หนังสือนักธรรมชั้นตรี,นักธรรมตรีpdf,นักธรรมตรี,สรุปนักธรรมตรี,ข้อสอบนักธรรมตรี,เก็งข้อสอบนักธรรมตรี
- หน้าแรก
- พุทธประวัติ
- ธรรมวิภาค
- เบญจศีล-เบญจธรรม
- แบบกระทู้ธรรมชั้นตรี
- แบบกระทู้ธรรมชั้นโท
- แบบกระทู้ธรรมชั้นเอก
- หมวด พุทธศาสนสุภาษิต
- อนุพุทธประวัติชั้นโท
- ดาวโหลดหนังสือธรรมศึกษาชั้นตรี โท เอก
- Download ข้อสอบนักธรรมและธรรมศึกษา ปี 2559-2563
- ประวัตินักธรรม-ธรรมศึกษา โดยสังเขป
- ขอบข่ายการเรียนการสอนธรรมศึกษา 2561
- ขอบข่ายธรรมศึกษา ระดับอุดมศึกษาและประชาชนทั่วไป
- ข้อสอบนักธรรมตรี-โท-เอก[ย้อนหลัง]
วันจันทร์ที่ 5 กรกฎาคม พ.ศ. 2564
วิชาวินัยบัญญัติ นักธรรมชั้นตรี 2544
วิชาวินัยบัญญัติ นักธรรมชั้นตรี 2544
ปัญหาและเฉลยวิชาวินัยบัญญัติ นักธรรมชั้นตรี
สอบในสนามหลวง
วันจันทร์ ที่ ๕ พฤศจิกายน พ.ศ. ๒๕๔๔
๑.
๑.๑
พุทธบัญญัติ มูลบัญญัติ อนุบัญญัติ คืออะไร ?
๑.๒
อกรณียกิจคืออะไร ? มีกี่อย่าง ? อะไรบ้าง ?
๑.
๑.๑
พุทธบัญญัติ คือข้อที่พระพุทธเจ้าทรงตั้งไว้เป็นบทบังคับให้ภิกษุประพฤติ
มูลบัญญัติ คือข้อที่ทรงบัญญัติไว้เดิม
อนุบัญญัติ คือข้อที่ทรงบัญญัติเพิ่มเติมภายหลัง
๑.๒
อกรณียกิจ คือกิจที่บรรพชิตไม่ควรทำ มี ๔ อย่างคือ
เสพเมถุน ๑
ลักของเขา ๑
ฆ่าสัตว์ ๑
พูดอวดคุณพิเศษที่ไม่มีในตน ๑
๒.
๒.๑
คำว่า ต้องอาบัติ หมายความว่าอย่างไร ?
๒.๒
อาบัติมีโทษกี่สถาน ? อะไรบ้าง ?
๒.
๒.๑
หมายความว่า ต้องโทษคือมีความผิดฐานละเมิดข้อที่พระพุทธเจ้าทรงห้าม
๒.๒
มี ๓ สถานคือ
อย่างหนัก
อย่างกลาง
อย่างเบา
๓.
๓.๑
ท่านเปรียบพระวินัยเหมือนด้ายร้อยดอกไม้ หมายความว่าอย่างไร ?
๓.๒
ภิกษุรักษาพระวินัยดีแล้ว ย่อมได้อานิสงส์อย่างไร ?
๓.
๓.๑
หมายความว่า ด้ายร้อยดอกไม้ควบคุมดอกไม้ไว้ไม่ให้กระจัดกระจายฉันใด พระวินัยย่อมรักษาสงฆ์ให้ตั้งอยู่เป็นอันดีฉันนั้น
๓.๒
ย่อมได้อานิสงส์ คือไม่ต้องเดือดร้อนใจ ได้รับความแช่มชื่นว่า ได้ประพฤติดีงาม จะเข้าหมู่ภิกษุผู้มีศีลก็องอาจไม่สะทกสะท้าน
๔.
๔.๑
อาบัติที่เป็นโลกวัชชะหมายความว่าอย่างไร ? จงยกตัวอย่างประกอบ
๔.๒
อาบัติที่เป็นปัณณัตติวัชชะหมายความว่าอย่างไร ? จงยกตัวอย่างประกอบ
๔.
๔.๑
หมายความว่า อาบัติที่มีโทษซึ่งภิกษุทำเป็นความผิดความเสีย
คนสามัญทำ ก็เป็นความผิดความเสียเหมือนกัน เช่น ทำโจรกรรม เป็นต้น
๔.๒
หมายความว่า อาบัติที่มีโทษเฉพาะภิกษุทำ แต่คนสามัญทำไม่เป็นความผิดความเสีย เช่น ขุดดิน เป็นต้น
๕.
๕.๑
ภิกษุฆ่าสัตว์ให้ตายเป็นอาบัติอะไร ?
๕.๒
ภิกษุพยายามจะฆ่าตนเองเป็นอาบัติอะไร ?
๕.
๕.๑
ถ้าเป็นสัตว์มนุษย์ เป็นอาบัติปาราชิก
สัตว์ที่เรียกว่าอมนุษย์ เช่นยักษ์ เปรต และดิรัจฉานมีฤทธิ์จำแลงกายเป็นมนุษย์ได้ เป็นอาบัติถุลลัจจัย ดิรัจฉานทั่วไป เป็นอาบัติปาจิตตีย์
๕.๒
เป็นอาบัติทุกกฏ
๖.
๖.๑
พูดอย่างไรเรียกว่า อวดอุตตริมนุสสธรรม ?
๖.๒
ภิกษุพูดอวดอุตตริมนุสสธรรมซึ่งไม่มีจริงในตน เมื่อคนอื่นฟังแล้วเข้าใจแต่ไม่เชื่อ ภิกษุนี้จะต้องอาบัติอะไร ?
๖.
๖.๑
พูดอวดคุณพิเศษอันยิ่งของมนุษย์ เช่น ฌาน วิโมกข์ สมาธิ สมาบัติ มรรค ผล นิพพาน เรียกว่า อวดอุตตริมนุสสธรรม
๖.๒
ต้องอาบัติปาราชิก
๗.
๗.๑
จงอธิบายความหมายของคำต่อไปนี้ อเตกิจฉา อจิตตกะ
๗.๒
คำว่า มาตุคาม (หญิง) ในสังฆาทิเสสสิกขาบทที่ ๒, ๓, ๔, ต่างกันอย่างไร ?
๗.
๗.๑
อเตกิจฉา อาบัติที่แก้ไขไม่ได้
อจิตตกะ อาบัติที่ไม่จงใจ
๗.๒
มาตุคาม ในสิกขาบทที่ ๒ หมายถึง หญิงมนุษย์โดยที่สุดเกิดในวันนั้น
มาตุคาม ในสิกขาบทที่ ๓, ๔ หมายถึง หญิงผู้รู้เดียงสา
๘.
๘.๑
คำว่า นิสสัคคิยปาจิตตีย์ หมายความว่าอย่างไร ?
๘.๒
ปาจิตตีย์แบ่งเป็น นิสสัคคิยปาจิตตีย์ และสุทธิกปาจิตตีย์ เพราะเหตุไร ?
๘.
๘.๑
หมายความว่า อาบัติปาจิตตีย์ที่จำต้องสละสิ่งของ
๘.๒
เพราะว่านิสสัคคิยปาจิตตีย์นั้น จำต้องเสียสละวัตถุอันเป็นเหตุให้ต้องอาบัตินั้นเสียก่อน จึงแสดงอาบัติได้ ส่วนสุทธิกปาจิตตีย์นั้น ภิกษุพึงแสดงอาบัติได้เลย ไม่มีวัตถุใด ๆ ที่จำต้องสละ
๙.
๙.๑
ภิกษุนำ เตียง ตั่ง ฟูก เก้าอี้ ของสงฆ์ ไปใช้ในที่แจ้งแล้ว ครั้นหลีกไปจากที่นั้น ไม่เก็บหรือไม่มอบหมายให้ผู้อื่นเก็บให้เรียบร้อย ต้องอาบัติอะไรหรือไม่ ?
๙.๒
ภิกษุเข้าบ้านในเวลาวิกาล โดยไม่บอกลาภิกษุอื่นในวัด ต้องอาบัติอะไรหรือไม่ ?
๙.
๙.๑
ต้องอาบัติปาจิตตีย์
๙.๒
ต้องอาบัติปาจิตตีย์ เว้นไว้แต่มีกิจรีบด่วน
๑๐.
๑๐.๑
เสขิยวัตรคืออะไร ? มีกี่สิกขาบท ?
๑๐.๒
ภิกษุไม่เอื้อเฟื้อในเสขิยวัตร ปฏิบัติผิดธรรมเนียม ต้องอาบัติอะไร ?
๑๐.
๑๐.๑
คือวัตรหรือธรรมเนียมที่ควรศึกษา , มี ๗๕ สิกขาบท
๑๐.๒
ต้องอาบัติทุกกฏ
วิชาวินัยบัญญัติ นักธรรมชั้นตรี 2545
วิชาวินัยบัญญัติ นักธรรมชั้นตรี 2545
ปัญหาและเฉลยวิชาวินัยบัญญัติ นักธรรมชั้นตรี
สอบในสนามหลวง
วันอาทิตย์ ที่ ๒๔ พฤศจิกายน พ.ศ. ๒๕๔๕
๑. ๑.๑ พระวินัย คืออะไร ?
๑.๒ สิกขา ๓ เมื่อศึกษาแล้วจะได้ประโยชน์อย่างไร ?
๑. ๑.๑ คือพระพุทธบัญญัติและอภิสมาจาร ฯ
๑.๒ ย่อมได้ประโยชน์ดังนี้ ศึกษาเรื่องศีล ทำให้เป็นผู้มีกาย วาจาเรียบร้อย ศึกษา
เรื่องสมาธิทำให้ใจสงบมั่นคง ไม่ฟุ้งซ่าน ศึกษาเรื่องปัญญา ทำให้รอบรู้ในกอง
สังขาร ฯ
๒. ๒.๑ สิกขากับสิกขาบทต่างกันอย่างไร ?
๒.๒ สิกขาบทที่มาในพระปาฏิโมกข์มีเท่าไร ? อะไรบ้าง ?
๒. ๒.๑ สิกขา คือข้อที่ภิกษุต้องศึกษา
สิกขาบท คือพระบัญญัติมาตราหนึ่งๆ เป็นสิกขาบทอันหนึ่งๆ ฯ
๒.๒ มี ๒๒๗ ฯ
คือปาราชิก ๔ สังฆาทิเสส ๑๓ อนิยต ๒ นิสสัคคิยปาจิตตีย์ ๓๐
ปาจิตตีย์ ๙๒ ปาฏิเทสนียะ ๔ เสขิยะ ๗๕ อธิกรณสมถะ ๗
รวมเป็น ๒๒๗ ฯ
๓. ๓.๑ คำต่อไปนี้มีความหมายอย่างไร ?
ก) อาทิกัมมิกะ
ข) อเตกิจฉา
๓.๒ อาการที่ภิกษุจะต้องอาบัติมีเท่าไร ? อะไรบ้าง ?
๓. ๓.๑ ก) ภิกษุผู้ก่อเหตุให้ทรงบัญญัติสิกขาบทขึ้น ฯ
ข) อาบัติที่แก้ไขไม่ได้ ฯ
๓.๒ มี ๖ อย่าง คือ
๑. ต้องด้วยไม่ละอาย
๒. ต้องด้วยไม่รู้ว่า สิ่งนี้จะเป็นอาบัติ
๓. ต้องด้วยสงสัยแล้วขืนทำลง
๔. ต้องด้วยสำคัญว่าควรในของที่ไม่ควร
๕. ต้องด้วยสำคัญว่าไม่ควรในของที่ควร
๖. ต้องด้วยลืมสติ ฯ
๔. ๔.๑ คำว่า "ไถยจิต" หมายถึงอะไร ?
๔.๒ ในอทินนาทานสิกขาบท กำหนดราคาทรัพย์เป็นวัตถุแห่งอาบัติไว้อย่างไรบ้าง ?
๔. ๔.๑ หมายถึงจิตคิดจะลัก คือจิตคิดถือเอาของที่เจ้าของไม่ให้ด้วยอาการแห่งขโมย ฯ
๔.๒ กำหนดไว้อย่างนี้
ทรัพย์มีราคาตั้งแต่ ๕ มาสก ขึ้นไป เป็นวัตถุแห่งอาบัติปาราชิก
ทรัพย์มีราคาต่ำกว่า ๕ มาสก แต่สูงกว่า ๑ มาสก เป็นวัตถุแห่งอาบัติถุลลัจจัย
ทรัพย์มีราคาตั้งแต่ ๑ มาสก ลงไป เป็นวัตถุแห่งอาบัติทุกกฏ ฯ
๕. ๕.๑ สังหาริมทรัพย์ และอสังหาริมทรัพย์ ได้แก่ทรัพย์เช่นไร ?
๕.๒ การถือเอาทรัพย์ทั้ง ๒ อย่างนั้น กำหนดว่าถึงที่สุดไว้อย่างไร ?
๕. ๕.๑ สังหาริมทรัพย์ ได้แก่ทรัพย์หรือสิ่งของที่เคลื่อนที่ได้ ทั้งที่มีวิญญาณและไม่มี
วิญญาณ เช่นสัตว์และเงินทองเป็นต้น ฯ ส่วนอสังหาริมทรัพย์ ได้แก่ทรัพย์
หรือสิ่งของที่เคลื่อนที่ไม่ได้ โดยตรงได้แก่ที่ดิน โดยอ้อมนับของที่ติดเนื่องอยู่
กับที่นั้นด้วย เช่น ต้นไม้และเรือนเป็นต้น ฯ
๕.๒ สังหาริมทรัพย์ กำหนดว่าถึงที่สุดด้วยทำให้เคลื่อนจากฐาน ฯ
อสังหาริมทรัพย์ กำหนดว่าถึงที่สุดด้วยขาดกรรมสิทธิ์แห่งเจ้าของ ฯ
๖. ๖.๑ ปาราชิก ๔ สิกขาบทไหนที่ภิกษุใช้ให้เขาทำก็ต้องอาบัติถึงที่สุด ?
๖.๒ สังฆาทิเสส ๑๓ สิกขาบทไหนบ้างต้องอาบัติตั้งแต่แรกทำ ? มีชื่อเรียกอย่างไร ?
๖. ๖.๑ สิกขาบทที่ ๒ และสิกขาบทที่ ๓ ฯ
๖.๒ สิกขาบทที่ ๑ ถึงที่ ๙ ฯ เรียกว่า ปฐมาปัตติกะ ฯ
๗. ๗.๑ ภิกษุมีความกำหนัด จับต้องกะเทย บุรุษ และสัตว์ดิรัจฉานตัวผู้ เป็นอาบัติ
อะไร ?
๗.๒ อาบัติไม่มีมูล กำหนดโดยอาการอย่างไร ? โจทด้วยอาบัติไม่มีมูลเป็นอาบัติ
อะไร ?
๗. ๗.๑ จับต้อง กะเทย เป็นอาบัติถุลลัจจัย บุรุษ เป็นอาบัติทุกกฏ สัตว์ดิรัจฉานตัวผู้
เป็นอาบัติทุกกฏ ฯ
๗.๒ กำหนดโดยอาการ ๓ คือ ไม่ได้เห็นเอง ๑ ไม่ได้ยิน ๑ ไม่ได้รังเกียจ ๑ ว่า
ภิกษุนั้นต้องอาบัติชื่อนั้น ฯ โจทด้วยอาบัติปาราชิกต้องสังฆาทิเสส โจทด้วย
อาบัติสังฆาทิเสสต้องปาจิตตีย์ โจทด้วยอาบัติอื่นจากนี้ต้องปาจิตตีย์
ในมุสาวาทสิกขาบท ฯ
๘. ๘.๑ ผ้าจีวรที่ทรงอนุญาตให้ใช้ได้ทำด้วยวัตถุกี่ชนิด ? อะไรบ้าง ?
๘.๒ จีวร ผ้านิสีทนะ อังสะ ผ้าเช็ดหน้า ย่ามผ้า เมื่อจะใช้สอย อย่างไหนควรพินทุ
อย่างไหนไม่ควร ? เพราะเหตุใด ?
๘. ๘.๑ ๖ ชนิด คือ
๑. ทำด้วยเปลือกไม้ เช่น ผ้าลินิน
๒. ทำด้วยฝ้าย คือ ผ้าสามัญ
๓. ทำด้วยไหม คือ ผ้าแพร
๔. ทำด้วยขนสัตว์ เช่น ผ้าสักหลาด
๕. ทำด้วยเปลือกไม้ เช่น ผ้าป่าน (สาณะ)
๖. ทำด้วยสัมภาระเจือกัน ฯ
๘.๒ จีวร และอังสะ ควรพินทุ เพราะใช้ห่ม
ผ้านิสีทนะ ผ้าเช็ดหน้า และย่ามผ้า ไม่ต้องพินทุ เพราะไม่ได้ใช้นุ่งห่ม ฯ
๙. ๙.๑ ภิกษุพูดปดต้องอาบัตินั้นทราบแล้ว แต่ถ้าพูดเรื่องจริง จะต้องอาบัติอะไรหรือไม่ ?
๙.๒ ปฏิสสวะทุกกฏ คืออะไร ?
๙. ๙.๑ ต้องอาบัติเหมือนกันคือ บอกอุตตริมนุสสธรรมที่มีจริงแก่อนุปสัมบัน ต้อง
อาบัติปาจิตตีย์ ตามสิกขาบทที่ ๘ แห่งมุสาวาทวรรค บอกอาบัติชั่วหยาบของ
ภิกษุแก่อนุปสัมบัน เว้นไว้แต่ได้รับสมมติ ต้องอาบัติปาจิตตีย์ตามสิกขาบทที่
๙ แห่งมุสาวาทวรรค ฯ
๙.๒ คืออาบัติทุกกฏที่เกิดจากการรับคำด้วยจิตบริสุทธิ์ แต่ภายหลังไม่ได้ทำตามคำ
ที่รับปากไว้ ฯ
๑๐. ๑๐.๑ การนุ่งเป็นปริมณฑล คือการนุ่งอย่างไร ?
๑๐.๒ เสขิยวัตรว่าด้วยการรับบิณฑบาตมีหลายข้อ จงระบุมาเพียง ๒ ข้อ
๑๐. ๑๐.๑ คือนุ่งเบื้องบนปิดสะดือ แต่ไม่ถึงกระโจมอก เบื้องล่างปิดหัวเข่าทั้ง ๒ ลงมา
เพียงครึ่งแข้ง ไม่ถึงกรอมข้อเท้า ฯ
๑๐.๒ (เลือกตอบเพียง ๒ ข้อ)
ภิกษุพึงทำความศึกษาว่า เราจักรับบิณฑบาตโดยเคารพ
ภิกษุพึงทำความศึกษาว่า เมื่อรับบิณฑบาต เราจักแลดูแต่ในบาตร
ภิกษุพึงทำความศึกษาว่า เราจักรับแกงพอสมควรแก่ข้าวสุก
ภิกษุพึงทำความศึกษาว่า เราจักรับบิณฑบาตแต่พอเสมอขอบปากบาตร ฯ