วันศุกร์ที่ 9 กรกฎาคม พ.ศ. 2564

วิชาธรรม นักธรรมชั้นโท 2558


 

ปัญหาวิชาธรรม   นักธรรมชันโท
สอบในสนามหลวง

วันเสาร์ที่๒๘ พฤศจิกายนพุทธศักราช๒๕๕๘ 
๑.    สมถกรรมฐาน และวิปัสสนากรรมฐาน  มุ่งผลแห่งการปฏิบัติอย่างไร ?

เฉลย สมถกรรมฐานมุ่งผลคือความสงบใจ ส่วนวิปัสสนากรรมฐานมุ่งผลคือความเรือง ปัญญา ฯ 

๒.   ปาพจน์๒ คือธรรมและวินัย นั้นทราบแล้ว อยากทราบว่าความปฏิบัติอย่างไรจัดเป็นธรรม ความปฏิบัติอย่างไรจัดเป็ นวินัย ?

เฉลย ความปฏิบัติเป็นทางน าความประพฤติและอัธยาศัยให ้ประณีตขึ้น จัดเป็น ความปฏิบัติเนื่องด ้วยระเบียบอันทรงตั้งไว ้ด ้วยพุทธอาณาเป็นสิกขาบทหรือ อภิสมาจาร เป็นทางน าความประพฤติให ้สม ่าเสมอกัน หรือเป็นเครื่องบริหารค จัดเป็นวินัย ฯ 
๓.   โลกัตถจริยา ที่พระพุทธองค์ทรงประพฤติเป็นประโยชน์แก่โลกนั้น มีอธิบายอย่างไร ?

เฉลย มีอธิบายว่า ทรงประพฤติเป็นประโยชน์แก่มหาชนที่นับว่าสัตวโลกทั่วไปเช่นทรงแผ่ พระญาณตรวจดูสัตวโลกทุกเช ้าคผู ้ใดปรากฏในข่ายพระญาณเสด็จไปโปรดผู ้นั้น สรุปคือ ทรงสงเคราะห์คนทั้งหลายโดยฐานเป็นเพื่อนมนุษย์ดฯ ้วยกัน 

๔.   วิเวก๓ คืออะไรบ้าง ?  จงอธิบายแต่ละอย่างพอเข้าใจ

เฉลย    คือกายวิเวกสงัดกายได ้แก่อยู่ในที่สงัดจิตตวิเวก สงัดจิตได ้แก่ท าจิตให ้สงบ

ด ้วยสมถภาวนา อุปธิวิเวกสงัดกิเลสได ้แก่ทาใจใหบริสุทธิ้์จากกิเลสดวยวิปัสสนา้ ภาวนา ฯ

๕.    ในสังขาร๓  อะไรชื่อว่ากายสังขารและวจีสังขาร ?   เพราะเหตุไรจึงได้ชื่ออย่างนั้น ?

เฉลย ลมอัสสาสะปัสสาสะได ้ชื่อว่ากายสังขารเพราะปรนปรือกายให ้เป็นอยู่ วิตกกับ วิจารได ้ชื่อว่าวจีสังขเพราะตริแล ้วตรองแล ้วจึงพูดไม่เช่นนั้นวาจานั้นจักไม่เป็น ภาษา ฯ 
  
๖.    อปัสเสนธรรมข้อว่า“พิจารณาแล้วบรรเทาของอย่างหนึ่ง” งอย่างหนึ่งนั้น คืออะไร ? เฉลย คืออกุศลวิตกอันสัมปยุตด ้วพยกามาบาท วิหิงสา ฯ

๗.  อุปาทานคืออะไร ? การถือเราถือเขาด้วยอ านาจมาจนเป็ะ นเหตุถือพวกจัดเป็ น อุปาทานอะไร ในอุปาทาน๔ ?

เฉลย    คือการถือมั่นข ้างเลว ได ้แก่ถือรั้น ฯ จัดเป็นอัตตวาทุปาทาน ฯ

๘.   ธรรมมัจฉริยะ ความตระหนี่ธรรม  มีอธิบายอย่างไร ?

เฉลย มีอธิบายว่า ความหวงธรรมหวงศิลปวิทยาไม่ปรารถนาจะแสดงจะบอกแก่คนอื่น เกรงว่าเขาจะรู ้เทียมตน ฯ

๙.    ชิวหาวิญญาณ และกายวิญญาณ เกิดขึ้นได้เพราะอาศัยอะไรบ้าง ?

เฉลย ชิวหาวิญญาณเกิดขึ้น เพราะอาศัยลิ้นกับรส (กระทบกัน) และกายวิญญาณเกิด เพราะอาศัยกายกับโผฏฐัพพะ (กระทบกัน) ฯ

๑๐. อุปฆาตกกรรม คือกรรมตัดรอนท าหน้าที่อะไร ?

เฉลย       ท าหน้าที่ตัดรอนผลแห่งชนกกรรมและอุปัตถัมภกกรรมให ้ขาดแล ้ว เข ้าใ แทนที่(ชนกกรรมและอุปัตถัมภกกรรมนั้น) ฯ ขบด ้วยทิฏฐิ (ทิฏฐิยา สุปฏิวิทธา) ฯ

วิชาธรรม นักธรรมชั้นโท 2559



ปัญหาวิชาธรรม นักธรมชันโท
สอบในสนามหลวง

วันพฤหัสบดีที๑๗พฤศจิกายน  พุทธศักราช๒๕๕๙




๑.            เจโตวิมุตติ กับ ปัญญาวิมุตติ ต่างกันอย่างไร?
ตอบ   เจโตวิมุตติ เป็นวิมุตติของท่านผูด้บรรลุฌานมาก่อนแล้ไ ้ว จึงบําเพ็ญวิปัสสนาต่อ
ส่วนปัญญาวิมุตติ เป็นวิมุตติของท่านผูด้บรรลุด้วยลําพังบําเพ็ญวิปัสสนาล้ไ ้วน
อีกนัยหนึ ง เรียกเจโตวิมุตติเพราะพ้นจากราคะ เรียกปัญญาวิมุตติเพราะพ้นจากอวิชชา ฯ

๒.           พระอริยบุคคล๘ จําพวก จําพวกไหนชื อว่าพระเสขะ และพระอเสขะ ? เพราะเหตุไร?

ตอบ   พระอริยบุคคล๗ เบื องต้น ชื อว่าพระเสขะ เพราะเป็นผู ้ยังต้องปฏิบัติเพืบรรลุมรรคผลเบื องสูง  ฯ พระอริยบุคคลผู ้ตั งอยู่ในอรหัตตผล ชื อว่าพระอเสขะ เพราะเสร็จกิจอันจะต้องทําแล ้ว

๓.           ราคะ โลภะ อิสสา กลิ น รส อย่างไหนเป็ นกิเลสกาม อย่างไหนเป็?นวัตถุกาม ตอบ ราคะ โลภะ อิสสา เป็นกิเลสกาม
กลิ น รส เป็นวัตถุกาม ฯ

๔.   คําว่า“โสดาบัน" แปลว่าอะไร? ผู้บรรลุโสดาบันนั น ละสังโยชน์อะไรได้เด็ดขาด ?

ตอบ   โสดาบัน แปลว่า ผู ้แรกถึงกระแสพระนิพพาน ฯ ท่านละสังโยชน์ได้เด็ดขาด๓อย่าง คือ

๑.  สักกายทิฏฐิ ๒. วิจิกิจฉา ๓. สีลัพพตปรามาส ฯ

 ๕.           ความตริในฝ่ ายชั ว เรียกว่าอะไร?มีกี อย่าง?อะไรบ้าง ? ตอบ เรียกว่า อกุศลวิตก๓ฯ อย่างมี ฯ

คือ  ๑. กามวิตก ความตริในทางกาม

๒.  พยาบาทวิตก ความตริในทางพยาบาท
๓.  วิหิงสาวิตก ความตริในทางเบียดเบียน ฯ

๖.            มัจจุมารได้แก่อะไร?ชื้ อว่าเป็นมารเพราะเหตุไร ?
ตอบ    ได้แก่ความตาย ฯ
ชื อว่าเป็นมาร เพราะเมืามตายเกิดขึ อคว น บุคคลย่อมหมดโอกาสที จะทําประโยชน์ใด ๆ
อีกต่อไป ฯ

๗.           จริต คืออะไร? คนมีปกติเชื อง่ายเป็นจริตอะไร ?
ตอบ    คือ พื นเพอัธยาศัยของบุคคลที แสดงออกมาตามปกติเป็นประจํา ฯ เป็นสัทธาจริต ฯ

๘.           กิเลสที ด้ชืไ อว่าอนุสัยและได้ชื อว่าสังโยชน์มีอธิบายอย่างไร ?
ตอบ    กิเลสที ได้ชื อว่าอนุสัย เพราะเป็นกิเลสอย่างละเอียด นอนเนื องอยู่ในสันดานของสัตว์
มักไม่ปรากฏ ต่อเมื อมีอารมณ์มายั วจึงปรากฏขึ น
กิเลสที ได้ชื อว่าสังโยชน์ เพราะเป็นกิเลสที ผูกใจสัตว์ไว้กับภพไม่ให้หลุดพ้นไปได

๙.            พระพุทธคุณบทว่า อรหํ เป็ นพระอรหันต์ มีความหมายอย่างไรบ้าง? เลือกตอบมา๒ อย่าง
ตอบ    มีความหมายได้๔ อย่าง ฯ คือ
๑.  ชื อว่าเป็นพระอรหันต์ เพราะเป็นผู กลจากกิเลสและบาปธรรม้ไ กล่าวคือ
เป็นผู้บริสุทธิ

๒. ชื อว่าเป็นพระอรหันต์ เพราะเป็นผู ้หักกําสังสารจักร คือ อวิชชา ตัณหา อุปาทาน กรรม ได้ ๓. ชื อว่าเป็นพระอรหันต์ เพราะเป็นผู ้ควรแนะนําสั งสอนเขา หรือเป็นผู ้ควร รับความเคารพนับถือ

๔.  ชื อว่าเป็นพระอรหันต์ เพราะเป็นผู ม่มีความลับ้ไ คือมิได้ทําความเสียหาย อันใดที จะพึงซ่อนเร้น ฯ
๑๐.         จงให้ความหมายของคําต่อไปนี  ?

๑.  อโหสิกรรม ๒. กตัตตากรรม


ตอบ

อโหสิกรรม      คือกรรมให้ผลสําเร็จแล ้ว เป็นกรรมล่วงคราวแล ้วเลิกให้ผลเปรียบเหมือน
พืชสิ นยางแล ้ว เพาะไม่ขึ น
กตัตตากรรม  คือกรรมสักว่าทํา ได้แก่กรรมอันทําด้วยไม่จงใจ ฯ






ให้เวลา๓ ชั วโมง


 

วิชาธรรม นักธรรมชั้นโท 2560

 





ปัญหาและเฉลยวิชาธรรม นักธรรมชั้นโท สอบในสนามหลวง
วันจันทร์ ๖ที่พฤศจิกายน พุทธศักราช๒๕๖๐

๑.               ปฏิสันถาร มีอะไรบ้าง?มีประโยชน์อย่างไร?
ตอบ  มี          ๑. อามิสปฏิสันถาร ต้อนรับด้วยสิ่งของ

๒.  ธัมมปฏิสันถาร ต้อนรับโดยธรรม ฯ มีประโยชน์อย่างนี้ คือ

๑. เป็นอุบายสร้างความสามัคคีและยึดเหนี่ยวน้ าใจกัน
๒.   เป็นการรักษาไมตรีจิตระหว่างกันและกันให้มั่นคงยิ่งข 
๒.              การพิจารณาสังขารทั้งหลายโดยความเป็นไตรลักษณ์ จัดเป็นกัมมัฏฐานอะไร?มีประโยชน์อย่างไร?
ตอบ  จัดเป็นวิปัสสนากัมมัฏฐาน ฯ
มีประโยชน์ คือทให้รู้จักสภาพที่เป็นจริงแห่งสังขารทั้งหลายว่า

ไม่เที่ยง เป็นทุกข์ เป็นอนัตตาแล้วเกิดความเบื่อหน่ายในสังขาร ทั้งหลายเหล่านั้น ฯ

๓.              ปาฏิหาริย์มีอะไรบ้าง?ทาไมจึงยกย่องอนุสาสนีปาฏิหาริย์ว่าอัศจ?
ตอบ  มี๓ อย่าง คือ

๑.   อิทธิปาฏิหาริย์ ฤทธิ์เป็นอัศจรรย์
๒. อาเทสนาปาฏิหาริย์รู้ใจเป็นอัศจรรย์

๓.  อนุสาสนีปาฏิหาริย์ ค าสอนเป็นอัศจรรย์ ฯ เพราะอาจจูงใจผู้ฟังให้เห็นคล้อยตาม ละความชั่วท าความดี ตั้งแต่ขั้นต่ า คือการถึงสรณะและรักษาศีล ตลอดถึงขั้นสูง คือมรรคผลนิพพานได้ ฯ 
๔.              ทิฏฐิ ความเห็นผิด ท่านเรียกว่า โอฆะ โยคะ อาสวะ เพราะเหตุใด?
ตอบ  เรียกว่า โอฆะ เพราะเป็นดุจกระแสน้ าอันท่วมใจสัตว์
เรียกว่า โยคะ เพราะประกอบสัตว์ไว้ในภพ
เรียกว่า อาสวะ เพราะเป็นสภาพหมักหมมอยู่ในกระแสจิต ฯ

๕.              ปัญจขันธ์ พระผู้มีพระภาคเจ้าตรัสว่าเป็นมาร มีอธิบายว่า?

ตอบ    มีอธิบายว่า ปัญจขันธ์นั้นบางทีทาความล าบาก บางทีท าให้เกิดความ เบื่อหน่าย จนถึงฆ่าตัวตายก็มี ฯ

๖.               ในวิมุตติ๕วิมุตติอย่างไหนเป็นโลกิยะ อย่างไหนเป็นโลกุตระ?

ตอบ ตทังควิมุตติ และวิกขัมภนวิมุตติ จัดเป็นโลกิยะ ส่วนสมุจเฉทวิมุตติ ปฏิปัสสัทธิวิมุตติ และนิสสรณวิมุตติ จัดเป็นโลกุตระ ฯ 
๗.             พระพุทธคุณ บทว่า อรห  ที่แปลว่า เป็นผู้หักก าแห่งสังสา
ก าแห่งสังสารจักร ได้แก่อะไร?
ตอบ  ได้แก่ อวิชชา ตัณหา อุปาทาน และกรรม ฯ

๘.              พระสงฆ์ ในบทสังฆคุณ๙ท่านหมายถึงพระสงฆ์เช่นไร? ค าว่า“อุชุปฏิปนฺโน เป็นผู้ปฏิบัติตรง” คือปฏิบัติเช่นไร?

ตอบ    หมายถึง พระสาวกผู้ได้บรรลุธรรมวิเศษตั้งแต่โสดาปัตติมรรคเป็ คือไม่ปฏิบัติลวงโลก ไม่มีมายาสาไถย ประพฤติตรง ตรงต่อพระศาส และเพื่อนสาวกด้วยกัน ไม่อ าพรางความในใจ ไม่มีแง่งอน ฯ 
๙.              บารมี คืออะไร?ท าอย่างไร เรียกว่าอธิษฐานบารมี ?

ตอบ    คือปฏิปทาอันยิ่งยวด หรือคุณธรรมที่ประพฤติอย่างยิ่งยวด ได้แก่ ความดีที่บ าเพ็ญอย่างพิเศษ เพื่อบรรลุเป้าหมายสูงสุ ความตั้งใจมั่นตัดสินใจเด็ดเดี่ยว วางจุดหมายแห่งการกระท าขอ แน่นอน และด าเนินตามนั้นอย่างแน่วแน่เรียกว่าอธิษฐานบารมี ฯ 
๑๐.     ในกรรม ๑๒ อุปัตถัมภกกรรม กับ อุปปีฬกกรรม ท าหน้าที่ต่า อย่างไร? 

ตอบ    อุปัตถัมภกกรรม ท าหน้าที่สนับสนุนผลแห่งชนกกรรม อุปปีฬกกรรม ท าหน้าที่บีบคั้นผลแห่งชนกกรรม ฯ





ให้เวลา๓ ชั่วโมง