วันเสาร์ที่ 26 มิถุนายน พ.ศ. 2564

วิชาธรรม นักธรรมชั้นตรี 2546

 วิชาธรรม นักธรรมชั้นตรี 2546

ปัญหาและเฉลยวิชาธรรม  นักธรรมชั้นตรี

สอบในสนามหลวง

พ.ศ. ๒๕๔๖


๑.

๑.๑

โลกเดือดร้อนวุ่นวาย เพราะขาดธรรมอะไร ?


๑.๒

บุคคลมีกาย วาจา ใจ งดงาม เพราะปฏิบัติธรรมอะไร ?

๑.

๑.๑

เพราะขาดธรรมคุ้มครองโลก ๒ อย่าง คือ

      ๑) หิริ          ความละอายแก่ใจ

      ๒) โอตตัปปะ  ความเกรงกลัว ฯ


๑.๒

เพราะปฏิบัติธรรมอันทำให้งาม ๒ อย่าง คือ

      ๑) ขันติ         ความอดทน

                        ๒) โสรัจจะ            ความเสงี่ยม ฯ

๒.

๒.๑

รัตนะ ๓ มีอะไรบ้าง ?


๒.๒

รัตนะ ๓ นั้น มีคุณอย่างไร ?

๒.

๒.๑

มี พระพุทธ ๑ พระธรรม ๑ พระสงฆ์ ๑ ฯ


๒.๒

มีคุณอย่างนี้ คือ

      ๑) พระพุทธเจ้ารู้ดีรู้ชอบด้วยพระองค์เองก่อนแล้ว สอนผู้อื่นให้รู้ตาม

      ๒) พระธรรมย่อมรักษาผู้ปฏิบัติไม่ให้ตกไปในที่ชั่ว

      ๓) พระสงฆ์ปฏิบัติชอบตามคำสอนของพระพุทธเจ้าแล้ว

          สอนผู้อื่นให้กระทำตาม ฯ

๓.

๓.๑

ธรรมเป็นดุจล้อรถนำไปสู่ความเจริญ เรียกว่าอะไร ?


๓.๒

ปุพฺเพกตปุญฺญตา หมายความว่าอย่างไร ?

๓.

๓.๑

เรียกว่า จักรธรรม ฯ


๓.๒

หมายความว่า ความเป็นผู้ได้ทำความดีไว้ในปางก่อน ฯ

๔.

๔.๑

ปธาน ๔ มีอะไรบ้าง ?


๔.๒

เพียรระวังตนให้ห่างไกลจากสิ่งเสพติด จัดเข้าในปธานข้อไหน ?

๔.

๔.๑

มี    ๑) สังวรปธาน         เพียรระวังไม่ให้บาปเกิดขึ้นในสันดาน

      ๒) ปหานปธาน       เพียรละบาปที่เกิดขึ้นแล้ว

      ๓) ภาวนาปธาน       เพียรให้กุศลเกิดขึ้นในสันดาน

      ๔) อนุรักขนาปธาน   เพียรรักษากุศลที่เกิดขึ้นแล้วไม่ให้เสื่อม ฯ


๔.๒

จัดเข้าในสังวรปธาน ฯ

๕.

จงอธิบายความหมายของคำต่อไปนี้ ?


๕.๑

ปัจจยปัจจเวกขณะ


๕.๒

อภิณหปัจจเวกขณะ

๕.

๕.๑

ปัจจยปัจจเวกขณะ คือ พิจารณาเสียก่อนจึงบริโภคปัจจัย ๔ คือ จีวร บิณฑบาต เสนาสนะ และเภสัช ไม่บริโภคด้วยตัณหา ฯ


๕.๒

อภิณหปัจจเวกขณะ คือ พิจารณาทุก ๆ วันว่า  เรามีความแก่  มีความเจ็บมีความตายเป็นธรรมดา ไม่ล่วงพ้นความแก่ เจ็บ ตายไปได้  เราต้อง

พลัดพรากจากของรักของชอบใจทั้งสิ้น เรามีกรรมเป็นของ ๆ ตน เราทำดี จักได้ดี ทำชั่ว จักได้ชั่ว ฯ

๖.

๖.๑

ธาตุกัมมัฏฐาน มีอะไรบ้าง ?


๖.๒

กำหนดพิจารณาอย่างไร เรียกว่า ธาตุกัมมัฏฐาน ?

๖.

๖.๑

มี  ๔ คือ ธาตุดิน ธาตุน้ำ ธาตุไฟ ธาตุลม ฯ


๖.๒

กำหนดพิจารณากายนี้ ให้เห็นว่าเป็นแต่เพียงธาตุ ๔ คือ ดิน น้ำ ไฟ ลม ประชุมกันอยู่ ไม่ใช่เรา ไม่ใช่ของเรา เรียกว่า ธาตุกัมมัฏฐาน ฯ

๗.

๗.๑

พาหุสัจจะ หมายความว่าอย่างไร ?


๗.๒

พาหุสัจจะ เป็นอริยทรัพย์อย่างหนึ่งนั้น อธิบายอย่างไร ?

๗.

๗.๑

หมายความว่า ความเป็นผู้เคยได้ยินได้ฟังมามาก ฯ


๗.๒

อธิบายว่า พาหุสัจจะ  คือความเป็นผู้เคยได้ยินได้ฟังมามากนั้น  ได้ชื่อว่าอริยทรัพย์ เพราะเป็นเหตุให้ได้อิฏฐผล มีลาภ ยศ สรรเสริญ สุข และไมตรี เป็นต้น  ทั้งไม่เป็นภาระแก่เจ้าของ  และที่ดีพิเศษกว่าทรัพย์สิน

เงินทองทั่วไป คือ ยิ่งใช้ยิ่งมี ฯ

๘.

๘.๑

สัมมาสังกัปปะ ดำริชอบ คือ ดำริอย่างไร ?


๘.๒

มรรคมีองค์ ๘ ข้อใดบ้างสงเคราะห์เข้าในสีลสิกขา ?

๘.

๘.๑

คือ   ดำริจะออกจากกาม ๑

      ดำริในอันไม่พยาบาท ๑

      ดำริในอันไม่เบียดเบียน ๑ ฯ


๘.๒

วาจาชอบ การงานชอบ เลี้ยงชีวิตชอบ สงเคราะห์เข้าในสีลสิกขา ฯ

๙.

๙.๑

บุคคลผู้สามารถยึดเหนี่ยวน้ำใจคนอื่นไว้ได้ เพราะตั้งอยู่ในธรรมอะไร ?


๙.๒

ธรรมในข้อ ๙.๑ นั้น มีอะไรบ้าง ?

๙.

๙.๑

ในสังคหวัตถุ ๔ ฯ


๙.๒

มี    ๑) ทาน          ให้ปันสิ่งของของตนแก่ผู้อื่นที่ควรให้ปัน

                         ๒) ปิยวาจา           เจรจาวาจาที่อ่อนหวาน

      ๓) อัตถจริยา     ประพฤติสิ่งที่เป็นประโยชน์แก่ผู้อื่น

      ๔) สมานัตตตา      ความเป็นคนมีตนเสมอไม่ถือตัว ฯ

๑๐.

๑๐.๑

อบายมุข คืออะไร ?


๑๐.๒

ดื่มน้ำเมามีโทษอย่างไรบ้าง ?

๑๐.

๑๐.๑

คือ เหตุเครื่องฉิบหาย ฯ


๑๐.๒

มีโทษ ๖ อย่าง คือ

      ๑) เสียทรัพย์

      ๒) ก่อการทะเลาะวิวาท

      ๓) เกิดโรค

      ๔) ถูกติเตียน

      ๕) ไม่รู้จักอาย

      ๖) ทอนกำลังปัญญา  ฯ

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น