วันอาทิตย์ที่ 25 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2567

สรุปนักธรรมชั้นโท หน้าที่ 4/11

 








ตอบ จัดเข้าในธัมมาธิปเตยยะได้

(ปี 62, 44) าว่า อธิปเตยยะ แปลว่าอะไร? มีอะไรบ้าง?

ตอบ แปลว่า ความเป็นใหญ่ มี คือ .อัตตาธิปเตยยะ ความมีตนเป็นใหญ่                                       . โลกาธิปเตยยะ ความมีโลกเป็นใหญ่

. ธัมมาธิปเตยยะ ความมีธรรมเป็นใหญ่

(ปี 55) ู้มีอัตาธิปตยะกับผู้มธัมมาธิปเยยะ ความมุ่งหนการท าานต่างันย่างไ?

ตอบ ผู้มีอัตตาธิปเตยยะปรารภภาวะของตนเป็นใหญ่ าด้วยมุ่งให้สมภาวะของตน ผู้ท ามุ่งผลอันจะได้แก่ตน หรือมุ่งความสะดวกแห่งตน

ส่วนผู้มีธัมมาธิปเตยยะ าด้วยไม่มุ่งหมายอย่างอื่น เป็นแต่เห็นสมควรเห็นว่าถูกก็ท หรือท าด้วยอ านาจเมตตากรณาเป็นอาทิ

 

 

Ø  ญาณ ความรู้แจ้งในอริยสัจ

. สัจจญ               ปรีชาหยั่รู้อรัจ                . กิ ปรีชาหยั่รู้กิอัควรท า                         . ญา  ปรีชาหยั่รู้กิจอัน าแล้ว

 

อริยสัจ ญาณ

สัจจญาณ

กิจจญาณ

กตญาณ

ทุกข์

รู้ว่าความเกิด

เป็นต้น เป็นุก

รู้ว่าทุกข์

ควรก าหนดรู้

รู้ว่าทุกข์

ได้ก าหนดรู้แล้ว

สมุทัย

รู้ว่า  หาเป็น

เหตุเกิดทุกข์

รู้ว่าสมุทัย

ควรละ

รู้ว่าสมุทัย

ได้ละแล้ว

นิโรธ

รู้ว่ความดัุก

คือารดับ  หา

รู้ว่านิโรธ

ควรท าให้แจ้ง

รู้ว่านิโรธ

ได้ท าให้แจ้งแล้ว

มรรค

รู้ว่ามรรค คือ

เป็นทางดับทุกข์

รู้ว่ามรรค

ควรเจริญ

รู้ว่ามรรค

ได้เจริญแล้ว

 

(ปี 61, 56) ญาณ ี่เป็ทุขสมุทยสัจ มีอธิบายย่าง?

อบ มีอธิบาย่า            . ปรีหยั่งรู้ว่า นีุ้กมุทัย เปนเหตุใหุ้ก์เกิดริง จัดเป็ัจาณ

. ปรีาหยั่งรู้ว่ ี้ทุมุทัย ดเป็นญาณ

. ปรีาหยั่งรู้ว่า ี้ทุมุทัย ด้แ้ว ป็น

(ปี 57) กตญ เป็ริัจ ย่างไ?

อบ ปรีชาหยั่รู้ว่า ุก์ควรก านดรู้ด้ก าหนรู้แ้ว ทุมุทัยทีวร้ว ทุิโี่ควท าห้แจ้ด้ท าให้จ้ง้ว ทุรธคามินี ปฏิปทาที่ควรเจริญได้เจริญแล้ว

(ปี 55) ทีเป็ุกัจ มีอิบายอย่า?

อบ มีอธิบาย่า            . ปรีชาหยั่รู้ว่า นีุ้ก จัดนสัจจ

. ปรีหยั่รู้ว่า ุกจเป็ควรก าหนดรู้ ดเป็นิจ

. ปรีชาหยั่รู้ว่า ุกที่ครก หนดรู้ ด้ก าหนรู้แ้ว ดเป็นญาณ

( 53) ทีเป็ริย มีอะรบ้า? ที่เป็ุกนิโรธสัจมีอิบายย่างไ?

อบ มี . สัจญาณ รีาหยั่งรูอริยัจ                              . ิจจญ ปรีชาหยั่รู้กิจอันวรท า                              . ปรีชาหยั่รู้กิจอัน าแล้ว มีอธิบาย่า                        . ปรีาหยั่งรู้ว่า นีุ้กนิโรัจ จัดเปนสัจญ

. ปรีชาหยั่รู้ว่า ทุิโัจเปนสาพี่ควรท าห้แจ้ง จัเป็นกจจญ


. ปรีชาหยั่งรู้ว่า ทุกขนิโรธสัจที่ควรท าให้แจ้ง แล้ว จัดเป็นกตญาณ


(ปี 51) กิจจญาณ คืออะไร? เป็นไปในอริยสจ

ตอบ คือ ปรีชาหยั่งรู้กิจอันควรท


อย่างไร?


ปรีชาหยั่รู้ว่              ทุข์เป็นาติที่ควรก าหนรู้                      ทุขสมุทัยเป็นธรมชาติที่ค                      ทุิโธเป็นธาติที่ครท าให้ทุิโธคามินีปฏาเป็นธาติที่ควรท าห้เกิด

(ปี 46) ญาณ ี่เป็นไป มีะไรบ้าง ? ี่เป็ุกนิโร มีอธิยอย่า ?

อบ มี  . สัจ ปรีชาหยั่รู้อัจ                            . ิจจญ ปรีชาหยั่รู้กิจอันวรท า                              . รีชาหยั่รู้กิจัน าแล้ว มีิบายอย่านี้                        . ปรีชาหยั่รู้ว่า นีุ้กนิรธ จัดป็นสัจจาณ

. ปรีชาหยัรู้ว่า ุกนิรธ เป็นภาพที่ครท าให้แจ้ง จัดป็กิจจญาณ

. ปรีชาหยั่รู้ว่า ุกนิรธ เป็นภาพที่ครท าให้แจ้ง าให้จ้ง จัดป็นาณ

(ปี 45) ี่เป็นจตุรริยัจ มีบ้าง ? ญาณ ี่เปนไปในุกมุทัยมีอธิบยอย่า ?

อบ ญาณ ี่เป็นจตราริัจ มี . สัจ ปรีชาหยั่รู้อ                                         . จญ ปรีชาหยั่รู้กิจอันวรท า

. กตญาณ ปรีชาหยั่งรู้กิจอันท าแล้ว

ญาณ ี่เป็นไมุทัย ดันี้                      . ปรีชาหยั่รู้ว่า นีุ้กมุทัย ดเป็นสัจญ

. ปรีชาหยั่รู้ว่า ุกมุทัย เป็ภาพทีควีย จัเป็นกิจาณ

. ปรีชาหยั่งรู้ว่า ทุกขสมุทัยที่ควรละๆ ได้แล้ว จัดเป็นกตญาณ

(ปี 43) ปรีชาหยั่รู้อจัดป็นจญ ? ิกาคือะไร ? มีเท่ ? อะรบ้าง ?

อบ ปรีชาหยั่รู้ว่า ุก์เป็นธรมชาติที่ครก าหนรู้ ทุขสมุทัป็นสภาพี่คว ุกนิรธป็นสภาพี่ควรท าห้แจ้ง ุกนิโธคามินี ปฏิาเป็นรมาติที่ครท าใหกิด จัดเป็นิจ

ปฏิปทาี่ตั้งไว้เพื่ศึก คืึกหรทวาปตาม ื่อ่าสิก มี ย่างคือ ธิสีลสิกขา ิกขาคืศีลยิ่ง ิจิติก สิกขาคืตยิ่ง

ิปัญญาสิก ิกขาคืปัญา

 

 

Ø  วัฏฏะ หรือเรียกว่า ไตรวัฏฏะ (วน,  การ👉มุนเวียนไปเป็นวงกลม) การหมุนเวียนไปตามอ านาจของกิเลส กรรม และวิบาก

. กิเสวัฏฏ                         . กัวัฏ                          . วิากัฏ

(ปี 63) กิเ รรม วิบาก ไดื่อ ัฏ ี่แปลว่าคามหมเวียน ยากทราบว่าหมุนเวียน ?

ตอบ อย่างนี้ คือ กิเลสเกิดขึ้นแล้วเป็นเหตุให้ท ากรรม ครั้นท ากรรมแล้ว ย่อมได้รับวิบากแห่งกรรม เมื่อได้รับวิบาก กิเลสเกิดขึ้นอีก วนกันไป อย่างนี้

(ปี 57) กิเ รรม วิบาก ไดื่อ ัฏ เพาะเตุไ? จะให้าดด้วยอ?

อบ เพราหมุเวียนกันไป คืกิลสเกดขึ้นแล้วป็นเหตุให้ท า ครั้นท าก้ว ย่อรับวิบาแห่กรร เมื่รับวิบาก กิเกดขึ้นีก วนกันไปอย่างนี้      ด้วยอรหัตตมรรค

(ปี 54) ไตรวัฏฏะ อันได้แก่ กิเลสวัฏฏะ กัมมวัฏฏะ วิปากวัฏฏะ มีสภาพเกี่ยวเนื่องวนกันไปอย่างไร? ตัดให้ขาดได้ด้วยอะไร?

ตอบ อย่างนี้คือ กิเลสเกิดขึ้นแล้วให้ท ากรรม ครั้นท ากรรมแล้ว ย่อมได้รับวิบากแห่งกรรม เมื่อได้รับวิบาก กิเลสก็เกิดขึ้นอีก วนกันไปอย่างนี้ ได้ด้วยอรหัตตมรรคญาณ

(ปี 51) กิเลส กรรม วิบาก เรียกวาวัฏฏะ เพราะเหตุไร? จงอธิบาย ตอบ เพราะวน คือหมุนเวียนกันไป อธิบายว่า กิเลสเกิดขึ้นแล้วให้ท ากรรม ครั้นท ากรมแ้ว ย่อรับวิบาห่กรร เมื่บวิบาก กิเเกิขึีก วนันไปอย่างี้


Ø  อกุศลวิตก ความตริในทางไม่ดไี ม่งาม

. กามวิตก ความตริในทางกาม       . พยาบาทวิตก ความตริในทางพยาบาท       . วิหิงสาวิตก ความตริในทางเบียดเบียน (ปี 64, 63, 59) ความติใ่ายชั ียว่าะไร? มีกี่อย่า? อะรบ? [ปีถาม ความคิดที่ฝยอศุล เรีย่าะไ? มีกี่อย่า? อะบ้า?] ตอบ เรียกว่า อกุศลวิตก มี อย่าง

คือ . กามวิตก ความตริในทางกาม                      . พยาบาทวิตก ความตริในทางพยาบาท                              . วิหิงสาวิตก ความตริในทางเบียดเบียน

( 54) เมตากับานีมีคมายต่างกัหรเหมือกัน ? แลอย่าหนก าจดวิตกอ ?

อบ เมหมายถึความรักครหรือคามหวังดี านีหมยถึความปราาใหู้อื่พ้จากควมทุก์เข้าลักะแห่ง เมตตา าจัดพยาบาทวิตก         ปรานีก าจัดวิหิงสาวิตก ฯ (👉มายเ👉ตุ ˚าว่า เมตตา กับ ปราณี ในที่นี้เป็นธรรมที่อยู่ใน อัปปมัญญา ) (ปี 49) อกุศลวิตก มีโทษอย่างไร ? แก้ด้วยวิธีอย่างไร ?

ตอบ        กามวิตก                  าใจให้เศร้าหมอง เป็นเหตุให้มัวเมาติดอยู่ในกามสมบัติ พยาบาวิตก      ท าห้เือดร้อนวนะวายใจ คิดท าร้าู้อื่น

วิหิาวตก                ย่อมครอ จิต ให้คดเบีเบียู้อื่โดเห็นแก่ะโยช์ส่วตัว กามวิตก        แก้ด้วยการจริญายคตติุภกัมัฏฐาน

พยาบาทวิตก              แก้ด้วยการเจริญเมตตาพรหมวิหาร

วิหิาวิตก                แก้ด้วยการจริญรุณารหมวิรแโยนิิการ

 

Ø  กุศลวิ ความติใทาาม

(ปี 56) กุศลวิตก มีอะไรบ้าง? สงเคราะห์เข้าในมรรคมีองค์ ข้อไหนได้?

ตอบ มี   . เนกขัมมวิตก ความตริในทางพรากจากกาม

. ความติใพยาบาท

. ิหิสาวิ ความติใทาม่เบียเบียน เคะห์เข้า้อ มากัป

 

Ø  สังขาร มี . กายสังขาร สภาพอันแต่งกาย                           . วจีสังขาร สภาพอันแต่งวาจา                    . จิตตสังขาร สภาพอันแต่งจิต

(ปี 58) ขาร รชื่ว่าายขาระวจขาร ? เพราหตุไรจึงไดื่อย่างนั้น ?

อบ มอัสสาะปั ด้ชื่ากายสขาร รารนปรือายห้เป็นอยู่ วิตก กับิจาร ด้ชื่ว่าจีสขาร เพรริแ้วรอแล้วจพูด ไม่เช่นนั้นวาจานั้นจักไม่เป็นภาษา

 

Ø  อภิสังขาร สภาพผตกแต่ง สภาพที่ปรุงแต่งผลแห่งการกระท าของบุคคล หรือ เจตนาที่เป็นตัวการในการท ากรรม

.  ปุญญาภิสังขาร อภิสังขารคือบุญ [ปรุงดี]

.  อปุญญาภิสังขาร อภิสังขารคือบาป [ปรุงชั่ว]

.   อเนญชาภิสังขาร อภิสังขารคืออเนญชา [ความตั้งใจปรุงแต่งให้เป็นบุญอย่างมั่นคงไม่หวั่นไหว เช่น สมาธิฌาณ ฌาณ ]

(ปี 54) พระบีว าปจฺจยา ฺขารา เพระอวิาเป็นปัจจัย จึงมีสังขาดังนี้ ค าว่า ขาหมายถึอะ? ด้แก่อรบ?


ตอบ หมายถึงสภาพผู้ปรุงแต่ง ได้แก่ . ปุญญาภส

. อเนญชาภิสังขาร อภิสังขารคืออเนญชา


ขาร อภิสรคือบุญ  . ุญาภขาร อภิสขารคือบาป


Ø  ภพ โลกเป็นที่อยู่ต่างชั้นแห่งหมู่สัตว์

. กามภพ ภพเป็นกามาวจร                           . รูปภพ ภพเป็นรูปาวจร                             . อรูปภพ ภพเป็นอรูปาวจร

Ø  ภูม ภาวะอันปรขึ้ปเป็ั้น ห่จิตแจต

. กามาภูม ั้น่อเที่ยวยู่ในาม                               . ูปวจภูม ั้น่อเที่ยวยู่อรูป

. ูปวจภูม ั้น่อเที่ยวยู่นรูป                                 . ภูม ั้น้นจาก

(ปี 53) ภพกับภูมิต่างกันอย่างไร? มีอย่างละเท่าไร?

อบ ภพ หมายถึกเป็ี่อยูั้นแหหมู่ัตว์ มี                                        ภูม หมายถึภาะอันปรีตขึ้ปเป็นั้น แห่จิตแะเิก มี

 

Ø  วิช ความรู้แจ้หรือคมรู้ทีพิเศษ ที่เกิดแก่พุเจ้าในวัรู้

.   ปุนิวาสานุสิญ ญาณป็นเหตุให้ึกตชาติด้

.   จุตูปปาตญาณ ญาณเป็นเหตุให้รู้จุติและอุบติแห่งสัตว์ทั้งหลาย

.   สวักยญ เป็นหตุใหิ้นาสวะ

(ปี 52) อาสวักขยญาณ รู้จักท าอาสวะให้สิ้น อธิบายอย่างไร?

อบ มีอธิบายย่างี้ รู้ัดตามว่า นีุ้ก ี้ทุขสมุทัย นีุ้กนิโร นีุ้กนิโรธคามินีฏิปทา เหนี้าสวะ ี้เตุเกิวะ


นี้ความดับอาส นี้ถึมดับาส เมื่อรูเห็นอยนี้จิตพนแล้วจากกามวะ ภววะ

(ปี 47) าว่า ทิพพจักษุ คือ ตาทิพย์ ในนิทเทสแห่งวิชชา หมายถึงเห็นอย่างไร ?


ชาสวะ


อบ หมายถึการเห็นหลัตว์ทีก าลังจุติ ก าลังเก ดี มีิว ิวรณไม ด้ด ยาก รูชัว่าเ่าว์เป็ปตา

 

Ø  ฏิหาิยะ ือ ฏิหาิย์ ความอัศจรย์

. อิทธิปาฏิหาริยะ ฤทธิ์เป็นอัศจรรย์

. อาเทสนาปาฏิหาริยะ ดักใจเป็นอัศจรรย์

.   อนุสาสนีปาฏิหาริยะ าสอนเป็นอัศจรรย์

(ปี 62, 44) ปาฏิหาริย์คืออะไร ? พระพุทธเจ้าทรงยกย่องปาฏิหาริย์อะไรว่าเป็นอัศจรรย์ยิ่งกว่า ปาฏิหาริย์อื่น ?

อบ คือ การกระท าี่ให้บัเกิเป็นอัศย์ ทรยกย่อาสนีปาฏิาริย์ว่เป็นอัศจย์ยิ่งว่าปาฏิหา์อื่น

(ปี 60) ปาฏิหริย์มีอบ้าง ? มจึงยกย่อุสนีปฏิหา์วาอัศจรรย์ ?

อบ มี ย่าง คือ . ิทิปฏิหาริย ิ์เป็นอัศจรย                               . าเทสนาาฏิหริย รู้ใจเป็นจรรย

. อนุสาสนีปาฏิหาริย์ าสอนเป็นอัศจรรย์

เพราอาจจูู้ฟัให้เห็นคล้อยตาม ะควมชั่ท าความดี ตั้งแต่ขันต ่าคือารถึงสรณะแักาศ ตลอดถึขั้คือมนินไ

(ปี 51) ปาฏิหาริย์ มีอะไรบ้าง? อย่างไหนเป็นอัศจรรย์ที่สุด?

อบ มี  . ิทปาฏิหาริย ิ์ป็นัศจรรย                          . าเทสนาาฏิหริย รู้ใจเป็นจรรย                      . าสนีปฏิหริย เป็นอัศย์ นุสานีปฏิหา เป็นอัศจี่ส

( 44) ปาฏิหริย์คื? พุธเจ้ากย่อฏิหริย์อรว่าเป็นัศจรย์ยิ่งว่าปฏิหาอื่น?

พุทธจริยา และพุทธิจรต ต่างกันอย่างไร ?

อบ คือ การกรท าี่ให้บัเกิดผลเป็นัศย์ รงยย่อาสนีปาฏิาริย์ว่เป็นอัศจรย์ยิ่งว่าปาฏิหาอื่น พุธจริยา คืพระจยาขพรพุธเจ้า      พุธิจริต คืู้มีควมรู้เป็นปติ


Ø  อัค ิเที่ดเาใจห้เร้อน มี  . ัคคิ ฟคืราคะ                                      . ทสัคคิ ฟคืโทส                   . มหัคคิ ฟคืโม

( 50) พระพุธเจ้าทรงุปมากลสหลหนว่ามักะเมือนับไ?  ที่รงปมาเ่นนั้เพราหต?

ตอบ กิเลสเหล่านี้ คือ ราคะ โทสะ โมหะ

เพรามื่อกิเทั้ง นี้ องใดหนึ่เกิดขึ้นภายใจบุคคล จะาก่ให้เกิดคามาร้อขึ้ยใน

 

Ø  กรรม การกระท˚

. กายกรรม กรรมที่ท˚าด้วยกาย                        . วจีกรรม กรรมที่ท˚าด้วยวาจา                        . มโนกรรม กรรมที่ท˚าด้วยใจ

Ø  กรรม ๑๒

หมวดที่ ให้ผลตามคราว (*กรรมที่จัดตามช่วงเวลาของการให้ผล*)

.  ทิฏฐธรรมเวทนียกรรม กรรมให้ผลในภพนี้

.  อุปปัชชเวทนียกรรม กรรมให้ผลในภพหน้า

.  อปราปรเวทนียกรรม กรรมให้ผลในภพต่อๆ ไป

.   หสิกร กรรมให้แล้ว                       [กรรมเิก]

หมวด ให้ผลตามกิจ (*กรรมที่จัดตามหน้าท*)

. ชนกกรรม กรรมแต่งให้เกิด

.  อุปัตถัมภกกรรม กรรมสนับสนุน

.  อุปปีฬกกรรม กรรมบีบคั้น

.  อุปฆาตกกรรม กรรมตดรอน

หมวด ให้ผลตามล าดับ (*กรรมที่จัดตามการให้ผลตามล าดับความหนักเบาของกรรม*)

.  ครุกรรม กรรมหนัก

๑๐. พหุลกรรม กรรมชิน

๑๑. อาสันนกรรม กรรมเมื่อจวนเจียน

๑๒.กตัตตากรรม กรรมสักว่าท˚

Ø  ทวาร ทางเกิดของกรรม

. กายทวาร ทวารคือกาย                            . วจีทวาร ทวารคือวาจา                             . มโนทวาร ทวารคือใจ

(ปี 60, 50) ในกรรม ๑๒ อุปัตถัมภกกรรม กับ อุปปีฬกกรรม ˚าหน้าที่ต่างกันอย่างไร ?

ตอบ อุปัตถัมภกกรรม  ˚าหน้าที่สนับสนุนผลแห่งชนกกรรมอุปปีฬกกรรม  ˚าหน้าที่บีบคั้นผลแห่งชนกกรรม

(ปี 59, 46) จงห้ความหมายข˚าตอไปนี้                             . โหิกรม               . ตัตตากรม

อบ         . อโหสิกรม คืรมให้แล้ว เป็นก่วคราวแล้ให้ผรียหมือนิ้นยา้ว เพาะม่ขึ้น . กตัตตากรม คืัก่าท˚ ได้แก่รมอั˚าด้วม่จง

(ปี 58) อุฆา คืออน ˚หน้าี่อะ ?

อบ ˚หน้าี่ตัดรอนลแห่นกะอุปัตถมภกกรมให้แล้ว เข้าห้ ที่ (นกะอุปัตถัภกกรมนั้น)

(ปี 56) การฆ่าสัตว์ อย่างไรเกิดทางกายทวาร อย่างไรเกิดทางวจีทวาร ?

ตอบ ฆ่าด้วยตนเองเกิดทางกายทวาร                                              ใช้ให้ผู้อื่นฆ่าเกิดทางวจีทวาร

(ปี 55) กรรมที่บุคคลท˚าไว้ ˚าหนาที่อย่างไรบ้าง?


อบ ˚าห้าที่ . แต่ง (ิบาก) ห้เกิด เรีย่า นก

. สนับสนุน (วิบากของกรรมอื่น) เรียกว่า อุปัตถัมภกกรรม

. บีบคั้น (วิบากของกรรมอื่น) เรียกว่า อุปปีฬกกรรม

. ตัดรอน (วิบากของกรรมอื่น) เรียกว่า อุปฆาตกกรรม

(ปี 50) กรรมและทวาร คืออะไร? อภิชฌาเป็นกรรมใดและเกิดทางทวารใดบ้าง จงอธิบาย?

อบ กรร คือ การกะท˚ ่วาร คือ ทาเกิดขอกรร

อภิชฌา ความอยากได้ เป็นมโนกรรมได้อย่างเดียว และเกิดได้ทั้ง ทวาร เป็นกายทวาร เช่น มีความอยากได้แล้วลูบคล˚าพัสดุที่อยากได้นั้น แต่ ม่ ถยจิต เป็นจีทาร ่น มีวามยากได้้วบ่ว่า ˚อย่าดีหนอ จักได้พดุนั้น ะเป็นวาร เช มีความอยากด้แ˚าพึใจ (ปี 49) ˚าต่อไปนี้มีความหมายอย่างไร ?

.นก               .ุปัตถมภกกรม                       .ทิฏธัมมเียรรม                   .อุปชชเวทียกร                    .กตัตากร

ตอบ        . กรรมแต่งให้เกิด                       . กรรมสนับสนุน                       . กรรมให้ผลในภพนี้                    . กรรมให้ผลในภพหน้า . กรรัก่าท˚ คือมที่˚าด้ม่จง

(ปี 48) พุธภาษิตว่า ผู้ท˚ย่อมไรับดี ู้ท˚รรมั่วย่อมด้ั่ว แตฏว่าู้ท˚ั่วยัด้ับสุขกมี ู้ท˚ดียด้ับุก์ก็ มี ที่เป็นเช่นนี้ เพราะเหตุใด ?

อบ เพรารมบาอย่าให้นภพนี้ บาอย่าให้ผภพหน้า หรือนภพต่อ ู้ท˚รรมั่วด้ับสุข รารมั่วยัม่ได้่อใหใน ขณะนั้น กรรมดีที่เขาท˚าไว้ในอดีตก˚าลังให้ผลอยู่ แต่กรรมชั่วนั้นยังไม่สูญหายไป ยังติดตามให้ผลอยู่เสมอ เป็นแต่ยังไม่ได้ช่องเท่านั้น ส่วนผู้ท˚ากรรม ดี ที่ไม่ได้รุขะนั้น รากรรมชั่ทีเขาด้ท˚าไว้ตก˚ให้ผอยู่ จึงต้รับทุกข์ล˚าบากยูขณะนั้น แต่รมดีที่˚ว้นั้นยม่หายไป ยังติดตามเขาไปเหมือนเงาตามตัว ฉะนั้น เมื่อได้ช่องก็ย่อมให้ผลทันที

(ปี 45) ในกรรม ๑๒ กรรมที่ให้ผลตามล˚าดับ ได้แก่กรรมอะไรบ้าง? อุปฆาตกกรรม มีอธิบายอย่างไร ?

ตอบ ได้แก่                . ครุกรรม                กรรมหนัก

. พหุลกรรม หรือ อาจิณณกรรม กรรมชิน

. อาสันนกรรม             กรรมเมื่อจวนเจียน

. กตัตากรม             กรรัก่าท˚

อุปฆาตกกรรมเป็นกรรมที่แรง ซึ่งตรงกันข้ามกับชนกกรรม และอุปตถัมภกกรรม เข้าตัดรอนการให้ผลของกรรมสองอย่างนั้นให้ขาดไปเสียทีเดียว เช่น เกิดใะกลสมั่งคั่ง ต่อยุั้น เป็นต้น

(ปี 44) กรมหมายถึรกระท˚เช่ ? ทิฐธรมเวทีย แลอุปัเวทียกร คืกรมเ่นไร ?

อบ หมายถึการกระท˚กาย าจา ี่มีเจตนาจงจท˚ เป็นด้ทั้่ายด ยชั่หรือเป็นลาง ทิฏฐธรรมเวทนียกรรม คือกรรมให้ผลในภพปัจจุบัน         อุปปัชชเวทนียกรรม คือกรรมให้ผลในภพที่จะเกิดถัดไป

 

Ø  เวทนา ได้แก่ สุข ทุกข์ เฉย

Ø  เวทนา

. สุข ความสบายกาย                                      . โทมนัส ความทุกข์ทางใจ

. นัส ควุขใจ                                   . อุบก ควารู้ึกเยๆ

. ทุกข์ ความไม่สบายกาย

(ปี 57) ความรสึกเฉยๆ ทางกาย กับความรู้สึกเฉยๆ ทางใจ จัดเข้าในเวทนา อย่างไร?


อบ ความรู้สึกเ ทาาย จัเป็นสุข                                                      ความู้

(ปี 50) เวทนา และเวทนา ได้แก่อะไรบ้าง? จัดกลมเทียบกันได้อย่างไร ?


ึกเฉยๆ ทางใจ จัดเป็นอุเบกขา


อบ เวท ได้แก่ ทุข์ ฉย คืุขไม่ทุข์                                             ่วนเวนา ด้แก่ สุข โสมนัส ทุข์ โทนั อุเบก เวท สุข คื ุขายแ ซึ่งนเวนา ุขายก็คือสุข แลุขจก็คืโสมนัส

เวท ุก คือ ุก์กายะทุก์ใจ ซึ่เวท ทุข์ายก็คือุก แล์ใจ็คือโทนัส ส่วนในเวทนา เฉย คือไม่สุขไม่ทุกข์ ในเวทนา ก็คืออุเบกขานั่นเอง

 

Ø  พุทธจริยา พระจริยาวัตรของพระพุทธเจ้า

.  โลกัตถจริยา การบ˚าเพ็ญประโยชน์แก่ชาวโลก ในฐานะที่ทรงเป็นโลกนาถ

.    ญาตัตถจริยา การบ˚าเพ็ญประโยชน์แก่เหล่าพระประยูรญาติ ในฐานะที่ทรงเป็นสายโลหิตเดียวกัน

.   พุทธัตถจริยา  การบ˚าเพ็ญประโยชน์ในฐานะที่ทรงเป็นพระพุทธเจ้า

( 58) ตถจริยา ี่พพุค์ทรประติเป็นยช์แก่กนั้น มีธิบายย่าง?

อบ มีอธิบาย่า รงประติเนประยช์แก่หาี่นับ่าสัตั่ ่น ทร ะญวจดัตวลกุกเ้าค˚่า ู้ใดปรกฏใน่าย พระ ด็ปโู้นั้น รุคือ ทรเคห์คนั้หลยฐานเป็นเพื่มนุษยด้วยกัน

(ปี 48) พระพุทธเจ้าทรงประพฤติประโยชน์โดยฐานเป็นพระพุทธเจ้าที่เรียกว่าพุทธัตถจริยา คือทรงประพฤติอย่างไร?

ตอบ ทรงท˚าหน้าที่ของพระพุทธเจ้า คือ ได้ทรงแสดงธรรมประกาศพระศาสนาให้บริษัททั้งคฤหัสถ์และบรรพชิตรู้ทั่วถึงธรรมตามภมิชั้น และทรง บัญญัตขาบ อัเป็นอาิพรมจย์แะอภิสมาจ

( 44) ปาฏิหริย์คือ? พุธเจ้าทรงยกย่ปาฏิหริย์อรว่าเป็นัศจรย์ยิ่าปฏิหาอื่? พุจริย แลพุธิจร ต่ากันย่างไ?

อบ คือ การกระท˚ี่ให้บัเกิดผลเป็นัศย์ ทรย่อาสนีปาฏิาริย์ว่เป็นอศจรย์ยิ่งว่าปาฏิหา์อื่น พุทธจริยา คือพระจรยาของพระพุทธเจ้า      พุทธิจริต คือผู้มีความรู้เป็นปกติ

 

หมวด

Ø  อปัสเสนธรรม ธรรมเป็นที่พึงพิง

. ิจาล้วสพของย่นึ่ง                                   . ิจาล้วว้นของย่นึ่ง

. ิจล้วอั้องย่นึ                                 . พิจาล้วบเทาของอ่าหนึ่ง (ปี 58) ัสนธรมข้อ่า พิจาร้วบทาอย่าหนึ่ อย่าหนึ่นั้น คือ ? อบ คือกุวิตกันสัปยตดยกาม พยาบาท ิหิ

(ปี 55) ัสนธร (ธรมเป็ที่พิ) ข้ที่ ่า าราแล้อดกลัอยหนึ่ง ั้นมีอิบายอย?

อบ มีอธิบาย่า ดกลั้นม่เป็นี่เริใจ โดยหาว ร้อน หิว กระหาย ถ้ยค˚ทง ะทุกเวทาอัแรงกล้า

( 46) ัสเรรม ข้ว่า พิจาร้วสพอย่าหนึ่  ˚าว่า อย่าหนึ่  ข้นีด้แก่อ ?

ู้พิจาาตมข้ "ิจาร้วสพอย่าหนึ่" นั้น ด้ประโน์ย่างไร ?

อบ ด้แก่ ัจจัย บุค ธรร เป็ต้น ี่ท˚ห้เกิดควา

ด้ปยช์อยนี้ คือ ˚ากุศลทียังไม่เกิดใหเกิดขึ้น ˚ากุศลทีเกิดขึนแล้วให้เจรญยิ่ขึ้น ˚กิเลสแลุศลที่กิดขึ้นล้วื่


ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น