วันจันทร์ที่ 12 กรกฎาคม พ.ศ. 2564

วิชาวินัยบัญญัติ นักธรรมชั้นโท 2546

 วิชาวินัยบัญญัติ นักธรรมชั้นโท 2546


ปัญหาและเฉลยวิชาวินัยบัญญัติ  นักธรรมชั้นโท

สอบในสนามหลวง

พ.ศ. ๒๕๔๖


๑.

๑.๑

สิกขาบทนอกพระปาฏิโมกข์  เรียกว่าอะไร ?  มีกี่อย่าง ?  อะไรบ้าง ?


๑.๒

ภิกษุล่วงละเมิดสิกขาบทนอกพระปาฏิโมกข์นั้น  ต้องอาบัติโดยตรงอย่างไรบ้าง ?

๑.

๑.๑

เรียกว่าอภิสมาจาร ฯ

มี  ๒  อย่าง  คือ  เป็นข้อห้าม ๑  เป็นข้ออนุญาต ๑ ฯ


๑.๒

ต้องอาบัติโดยตรง  ๒  อย่าง  คือ  ถุลลัจจัย ๑  ทุกกฏ ๑ ฯ

๒.

บริขารต่อไปนี้ได้แก่อะไรบ้าง ?


๒.๑

บริขารเครื่องบริโภค


๒.๒

บริขารเครื่องอุปโภค

๒.

๒.๑

ได้แก่  ไตรจีวร  ผ้าปูนอน  ผ้าเช็ดหน้าเช็ดปาก  ผ้านิสีทนะ  บาตร ฯ


๒.๒

ได้แก่  กล่องเข็ม  เครื่องกรองน้ำ  มีดโกนพร้อมทั้งฝัก  หินสำหรับลับ  กับเครื่องสะบัด   ร่ม รองเท้า ฯ

๓.

๓.๑

การแสดงความเคารพได้แก่กิริยาเช่นไร ?


๓.๒

ภิกษุควรงดทำความเคารพกันในเวลาใดบ้าง ?  จงตอบมา  ๕  ข้อ

๓.

๓.๑

ได้แก่  การกราบไหว้  การลุกรับ  การทำอัญชลี  การทำสามีจิกรรม ฯ


๓.๒

ในเวลาดังต่อไปนี้ (ตอบมา  ๕  ข้อ)

      ๑) ในเวลาประพฤติวุฏฐานวิธี คือ อยู่กรรมเพื่อออกจากอาบัติสังฆาทิเสส

      ๒) ในเวลาถูกสงฆ์ลงอุกเขปนียกรรม

      ๓) ในเวลาเปลือยกาย

      ๔) ในเวลาเข้าบ้านหรือเดินอยู่ตามทาง

      ๕) ในเวลาอยู่ในที่มืดแลไม่เห็นกัน

      ๖) ในเวลาที่ท่านไม่รู้

      ๗) ในเวลาขบฉันอาหาร

      ๘) ในเวลาถ่ายอุจจาระปัสสาวะ ฯ

๔.

๔.๑

ท่านห้ามไม่ให้จำพรรษาตลอด  ๔  เดือนฤดูฝนนั้น  เพราะเหตุไร ?


๔.๒

อีก ๗  วันจะถึงวันปวารณา  ภิกษุทำสัตตาหกรณียะไปปวารณาที่วัดอื่น  เธอจะได้รับอานิสงส์การจำพรรษาหรือไม่ ?  เพราะเหตุไร ?

๔.

๔.๑

เพราะต้องการเดือนท้ายฤดูฝนไว้เป็นจีวรกาล คราวแสวงหาจีวร คราวทำจีวร เพื่อผลัด ผ้าไตรจีวรเดิม ฯ


๔.๒

ได้รับอานิสงส์การจำพรรษาเหมือนกัน  เพราะวันสุดท้ายแห่งวันจำพรรษาตกอยู่ในวันที่  ๗  ในที่อื่นบ่งให้กลับใน  ๗  วันนั้นเพราะยังไม่สิ้นกำหนดวันจำพรรษา ฯ

๕.

๕.๑

ภิกษุพึงประชุมกันสวดพระปาฏิโมกข์ในวันเช่นไรบ้าง ?


๕.๒

กำลังสวดพระปาฏิโมกข์ค้างอยู่  หากมีภิกษุอื่นมาถึงเข้าจะปฏิบัติอย่างไร ?

๕.

๕.๑

ในวันพระจันทร์เพ็ญ  (ดิถีขึ้น ๑๕ ค่ำ) วันพระจันทร์ดับ (ดิถีแรม ๑๕  ค่ำ หรือ ๑๔  ค่ำ)  และวันสามัคคี ฯ


๕.๒

ปฏิบัติอย่างนี้  คือ  ถ้าภิกษุผู้เข้ามาใหม่มากกว่าภิกษุผู้ชุมนุม   ต้องสวดตั้งต้นใหม่  ถ้าเท่ากัน  หรือน้อยกว่า  ส่วนที่สวดไปแล้วก็ให้เป็นอันสวดแล้ว  ให้เธอผู้มาใหม่ฟัง  ส่วนที่ยังเหลือต่อไป ฯ

๖.

๖.๑

สังฆปวารณา  คืออะไร ?


๖.๒

คำบอกปาริสุทธิว่าอย่างไร ?


๖.

๖.๑

คือ  ปวารณาเป็นการสงฆ์ มีภิกษุประชุมตั้งแต่  ๕  รูปขึ้นไป ฯ


๖.๒

ว่าดังนี้

      สำหรับผู้แก่พรรษากว่าว่า  “ปริสุทฺโธ  อหํ  อาวุโส  ปริสุทฺโธติ 

มํ  ธาเรหิ”  ว่า  ๓  หน

      สำหรับผู้อ่อนพรรษากว่าว่า  “ปริสุทฺโธ  อหํ  ภนฺเต  ปริสุทฺโธติ 

มํ  ธาเรถ”  ว่า  ๓  หน ฯ

๗.

ความประพฤติต่อไปนี้  จัดเข้าในอุปปถกิริยาข้อไหน ?


๗.๑

ชอบเล่นคะนอง  ร้องรำทำเพลง


๗.๒

ชอบด่าว่า  เสียดสี  เปรียบเปรยเขา  ยุยงให้เขาแตกกัน

๗.

๗.๑

จัดเข้าในข้ออนาจาร  ความประพฤติไม่ดีไม่งาม ฯ


๗.๒

จัดเข้าในข้อปาปสมาจาร  ความประพฤติเลวทราม ฯ

๘.

๘.๑

อุททิสมังสะ  ได้แก่เนื้อเช่นไร ?


๘.๒

ภิกษุฉันเนื้องู  เนื้อมนุษย์  ต้องอาบัติอะไร ?

๘.

๘.๑

อุททิสมังสะ  ได้แก่เนื้อที่เป็นกัปปิยะโดยกำเนิดและเขาทำให้สุกแล้ว  แต่เป็นของที่เขาฆ่าเพื่อทำเป็นอาหารถวายพระภิกษุโดยตรง ฯ


๘.๒

ภิกษุฉันเนื้องู  ต้องอาบัติทุกกฏ ฯ  ฉันเนื้อมนุษย์  ต้องอาบัติถุลลัจจัย ฯ

๙.

๙.๑

วินัยกรรม  คืออะไร ?  มีกี่อย่าง  อะไรบ้าง ?


๙.๒

การทำวินัยกรรมมีจำกัดบุคคลหรือสถานที่ไว้อย่างไรบ้าง ?

๙.

๙.๑

คือ  การทำกิจตามพระวินัย ฯ

มี  ๓  อย่าง  คือ

          ๑)  การแสดงอาบัติ

          ๒)  การอธิษฐาน

          ๓)  การวิกัป ฯ

 

๙.๒

มีจำกัดบุคคลหรือสถานที่ดังนี้

          ๑) แสดงอาบัติต้องแสดงแก่ภิกษุผู้มีสังวาสเสมอกัน

          ๒) อธิษฐานต้องทำเอง

          ๓) วิกัปต้องทำแก่สหธรรมิกทั้ง ๕  คือ ภิกษุ ภิกษุณี  สิกขมานา

                   สามเณร สามเณรี รูปใดรูปหนึ่ง ฯ  ส่วนสถานที่ห้ามไม่ให้ทำ

                   ในที่มืด แต่ในที่นอกสีมา ก็ทำได้ ฯ         

๑๐.

๑๐.๑

วิบัติของภิกษุในทางพระวินัยมีเท่าไร ?  อะไรบ้าง ?

 

๑๐.๒

จงให้ความหมายของวิบัติแต่ละอย่างนั้นพอได้ใจความ

๑๐.

๑๐.๑

มี  ๔  คือ

          ๑) สีลวิบัติ

          ๒) อาจารวิบัติ

          ๓) ทิฏฐิวิบัติ

          ๔) อาชีววิบัติ ฯ

 

๑๐.๒

ความเสียแห่งศีล  ชื่อว่าสีลวิบัติ  

ความเสียมารยาท  ชื่อว่าอาจารวิบัติ 

ความเห็นผิดธรรมผิดวินัย  ชื่อว่าทิฏฐิวิบัติ 

ความเสียแห่งการเลี้ยงชีพ  ชื่อว่าอาชีววิบัติ ฯ

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น