การเวียนนาครอบโบสถ์
ในการเวียนนาครอบอุโบสถ ๓ รอบ เป็นการเวียนขวาตามเข็มนาฬิกา เรียกว่า
ประทักษิณ เป็นการแสดงความเคารพแบบชาวอินเดียในสมัยพุทธกาล นาคเดินด้วยความ
สารวม ในรอบที่ ๑ ภาวนาว่า พุทโธ ๆ รอบที่ ๒ ภาวนาว่า ธัมโม ๆ รอบที่ ๓ ภาวนาว่า
สังโฆ ๆ เพื่อให้จิตแน่วแน่ในพระรัตนตรัย ไม่ควรขี่คอคนอื่น และผู้ร่วมขบวนแห่ไม่ควรนา
สุราของมึนเมามาดื่มในขบวนแห่ เพราะอุโบสถเป็นเขตพุทธาวาส เป็นสถานที่ประทับพระพุทธเจ้า พระประธานถือเป็นตัวแทนของพระพุทธเจ้า การขี่คอ การดื่มของมึนเมา
ทุกชนิด ถือเป็นการแสดงอาการไม่เคารพต่อพระพุทธเจ้า ปัจจุบันในกรณีไม่มีการจัดงานใหญ่
ไม่นิยมจัดดนตรี เครื่องประโคม มีขบวนแห่เฉพาะเจ้าภาพ และญาติมิตร เดินเวียนโบสถ์
ด้วยความสงบ นับว่าเป็นการปฏิบัติที่ถูกต้อง
พิธีวันทาเสมานานาคเข้าโบสถ์
เมื่อแห่นาคเวียนประทักษิณอุโบสถครบ ๓ รอบแล้ว ขบวนแห่นาสิ่งของถือมาเข้า
ไปตั้ง ในอุโบสถให้เรียบร้อย ส่วนนาคก่อนเข้าอุโบสถ ต้องวันทาเสมาก่อน โดยนั่งคุกเข่า
หน้าเสมาด้านหน้าอุโบสถ ประนมมือ ถือดอกไม้ธูปเทียน กล่าวคาวันทาเสมา บางแห่งจัด
ดอกไม้ธูปเทียน อีกชุดหนึ่งสาหรับให้นาควันทาเสมา ส่วนชุดในขบวนแห่ ใช้สาหรับจุดบูชา
พระรัตนตรัยในอุโบสถ การวันทาเสมา เป็นการแสดงความเคารพต่อสถานที่ อันเป็นปูชนียสถาน
เพื่อขอขมาโทษต่อ พระรัตนตรัยหรือสถานที่นั้น หากตนเคยทาผิดหรือล่วงเกิน ทั้งเจตนา
และไม่เจตนา เพราะนาคต้องอาศัยสถานที่นั้นประกอบพิธีอุปสมบท ยกฐานะเป็น
พระคือผู้ประเสริฐ
เมื่อวันทาเสมาแล้ว ก่อนเข้าอุโบสถให้นาคโปรยทานด้วย เพื่อแสดงให้เห็นว่า ผู้บวช
สละทรัพย์สินภายนอกแล้ว ไม่อาลัยในทางโลก พร้อมจะดารงเพศสมณะ ดาเนินชีวิตใน
ทางธรรม การนานาคเข้าอุโบสถ มีคติเป็น ๒ อย่าง คือ อย่างแรกพ่อแม่นานาคเข้าอุโบสถ
มีความหมายว่า พ่อแม่นานาคไปมอบแก่พระสงฆ์ เพื่อให้พระอุปัชฌาย์ทาการอุปสมบทให้
อย่างที่ ๒ คือ นาคนาพ่อแม่เข้าสู่อุโบสถ มีความหมายว่า ลูกชายนาพ่อแม่เข้าสู่ประตู
พระพุทธศาสนา ตามคากล่าวว่า เกาะชายผ้าเหลืองขึ้นสวรรค์
นาคเข้าสู่อุโบสถแล้ว นาดอกไม้ธูปเทียนบูชาพระรัตนตรัย กลับมานั่งกลางอุโบสถ
ถ้านาคยังไม่ได้ขอขมาโทษต่อบิดามารดา จะขอขมาช่วงนี้ก็ได้ จากนั้นรับผ้าไตรจากบิดามารดา
เข้าไปหาพระอุปัชฌาย์ขอบรรพชา ตามพิธีบรรพชาข้างต้น
หนังสือนักธรรมชั้นตรี,นักธรรมตรีpdf,นักธรรมตรี,สรุปนักธรรมตรี,ข้อสอบนักธรรมตรี,เก็งข้อสอบนักธรรมตรี
- หน้าแรก
- พุทธประวัติ
- ธรรมวิภาค
- เบญจศีล-เบญจธรรม
- แบบกระทู้ธรรมชั้นตรี
- แบบกระทู้ธรรมชั้นโท
- แบบกระทู้ธรรมชั้นเอก
- หมวด พุทธศาสนสุภาษิต
- อนุพุทธประวัติชั้นโท
- ดาวโหลดหนังสือธรรมศึกษาชั้นตรี โท เอก
- Download ข้อสอบนักธรรมและธรรมศึกษา ปี 2559-2563
- ประวัตินักธรรม-ธรรมศึกษา โดยสังเขป
- ขอบข่ายการเรียนการสอนธรรมศึกษา 2561
- ขอบข่ายธรรมศึกษา ระดับอุดมศึกษาและประชาชนทั่วไป
- ข้อสอบนักธรรมตรี-โท-เอก[ย้อนหลัง]
วันศุกร์ที่ 9 พฤศจิกายน พ.ศ. 2561
สิ่งต้องจัดเตรียมในพิธีอุปสมบท
สิ่งต้องจัดเตรียมในพิธีอุปสมบท
สิ่งต้องจัดเตรียมในพิธีอุปสมบทประกอบด้วยสิ่งจาเป็นตามข้อกาหนดในพระวินัย
ได้แก่อัฐบริขาร เรียกว่า บริขารแปด และเครื่องใช้สอยสาหรับพระบวชใหม่ คือ
๑. ไตรครอง ประกอบด้วย สังฆาฏิ จีวร สบง ประคตเอว อังสะ ผ้ารัดอก
๒. บาตร พร้อมฝาบาตร เชิงบาตร ถลกบาตร สายสะพาย๓. มีดโกน พร้อมหินลับมีด
๔. เข็มเย็บผ้า พร้อมด้ายเย็บผ้า
๕. ธมกรก อ่านว่า ทะมะกะหรก คือ ที่กรองน้า
๖. เสื่อ หมอน มุ้ง ผ้าห่ม ผ้าเช็ดตัว
๗. ตาลปัตร ย่าม ร่ม รองเท้า
๘. จาน ช้อนส้อม กระติกน้า แก้วน้า
๙. ขันอาบน้า สบู่ ยาสีฟัน แปรงสีฟัน
สิ่งของข้อ ๑ ถึง ๕ ขาดสิ่งใดสิ่งหนึ่งไม่ได้ เพราะเป็นอัฐบริขารของพระภิกษุ จาเป็น
ต้องมีส่วนข้อ ๖ ถึง ๙ จะมีหรือไม่มีก็ได้ เพราะสามารถจัดหาเพิ่มเติมได้ภายหลัง สาหรับ
การเตรียมอัฐบริขาร ผ้าไตรครองควรวางไว้บนพานแว่นฟ้า มีดโกน พร้อมหินลับมีด กล่องเข็ม
และธมกรก รวบรวมใส่ไว้ในบาตร นาบาตรสวมในถลกบาตรอีกชั้นหนึ่ง
พิธีปลงผมและทาขวัญนาค
งานอุปสมบท เรียกอีกอย่างหนึ่งว่า งานบวช หรือ งานบวชนาค ตามประเพณี
ภาคกลาง ถือเป็นงานใหญ่ มีการออกบัตรเชิญหรือแจกการ์ด แก่ญาติมิตรของเจ้าภาพและ
เพื่อนนาคด้วย เดิมนิยมจัดงานเป็น ๒ วัน วันแรกเป็นวันทาขวัญนาค หลังจากปลงผมแต่งตัว
นาคเรียบร้อยแล้ว อาจมีพิธีเจริญพระพุทธมนต์ตอนเย็น แต่จะไม่เลี้ยงพระเช้า เพราะตอน
เช้าเจ้าภาพต้องเตรียมแห่นาคไปวัด พระสงฆ์เจริญพระพุทธมนต์จบ เจ้าภาพถวายไทยธรรม
พระสงฆ์อนุโมทนา เจ้าภาพและนาคกรวดน้ารับพร เป็นอันเสร็จพิธี ภาษาท้องถิ่นเรียกว่า
สวดมนต์ปล่อย ตกตอนกลางคืน จึงให้มีพิธีทาขวัญนาค หรือบางงานนิมนต์พระมาเทศน์
สอนนาคแทน เพื่อให้นาคเข้าใจถึงวัตถุประสงค์และอานิสงส์ของการบวช อาจมีมหรสพมา
แสดงสมโภชด้วยก็ได้
ความหมายคาว่า นาค
นาค แปลว่า ผู้ประเสริฐ หรือ ผู้ไม่กลับมาสู่ความชั่ว หมายถึง มีจิตศรัทธาบวช
ตั้งใจละความไม่ดีต่าง ๆ เคยทามาแล้ว และจะไม่หวนกลับมาทาสิ่งนั้นอีก ผู้บวชแล้วกลับมา
ทาความชั่วความเลวอีก โบราณบอกว่า บวชเสียผ้าเหลือง ความเป็นมาของคาว่า นาค
มีเรื่องเล่าว่าครั้งหนึ่ง พระพุทธเจ้าเสด็จไปแสดงธรรมโปรดเวไนยสัตว์ พญานาคตนหนึ่งจาแลง
กาย เป็นชายหนุ่มมาฟังพระธรรมเทศนาด้วย เกิดความเลื่อมใสในพระพุทธศาสนา มีความ
ประสงค์จะบวชเป็นพระภิกษุ จึงเข้าไปหาพระสงฆ์ เพื่อขอบวชพระ พระสงฆ์ไม่ทราบว่า
พญานาคจาแลงมา จึงบวชให้ เมื่อท่านบวชแล้ว ได้ปฏิบัติตามพระธรรมวินัยเหมือนพระสงฆ์
รูปอื่น ๆ ต่อมาวันหนึ่งพระภิกษุนาคจาแลงนั้น นอนเผลอสติหลับไป ร่างมนุษย์ได้กลับคืน
เป็นพญานาคตามเดิม พระภิกษุรูปหนึ่งมาเห็นเข้า ตกใจกลัว ไปกราบทูลพระพุทธเจ้า
ให้ทรงทราบ พระองค์สั่งให้ตรัสเรียกพระภิกษุนาคจาแลงนั้นมา ตรัสบอกว่า สัตว์ดิรัจฉาน
ไม่สามารถอุปสมบทเป็นพระภิกษุในพระพุทธศาสนาได้ พญานาคจึงสละเพศพระภิกษุ
แต่ด้วยความเลื่อมศรัทธาในพระพุทธศาสนา จึงทูลขอพรว่า ภายภาคหน้า ถ้ากุลบุตรมี
ศรัทธาขอบวชพระให้เรียกผู้นั้นว่า นาค พระพุทธเจ้าทรงประทานพรนั้น คาว่า นาค จึงเป็น
คาเรียกผู้ขอบรรพชาอุปสมบทมาจนบัดนี้การจัดขบวนแห่นาค
การจัดขบวนแห่นาค มีรูปแบบการจัดแตกต่างกันไปในแต่ละพื้นที่ ในเขตภาคกลาง
เดิมมีการจัดขบวนแห่นาคจากบ้านงานไปวัด ทั้งทางน้าและทางบก ปัจจุบันการคมนาคม
ทางบกสะดวกกว่า จึงนิยมแห่นาคทางบกเป็นหลัก ขบวนแห่นาคจัดการแสดงนาหน้า เช่น
สิงโต ฟ้อนรา ตามด้วยดนตรี กลองยาว หรือแตรวง ลาดับต่อมาเป็นผู้ถือของสักการะ
พระอุปัชฌาย์และคู่สวด ผู้ถือไทยธรรมพระอันดับ บิดาหรือญาติผู้ชายสะพายบาตร ถือตาลปัตร
มารดาหรือญาติผู้หญิง อุ้มพานแว่นฟ้า ผ้าไตรครอง ส่วนนาคประนมมือ ถือดอกบัว ๓ ดอก
ธูป ๓ ดอก เทียน ๒ เล่ม เดินตรงกลางขบวน ญาติผู้หญิงอุ้มพานแว่นฟ้า ผ้าไตรอาศัย ผู้ถือ
บริขารสาหรับพระบวชใหม่ และ ผู้ร่วมขบวนแห่ทั้งหมด เดินตามหลังนาค กระทั่งนาคเข้าโบสถ์
สิ่งต้องจัดเตรียมในพิธีอุปสมบทประกอบด้วยสิ่งจาเป็นตามข้อกาหนดในพระวินัย
ได้แก่อัฐบริขาร เรียกว่า บริขารแปด และเครื่องใช้สอยสาหรับพระบวชใหม่ คือ
๑. ไตรครอง ประกอบด้วย สังฆาฏิ จีวร สบง ประคตเอว อังสะ ผ้ารัดอก
๒. บาตร พร้อมฝาบาตร เชิงบาตร ถลกบาตร สายสะพาย๓. มีดโกน พร้อมหินลับมีด
๔. เข็มเย็บผ้า พร้อมด้ายเย็บผ้า
๕. ธมกรก อ่านว่า ทะมะกะหรก คือ ที่กรองน้า
๖. เสื่อ หมอน มุ้ง ผ้าห่ม ผ้าเช็ดตัว
๗. ตาลปัตร ย่าม ร่ม รองเท้า
๘. จาน ช้อนส้อม กระติกน้า แก้วน้า
๙. ขันอาบน้า สบู่ ยาสีฟัน แปรงสีฟัน
สิ่งของข้อ ๑ ถึง ๕ ขาดสิ่งใดสิ่งหนึ่งไม่ได้ เพราะเป็นอัฐบริขารของพระภิกษุ จาเป็น
ต้องมีส่วนข้อ ๖ ถึง ๙ จะมีหรือไม่มีก็ได้ เพราะสามารถจัดหาเพิ่มเติมได้ภายหลัง สาหรับ
การเตรียมอัฐบริขาร ผ้าไตรครองควรวางไว้บนพานแว่นฟ้า มีดโกน พร้อมหินลับมีด กล่องเข็ม
และธมกรก รวบรวมใส่ไว้ในบาตร นาบาตรสวมในถลกบาตรอีกชั้นหนึ่ง
พิธีปลงผมและทาขวัญนาค
งานอุปสมบท เรียกอีกอย่างหนึ่งว่า งานบวช หรือ งานบวชนาค ตามประเพณี
ภาคกลาง ถือเป็นงานใหญ่ มีการออกบัตรเชิญหรือแจกการ์ด แก่ญาติมิตรของเจ้าภาพและ
เพื่อนนาคด้วย เดิมนิยมจัดงานเป็น ๒ วัน วันแรกเป็นวันทาขวัญนาค หลังจากปลงผมแต่งตัว
นาคเรียบร้อยแล้ว อาจมีพิธีเจริญพระพุทธมนต์ตอนเย็น แต่จะไม่เลี้ยงพระเช้า เพราะตอน
เช้าเจ้าภาพต้องเตรียมแห่นาคไปวัด พระสงฆ์เจริญพระพุทธมนต์จบ เจ้าภาพถวายไทยธรรม
พระสงฆ์อนุโมทนา เจ้าภาพและนาคกรวดน้ารับพร เป็นอันเสร็จพิธี ภาษาท้องถิ่นเรียกว่า
สวดมนต์ปล่อย ตกตอนกลางคืน จึงให้มีพิธีทาขวัญนาค หรือบางงานนิมนต์พระมาเทศน์
สอนนาคแทน เพื่อให้นาคเข้าใจถึงวัตถุประสงค์และอานิสงส์ของการบวช อาจมีมหรสพมา
แสดงสมโภชด้วยก็ได้
ความหมายคาว่า นาค
นาค แปลว่า ผู้ประเสริฐ หรือ ผู้ไม่กลับมาสู่ความชั่ว หมายถึง มีจิตศรัทธาบวช
ตั้งใจละความไม่ดีต่าง ๆ เคยทามาแล้ว และจะไม่หวนกลับมาทาสิ่งนั้นอีก ผู้บวชแล้วกลับมา
ทาความชั่วความเลวอีก โบราณบอกว่า บวชเสียผ้าเหลือง ความเป็นมาของคาว่า นาค
มีเรื่องเล่าว่าครั้งหนึ่ง พระพุทธเจ้าเสด็จไปแสดงธรรมโปรดเวไนยสัตว์ พญานาคตนหนึ่งจาแลง
กาย เป็นชายหนุ่มมาฟังพระธรรมเทศนาด้วย เกิดความเลื่อมใสในพระพุทธศาสนา มีความ
ประสงค์จะบวชเป็นพระภิกษุ จึงเข้าไปหาพระสงฆ์ เพื่อขอบวชพระ พระสงฆ์ไม่ทราบว่า
พญานาคจาแลงมา จึงบวชให้ เมื่อท่านบวชแล้ว ได้ปฏิบัติตามพระธรรมวินัยเหมือนพระสงฆ์
รูปอื่น ๆ ต่อมาวันหนึ่งพระภิกษุนาคจาแลงนั้น นอนเผลอสติหลับไป ร่างมนุษย์ได้กลับคืน
เป็นพญานาคตามเดิม พระภิกษุรูปหนึ่งมาเห็นเข้า ตกใจกลัว ไปกราบทูลพระพุทธเจ้า
ให้ทรงทราบ พระองค์สั่งให้ตรัสเรียกพระภิกษุนาคจาแลงนั้นมา ตรัสบอกว่า สัตว์ดิรัจฉาน
ไม่สามารถอุปสมบทเป็นพระภิกษุในพระพุทธศาสนาได้ พญานาคจึงสละเพศพระภิกษุ
แต่ด้วยความเลื่อมศรัทธาในพระพุทธศาสนา จึงทูลขอพรว่า ภายภาคหน้า ถ้ากุลบุตรมี
ศรัทธาขอบวชพระให้เรียกผู้นั้นว่า นาค พระพุทธเจ้าทรงประทานพรนั้น คาว่า นาค จึงเป็น
คาเรียกผู้ขอบรรพชาอุปสมบทมาจนบัดนี้การจัดขบวนแห่นาค
การจัดขบวนแห่นาค มีรูปแบบการจัดแตกต่างกันไปในแต่ละพื้นที่ ในเขตภาคกลาง
เดิมมีการจัดขบวนแห่นาคจากบ้านงานไปวัด ทั้งทางน้าและทางบก ปัจจุบันการคมนาคม
ทางบกสะดวกกว่า จึงนิยมแห่นาคทางบกเป็นหลัก ขบวนแห่นาคจัดการแสดงนาหน้า เช่น
สิงโต ฟ้อนรา ตามด้วยดนตรี กลองยาว หรือแตรวง ลาดับต่อมาเป็นผู้ถือของสักการะ
พระอุปัชฌาย์และคู่สวด ผู้ถือไทยธรรมพระอันดับ บิดาหรือญาติผู้ชายสะพายบาตร ถือตาลปัตร
มารดาหรือญาติผู้หญิง อุ้มพานแว่นฟ้า ผ้าไตรครอง ส่วนนาคประนมมือ ถือดอกบัว ๓ ดอก
ธูป ๓ ดอก เทียน ๒ เล่ม เดินตรงกลางขบวน ญาติผู้หญิงอุ้มพานแว่นฟ้า ผ้าไตรอาศัย ผู้ถือ
บริขารสาหรับพระบวชใหม่ และ ผู้ร่วมขบวนแห่ทั้งหมด เดินตามหลังนาค กระทั่งนาคเข้าโบสถ์
พิธีอุปสมบทเป็นพระภิกษุ
พิธีอุปสมบทเป็นพระภิกษุ
การอุปสมบท คือ การบวชกุลบุตรเป็นพระภิกษุ เรียกให้เต็มรูปแบบของพิธีบวชว่า
พิธีบรรพชาอุปสมบท เพราะผู้บวชเป็นพระภิกษุ ต้องผ่านการบวชเป็นสามเณรในเบื้องต้นก่อน
คาว่า อุปสมบท มาจากคาว่า อุปสัมปทา แปลว่า ความถึงพร้อม ผู้จะอุปสมบทต้องมีคุณสมบัติ
พร้อมสมบูรณ์ เช่น เป็นผู้ชาย มีอายุครบ ๒๐ ปี ได้รับอนุญาตจากบิดามารดา มีอัฐบริขารครบ
ไม่มีบรรพชาโทษหรือข้อห้ามในการอุปสมบท เช่น เป็นโรคเรื้อรัง เป็นทาสเขา มีหนี้สินติดตัว
เป็นข้าราชการ ยังไม่ได้รับอนุญาตให้ลาบวช
การเตรียมตัวอุปสมบทเป็นพระภิกษุ เหมือนการเตรียมตัวบรรพชาเป็นสามเณร
ข้างต้น เพียงแต่เดิมผู้ขออุปสมบทต้องไปอยู่วัด ประมาณ ๑๕ วัน ถึง ๑ เดือน เพื่อฝึกท่อง
ขานนาค นอกจากนี้ ยังต้องท่องบทสวดมนต์อื่น ๆ ซึ่งจาเป็นต้องใช้หลังจากอุปสมบทแล้ว
แต่ปัจจุบันการปฏิบัติเช่นนี้มีน้อยแล้ว ผู้ขออุปสมบทส่วนมากท่องขานนาคที่บ้าน พอใกล้ถึง
วันบวช จึงไปฝึกซ้อมต่อหน้าพระอุปัชฌาย์หรือผู้ได้รับมอบหมาย อย่างไรก็ตาม ผู้บวชต้อง
ท่องขานนาคจนจาได้และกล่าวคาขอบรรพชาอุปสมบทได้ถูกต้องชัดเจนด้วยตนเอง
การอุปสมบท คือ การบวชกุลบุตรเป็นพระภิกษุ เรียกให้เต็มรูปแบบของพิธีบวชว่า
พิธีบรรพชาอุปสมบท เพราะผู้บวชเป็นพระภิกษุ ต้องผ่านการบวชเป็นสามเณรในเบื้องต้นก่อน
คาว่า อุปสมบท มาจากคาว่า อุปสัมปทา แปลว่า ความถึงพร้อม ผู้จะอุปสมบทต้องมีคุณสมบัติ
พร้อมสมบูรณ์ เช่น เป็นผู้ชาย มีอายุครบ ๒๐ ปี ได้รับอนุญาตจากบิดามารดา มีอัฐบริขารครบ
ไม่มีบรรพชาโทษหรือข้อห้ามในการอุปสมบท เช่น เป็นโรคเรื้อรัง เป็นทาสเขา มีหนี้สินติดตัว
เป็นข้าราชการ ยังไม่ได้รับอนุญาตให้ลาบวช
การเตรียมตัวอุปสมบทเป็นพระภิกษุ เหมือนการเตรียมตัวบรรพชาเป็นสามเณร
ข้างต้น เพียงแต่เดิมผู้ขออุปสมบทต้องไปอยู่วัด ประมาณ ๑๕ วัน ถึง ๑ เดือน เพื่อฝึกท่อง
ขานนาค นอกจากนี้ ยังต้องท่องบทสวดมนต์อื่น ๆ ซึ่งจาเป็นต้องใช้หลังจากอุปสมบทแล้ว
แต่ปัจจุบันการปฏิบัติเช่นนี้มีน้อยแล้ว ผู้ขออุปสมบทส่วนมากท่องขานนาคที่บ้าน พอใกล้ถึง
วันบวช จึงไปฝึกซ้อมต่อหน้าพระอุปัชฌาย์หรือผู้ได้รับมอบหมาย อย่างไรก็ตาม ผู้บวชต้อง
ท่องขานนาคจนจาได้และกล่าวคาขอบรรพชาอุปสมบทได้ถูกต้องชัดเจนด้วยตนเอง
สมัครสมาชิก:
บทความ (Atom)