วันอาทิตย์ที่ 25 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2567

สรุปนักธรรมชั้นโท หน้าที่ 5/11

 







Ø  ิย ปฏิปทาพระอริบุคคลป็นมณะ

. สันโดษด้วยจีวรตามมีตามเกิด                                     . สันโดษด้วยเสนาสนะตามมีตามเกิด

. สันโดษด้วยบิณฑบาตตามมีตามเกิด                                . ยินดีในการเจริญกุศลและในการละอกุศล (ปี 62) ปฏิปทาพระอริบุคู้เป็ณะ รีย่า ? มีรบาง ?

ตอบ เรียกว่า อริยวงศ์ มี คือ . สันโดษด้วยจีวรตามมีตามเกิด . สันโดษด้วยบิณฑบาตตามมีตามเกิด

. สันโดษด้วยเสนาสนะตามมตามเกิด . ยินดีในการเจริญกุศลและในการละอกุศลฯ

(ปี 55) อริยวงศ์คืออะไร มีกี่อย่าง ข้อที่ ว่าอย่างไร?

อบ คือ ปฏิปทาพระอริยบุคลป็นส มี าง                                      ข้ที่ ่า ยินดีใการเกุะในะอกุ

( 47) ภิกษุผูรับการิว่าด˚ารอยู่นอริยศ์ เพระเป็ู้ปฏิบัตย่างไ? มื่อด˚รงยู่ในริยศ์ถูต้อดีแ้วะได้รัอย?

เพราเป็ู้สัโดษด้วจีวร บิณฑบาต ตามตาด้ แลยิดีในารริกุลแะในาระอกุ ยกตนขู่้อื่น ม่เกียจ คร้าน มีสมปชัญญะ มีสติ

ย่อมไคือคุขจแลอดโร่งจเพราะคามปะพฤตดีปฏิบัติชบขตน แลต้ออดร้อนจเพระควาดื้อเนืด้วยการ

แสวงหาไมสมควรและประพฤติเสยหายโดยประการต่างๆ ย่อมครอบง˚าความยินดีและความไม่ยินดีเสยได้ ความยินดีและความไม่ยินดีก็ไม่อาจ

ครอบง˚าท่านได้ และใครๆ ก็ไม่อาจติเตียนท่านได้

(ปี 43) อัปมัญา ับมวหาร ต่างันย่า ?  อะไรีย่า ริศ์ ? เป็นเท่า ? อะไรบ้าง ?

ตอบ ต่างกันอย่างนี้คือ อัปปมัญญาได้แก่การแผ่โดยไม่เจาะจงตัว และไม่มีจ˚ากัด ส่วนพรหมวิหารได้แก่การแผ่โดยเจาะจงตัว หรือโดยไม่เจาะจงตัว แต่ยังจ˚ากัดมุ่งเอาหมู่นี้หมู่นั้น

ปฏิปทาพระอริยบุคู้เป็นียกว่า อรศ์ แจกป็น คือ . สันดษด้วยจีมีตามเก

. สันดษด้วยบฑบตตมมีตมเกิด  . สัโดษด้ยเาสามมีตมเกิด  . ยิดีในารกุศะในะอกุ

 

Ø  อัปปมัญญา (ไม่มีขอเข, มีปรมา) รมคือมต รุณา มุทิตา ุเบกขา ที่่ไรพสัตวทัหลายย่ามีขอเขต

.   เม ความรักร่ ,ความหวัดี หรือรถนาให้ผู้อื่นเป็ุข

.   กรุ าร หรือาราใหื่พ้จากความทุข์ หรามป

.   มุทิ พลอยยิดี หรือยิดีเมื่ื่มีความุข

.   อุบก วาเฉย หรือใจเป็นลาเมื่อเห็นว่ัตวกย่มเป็นไามรม ม่อาจ่วยเือได

(ปี 61) เมตตา มีความหมายว่าอย่างไร ? เมตตาในพรหมวิหารและในอัปปมัญญา ต่างกันอย่างไร ?

ตอบ มีความหมายว่า ปรารถนาความสุขความเจริญต่อผู้อื่นด้วยความจริงใจ

ต่างกัโดยวิธี คือ ่โยเจง็ดี โดม่เะจงก็ดี จัเป็นรหมวิห                                         ถ้าแผ่โดยม่เม่จ˚ากัด ดเป็นปมญา

(ปี 57) การแตาในมวิาร ับัปปมัญ ต่างกัอย่า?

อบ พรหมวิหาเป็นกรแตตดยเจจงตัว หรเจาจงมู่คณะ ่วนัปปมัญเป็นกรแเตาโเจาจงตัวไีจ˚ากัด

(ปี 54) เมตากับปานีมีคมายต่างกัหรเหมือกันย่ ? แลอยหนก˚าจดวิตกอ ?

อบ เมหมายถึความรักครหรือคามหวังดี านีหมยถึความปราาใหู้อื่พ้จากควมทุกเข้าลักะแห่ง เม˚าจัด


พยาบาวิตก านี˚าจัดวิหิาวตก (👉👉ตุ ˚


ในที่นี้ 👉ยถึ กุลวิ ด้แ ิตก 👉ิงสิต)


(ปี 49) พรหมวิหารกับอัปปมัญญา ต่างกันอย่างไร ? อย่างไหนเป็นปฏิปทาโดยตรงของภิกษุในพระธรรมวินัยนี้ ?

อบ ต่างกัโดยวิธี คือ แผโดเจาจงตัว็ดี โดม่จาะจตัวกดี ต่ย˚ากัหมู่นั้นมู่นี้จัเป็หมวิหาร


ถ้าแผ่โดยไม่เจาะจงไม่จ˚ากัด จัดเป็นอัปปมัญญา                                    อัปปมัญญาเป็นปฏิปทาของภิกษุในพระธรรมวินัยนี้

(ปี 43) อัปมัญา ับมวหาร กันย่ ?  อะไรีย่า ริยศ์ ? แจกเป็นเท่า ? อะไรบ้าง ?

ตอบ ต่างกันอย่างนี้คือ อัปปมัญญาได้แก่การแผ่โดยไม่เจาะจงตัว และไม่มีจ˚ากัด ส่วนพรหมวิหารได้แก่การแผ่โดยเจาะจงตัว หรือโดยไม่เจาะจงตัว แต่ยังจ˚ากัดมุ่งเอาหมู่นี้หมู่นั้น

ปฏิปทาพระอริบุคู้เป็นยกว่า อรยวศ์ แจกเป็น คือ . สันดษด้วยจีมมีตมเกิด

. สันดษด้วยบฑบตตมมีต                       . สัโดษด้วตามตามเก  . ยินดีในริกุแลรละอุศ

 

Ø  ทักขิสุทธิ ความบรุทิ์แหทัขิณา (ทัขิณา คือ ˚ุญ)

. ิสุทธิ์ฝ่ ่าปฏิคากไม่บิสุทธิ์                                        . ม่บริสุทธิ์ั้ง่ายก ่าปฏิคา

. ิสุทธิ์ฝ่ยปฏิค ่ายกม่บริสุทธิ์                                         . ิสุทธิ์ทั่ายก และฝ่ยปฏิคหก (ปี 56) ทัขิณาวิสุท มีรบ? อย่าหนห้อานิสงส์ากี่ส?

อบ         ทัาบาอย่าง บริุทายทา ม่บุท์ฝ่ายฏิคาหก

ทัขิณาบางย่าง บริุทยปคาหก ไม่ริุทยทายก ทัขิณาบางย่าง ม่บุท์ทั้ยทายก ทั้่ายฏิคหก ทัขิณาบางย่าง บริุท์ทั้่าทายก ทั้่ายปฏิคาหก อย่าที่ คือ ักิณาที่ริุท์ทัายทายก ทั่ายฏิคาหก

(ปี 54) ทัขิณา คือะไ? ทัานั้น จะบรุทิ์หรม่ริุทิ์ นฝ่ายทายกะในฝ่ายคาหนั้น มีป็เคื่อ?

อบ คือ ˚ุญ  ทัขิณาจบรุทิ์ มีศีมีกรมเปนเครื่อหมาย ทัขิณจะไม่บริ์ มีุศีลมีบาปธเป็เคื่อมา

(ปี 49) ทัขิณา คือะไร ? ทัขิณานั้น จะริุทิ์รือไม่ริุทิ์ มีอะเป็นเรื่อหมาย ?

คือ ˚ุญ มีศีมีกัยาทายก หรปฏคากฝ่าย่ายหนึ่ง เป็นเรื่อหมาให้รู้ว่า บริุทิ์ แลมีควมเป็ผู้ทุศีลละอธรม ทายกหรือปฏิคาห่ายใยหนึ่เป็นเคื่อายให้รู้ว่า ม่ริุทิ์

(ปี 46) ˚าว่า ทัขิณา ทัขิณวิสุทธิั้น หมายถึอะ ? ทัขิาจะไม่บรุทิ์ ริุทิ์ ˚าหู้ด้อย่าง ?

อบ หมายถึง ˚ุญ

˚าหนดรูด้อย่นี้                        ทั้ทายก ทั้ปฏิคาหกเป็นผู้ไม่บริ์ ักิณานั้น ื่อ่า ไม่บริุทั้สอ่าย ่ายใ่ายหนึ่งุทธิ์ ื่อ่าบริุทิ์ฝ่าเดียว

ทั้สอ่ายบุทิ์ ื่อ่าบริุทิ์ทั้่าย

 

 

Ø  อวิชชา ความไม่รู้

. ไม่รู้ในทุกข์                                       . ไม่รู้ในทุกขนิโรธ

. ไม่รู้ในทุกขสมุทัย                                  . ไม่รู้ในทุกขนิโรธคามินีปฏิปทา.

Ø  อวิชชา ความไม่รู้

. ไม่รู้จักทุกข์                                      . ไม่รู้จักความดับทุกข์

. ม่รู้จักเหกิดแ่งุก                              . ม่รู้จักทาถึงคามับทุกข

. ม่รู้จักอดีต คืม่ักสาว เมื่อบเห็นผปัจุบัน รู้กสาหาต้เค้าว่าอป็เหุใหเกิดีขึ้.

. ม่รู้จักอ คืรู้จักคิหน้า ไม่อาจปรรที่ท˚ เหตุอันเกิดขึ้นใปัจจุบันจักมเป็นย่างั้น.


. ม่รู้จักทั้งอทั้อนา คือไม่รู้จักยงเหตุในดีต นาคตให้เนื่อถึกัน.

. ม่รู้จักปุปบ คืรูจักก˚าหนดภาวะนั้น โดยควเป็นเหป็นลแห่กันะกัเนื่กันไป ดุจูกซ่เกี่ยวกันเป็นาย

( 61) ชช ข้ที่่า ไม่รู้จักนาคต มีอิบายว่าย่าง?

อบ มีอธบายว่า ม่ักคิล่วหน้า ไม่อาจปารารที่˚ หรือเหตุอันเกิดขึ้นนปัจจุบัน่าจัมีป็นย่างั้นๆ

 

Ø  โอฆะ กิเลสเป็นดุจกระแสน˚้าอนท่วมใจสัตว์ (กาม ภพ ทิฏฐิ และอวิชชา)

. กาโมฆะ โอฆะคือกาม                                                      . ทิฏโฐฆะ โอฆะคือทิฏฐิ

. ภโฆะ โอะคือภพ                                                        . ิช โอฆะคือวิ

Ø  อาสวะ กิเลสเป็นสภาพหมักหมมอยู่ในสันดาน

. กามาสวะ อาสวะคือกาม (อาสวะเป็นเหตุอยากได้)                                . ทิฏฐาสวะ อาสวะคือทิฏฐิ

. ภวาสวะ อาสวะคือภพ (อาสวะเป็นเหตุอยากเป็น)                                . อวิชชาสวะ อาสวะคืออวิชชาความเขลา

Ø  ยคะ กิเลเคื่อะกอบสตว์ไว้นภพ

.   กามโยคะ กิเลสเครื่องประกอบคือกาม (ตรึงให้ติดอยู่กับกามคุณ)

.   ภวยคะ กิเลเคื่อะกอบคืภพ (ให้ติดอยู่กับควมยินดีใอัตภาพขตน ตลจนใจ รูปภ อรูปภพ)

.   ทิฏฐิโยคะ กิเลสเครื่องประกอบคือทิฏฐิ (ตรึงให้ติดอยู่กับความเห็นผิดจากท˚านองคลองธรรม)

.   อวิชชาโยคะ กิเลสเครื่องประกอบคืออวิชชา (ตรึงให้ติดอยู่กับความหลง)

(ปี 60) ทิฏฐิ ความเห็นผิด ท่านเรียกว่า โอฆะ โยคะ อาสวะ เพราะเหตุใด?

อบ         ียกว่า โอ เพระเป็นดจกระ˚้าาัน่วมใจสตว์                                            ียกว่า คะ เพระปะกอบสัว์ไว้ใภพ เรียกว่า อาสวะ เพราะเป็นสภาพหมักหมมอยู่ในกระแสจิต

( 57) กิเ ื่อ่าโอฆะ คะ ะอาส เพระเหต?

อบ         ื่อ่าโอฆะ เพราดุจป็น˚าอัท่มใจสัตว์                                               ื่อ่าโยคะ เพระประกอัตวภพ ื่อ่าอาสวะ เพราเป็นภาพหมกหมมอยู่าน

(ปี 53) กาม ภพ ทิฏฐิ และอวิชชา ได้ชื่อว่า โอฆะ โยคะ และอาสวะ เพราะเหตไุ ?

อบ         ด้ชื่ว่าโอฆะ าะเป็ดุจก˚้าัน่วมใจสัตว์                                             ด้ชื่ว่าโย ราว์ไว้ใภพ ได้ชื่อว่าอาสวะ เพราะเป็นสภาพหมักหมมอยู่ในสันดาน

(ปี 44) กาม ภพ ทิฏฐิ อวิชชา เพราะเหตุไรจึงเรียกว่า โอฆะ โยคะ อาสวะ ? กิจในอริยสจแต่ละอย่างนั้นมีอะไรบ้าง ?

อบ         ียกว่า โอ ราเป็นดุจแสน˚้าอัน่วใจสัตว์                                           ียกว่า โย ราว์ไว้นภพ เรียกว่า อาสวะ เพราะเป็นสภาพหมักหมมอยู่ในสันดาน

มี คือ . ปริญา ˚าหนดรูทุขสัจ                      . ปหานะ มุทั  . ัจฉิก ˚าให้จ้งิโธสัจ  . ภาวนา ˚ามัคสัจให้เก

 

 

Ø  อบ ภูม ˚าเนิดหรือวก อัหาความเริมิด้

. นิรยะ นรก                                                 . ปิตติวิสัย ภูมิแห่งเปรต

. ัจานยนิ ˚าเนิดัจฉาน                                     . อสุรกาย ุร

(ปี 51) อบาย ได้แก่อะไร? มีอะไรบ้าง?

อบ ด้แก่ ภูมิ ˚าเนดหือวก หาความเริมิด้


มี     .นิรยะ คืนรก              .รัฉานโยนิ คื˚เนิดิัจฉาน                       .ปิติวิสัย คืมิแห่งเป                    .อสรกาย คืออสุ

( 45) อาหารขัตว์รก แลปรต คือะ? คนจ˚าพหนเปบเหืออสรกาย าย ? อบ อาหารขัตว์นรกคือกรม ่วนเปรตคือกะผลานี่ญาิม˚อุทิศห้ คนลอบ˚าโรกรรม หลฉกเอาทรัพย์ขู้อื่น เปรียบเอสุรกาย

 

Ø  ยนิ หรือเรียีกย่างหนึ่ว่า ก านิด

. ลาุช เกิดในรรภ์                             . สั เกิดในเถ้

. อัณฑชะ เกิดในไข่                                . โอปปาติกะ เกิดผุดขึ้น

(ปี 50) โยนิ คืออะไร ? มีอะไรบ้าง ? เทวดา และสัตว์นรก จัดอยู่ในโยนิไหน ?

ตอบ คือ ˚าเนิด มี .ชลาพุชะ เกิดในครรภ์ .อัณฑชะ เกิดในไข่ .สังเสทชะ เกิดในเถ้าไคล .โอปปาติกะ เกิดผุดขึ้น จัดอยู่ใน โอปปาติกะ

(ปี 43) ˚าเนิด มีอะไรบ้าง?

อบ ˚าเนิด คือ าพ เกิดนครภ์ ัณ เกดในไข่ เกิดในเถ้คล โอติกะ เกิุดขึ

 

 


Ø  อุปาทาน ความยึดมั่นถือมั่น (คือ ถือมั่นข้างเลว ได้แก่ถือรั้น)

.   กามุปาาน ความถืมั่นใกาม (ถืมั่นวัตถุกมด้วยอ˚จกาม


หา มกมุ่นอยู่ว่าั่น ป็น เหุอิาหรอหึ)


.   ทิฏฐุป ความถืมั่นใทิ (ถืมั่นความเห็ด้วยอ˚านาจหัวดื จนเป็นเตุเยงันะเะกั)

.   สีพพุป ความถืมั่นใพรต (ถืมั่นศพรต คือ รมเนยมที่เคยติาจนิน ด้วยอ˚านาจวามเชื่ว่าัง จน เป็นเหตุหัวดื้องมงาย)

.   อัทุป ความถืมั่าทะว่าตน (ถื ือเขาด้วยอ˚าจมานะ เป็เหุถื)

(ปี 64, 58, 43) อุปาทานคืออะไร? มีกี่อย่าง? อะไรบ้าง? การถือเราถือเขด้วยอ˚านาจานะ เป็นเหุถื จัดป็นุปาาน อุาทาน ? ตอบ คือการถือมั่นข้างเลว ได้แก่ถือรั้นฯ


มี อย่างฯ คือ .กามุปาทาน ถือมั่นในกาม .ทิฏฐุปาทาน ถือมั่นทิฏฐิ .สล จัดเป็นอัตตวาทุปาทานฯ

( 48) ทิฏฐุาทาน สีลัพปาาน คือ?


ัพตุปาทาน ถืมั่นศพรต .อัตวาทุปาาน ือมั่นาทะว่าต


อบ         ทิฏฐุาทาน คืถืมั่นความเห็ดด้วยอ˚าจหัดื้อ เป็นเตุเยงันทะเาะกั

สีลัพตุปาทาน คื ถืมั่นธรมเนยมที่เคยติาจนินด้วยอ˚นาจความเชื่ว่าัง เป็ตุหวดื้อมงาย

 

Ø  กินอริ ิ่ที่วรท˚ หรข้ที่ครปฏิบัติในริัจ

. ปริญญา ˚าหนดรู้ทุกขสัจ                          . สัจฉกรณะ ˚าให้แจ้งนิโรธสัจ

. ปหานะ ละสมุทัยสัจ                              . ภาวนา ˚ามัคคสัจให้เกิด

(ปี 62) กิจในอริยสจ มีอะไรบ้าง ?

อบ มี . ปริญา ˚าหนรู้ทุกัจ . ปหา มุทััจ . ัจฉิก ˚าให้แจ้นิรธัจ . ภาวนา ˚ามัคสัจให้เกิด

(ปี 44) กาม ภพ ทิฏฐิ อวิชชา เพราะเหตุไรจึงเรียกว่า โอฆะ โยคะ อาสวะ ? กิจในอริยสจแต่ละอย่างนั้นมีอะไรบ้าง ?


ตอบ        เรียกว่า โอฆะ เพราะเป็นดุจกระแสน˚้าอันท่วมใจสัตว์                                          เรียกว่า โยคะ เพราะประกอบสตว์ไว้ในภพ เรียกว่า อาสวะ เพราะเป็นสภาพหมักหมมอยู่ในสันดาน

มี คือ        . ปริญา ˚าหรู้ทุกัจ                  . ปหานะ ะสมุัจ               . ัจฉิรณะ ˚ห้แจ้นิโรธสัจ                   . ภาวนา ˚ามัคสัจใหเกิด

 

 

หมวด

Ø มาร        (ู้ฆ่า👉รือผู้ก˚าจ) ิ่ที่ล้าง˚าลายควาดี ักน˚ห้ท˚าบารม ปิดกั้ม่ให้˚าควาดี จนถึปิดกั้นไ่ให้เข้ารพสิ่ง ตามความเป็นจริง

. ขนธมาร มารคือขันธ์ (ปัญจขันธ์)                              . เทวปุตตมาร มารคือเทวดา

. กิเลสมาร มารคือกิเลส                                         มัจจุมาร มารคือความตาย

. อภิสังขารมาร มารคืออภิสังขาร

(ปี 63) มาร คือะรบ้าง ? ปัญจขัน ไดื่อ่าเป็นารราตุ ?

อบ คือ ขัธมาร ิเมาร ขารมา มัจุมาร เทวตตมาร

เพราะปัญจขันธ์นั้น บางทีท˚าความล˚าบากให้ อันเป็นเหตุเบื่อหน่ายจนถึงฆ่าตัวตายเสียเองก็มี

(ปี 61) มาร คืออะไรบ้าง ? กิเลสได้ชื่อว่ามารเพราะเหตุไร ?

ตอบ คือ ปัญจขันธ์ กิเลส อภิสังขาร มรณะ และ เทวบุตร

ื่อ่ามาร ราู้ที่ตกยู่ใน˚นาจแห่กิเแล้ว กิลสย่รัว้บ้าง ย่มท˚ห้ียคนบ้าง

(ปี 60, 55) ปัญจขันธ์ พระีพะภาคจ้าตว่าเป็มาร มีธิบว่าย่างไร ?

อบ มีอธิบาย่า ปัญจขันนั้น บาที˚าความล˚าบาก บาที˚าให้เกดความบื่หน่ จนฆ่าัวก็มี

(ปี 59, 48) มัจจุมารได้แก่อะไร ? ได้ชื่อว่าเป็นมารเพราะเหตุไร ?

ตอบ ได้แก่ความตาย  ชื่อว่าเป็นมาร เพราะเมื่อความตายเกิดขึ้น บุคคลย่อมหมดโอกาสที่จะท˚าประโยชน์ใด อีกต่อไป

(ปี 56) ในพระพุทธศาสนาพูดเรื่องมารไว้มาก อยากทราบว่า ˚าว่า มาร หมายถึงอะไร? กิเลสได้ชื่อว่ามารเพราะเหตุไร? ตอบหมายถึงสิ่งที่ล้างผลาญท˚าลายความดี ชักน˚าให้ท˚าบาปกรรม ปิดกั้นไม่ให้ท˚าความดี จนถึงปิดกั้นไม่ให้เข้าใจสรรพสิ่งตามความเป็นจริงฯ เพราู้ที่ตกยู่ใน˚นาจขกิเแล้ว ย่อมะถูกผูกมว้บาง ูก˚าให้เสียนบ้าง

(ปี 52) มารมีอะไรบ้าง อกุศลกรรมจัดเป็นมารประเภทใด?

ตอบ มีดังนี้              .ขันธมาร มารคือปัญจขันธ์                     .กิเลสมาร มารคือกิเลส                    .อภิสังขารมาร มารคืออภิสังขาร

.เทวปุตตมาร มารคือเทวดา                      .มัจจุมาร มารคือความตายฯ                                         อกุศลกรรมเป็นมารประเภทอภิสังขารมาร

(ปี 49) มาร คืออะไร ? เฉพาะอภิสังขารมาร หมายถึงอะไร ?

ตอบ คือ สิ่งที่ล้างผลาญท˚าลายความดี ชักน˚าให้ท˚าบาปกรรม ปิดกั้นไม่ให้ท˚าความดี จนถึงปิดกั้นไม่ให้เข้าใจสรรพสิ่งตามความเป็นจริง หมายถึง อกุศลกรรม

(ปี 46) ปัญจขันธ์ ได้ชื่อว่า มาร เพราะเหตุไร ? กิเลสมาร และมจจุมาร จัดเข้าในอริยสจข้อใดได้หรือไม่ ? เพราะเหตไุ ?

ตอบ เพราะบางทีท˚าความลาบากให้ อันเป็นเหตุเบื่อหน่าย จนถึงฆ่าตัวตายเสียเองก็มี

ด้ กิมาร ดเข้าุกทัยสัจ เพราะกิลสเป็เหุใหเกิทุข์ มัจจุมาร จัดข้าุก เพราเป็ตัวทุข์

(ปี 44) กร่ายอกุดเป็นมรอะไรในมาร ? เพราตุไรจด้ชื่ว่ามาร ?                                            ุทาวาสมีกี่ั้น ? อะรบ้าง ? เป็นที่เกิดขใคร ?

อบ จัดป็นภิรมาร ที่ด้ชื่ว่ามารเพ˚ห้เป็ู้ทุร

มี ั้น               คือ . ิหา . อตัปปา . ุทัส . ุทั . ฏฐา                                    เป็นที่เกิดขาคมี

Ø  วิ ความรู้แจ้อารม

. ุวิ ความรู้อตา                                . ิวิญญ ความรู้อาิ้น

. โสตวิญญาณ ความรู้อารมณ์ทางหู                                 . กายวิญญาณ ความรู้อารมณ์ทางกาย

. ฆานวิ ความรู้อจมูก

Ø สัญญา ๑๐ ความก˚าหนดหมายรู้ เป็นแนวส˚าหรับยกพิจารณาในการเจรญวิปัสสนากรรมฐาน เพื่อท˚าให้เกิดปัญญารอบรู้สังขารธรรรม ทั้งหลาย

.  อนิจจสัญญา ˚าหนดพิจารณาขันธ์ ให้เห็นของไม่เที่ยง

.    อนัตตสัญญา ˚าหนดพิจารณาอายตนะภายในและอายตนะภายนอก ให้เป็นอนัตตา

.  อสุภสัญญา ˚าหนดพิจารณาร่างกาย ให้เห็นเป็นของสกปรก

.  อาทีนวสัญญา ˚าหนดพิจารณาร่างกายโดยความเป็นโทษ

.    ปหานสัญญา ˚าหนดพิจารณาเพื่อละอกุศลวิตกรวมไปถึงอกุศลธรรมทั้งหลายให้หมดสิ้นไป

.  วิราคสัญญา ˚าหนดพิจารณาวิราคะ

.   นิโธสญญ ˚าหนดหมยนิโเป็นธรมอันลเอียดณีต เปนธรรมที่ดับกเลสแะกอทุข์

.  สัพพโลเก อนภิรตสัญญา ˚าหนดพิจารณาเพื่อละอุบายและอุปาทานในโลก

.   สัพพสังขาเรสุ อนิฏฐสัญญา ˚าหนดพิจารณาในสังขารทั้งหลายที่เป็นไปตามกฏธรรมดา

๑๐. อานาปานสติ การตั้งสติก˚าหนดดูลมหายใจเข้า-ออก

(ปี 58) ชิวหาวิญญาณ และกายวิญญาณ เกิดขึ้นได้เพราะอาศัยอะไรบ้าง ?

อบ ิวหาวิญญาเกดขึ้น เพระอาศัยิ้นกัรส (ะทบกั) ะกายวิญเกิดขึ้น เพระอาศยกายกัฏฐัพ (กระ)

(ปี 47) วิญญกัสัญ ˚าหน้าี่ต่างกัอย่า ?

อบ ˚าห้าที่ต่ากันย่านี้คือ ิญ˚าห้าที่รู้แจ้รม์ทีเกดขึ้น เมื่อายตะภายในะอาตนะยนอมากะทบกัน ่น เมื่อรูปมา กระทบตา เกิดการเห็นขึ้นเป็นต้น

่วนสัญา ˚าหน้าี่จ˚ด้มายรูเท่านั้นคือหมารู้ว้ซึ่รูป ียง ิ่น รส ฏฐัพ ่า เขียว ขาว ˚ ดง เบาป็นต้น

 

Ø  มัจฉริยะ ความตระหนี่ การหวงแหนไม่อยากให้

. ัจิยะ ะหนี่ที่ยู่                         . วัมัิยะ หนี่วร

. กุลมัจฉริยะ ตระหนี่สกุล                           . ธัมมมัจฉริยะ ตระหนี่ธรรม

. ลาภมัจฉริยะ ตระหนี่ลาภ

(ปี 58) ธรรมมัจฉรยะ ความตระหนี่ธรรม มีอธิบายอย่างไร ?

อบ มีอธิบาย่า ามหวง หวศิลปวิยา รารถนจะดงจะบอแก่คอื่น เกรง่าเขารู้ทียตน

(ปี 45) กุลมัจริย นี่ตะก คือย่า ? ครูศิษย์ ปิดบัง˚าพรางครู้ ไม่บห้สิ้เชิง จัดเข้าใมัจริยะข้อไหน ?

อบ คือหแหนตระกูม่ยใหะกอื่มาเกียวดอด้วย ถ้าป็นบรริตก็หวอุัฏฐาก ม่พใจห้ไปบ˚ารุงภิกษุื่น ธัมมัฉริย

 

 

Ø  สุทธาาส ภูมเป็นที่ยู่ขท่าู้บรุทิ์ ็นื่องหมอัเป็นที่เกิดละที่อองะอามี

. ิหา                 . อตัปปา                 . ุทั                 . ุทั                  . ฏฐา

(ปี 44) กร่ายอกุดเป็นมรอะไรใมาร ? เพราตุไรจด้ชื่ว่ามาร ?                                            ุทาวาสมีกี่ั้น ? อะรบ้าง ? เป็ี่เกิดขอใคร ?


อบ จัดป็นภิรมาร ที่ด้ื่่ามาเพาะท˚ให้เป็ู้ทุร

มี ั้น               คือ . ิหา . อตัปปา . ุทัส . ทั . ฏฐา                                    เป็นที่เกิดขพระอนาคมี

 

Ø  สังวร การส˚ารวมระวังปิดกั้นอกุศล

. สีลสังวร ˚ารวมด้วยศีล                                        . ขนติสังวร ˚ารวมด้วยขันติ

. สติสังวร ˚ารวมด้วยสติ                                        . วิริยสังวร ˚ารวมด้วยความเพียร

. ญาณสังวร ˚ารวมด้วยญาณ

(ปี 64, 62) สังวรคืออะไร ? สติสงั วร ˚ารวมด้วยสตินั้น มีอธิบายอย่างไร ?

อบ คือ การ˚ารวัปิดกั้นกุศล มีอธิบาย่า ˚รวมอินย์มีจักุเป็นต วัรักษามิให้ศลรมเข้ารอบ˚ เมื่อเห็ป็นต ทั้มี ติไม่ฟั่เฟือหลืม ด้ก่นแต่ท˚ พูด คิด ไม่ใหิดทากายาจาใจ ม่มา˚รรมั่ว

(ปี 43) การวัปิดกั้นศลกว่าะไ? มีเท่? อะ? ติวร ˚รวด้วยตินั้น มีิบายอย่า ?

อบ ียกว่า วร มี คือ  . ˚ารด้วยศ  . ติวร ˚รวด้วยติ  . าณวร ˚มด้ว

. ขัติวร ˚ารมด้วยขัติ  . วิริยวร ˚ารด้วยควาเพียร มีอธิบาย่า ˚มอินรีย์มีจุเป็นต้นระวัรักษมิให้กุศลรมเขครอบ˚ เมื่อเห็รูปเป็นต้น ทั้ติม่ฟั่นฟืืม ึกไ้กแต่ท˚ พูด คิด ไม่ใหิดทากาย าจา ไม่ปะมาท˚รรมั่ว

 


หมวด

Ø  ธรรมคุณ คุณความดีของพระธรรม

.   สฺวากฺข  ภคว  ธมฺ เป็นธรรมทีู่้มีาคเจ

.   สนฺทิฏฺฐิโก  เป็นสิ่งที่ผู้ปฏิบัติจะพึงเห็นผลด้วยตัวเอง

.   อกาลิโก เป็นสิ่งที่ไม่ประกอบด้วยกาลเวลา

.   หิปสฺสิโก เป็นสิ่ที่ค่าวกัู้อื่ว่า ท่าจงมาดูเถ

.  โอปนยิโก เป็นสิ่งที่ควรน้อมเข้ามาใส่ตัว

.   ปจฺ  ทิฺโ วิฺญู เป็นสิ่ที่ผู้รู้พึรู้ตน


 

ไว้ดีแล้ว


(ปี 61, 56) ธรรมคุว่า "รมอัพรู้มีคเจ้ดีแ" ะธรมนั้น หมายถึ ?

อบ หมายถึง ปริยัติธรม ับ ฏิเธร (หรือโยพิดาด้แก่ ัท คือ โลกุรธรม กับ ปริยัติธรม )


(ปี 54) นมัสรพรมว่า สฺวากฺาโต ภคตา มฺโ มฺม˚ ฺสมิ ข้าเจ้านที่่า ัสดี้ว ั้นมีอิบายอย่?


การรมอัพรู้มีพะภเจ้าดี


อบ มีอธิบายย่างี้คือ ดีทั้่วนริิแดีทั้่วนฏิเวธ นส่วนปริยั ด้ชื่ว่าดีเพาะม่วิริต เพาะแดง้อฏิบั ดย˚ดับ กัน มีความราะในเบื้อต้น ท่มกลาง ที่สุด พร้อมั้อรรั้ บรุทิ์บริบู์สิ้เชิง ่วนฏิเนั้ด้ชื่ว่าดี เพรปฏิปทา กับพระนิพพานย่อมสมควรแก่กันและกัน

( 49) พระธรรมคุใด มีควมหมากับค˚่า ท้าห้มาพิน์ไ? พระคุณบนั้น มีธิบายว่าย่างไร ?

อบ ว่า เอหิปัสิโก    มีอธิบาย่า ะธขอพรมาัมพุธเจาสมาี่จะให้พน์ไ้ทุเวาแมา˚ปปะพฤติชีวิตประจ˚าวันเพื่อประโยชน์สุขได้

(ปี 47) พระธรมณบว่า ฺวากขาโต ภคว มฺโ ะธรมอัพระีพรภาคจ้าดี้ว ที่่า ดีแล้ว นั้มีอธิบายย่าง ?

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น