วันอาทิตย์ที่ 25 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2567

สรุปนักธรรมชั้นโท หน้าที่ 3/11

 









สรุปธรรมวิภาค นักธรรมชั้นโท


Ø  กราน ที่ตั้การงาน 👉ือ อารม์อัเป็นที่ตั้👉รงาน

. ถกรร กรรานเป็อุาย                                       . วิัสนากราน มฐาป็นุบายเือปัญา

(ปี 64, 57) ตจปัญจกกัมัฏฐาน มีอะบ้าง? ียกอีอย่าหนึ่ว่อย่า? เป็นอาณ์ขมถกัมัฏฐานหรือวิปันากัมัฏ?

ตอบ มีเกสา ผม โลมา ขน นขา เล็บ ทนฺตา ฟัน และตโจ หนัง ฯ เรียกอีกอย่างว่ามูลกัมมัฏฐาน เป็นอารมณไ์ ด้ทั้งสมถกัมมัฏฐาน และ วิปัสสนากัมมัฏฐาน (ปี 63, 58) สมถกรรมฐาน และวิปัสสนากรรมฐาน มุ่งผลแห่งการปฏิบัติอย่างไร ?

มถกรมฐานมุ่งคือค                                          ่วนิปันากรมฐานมุ่คือวามเือปัญา

(ปี 60) การพิจาขารทั้ายโความเป็ัก จัดเปนกัมมัฏฐาน ? มียช์อย่า ?

อบ จัดป็นิปันากัมมฏฐาน มีปรโยน์ คือ ให้รู้จักภาที่เป็นจริงห่ขารทัายว่ ม่ที่ยง เป็นุก เป็นนัตตา ้วเกิดความ เบื่อหน่ายในสังขารทั้งหลายเหล่านั้น

( 55) กัมมัฏานี่พระอุปัย์แก่ผู้ขรพาอุปสมบทว เกสา มา นฺตา โจ นฺตา โลมา ั้นรีื่อ่าอะไ? เป็นสมถกัมมัฏฐานหรือวิปัสสนากัมมัฏฐาน?

อบ ื่อ่า ตจปัญจกกรรมฐาน รือมูกัมัฏฐาน เป็นด้ทั้กัมมัฏฐานะวิปสสนากมมัฏฐาน

(ปี 52) ตจปัจกกัมมฏฐานเอีอย่าหนึ่ว่า มีอรบ้าง จัดป็นมถกัมมฏฐานหรือิปสสากัมมัฐาน?

อบ ียกอีอย่าหนึ่ว่ามูลกัฐาน มีเ , , เล็บ, ันต ัน แลตโ หนัง ป็นได้ทั้มมัฏฐานะวิปนา กรรมฐาน

( 49) มูมมัฏฐาน คื? เจิญอยเป็นอารณ์ข? เจญอย่างไเป็นอา์ขปัส? อบ คือ กัมมัฏฐานเด ด้แก่ มา ันตา พระอปัฌาย์สอก่อนบรพ ฯ        ถ้าเพ่ก าหนดให้จิบด้วยภาว จัดเป็นอา์ขมถะ ถ้ายกึ้นพิจาราแยกเป็นสให้เห็นตมควาเป็นจรดยามัญักะจดเป็นณ์ขวิปัส( 48) ตจปัญจกกมมัฏานไ้แกอะไรบ้า? จัเป็นสมะหือิปนา? จงธิบ

ตอบ ได้แก่ เกสา โลมา นขา ทันตา และตโจ เป็นได้ทั้งสมถะและวิปัสสนา ถ้าเพ่งก าหนดยังจิตให้สงบด้วยภาวนาเป็นสมถะ


ถ้าเพ่พิจาราถึความแรปเปี่ยนแ รือให้เห็นว่าเป็ทุข์ คือยู่ด้ยากแะทนยู่ม่ด้ ต้อื่อสลี่เป็นอนัตตา บังคับบัญชาไม่ได้ ไม่ใช่ตัวตน พิจารณาเช่นนี้เป็นวิปัสสนา


หรือให้เห็นว่า


( 47) ความรู้ั้นวิสสภาวนา หมายถึความรู้อย่า?

อบ หมายถึง ามู้เท่าทัามควาเป็นจริง เห็นอการแห่งสาวรรมโยความเป็ม่เที่ยง เป็นุก เป็นนัตตา ซึ่ียกว่า ามัก

 

Ø  ิเสนา รแ👉 มี  . ิยปิเ แสวงหาย่างริฐ                                          . อนริิเ แสวงหาย่าม่ปริฐ

(ปี 55) แสวงหาอะไรเป็นการแสวงหาอย่างประเสริฐ แสวงหาอะไรเป็นการแสวงหาไม่ประเสริฐ?

อบ พระูตดงว่า แสวงาสภาพอัมิใ่ขมีชรา ยาธิ คือครมมีนิพาเปูง เป็นารแสวงหาประร็ฐ เรียกว่าอริยปริเยสนา             แสวงหาของมีชรา พยาธิ มรณะ เช่นหาของเล่น เป็นการแสวงหาไม่ประเสริฐ เรียกว่าอนริยปริเยสนา


(ปี 43) ปริเนา ย่างตามคามในท่าสดงไว้อย่า? ภิกษุควรแสวงหาี้ยงีพย่างรจเป็นการหาอยเสร ?

อบ แสว่า แสวงหาสิ่งันมิใ่ขมีชรา ยาธิ มร ะแกิเ เป็นรมดา คือมอันมมีพรนิพาเป็นอยูง จัดเป็นอริย ปริเยสนา แสวงหาสิ่งอันมีชรา พยาธิ มรณะ โสกะและสังกิเลสเป็นธรรมดา ทั้งที่สภาพเช่นนั้นก็มีในตนอยู่พร้อมแล้ว จัดเป็นอนริยปริเยสนา

ภิกษุแสวหาี้ยงีพโดยอุบายอนสมควร ั้ม่เป็นชชะมกแลเป็นปัณัติวัมีโทาพระบัติ ร้าวาม เดือดร้อนห้แกตนแลู้อื่จึงจป็นารแสวงหาย่างปริฐ

หมายเห ควมรู้เพิ่มิม  ไม่งท่ไม่งจ˚

ชรา าม มช˚รุดรุดโทรมขอ เป็นทุกข.                                                    โส มแ👉ใจ ือ👉ัวใจที่เ👉👉. 👉ถึ มเจ็บไข้                                                                                 สัิเ 👉มาถึง รื่อ˚👉้ใจเร้า👉มอง มรณะ ความสลาย 👉รือความท˚าลาย ความตาย เป็นทุกข์.

 

Ø  อริยบุคคล บุคคลผู้เป็นอริยะ👉รือบุคคลผู้ประเสริฐ

. พระเสขะ พระผู้ยังต้องศึกษา คือ พระอริยบุคคล เบื้องต้น ชื่อวา่ พระเสขะ เพราะเป็นผู้ยังต้องปฏิบัติเพื่อมรรคผลเบื้องสูงขึ้นไป.

.   ะอเส พรู้ม่ต้อศึก ือ ระอริบุคลผู้ัู้่ในพระอรหัตตผล ชื่อระอขะ เพราะร็จันะต้อท าแล้ว

Ø  พระอริยบุคคล บุคคลผู้ประเสริฐ

.   ะโสดบัน ู้แรกเข้าถึกระพระนิพาน (ักกายิฏฐิ วิจกิจฉา ัพตปามด้ข)

.   กทาามี ู้กลัมากนี้ครั้งเดีย (โยด้ การเหมือนดาบัน้วยัทา รา โทสะ โมหะ ให้เบาบางได้ด้วย)

.   ะอนามี ู้ไม่ับมู่กนีอี (ะกาม ะปฏะได้ข)

. พระอรหันต์ ผู้ห่างไกลจากกิเลส (ละรูปราคะ อรูปราคะ มานะ อุทธัจจะ และอวิชชาได้ขาด)

Ø  ะอิยบุคล ู้บรกุ

. พระโสดาปัตติมรรค                                . พระอนาคามิมรรค

. พระโสดาปัตติผล                                  . พระอนาคามิผล

. พระสกทาคามิมรรค                                . พระอรหัตตมรรค

. พระสกทาคามิผล                                  . พระอรหัตตผล

Ø  โสดาบัน พระอริยบุคคลผไู้ ด้บรรลุอริยผลขั้นแรก

.   กพีชี พระดาบัู้จเกิดอีก าติป็นย่างยิ่ง

.   ัง ะโดาบัู้จะดอ - าติป็นย่างยิ่ง

.   สัตักตตุปมะ พราบันผู้ะเกิดอีก าตป็นย่างยิ่ง

(ปี 63) พระยบุคคล ด้แก่ใครบ้าง ? พระอริยบุคลภทใดลชชาไเด็ดาด ?

ตอบ ได้แก่ พระโสดาบัน พระสกทาคามี พระอนาคามี และพระอรหันต์                                       พระอรหันตละอวิชชาได้เดดขาด

(ปี 59) พระอรยบุคคล จ าวก จ าพหนื่อ่าพระขะ พระอเ ? ราเห ?

อบ         พระอริยบุ เบื้อต้ ื่อ่าพระ เพระเป็ู้ยังต้อปฏิบติเพื่บรเบื้อูง พระอริยบุู้ตั้งยู่ในรหตผล ื่อ่าพระอเขะ เพราเสร็จกิอัจะ้อท า้ว

(ปี 59 , 53, 46) าว่า "โสดาบัน" แปลว่าอะไร ? ผบรรลุโสดาบันนั้นละสังโยชน์อะไรได้เดดขาด ?

อบ ดาบัน ว่า ู้แรกถึะแะนิพาน ท่าโยน์ได็ดขาด ย่าง คือ . สักายทิฏฐิ  . ิจิกิจฉา  . ัพตปราม


(ปี 54) อริยบุค พรู้ยังต้อศึก คือศึษารื่ออะ? ู้ศึกาก าลัธรมอยู่นี้เกว่าด้รือไ? คือศึษา ธิสีล ิจ ะในธิปัญญา ีกย่างหนึหมายถึต้อศึกาแลต้อปฏิบติเพื่รคผลเบื้ขึ้ ยังเรียกว่าพระเสขะไม่ได้ ถ้าไม่ใช่พระอริยบุคคล าพวกเบื้องต้น

(ปี 54) าว่า พระสงฆ์ ในบทสังฆคุณนั้น ท่านประสงค์บุคคลเช่นไร? จงจ าแนกมาดู

ตอบ ท่านประสงค์พระอริยบุคคล คู่ บุคคล ซึ่งล้วนแต่ท่านผู้ที่ตั้งอยู่ใน

มรทั้ิ้น คือ พระดาปัติ พรโสดาปตต คู่                                   พระาคมิมรค สกามิผล คู่ พระอนาคามิมรรค พระอนาคามิผล คู่                                           พระอรหัตตมรรค พระอรหัตตผล คู่

(ปี 52) สังโยชน์คืออะไร พระโสดาบันละสังโยชน์อะไรได้ขาดบ้าง?


อบ คือ กิเลอัผูกัตว์ไว้ โยน์ เบื้ต้ด้ขาด คือ . ักกายิฏฐิ  . วิจิกิจฉา  . ( 51) ค าว่า พระดาบัน ตตักตตุปมะ มีิบายย่างไร ?


ัพตปรมาส


อบ พระดาบั คืออรยบคคลู้ ด้รรลุอริขั้รก                                    ัตตักตตุปมะ คืะโดาบัู้จะดอีก าติป็นยิ่ง

(ปี 50) พระขะ ผูยังต้อศึก คือศึษา ?  ื่อ่าพระอเส เพรา ?

อบ ศึกาสิก คือ . ธิสลสิก . ิจตติก . ธิปัญญกข เพราเสร็จกิจอัจะ้อท า้ว

(ปี 50) พระอริยบุคคล ได้แก่ใครบ้าง ? พระโสดาบันละสังโยชน์อะไรได้บ้าง ? ตอบ ได้แก่ พระโสดาบัน พระสกทาคามี พระอนาคามี และพระอรหันต์ พระดาบัโยน์ไ   สักกายทิฏฐิ ิจิกิจฉา สีลัพตปราม

(ปี 47) อริยบุคคล ได้แก่ใครบ้าง ? จัดเข้าในพระเสขะและพระอเสขะได้อย่างไร ?

อบ ด้แก่                พระั้งยู่ในโสาปัตรค                         พระั้งยู่ในโสาปัต

พระั้งยู่ในสกาคามรรค                        พระั้งยู่ในสกาคาม พระั้งยู่ในนาคามิมรรค                                  พระั้งยู่ในนาคามิ พระั้งยู่ในรหัตรค พระั้งยู่ในรหัต

จัดเข้าได้อย่างนี้ อริยบุคคล ประเภทแรก เรียกว่า พระเสขะ

อริยบุคคล ปรเภัง เรีย อเส

 

 

Ø  รู ิ่ที่ต้อสลายปเราหตปัจจยต่า ขัดย้งัน, ิ่ที่เป็นรปร่างร้อมทั้ักาการขอมัน

. มหาภูตรูป รูปใ👉ญ่ ได้แก่ธาตุ มี ปฐวี อาโป เตโช วาโย                                           . อุปาทายรูป รูปอาศัยมหาภตรปนั้น

(ปี 57) มหาูป คื? วามเกี่ยวเนื่อกับุปาายรูป?

ตอบ คือรูปที่เป็นใหญ่เป็นประธาน อันประกอบด้วยธาตุ ได้แก่ดิน ้า ไฟ ลม

เป็ที่ตั้อาศัยแห่อุาทายรูปอรูปย่อย เมื่อรูปใญ่แต ุปาายรูปี่อิอาศัยมหาปนั้ก็แตก าลปด้วย

(ปี 54) มหาูปะอุปาปคือ?

ตอบ มหาภูตรูป คือรูปใหญ่ ได้แก่ธาตุ มี ปฐวี อาโป เตโช วาโย                                                    อุปาทายรูป คือรูปอาศัยมหาภตรูปนั้น

( 51) รูปในันธ์ แบ่เป็น ด้แก่อรบ้าง? จงธิบายมั้น เข้าใจ

อบ ด้แก่ มหาภูป อุทายรูป

มหารูป คือ รูปใหญ่ ันด้แก่ ธาตุ มีดิน น ้า

อุปาทายรูป คือ รูปอาศัย เป็นอาการของมหาภูตรูป เช่น ประสาท มีจักขุประสาทเป็นต้น โคจร มีรูปารมณ์เป็นต้น


( 48) มหาูป คื? มีวามเกี่ยวเนื่อกับุปาายรูปย่?

ตอบ คือ รูปที่เป็นใหญ่เป็นประธาน อันประกอบด้วย ธาตุ ๔ ได้แก่ ดิน ้า ไฟ ลม เป็นที่ตั้อาศัยแห่รูปย่อซึ่งเรียว่าุปาายรูป เมื่อรูปใญ่แต อุาทายรูี่อิศัยมาภูรูปนั้นก็ตกท าลด้ว

 

Ø  วิมุตติ ความหลุดพ้น

. เจโตวิมุตติ ความหลุดพ้นด้วยอ านาจแห่งใจ                                     . ปัญญาวิมุตติ ความหลดพ้นด้วยอ านาจแห่งปัญญา

Ø  วิมุตติ ความท าจิตใจให้หลุดพ้นจากกิเลสาสวะ

. ตทังควิมุตติ หลุดพ้นด้วยองค์ธรรมนั้นๆ [พ้นชั่วคราว]

.  วิกขัมภนวิมุตติ หลดพ้นด้วยข่มไว้ [พ้นด้วยสะกด]

.   ุจิมุต หลุดพ้นด้ยการดขาด [พ้ด้วยด็ดข]

.   ปฏิปัสสัทธิวิมุตติ หลุดพ้นด้วยความสงบ [พ้นด้วยสงบ]

.   นิสสรณวิมุตติ หลุดพ้นด้วยการสลัดออก [พ้นด้วยออกไป]

Ø  วิโมกข์ ความที่จิตหลุดพ้นจากอ านาจกิเลส

.  สุญญตวิโมกข์ หลุดพ้นด้วยความว่าง (พิจารณาเห็นนามรูปโดยความเป็นอนัตตา)

.   อนิมิตตวิโมกข์ หลุดพ้นด้วยไม่ถือนิมิต (พิจารณาเห็นนามรูปโดยความเป็นอนิจจัง)

.   อัปปิหิวิมกข หลุดพ้นด้ท าความปรรถนา (พิจาราเหนามรูปดยควาเป็นทุกข์)

(ปี 60, 48) ในวิมุตติ วิมุตติอย่างไหนเป็นโลกิยะ อย่างไหนเป็นโลกุตระ ?

อบ ตทัควิมุต ะวิกนวมุตติ จัเป็นกิยะ                                 ่วนสมจเฉทวิมุติ ปฏิปสสัทิวิมตต ะนวิมุติ จัดป็

(ปี 59, 51) เจโตวิมุตติ กับ ปัญญาวิมุตติ ต่างกันอย่างไร ?

อบ เจตวิมตต เป็นิมตติขท่าไดรรลุานมาก่นแล้ว จึง เพ็ญวิปันาต่อ ่วนัญาวิมุติ เป็นวิมุติขอท่าู้ด้บุด้ าพับ าเพญวิปสส้วน   อีนัยหนึ่ง เรียกเโตวิมตติเราพ้จากรคะ รียกปัญาวิมตตราะพ้นจากวิ (ปี 53) วิมุตติ กับ วิโมกข์ ต่างกันอย่างไร? สมุจเฉทวิมุตติ มีอธิบายอย่างไร?

ตอบ ต่างกันแต่โดยพยัญชนะ แต่ก็พ้นจาก ราคะ โทสะ โมหะได้เท่ากันโดยอรรถ มีอธิบาย่า ามพ้นจากด้ยอ านาจริย ่านัขาดเ ม่กลเกิอีก

(ปี 50) วิโมกข์ คือะ ?  มีอะรบ้าง ? อบ คือ ามพ้นจากิเ  มี สุญตวิโ ิมิตวิโ อัปณิหตวิโ

(ปี 47) วิมุตติ คืออะไร? ตทังควิมุตติ มีอธิบายอย่างไร?

อบ คือ ความท าจิตใจห้หลุดพ้จากกิเาส    มีอธิบาย่า ความพ้จากกิเด้ชั่ครา นเกิดเตุเป็นี่ตั้งแห่เวขึ้น ายก าหนัด ในกาม เกิดเมตตาขึ้น หายโกรธ แต่ความก าหนัดและความโกรธนั้น ไม่หายทีเดียว ท าในใจถึงอารมณ์งาม ความก าหนัดกลับเกิดขึ้นอีก ท าในใจ ถึวัตถุแห่อาฆาต ความโรธกเกิดขึ้นีก อย่านี้จัดเป็นตทัมุตติ

( 45) วิมุตติคือ? วิมตต ย่าง มีอะรบ้า? วิมุติ ับมุตต จัเป็ะแกุตอย่า?

ตอบ คือความหลุดพ้น มี ๑. เจโตวิมุตติ ความหลดพ้นด้วยอ านาจแห่งใจ      . ปัญญาวิมุตติ ความหลุดพ้นด้วยอ านาจแห่งปัญญา ฯ วิมุตติ เป็นโลกุตตระอย่างเดียว ส่วนวิมุตติ เป็นได้ทั้งโลกิยะและโลกุตตระ


Ø  ทิฏฐ ความเห็ิด

. สัสตทิ ความเห็นว่ที่ยง                                     . อุจเทิฏฐ ควมเห็นว่า

Ø  ทิฏฐ ความเห็ิด

. อกิริยทิฏฐิ ความเห็นว่าไม่เป็นอันท                                . อเหตุกทิฏฐิ ความเห็นว่าหาเหตุมิได้                               . นัตถิกทิฏฐิ ความเห็นว่าไม่มี ( 56) ทิฏฐิ ที่หมายถึควาเห็ิด ย่าง มีอรบาง? อบ มี . สัตทฏฐิ วามเห็นว่เที่ย  . ุจเฉทิฏฐิ ความเห็นว่าขสูญ ( 50) ความเห็นว่เที่ยงเห็ว่าาดูญ คืเห็นอย่า?  มติใทาพระพุธศาสนาเป็เช่ จงบาย?

อบ เห็นว่าเที่ยง คืเห็นว่า คนและว์ตยแล้ว ีวะไสูญ ต้เกิดอีกต่อไป รืคยเป็น ป็นย่างั้นตปหรืมีย่างั้น

ม่แปัน เป็นต้น  ่วเห็นว่าาด คืเห็นว่า อัตภาพจุติเป็นอัสูสิ้นไป รือคนสตว์ตาแลาดโดรทั้ปวง


พระพุธศาสนาฏิธคามเห็ทั้ง นั้น มีความเห็นปะกอบดวยสัมาญ เหตุ ยึเหจะเกิดอีกหรือไม่ ขึ้นอยู่กับเหตุปัจจัย


เป็นที่ตั้ง โดเห็นว คนแว์ตาย้ว


(ปี 45) ความเห็นว่า "ถึงคราวเคราะห์ดีก็ดีเอง ถึงคราวเคราะห์ร้ายก็ร้ายเอง" อย่างนี้เป็นทิฏฐิอะไร ? จงอธิบาย คติทางพระพุทธศาสนาต่างจากความเห็นนี้อย่างไร ?

ตอบ เป็นอเหตุกทิฏฐิ คือเห็นว่า สิ่งทั้งหลายไม่มีเหตุปัจจัย คนเราจะได้ดีหรือได้รายตามคราวเคราะห์ ถึงคราวจะดีก็ดเอง ถึงคราวจะร้ายก็ร้ายเอง มุ่ปัจจยอื่ พระพศานาถืว่าสังมทั้ปวเกดแต่เตุ

 

Ø  จน์ ค าสอัเป็นหลักญ่ขอพระพุธเจ้า

. ธรรม หลักค าสอน                         . วินัย บทบัญญติ/ข้อห้าม

Ø  ปิฎก คัมภีร์ที่รวบรวมพระธรรมวินัยของพระพุทธเจ้ามี คัมภีร์ใหญ่ๆ คือ

. พระวินัยปิฎก ว่าด้วยเรื่องกฎระเบียบข้อบังคับที่น าความประพฤติให้สม ่าเสมอกัน หรือเป็นเครื่องบริหารคณะ

.   ตตันตปิฎก ว่าด้วยค กบคคป็นี่ตั้ง

.   พระอภิธรรมปิฎก ว่าด้วยค าสอนยกธรรมล้วนๆ ไม่เจือด้วยสตว์หรอบุคคลเป็นที่ตั้ง

(ปี 58) ปาพจ คือรมะวนัย ั้นราบแล้ว ยากทราบว่วามปฏิบัติอยดเป็นรม วามปฏิบัติอยป็นินั?

ตอบ ความปฏิบัติเป็นทางน าความประพฤติและอัธยาศัยให้ประณตขึ้น จัดเป็นธรรม ความปฏิบัติเนื่องด้วยระเบียบอันทรงตั้งไว้ด้วยพุทธอาณา

เป็นสิกขาบหรือภิาจาร เป็ทาความปรติใหม ่กัน หรือเป็นเครื่องริหาร ดเป็นินัย

( 52) ปิฎก ด้แก่อรบ้าง ต่ะปฎกว่าด้วื่ออะ?

ตอบ ได้แก่ พระวินัยปิฎก พระสุตตันตปิฎก และพระอภิธรรมปิฎก

พระวินัยปิฎก ่าด้ยเรื่อบียบข้บัคับี่น าความประติให้สม ่มอกัน รือเป็นเรื่อบรหารพระตตันตปฎก ่าด้วยค กบุคคลเป็นี่ตั้ง

พระอภิธรรมปิฎก ว่าด้วยค าสอนยกธรรมล้วนๆ ไม่เจือด้วยสตว์หรอบุคคลเป็นที่ตั้ง

(ปี 50) ปาพจน์ ได้แก่อะไรบ้าง? ถ้าแจกเป็น จะได้อะไรบ้าง?

ตอบ ได้แก่ พระธรรม และ พระวินัย                             ถ้าแจกเป็น จะได้ พระวินัย พระสูตร พระอภิธรรม

 

 


Ø  บูชา  มี               . อามิสบูชา บูชาด้วยอามิสสิ่งของ                                  . ปฏิปัตติบูชา บูชาด้วยปฏิบัตติ

(ปี 61) บูชา คืออะไรบ้าง ? การสมาทานศีล เป็นประจ จัดเป็นบูชา ประเภทใด ?

อบ คือ อามิสบู บูาด้วยอามสสิ่                         ปฏิบัติบู บูาด้ยการปฏิบติต                        จัดเป็ปฏิบัติบูชา


าม.


Ø  ปฏิถาร การต้อรับาเยืนด้วยการพูดาปรารัย หรืด้วการรับรอด้ยข ต้นรับตมควด้วยจิต

. มิฏิาร ปฏิันิ่                              . ธัมปฏิาร ปฏิัน้วธรร

(ปี 64, 60, 45) ปฏิันาร คือะไ ? มีอรบ้าง ? มีปะโน์ก่ผู้ท าย่างไาง ?

ตอบ คือการต้อนรับแขกผู้มาถึงถิ่น มี อย่าง

. อามิสฏิัน ปฏันด้ิ่                             . ธัมมฏิัน ปฏิัน้วธรร มีปรโยน์แ่ผู้ท าย่างี้ คือ

. เป็นอุบาร้าควมัคคีหนี่ยวน ้าจกัน                                . เป็นการักษารีจว่ากันะกันห้มั่นคงยิ่ขึ้น

(ปี 49) ปฏิัน คือะไร ? จงดงวิีปฏิันารมควารู้ที่ไศึมา ?

อบ คือ การตนรับาเยืด้ยการพูดจารารัย หรือด้ยการับด้วยของ ต้อนรับตวรด้วยรีจิต ปฏิันารทีด้ศึกษมาม ย่าง คือ

.อามปฏันาร ปฏันด้วสิ่ ได้แก่ารจัหาวัตถิ่ต้อนรับ ่น ข้าว ้า หรือี่พัก เป็นต้น

.ธัมมฏิัน ปฏันารด้ ด้แก่กาดงก้อรัามความมามแกู้มายือน รือการให้ค าแนะน ในสิ่งที่เป็นประโยชน์ เป็นต้น

 

Ø  วิีการแสดงรรมเพื่ั่ ู้อื่น มี                         . ปุคลาธิานา มีบุคลป็นี่ตั้ง                        . ธัมาธิฏนา มีธรรเป็นที่ตั้ง

( 62) บุคคลาธฏฐานาทศ ทศามีบคคเป็นที่ตั้ง มีธิบายวาอย่า? อบ มีอธิบาย่า ที่ยกุคคลเป็นตัวอย่าง ่น มหาชนาดก สอนเรื่อควาเพยรยกลาวพรมหาชนโพธิสตวว่า ทรมีความเพีรอย่างยิ่ง ยายามว่าย ้าใท่ามลามหมุทรที่ก้าง ใหญ่ ม่เห็ั่อย่าย่อ้อ ด้วยความมุ่มั่นที่ะถึฝั่ให้ได้ ะทรงั่ด้ดัค์

( 46) เทสนา มีะไรบ้า? นา ย่างั้นต่างันย่าง อธิบาย? อบ มี ปุคคลาธิฏฐานา มีบุคคป็นี่ตั้ง ัมมาธิฏฐานา มีธรรมป็นี่ตั้ง ต่างกันอย่างนี้

การที่ยกุคเปนตัวย่ ่น นกาดก ื่อความเพียร ดยกล่าวถึะมนกโพิสัตว์ว่า ทรมีควาเพียร อย่ายิ่ง ยายามว่ายน ้า่ามลามหมุทรที่ก้าใหญ่มอห็นฝั่งย่างไม่ย่อ้อ ด้วยคมุ่มั่นที่จะถึั่ให้ได เป็น ปุคคลาธฏฐานา

่วนารยกต่ละขอมาอิบยความหมยอย่ ่น ติ แปลว่า ามด้ มายควาว่า ก่นจะท า ก่นจะพูดอะต้องคิดให้รอบคอบเสียก่อน จึงท จึงพูดออกไป เป็นต้น เป็น ธัมมาธิฏฐานา

 

Ø  ธรรม

. ิยธ ธรรมอันเป็นิสัยข                                    . ตต รรมอัน้นวิสยข

Ø  ธรรม

.   สัง ธรรมอันปัจัยปรแต [ภาพเกิดต่เตุทั้ปวง มีแปรไ่ามกลดับในี่ส]

.   อสังขตธรรม ธรรมอันปัจจัยไม่ได้ปรุงแต่ง [นิพพานจัดเป็นอสังขตธรรม]

Ø  สัง หรือ สังลัษณะ ธรรมอันปัจจัยรุงแต่ง

. ความเกิด                  ปรากฏ

. ความดบ                   ปรากฏ

.   เมื่อังั้งอู่                  ามันแปากฏ


(ปี 62, 53) ขตธรรม คือ ? มีักะอย่างไร ?

อบ คือมอันปัจจัยรุงแต่ง มีัก คือ มีควมเกิดขึ้นบื้ต้น มีความแปรรวนใท่ากลางแมีความี่

(ปี 57) สังขตธรรม และ อสังขตธรรม ต่างกันอย่างไร? สตว์ ต้นไม้ ภูเขา เป็นสังขตธรรม เพราะมีลักษณะอย่างไร?

ตอบ สังขตธรรม คือธรรมอันปัจจัยปรุงแต่ง ส่วนอสังขตธรรม คือธรรมอันปัจจัยไม่ได้ปรุงแต่ง


เพราะมล


ัก คือมีควาเกิดขึ้เบื้อ มีความดับี่


ะเมื่อยัตั้งยู่ ความแันรา


(ปี 52) ความเกิดขึ้น มตั้อยู่ ความดั เป็นลักะขอธรอะไ ัตว์บุคักเช่นั้นหรือไม? จงธิบาย

อบ เป็นลักะขอขตรรม มีักะเ่นนั้คือเมืัตว์บุคเกิมาแ้ว็เป็ความเกขึ้น อมาก็เจติ่านวัยั้ง ก็ป็นคาม ตั้งอยู่ เมื่อตายก็เป็นความดับไป

(ปี 47) รทั้ม่เป็นตตรือ เพราเห รในธรมนิามจึง้ค าว่า ธรรมทั้หลยเป็นนัตตา ? จงธิบาย

อบ ขารทั้หลายก็เป็นอตต แต่ที่้ค าว่า รมทั้หลายป็นัตต ั้น เพรารรมนั้หมาอามคืขตธรมแะอสธรรสังขตธรรมได้แก่สังขารนั่นเอง อสังขตธรรมได้แก่วิสังขารคือพระนิพพาน

 

Ø  กาม

.  กิเลสกาม กิเลสเป็นเหตุใคร่ [ได้แก่ กิเลสให้ใคร่ คือ ราคะ โลภะ อิจฉา เป็นต้น]

.   วัถุก วัตถุันน่าคร่ [ด้แก่กมคุณ รู ิ่น สียง โผฏฐ อัเป็นที่่าปรารักใครใจ]

Ø  กามคุณ รูป  เสียง กลิ่น รส โผฏฐัพพะ อันน่าปรารถนา น่าใคร่ น่าพอใจ ( 63, 59) ราคะ โลภะ ิ่น รส ย่าหนเป็นกิกาม ย่างไหนเป็นัตถุก? ตอบ ราคะ โลภะ อิสสา เป็นกิเลสกาม    กลิ่น รส เป็นวตถุกาม

( 44) กาม กามค มีอธิบายย่างไ? รูป สียง กลิ่น โผฏฐัพ ั้ง นี้ เพราะเตุไรจึรีย่า ามค?

อบ กาม ได้แก่ ความใคร่ น่าปราร มพใจ แบ่เป็น ิเ ะวัตถุก

วนามค ได้แก่์ที่่าปาร ่าใคร่ ่าพ มี รูป กลิ่น รส ฏฐัพ ซึ่เป็นวัถุามนั่นเอง เพราะเป็นกลุ่มแห่งกาม และเป็นสิ่งที่ให้เกิดความสุข ความพอใจได้

 


หมวด

Ø  วิเวก

. กายวิเวก สงัดกาย ได้แก่อยู่ในทส


 

งัด


.   ตตวิวก ัดจิต ได้แก่ ห้บด้วยมถาวนา

.   อุปธิิเ ัดกิเลส ด้แก่ท ให้บริสุทิ์จากกเลสด้วยวิปสสาวนา

(ปี 58) วิเวก คืออะไรบ้าง ? จงอธิบายแต่ละอย่างพอเข้าใจ

อบ คือ . กายวิเวก ัดกาย ด้แก่อยู่ี่สัด                                     . จิตเวก ัดจ ด้แก่ท าห้สบด้วมถภานา

. อุธิิเวก ัดกิ ด้แก่ท าจให้บริสุทิ์จากกิด้วยวิปสสภาวน

 

Ø  อธิปเตยยะ (ความเป็นใ👉ญ่) สงิ่ ที่ยึดถือเป็นส าคัญในการกระท าหรือด าเนินชีวิต

. อัตตาธิปเตยยะ ความมีตนเป็นใหญ่                       . โลกาธิปเตยยะ ความมีโลกเป็นใหญ่                       . ธัมมาธิปเตยยะ ความมีธรรมเป็นใหญ่

( 64, 62, 44) บุคคลู้ถือคถูต้อเป็นใหญ่ท าด้วย านาเมตา กรุ เป็นต้น จัเข้าใิปตยยะข้หนด้ห?

ตอบ จัดเข้าในธัมมาธิปเตยยะได้


ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น