปัญจพิธกามคุณ  คือรูป เสียง กลิ่น รส โผฏฐัพพะ  อันน่าปรารถนาน่าใคร่น่าชอบใจ ฯ

เพราะเป็นเครื่องล่อใจให้ติดในโลก ฯ

๖.     เพราะเหตุไร  พระผู้มีพระภาคเจ้าจึงทรงชักนำให้บำเพ็ญสมาธิ ?     หัวใจสมถกัมมัฏฐานมีอะไรบ้าง ?

๖.     เพราะใจที่อบรมดีแล้ว  ย่อมเป็นไปเพื่อประโยชน์อันใหญ่  เป็นกำลังสำคัญในอันจะให้คิดเห็นอรรถธรรมและเหตุผลอันสุขุมลุ่มลึก      พระผู้มีพระภาคเจ้าจึงตรัสไว้ในพระบาลีว่า  สมาหิโต  ยถาภูตํ      ปชานาติ   ผู้มีใจตั้งมั่นแล้ว  ย่อมรู้ตามเป็นจริง ฯ

        มี กายคตาสติ  เมตตา  พุทธานุสสติ  กสิณ  จตุธาตุววัตถานะ ฯ

๗.     จงจัด นวหรคุณ  แต่ละอย่างลงในพระปัญญาคุณและพระกรุณาคุณ ?

๗.     บท  อรหํ  สมฺมาสมฺพุทฺโธ  วิชฺชาจรณสมฺปนฺโน  สุคโต  โลกวิทู 

เป็นพระปัญญาคุณ

        บท อนุตฺตโร ปุริสทมฺมสารถิ   สตฺถา เทวมนุสฺสานํ  เป็นพระกรุณาคุณ

        บท  พุทฺโธ   ภควา  เป็นพระปัญญาคุณและพระกรุณาคุณทั้งสอง

        (สุคโต  ในที่บางแห่ง  จัดเป็นทั้งพระปัญญาคุณทั้งพระกรุณาคุณ) ฯ

๘.     อะไรเป็นลักษณะ  เป็นกิจ  และเป็นผลของวิปัสสนา ?

๘.     สภาพความเป็นเองของสังขาร  คือเป็นของไม่เที่ยง เป็นทุกข์ เป็นอนัตตา จริงอย่างไร  ความรู้ความเห็นว่าสังขารเป็นของไม่เที่ยง เป็นทุกข์ เป็นอนัตตา แจ้งชัดจริงอย่างนั้น  เป็นลักษณะของวิปัสสนา

การกำจัดโมหะความมืดเสียให้สิ้นเชิง  ไม่หลงในสังขารว่าเป็นของเที่ยง เป็นสุข เป็นตัวเป็นตน เป็นของงาม  เป็นกิจของวิปัสสนา

ความรู้แจ้งเห็นจริงในสังขารทั้งหลายว่าเป็นของไม่เที่ยง เป็นทุกข์ เป็นอนัตตา  อันสืบเนื่องมาจากการกำจัดโมหะความมืดเสียได้สิ้นเชิง  ไม่มีความรู้ผิดความเห็นผิด  เป็นผลของวิปัสสนา ฯ  

๙.     ในอรกสูตร  ทรงแสดงอุปมาชีวิตของมนุษย์ทั้งหลายไว้อย่างไรบ้าง   จงบอกมา ๓ ข้อ ?   ที่ทรงแสดงไว้เช่นนั้นเพื่ออะไร ?

๙.     ทรงแสดงไว้ดังนี้  คือ  (ให้ตอบเพียง ๓ ข้อ)  ๑. เหมือนหยาดน้ำค้าง  ๒. เหมือนต่อมน้ำ  ๓. เหมือนรอยไม้ขีดลงในน้ำ  ๔. เหมือนลำธารอันไหลมาจากภูเขา  ๕. เหมือนก้อนเขฬะ  ๖. เหมือนชิ้นเนื้อนาบไฟ     ๗. เหมือนโคที่เขาจะฆ่า ฯ

ทรงแสดงไว้เพื่อเป็นเครื่องเตือนใจให้เร่งรีบทำความดีให้ทันกับเวลาที่ยังมีชีวิตอยู่ ฯ

๑๐.   ตามมหาสติปัฏฐานสูตร  ผู้เจริญสติปัฏฐาน ๔  ตลอด ๗ วันถึงตลอด ๗ ปี  พึงหวังผลอะไรได้บ้าง ?

๑๐.   พึงหวังผล ๒ อย่าง  อย่างใดอย่างหนึ่ง  คือ  พระอรหัตผลในปัจจุบันชาตินี้ ๑  หรือเมื่อวิบากขันธ์ที่กิเลสมีตัณหาเป็นต้นเข้ายึดไว้ยังเหลืออยู่  เป็นพระอนาคามี ๑ ฯ

***********

วิชาธรรม นักธรรมชั้นเอก 2551

 วิชาธรรม นักธรรมชั้นเอก 2551


ปัญหาและเฉลยวิชาธรรม  นักธรรมชั้นเอก

สอบในสนามหลวง

วันเสาร์ ที่ ๒๒ พฤศจิกายน พ.ศ. ๒๕๕๑


๑.       ความเป็นอนัตตาแห่งสังขาร พึงกำหนดรู้ด้วยอาการอย่างไรบ้าง ?

๑.       ด้วยอาการดังนี้ คือ

          ๑. ไม่อยู่ในอำนาจ หรือฝืนความปรารถนา

          ๒. แย้งต่ออัตตา

          ๓. ความเป็นสภาพหาเจ้าของมิได้

          ๔. ความเป็นสภาพสูญ ฯ

๒.       พระบาลีว่า  สิญฺจ ภิกฺขุ อิมํ นาวํ  แปลว่า ภิกษุ  เธอจงวิดเรือนี้  

คำว่า เรือ และคำว่า วิด ในที่นี้ หมายถึงอะไร ?

๒.       เรือ หมายถึง อัตภาพร่างกาย

          วิด หมายถึง บรรเทากิเลสและบาปธรรมเสียให้บางเบา จนขจัดได้ขาด ฯ

๓.       บาลีอุทเทสว่า วิมุตฺตสฺมึ วิมุตฺตมิติ ญาณํ โหติ  แปลว่า เมื่อหลุดพ้นแล้ว ญาณว่าหลุดพ้นแล้ว ย่อมมี  ใครเป็นผู้หลุดพ้น ?   และหลุดพ้นจากอะไร ?

๓.       จิตเป็นผู้หลุดพ้น ฯ   พ้นจากอาสวะ ๓ ฯ

 ๔.       สอุปาทิเสสนิพพาน กับ อนุปาทิเสสนิพพาน ต่างกันอย่างไร ?  

พระบาลีว่า เตสํ วูปสโม สุโข ความเข้าไปสงบแห่งสังขารเหล่านั้น   เป็นสุข จัดเป็นนิพพานชนิดใด ?

๔.       ต่างกัน  คือ สอุปาทิเสสนิพพาน เป็นความดับกิเลสที่ยังมีเบญจขันธ์เหลือ ส่วนอนุปาทิเสสนิพพาน เป็นความดับกิเลสที่ไม่มีเบญจขันธ์เหลือ ฯ   เป็นอนุปาทิเสสนิพพาน ฯ

๕.       นิพพิทา คืออะไร ?  บุคคลผู้ไม่ประสบลาภยศสรรเสริญสุข

จึงเบื่อหน่ายระอาอย่างนี้  จัดเป็นนิพพิทาได้หรือไม่ ? เพราะเหตุใด ?

๕.       คือ ความหน่ายในเบญจขันธ์หรือในทุกขขันธ์ด้วยปัญญา ฯ  จัดเป็นนิพพิทาไม่ได้ ฯ เพราะความเบื่อหน่ายดังที่กล่าวนั้น เป็นความท้อแท้ มิใช่เป็นความหน่ายด้วยปัญญา ฯ

๖.       ในส่วนสังสารวัฏ  สัตวโลกตายแล้วมีคติเป็นอย่างไร ?   จงอ้างบาลีประกอบ

๖.       มีคติเป็น ๒  คือ

สุคติ   มีบาลีว่า  จิตฺเต อสงฺกิลิฏฺเฐ  สุคติ  ปาฏิกงฺขา

และ ทุคติ   มีบาลีว่า   จิตฺเต สงฺกิลิฏฺเฐ  ทุคฺคติ  ปาฏิกงฺขา ฯ  

๗.       ผู้จะเจริญวิปัสสนาภาวนา พึงศึกษาให้รู้จักธรรม ๓ ประการ      อะไรบ้าง ?

๗.       ธรรม ๓ ประการ  คือ

          ๑. ธรรมเป็นภูมิเป็นอารมณ์ของวิปัสสนานั้น  (มีขันธ์ ๕ เป็นต้น)

          ๒. ธรรมเป็นรากเหง้า เป็นเหตุเกิดขึ้นตั้งอยู่ของวิปัสสนานั้น 

             (คือสีลวิสุทธิและจิตตวิสุทธิ)

          ๓. ตัว คือ วิปัสสนานั้น  (คือ วิสุทธิ ๕ ที่เหลือ) ฯ

๘.       วิปัลลาส คืออะไร ?   แบ่งตามจิตและเจตสิกได้กี่ประเภท ?      อะไรบ้าง ?

๘.       คือ  กิริยาที่ถือโดยอาการวิปริตผิดจากความเป็นจริง ฯ

          แบ่งได้ ๓ ประเภท ฯ

คือ  ๑. สัญญาวิปัลลาส  ๒. จิตตวิปัลลาส  ๓. ทิฏฐิวิปัลลาส ฯ

๙.       จริต คืออะไร ? เพราะเหตุใดจึงต้องเจริญกัมมัฏฐานให้เหมาะกับจริต

­­­        ของตน ?

๙.       คือ ความประพฤติเป็นปกติของบุคคล ฯ

เพราะ กัมมัฏฐานแต่ละอย่างก็เป็นที่สบายของคนแต่ละจริต  ถ้าเจริญไม่เหมาะกับจริต  กรรมฐานก็จะสำเร็จได้โดยยาก ฯ 

๑๐.     อารมณ์ของสติปัฏฐาน มีอะไรบ้าง ?  

          ภิกษุผู้เจริญสติปัฏฐานพึงมีคุณสมบัติอะไรบ้าง ?

๑๐.     มี  กาย  เวทนา  จิต  ธรรม ฯ

พึงมี    ๑. อาตาปี  มีความเพียรเผากิเลส

๒. สัมปชาโน  มีสัมปชัญญะ

๓. สติมา  มีสติ ฯ

***********


วิชาธรรม นักธรรมชั้นเอก 2552

 วิชาธรรม นักธรรมชั้นเอก 2552

ปัญหาและเฉลยวิชาธรรม  นักธรรมชั้นเอก

สอบในสนามหลวง

พ.ศ. ๒๕๕๒

๑.     ในพหุลานุสาสนีที่สวดในเวลาทำวัตรเช้า ไม่มีทุกขลักษณะพระไตรลักษณ์ไม่ขาดไปข้อหนึ่งหรืออย่างไร? จงอธิบาย

ตอบ ไม่ขาด เพราะลักษณะทั้ง ๓ นี้ เป็นธรรมธาตุ ธรรมนิยาม ธรรมฐิติ ความตั้งอยู่แห่งธรรมที่คงอยู่มิได้ยักย้าย อีกประการหนึ่ง บาลีว่า ยทนิจฺจํ สิ่งใดไม่เที่ยง ตํ ทุกฺขํ สิ่งนั้นเป็นทุกข์ ยํ ทุกขํ สิ่งใดเป็นทุกข์ ตทนตฺตา สิ่งนั้นเป็นอนัตตา มิใช่ตัวมิใช่ตน เพราะเหตุนั้น พหุลานุสาสนีจึงได้ครบลักษณะทั้ง ๓

๒.    ทุกขขันธ์ หรือทุกข์รวบยอด หมายเอาอะไร? มีหลักฐานอ้างอิงในบาลีธัมมจักกัปปวัตตนสูตรว่าอย่างไร?

ตอบ หมายเอา สังขารคือประชุมปัญจขันธ์ ฯ มีหลักฐานว่า สงฺขิตฺเตน ปญฺจุปาทานกฺขนฺธา ทุกฺขา โดยย่อ อุปาทานขันธ์ ๕ เป็นทุกข์

๓.     การพิจารณาเห็นสังขารเป็นอนัตตาโดยมีโยนิโสมนสิการกำกับ จะไม่กลายเป็นนัตถิกทิฏฐิ เพราะกำหนดรู้ถึงธรรม ๒ ประการ ธรรมทั้ง ๒ นี้ได้แก่อะไร?

ตอบ ได้แก่ สมมติสัจจะ จริงโดยสมมติ และปรมัตถสัจจะ จริงโดยปรมัตถะ ฯ

๔.     ลัทธิบางอย่างมีหลักการว่า ทำบาปแล้วบริสุทธิ์หมดจดได้ด้วยการอาบน้ำ ด้วยการบวงสรวง ด้วยการสวดอ้อนวอน เป็นต้น ในฝ่ายพระพุทธศาสนากล่าวถึงเรื่องนี้ว่าอย่างไร? จงอ้างหลักฐาน

ตอบ พระพุทธศาสนามีหลักว่า บุคคลทำบาปเอง ย่อมเศร้าหมองเอง ไม่ทำบาปเอง ย่อมบริสุทธิ์ หมดจดเอง ความหมดจดและความเศร้าหมองเป็นของเฉพาะตัว ผู้อื่นทำผู้อื่นให้หมดจดหรือเศร้าหมองไม่ได้ ความบริสุทธิ์ภายในย่อมมีด้วยปัญญา ฯ มีพระบาลีแสดงไว้ว่า ปญฺญาย ปริสุชฺฌติ บุคคลย่อมบริสุทธิ์ได้ด้วยปัญญา และว่า

อตฺตนา ว กตํ  ปาปํ  อตฺตนา  สงฺกิลิสฺ สติ

อตฺตนา  อกตํ  ปาปํ  อตฺตนา  ว  วิสุชฺฌติ

สุทฺธิ  อสุทฺธิ  ปจฺจตฺตํ  นาญฺโญ  อญฺญํ  วิโสธเย.

ทําบาปเอง  ย่อมเศร้าหมองเอง  ไม่ทำบาปเอง

ย่อมหมดจดเอง  ความหมดจดและความเศร้าหมอง

เป็นเฉพาะตัว  คนอื่นยังคนอื่นให้หมดจดหาได้ไม่ ฯ

๕.     ข้อความว่า ปลงภาระอันหนักเสียแล้ว ไม่ถือเอาภาระอันอื่น ดังนี้ มีอธิบายอย่างไร?

ตอบ อธิบายว่า ภาระ หมายเอาเบญจขันธ์ การปลงภาระหมายเอาการถอนอุปาทาน การไม่ถือเอาภาระอื่น หมายเอาการไม่ถือเบญจขันธ์อื่นด้วยอุปาทาน ฯ

๖.     สัตว์โลกตายแล้วมีคติเป็นอย่างไร? มีพระบาลีแสดงไว้อย่างไร?

ตอบ มีคติเป็น ๒ คือ สุคติและทุคติ ฯ มีพระบาลีแสดงไว้ว่า

จิตฺเต อสงฺกิลิฏฺเฐ สุคติ ปาฏิกงฺขา.

เมื่อจิตไม่เศร้าหมองแล้ว สุคติเป็นอันหวังได้

จิตฺเต สงฺกิลิฏฺเฐ  ทุคฺคติ  ปาฏิกงฺขา.

เมื่อจิตเศร้าหมองแล้ว ทุคติเป็นอันต้องหวัง ฯ

๗.    พระโยคาวจรสำเร็จปฐมฌาณแล้ว ควรกระทำให้ชำนาญด้วยวสีทั้ง ๕ ก่อนที่จะเจริญทุติยฌาณต่อไป เพราะเหตุใด?

ตอบ เพราะถ้าไม่ชำนาญในปฐมฌาณแล้ว เมื่อเจริญทุติยฌาณต่อขึ้นไปก็จะเสื่อมจากปฐมฌาณและทุติยฌาณทั้ง ๒ ฝ่าย ฯ

๘.     อนัตตลักขณสูตร ว่าด้วยเรื่องอะไร? ในพระสูตรนั้น พระพุทธเจ้าทรงแสดงอานิสงส์แห่งวิปัสสนาญาณไว้อย่างไร?

ตอบ ว่าด้วย ขันธ์ ๕ คือ รูป เวทนา สัญญา สังขาร วิญญาณ เป็นอนัตตา ฯ

อานิสงส์แห่งวิปัสสนาญาณนั้นว่า เอวํ ปสฺสํ ภิกฺขเว สุตฺวา อริยสาวโก เป็นต้น ความว่า ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย อริยสาวกผู้ได้สดับแล้ว เมื่อเห็นอย่างนี้ ย่อมหน่ายในรูป เวทนา สัญญา สังขาร วิญญาณ เมื่อหน่ายก็ย่อมฟอกจิตให้หมดจด เพราะการฟอกจิตให้หมดจดให้ จิตนั้นก็พ้นจากอาสวะทั้งปวง เมื่อจิตพ้นพิเศษแล้ว ก็มีญาณหยั่งรู้ว่าพ้นแล้ว และพระอริยสาวกนั้นรู้ประจักษ์ว่า ชาติสิ้นแล้ว พรหมจรรย์คือกิจศาสนาได้ทำเสร็จแล้ว กิจอื่นที่จะต้องทำเช่นนี้ไม่มีอีก ฯ

๙.     (ปี 2552) สติปัฏฐาน ๔ อันผู้ปฏิบัติธรรมอบรมให้บริบูรณ์เต็มที่แล้ว ย่อมเป็นเพื่ออานิสงส์ ๕ ประการ อะไรบ้าง?

ตอบ คือ

          ๑. เพื่อความบริสุทธิ์แห่งสัตว์ทั้งหลาย

          ๒. เพื่อความข้ามพ้นโสกะและปริเทวะทั้งหลาย

          ๓. เพื่อความดับสูญแห่งทุกข์และโทมนัส

          ๔. เพื่อบรรลุธรรมที่ควรรู้

          ๕. เพื่อการทำให้แจ้งพระนิพพาน ฯ

๑๐.                        ในสัญญา ๑๐ ทรงแสดงถึงการให้พิจารณาพระนิพพานว่าเป็นธรรมที่สำรอกกิเลส และว่าเป็นธรรมเป็นที่ดับสนิท จัดเป็นสัญญาข้อไหนบ้าง?

ตอบ พิจารณาพระนิพพานว่า เป็นธรรมที่สำรอกกิเลส จัดเป็นวิราคสัญญา

พิจารณาพระนิพพานว่า เป็นธรรมเป็นที่ดับสนิท จัดเป็นนิโรธสัญญา ฯ