วันอังคารที่ 27 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2567

สรุปนักธรรมชั้นโท หน้าที่ 9/11

 










อบ คือ พระอุรุวลกสส ราะท่านรู้จัราะห์ริวาด้วอามิสบ้าง ด้วยธรมบ้ จึเป็นทีรักใคร่นับือ ามรถยึเหนี่ยวน าใจบริวาร ไว้ได้

(ปี 62, 49) ความเป็นผมีบริวารมาก เป็นผลมาจากอะไร ? พระสาวกองค์ใดได้รับการยกย่องว่าเลิศในทางนี้ ? ตอบ เป็นผลมาจากความรู้จักเอาใจบริษัท รู้จักสงเคราะห์ด้วยอามิสบ้าง ด้วยธรรมบ้าง พระอุรุเวลกัสสปะ (ปี 60) พราวกผูด้ยกย่อว่าเป็นผู้มริวามาก คืใคร ? ท่าท าย่างไร จึมีบริวรมากย่านั้น ?

อบ คืพระอุรุวลกสส ท่ารู้จักสงเราะห์ริวาด้วยอาด้วบ้าจึงเป็นี่รัคร่นบถ ามาถยดเหนี่ยวน้าริารด้

(ปี 59) พระพุธเจ้าทรงยกย่ครว่าเป็ู้มีบริวรมาก ? เพาะหตุไร ?

อบ พระอุรุวลกสส เพเหุที่่านเป็ู้รู้จักเอาริวาร รู้จักสงเราะหด้วยธรมบ้าง ด้วอามิสบ้าง ู้บด้วสมบตินี้ ย่เป็นผู้สามารถควบคุมบริวารใหญ่ไว้ได้

(ปี 55) พระอัญาฑัญะ อุรุเกัปะทบวพระศาาโยมีตุความป็มาต่ากันย่าง?

อบ ต่างกัอย่านี้ พระอัญาโฑฑด้จักษุ คือดวาเห็นธร ที่่านกล่าวว่าเป็นดาบัน มีรัทธาใพระศมั่นคง้ว จึงขอบวช

พระอุรุกัด้าหยั่งเหนว่าลัทิขตนหาแก่นสถืตนว่า เป็นผู้วิศษ แต่หาเป็เช่นั้นไม ด้ควาดใจจึงลอบริขารของตนเสียแล้วจึงขอบวช

(ปี 53) พระสาวกผู้ได้รบยกย่องว่าเป็นผู้มีบริวารมากคือใคร? ท่านมีบริวารมากเพราะเหตุไร ?

ตอบ พระอุรุเวลกัสสปะ เพราะท่านรู้จักเอาใจบริษัท รู้จักสงเคราะห์ด้วยอามิสบ้าง ด้วยธรรมบ้าง

(ปี 50) พระอุรุเวลกัสสปะบวชเป็นพระภิกษุในพระพุทธศาสนา เพราะเหตุใด? พระพุทธองค์ทรงพาท่านไปกรุงราชคฤห์ด้วย เพราะทรงมีพุทธ ประสงค์อย่างไร?

อบ พระอุรุเวละเห็นภินหารพระพุค์หลาร ิฏฐิมานะขตน เห็ว่าลัทิขตนหาแก่นสรมด้ ะตนก็มด้ เป็นผู้วิเศษ ด้ควาลดใจ จึทูอุมบ ทรมีพุธปรจะปูกรัทธาแ่มหาชน เพระทานเป็นี่นับือมหาชนมานาน

(ปี 49) ความเป็นผู้มีบริวารมาก เป็นผลมาจากอะไร? และดีอย่างไร? พระสาวกองค์ใดได้รับการยกย่องว่าเลิศในทางนี้?

ตอบ เป็นผลมาจากความรู้จักเอาใจบริษัท รู้จักสงเคราะห์ด้วยอามิสบ้าง ด้วยธรรมบ้าง

ดีอย่างี้คือ ภิกษุผู้ปะกอบด้วยคมบัติเห็ปานนี้ ย่อมเป็ู้อับริษทรักคร่นับถ มาถคคุมบริษัทไว้อยู่ เป็ู้อัจะพึรถนาใน สาวกมณฑล พระอุรุเวลกัสสปะ

(ปี 44) พราวกรูปดทีด้ย่อจากดาว่า เป็ยอดห่ภิกษุผู้มริวารมา? ควมเป็ู้มีบริวรมากนั้น เป็เกิดาก?

ตอบ พระอุรุเวลกัสสปะ เกิดจากเหตุ คือความรู้จักเอาใจบริษัท รู้จักสงเคราะห์ด้วยอามิสบ้าง ด้วยธรรมบ้าง

 

 

ีบุ (อุปิส) / มคคัล(ลิตะ)

·       ีบุ เกิดที่หมู่บ้านอุปติคาม ต านาลันทา กรุงคฤห์ แขมคธ บรรลโสดาปัตติผล เพราะฟังธรรมจากพระอัสสชิ

หลบวด้ ัน บรุอรหผล เพาะฟัาปริค ถ ุ้กรขตา ภูาคิฌกูฏ กรราคฤห์ ท่านนิพพานที่บ้านเกิด าบลนาลนทา กรุงราชคฤห์ แขวงมคธ อัิธาตุขท่าบรจุไว้ี่จดีย์ใ้ซุ้มตูแห่วัเชตวัน

·       ะโมคัลานะ เกดทีหมู่บ้านกลิต ต าบโกคาม กรุราคฤห์ แขมคธ บรรลโสดาปัตติผล เพราะฟังธรรมจากอุปติสสะ


หลบวด้ ัน รหตผล บ้ากัมุตคาม มคธ(ก่รีบุ ัน) ท่านิพาหลพระสารีบุ ัน ต าบลกาฬศ มคธ อัิธาตุขท่าบรจุไว้ี่จดีย์ใ้ซุ้มตูแห่วัเวฬุว

 

(ปี 64, 57, 45) พระอัสิได้ดงธรรมแกุ่ปตปริพา มีใจวามย่อว่าย่างไ?

อบ มีใจความย่อว่า มใเกดแต่เตุ พระศสดารงแสดตุแห่งมนั้น ะควมดับแห่มนั้น ะศาสดารัสสอนย่านี้

(ปี 63 ,59, 43) พระพุทธองค์ทรงยกย่องพระสารบุตรคู่กับพระโมคคัลลานะโดยอุปมาไว้อย่างไร? ที่ตรัสอุปมาไว้อย่างนั้นเพราะเหตุไร? อบพระพุค์ตอุว่า พระรีบุรียบเมือนมาห้ารกเกิด พรโมลลรียบเมือนนมผู้ี้ยงารนั้ที่เกิดแล้วที่ตรัอุาไว้ย่างั้นเราะพารีบย่อมแะน าใหตั้อยู่ดาปัต มคคัลลานย่แนะน าห้ตั้งยู่ในคุณบื้บนี่ ่านั้น(ปี 62, 60, 48) ธรรมเสนาบดี และ นวกัมมาธิฏฐายี เป็นนามของพระสาวกองค์ใด ? เพราะเหตุไรจึงมีนามเช่นนั้น ?

ตอบ ธรรมเสนาบดี เป็นนามของพระสารีบุตรเถระ เพราะท่านเป็นก าลังส าคญยิ่งในการประกาศพระพุทธศาสนา

นวกัมมาธิฏฐายี เป็นนามของพระโมคคัลลานเถระ เพราะท่านเป็นผสามารถก ากับดูแลการก่อสร้าง

(ปี 61) พราวค์ใด มื่บว่าอาจาย์ขตนอยู่ิศใด ็นนหันศีรษทิศั้น ? การปฏิบัตเช่นั้นจัดเป็คุณอะไ?

อบ พระารีบ ดเป็ตัญู

(ปี 60, 52) คนเห่านี้ั้หมม่ทันึง ๑๐๐ ปี ก็จักไีเือจั่วปห ดูกมีปรยช์อ ควรขววาหาธรครื่อง้น ดีกว่า นี่เป็นค าพูดของใครพูดกะใคร? ตอบ ของอุปติสสมาณพ พูดกะโกลิตมาณพ

( 58) โกถามอุติสสะว่า ดูท่านไนุกเมือนนวัอื่น วันี้ดูใจเศร้า ่านเป็นย่างไหรือ ? อุติตอบว่าย่าง ?

อบ ตอบว่า โกิตะ รที่ควดูในาร่นนี้มีหรือ ? คนหล่านี้ั้ หมดยังไมทัถึง ปี ก็จัมีเหลือ จั่วปห ดูกม่มี ประโยชน์อะไร ควรขวนขวายหาธรรมเครื่องพ้นดีกว่า

( 58) พระโอาท่า าจักวง เข้าไปู่สกุ ะพุค์ตัสแก่าวกค์ใด? ที่ไหน?

ตอบ แก่พระมหาโมคคัลลานะ ที่บ้านกัลลวาลมุตตคาม แคว้นมคธ

( 56) พราวกรูปรับยกยจากศาดาว่าเป็ู้กตตเวท? จงดงตัวย่างมัก รื่อง

ตอบ พระสารีบุตรเถระ

ื่อที่ ารีบนับืออัสิเป็นอาจรย เมื่อารย์อยูทิศ ก่นจะนอน ่านจะนมัการะนอนหัรษะทินั้น ื่อที่ พรารีบึกอุการะรารา์ทีเคยภิกษาแ่ท่าทัพีหึ่ง

( 54) พรารีบด้ับกริว่เป็นผูกตญญูตเว ่าเื่อมาัก รื่อง เพื่ยืนยันค ากล่าวนี้ (ให้ตอเพียง เรื่อ) อบ ื่อที่ รีบุรนับถสสิเป็นจารย์ เมื่อาจรย์อยู่ิศใด ่อจะนอน ท่าะนมัรแะนอนหัศีรทิศั้น ื่อที่ ราราสียใมีรกายซูบซีดาะไม่ด้อุปมบทามปรรถนาพระศาทรทราความแล้วรัมภิกุทั้หลยว มีคร


ึกอุกาะขอราธะด้บ้าง, พระรีบรทูลาธรายถวายภิกษาก่่านัพีหนึ่พระศาสดาตอุปการะเพียงเท่านี้ก็ยังจ าได้


สรรเสริญว่าเป็นผู้กตัญญูดีนัก


(ปี 54) ความเห็นว่าณาสตายแล้ดับ


เป็นความเห็นผด


ความเห็นที่ถูกต้องเป็นอย่างไร?


อบ ความเห็นที่ถูต้อว่า พระขณาสตายแล้ว รูป เวท สัญา สังาร ิญ ี่ไเที่ยงดับ

( 49) เมื่อเอ่ยึง ารีบตร ท าห้นึกพระค์หนึ่ง คืใคร? ท่าด้หัตละนิพานี่ไหน? ก่นหรือรีบุ


กี่วัน? ตอบ คือพระโมคคัลลานะ ท่านได้บรรลุพระอรหัตที่บ้านกล ศิล มคธ หลังรีบุต ัน


มุตค มคธ ก่รีบุ ัน ะนิพานี่ต าบลกาฬ


(ปี 47) เมื่ครั้งพะพุธเจ้าปทัอยู่ี่เมือเทวหะ รับั่กับะภิกุผู้เขาเเพื่อูลาไปปัจฉาภูมนบท ห้ไปลารูป? แลทรง ยกย่อพระเถูปนั้ว่าย่า? อบ รับสั่งห้ไปลาารีบถระ ทรยกย่อท่าว่า เป็นีปัญญา คราห์เพื่อรพิต

(ปี 47) บุคลภทที่่า ัมมมาิกา ู้ถืธรรเป็นะม มีอธิบายย่างไ? ข้นี้มีตัวอยแสว้ย่าง?

อบ มีอธิบาย่า บุคคลปภทนี้ือมเป็ ใจาะข้อปฏิบัติ เห็ู้ที่ตั้อยู่นสังวรมีมยาทรียร้อย แลด้ฟัรม่าน แสมุ่ง่าเฉพาะข้อปฏิบติ ย่อมเื่อม

ตัวอย่างเ่นารีบุรได้เห็นอั ด้ฟัธรมขอท่าแล้ว จึเกิดควาื่อม

(ปี 46) พรารีบด้บากว่าริวาร ราหต? พระคัานะ นิพาที่ไห? อัิธาตุขท่าบรจุไว้ี่ ?

อบ เพราท่าเป็ู้มีปัญาม ต้อ้บริกรรมญ่ ซึ่รียบดวยการด็ปข้าหน แห่ ต้อะเรียราพาหแลราบริพารที่จ าเป็น จึ้ากว่าคนสาัญ

นิานี่ต าบลา ัฐิธาตุขท่าบรจุไว้ี่เดีย์ใ้ซุ้มตูแห่งเวฬุนาร

(ปี 45) ปัญหาว่า "พระขายแล้วเป็" เป็นผู้ถ? ใครเป็นอบ? แลตอบว่าย่าง?

ข้อความว่า "ท่านควรส าเหนียกใจอย่างนี้ว่า เราจักไม่พูดค าอันเป็นเหตุ เถียงกัน ถือผิดต่อกัน" ใครพูดกับใคร? ที่ไหน?

อบ พระารีบเป็นผู้ถ ยมกะเป็ู้ตอบ ะตว่า รูป นา สัญ ขาร ี่ม่เที่ยง ดับไ้ว

พระผมีพระภาคเจ้าตรสแก่พระโมคคัลลานะ ที่บ้านกัลลวาลมุตตคาม แขวงมคธ

(ปี 43) การพบกันของพระอัสสชิและอุปติสสปริพาชกมีผลต่อพระพุทธศาสนาอย่างไร ?

พระรีบุรมีปัญาิศกว่าาวกั้หลายนั้น มีเป็นเรื่ยืนยั?

อบ มีเกดขึ้นดังี้คือ . อุสสริพากไ้ควมเื่มใสในวัรขอพระอัส                                          . อุสสพากไ้ฟัธรร้วด้ดนธรรม

. อุติสสปริพาด้ชัวนเื่อปบวช ธรรมแลด้รรลุธร                                    . พระพุค์ได้อัคาวเบื้อซ้ายเบื้

มีพระพุธด ารัสยกย่พรารีบุตรว่า เป็นอดแห่าวู้มีปัญารัสสริว่า รีบุมาดงธรมจั แล

จตุริย ได้าวาพิสดม้นกับค์ ประกอบับเทศนาี่ท่าน ไดดงไว้ในโกาสนั้น ส่อให้เห็นถึอัจฉราพย่าง

แท้จริงของท่านในด้านนี้

 

 

พระมหากัสสปะ

(ปี 64, 61) ะมหากสสโดปกติถืธุดงค์ี่อย่าง ? อะไรบ้าง ?

อบ ถืธุดงค์ ย่าง คือ . ้ผ้าบัุกุลจีวเป็นวั . ถืที่ยบิณฑบาเป็นวั . ถืรอยู่ป่าเป็น

(ปี 63, 59) พระสาวกองค์ใด เป็นผู้มักน้อยสันโดษอย่างยิ่ง ? ท่านท าใจอย่างไร ?

อบ พระมหากัปะ ท าอย่านี้ คือ เมื่อหาได้ ก็ม่ดุ้งตก เมื่อแสวงหด้้ว็ไม่ก าหนัดยินดีใปัจัย ั้น

(ปี 62, 48) พระาที่พระศดาทรงประทารให้อุปสมก่มหากสสะมีกี่้อ ? อะรบ้าง ?

อบ มี ้อ คื . เราจัเข้ปตั้งคะอาย ะควมย ารงแรงกล้าว้นภิกษุั้ที่เป็เถรปานลาง ู้ใหม่

. เราจักเงี่ยหูลงฟังธรรม อันประกอบด้วยกุศล และพิจารณาเนื้อความแห่งธรรมนั้น                                            . เราจักไม่ละสติที่ไปในกาย

(ปี 60, 51) พระมหากัสสปเถระเป็นประธานในการท าสังคายนาครั้งแรกที่ไหน? ใช้เวลานานเท่าไร?

ที่ ้าสัตตณณหา เวภพต คฤห์ ้เวล ดือน

(ปี 58) พระหากัเถ วนภิกุสยนารวรวพระธรมวินัย ตั้เป็นแบบฉับ เพื่มกับพระพุจน์ี่ด้ปทาว้เมื่อ ครั้งปรินิพพาน พระพุทธพจน์นั้นใจความว่าอย่างไร ?

อบว่ธรรมก็ดี วินัย อย่าใด ันเรด้แดงว้แล้ว ด้บัญั แล้ว ธรรมวินยนั้นจักเป็นศท่าทัหลาย นเมื่อเ่วแล้


(ปี 56) การท าสังคายนาก่อให้เกิดคุณประโยชน์แก่พระศาสนาอย่างไรบ้าง?

อบ ให้เกิดคุโยน์ย่างี้ ก าจัดแะป้อกันชชีได้ ท าคมเห็นุทธศาสนิกใหู้กต้อฏิบัติถูด้ และท าห้พะศนามั่นคง แลร่ยิ่งึ้น

(ปี 56) อุปสวิีพิเศษด้ยกับะโาท ้อ แลด้วยกับรุธร ้อ ทรประทาห้แก่? แลท่านั้น รับกรยกย่อง เป็นเอตทัคคะในทางไหน?

อบ การรับโอวาท ข้อ ประทาแก่หากัปะ การรับรุธร ้อ ทรประนแ่พระนางมหาปาบดโคมี พระมหากัสสปะได้รับยกย่องเป็นเอตทัคคะในทางทรงธุดงคคุณ พระนางมหาปชาบดีโคตมี ได้รับยกย่องเป็นเอตทัคคะในทางรัตตัญญู

(ปี 55) ุพุี่เป็นสาวกสาวิาขพระศา ซึ่รับการอุมบด้วยวิธีิเศมีบ้างหรืม่? ถ้ามี คืใคร? อุมบทด้วยวิีใด

ตอบ มี คือ พระมหากัสสปะ อปสมบทด้วยวิธรับพระโอวาท ข้อ, พระนางมหาปชาบดีโคตมี อุปสมบทด้วยวิธรับครุธรรม ประการ

(ปี 54) พระหากัดุ้ปสแล้วนาเท่ารจบรุพอรหั?

พระาท้อ่า ที่ไปใ คืพิจาาร่ากาป็นาร เคะห์เข้านธมข้อดบ้าง?

ตอบ วัน สงเคราะห์เข้าใน กายคตาสติ และ วิปัสสนาญาณ เป็นต้น

(ปี 53) พระพุธโอาท่า เราม่ะสติี่ไนกาย คือพิจกายเป็นอาร ดันี้

พระองค์ตรสกะสาวกรูปใด? พระสาวกรูปนั้นเป็นเอตทัคคะในทางใด? ตอบ พระมหากัสสปะ เป็นเอตทัคคะในทางถือธุดงค์


(ปี 49) พราวกผู้ราภเหตุว่า ู้อยู่ครอือต้อคอยนั่รับบ ราะการานคือใคร? ท่านได้รับยกย่องจากพระศาสดาว่า เป็นผเลิศในทางไหน? เพราะเหตุใด?


ู้อื่ท าไ แล้วมีใจเบื่อหน่ะทรัพยมบกบ


ตอบ คือ พระมหากัสสปะ ท่านได้รับยกย่องจากพระศาสดาว่า เป็นผู้เลศในทางถือธุดงค์ เพราะท่านถือธุดงค์ อย่างเป็นประจ คือ ทรงผ้า บังสุกุลจีวรเป็นวัตร เที่ยวบิณฑบาตเป็นวัตร อยู่ป่าเป็นวัตร

(ปี 47) พระมหากัสสปะออกบวชเพราะมีความเห็นอย่างไร? ท่านได้รับยกย่องว่าเลิศในทางไหน?

อบ เพราะมีควมเห็นว่า ู้ยู่คือต้อคอยนั่รับบาปเพรการงานี่ผู้อื่ท าไ แลเห็นว่าวคับแคบ เป็นทามาแห่งสธ จึมี

ใจเบื่หน่ายมบัต บวอุิศพระอรหันต์ใน ด้ับกย่ว่า เป็นเิศแหู่้ทรดงค์

(ปี 45) พระมหากัสสปะได้รบการอุปสมบทด้วยวิธีใด? พระมหากัสสปะโดยปกติถือธุดงค์อะไรบ้าง?

ตอบ ด้วยวิธีรับพุทธโอวาท ข้อ

ถือธุดงค์ อย่าง คือ . ทรงผ้าบังสุกุลจีวรเป็นวัตร . ถือเที่ยวบิณฑบาตเป็นวัตร . ถือการอยู่ป่าเป็นวัตร

(ปี 44) พระศสดารงยกย่อาวกรูปดว่า มีธรมรื่ออยู่เมอด้วยพระค์? พระค์ทรบัติต่อาวกรูปนั้โดการ อย่า ? อบ พระมหากปะ  ทรรับ้าสฆาิขท่ารง ะปะทานผ้ฏิขอพระอค์ให้ก่่าน

 

พระอานนท

·       บวชพร้อมกันกับ พระเจ้าภัททิยราช เจ้าชายอนุรุทธะ เจ้าชายอานนท์ เจ้าชายภคุ เจ้าชายกิมพิละ เจ้าชายเทวทัต และอุบาลี รวม แล้วทั้งหมด คน

( 50) พรข้ว่า ถ้าจักไมปรดใหข้าค์อยู่ี่ประทัพระอค์ ะข้อ่า ้าพระอค์จเสด็จไู่ที่ิมนต์ที่ข้าะอค์รับว้ พระ อานนท์ทูลขอเพื่อประโยชน์อะไร?

อบ ข้ต้น เพื่ป้กันค าติเตียว่า พระอานน์บ ารุงาสพราเห็นแกาภ


ข้หลัง เพื่ป้กันคกล่าวว่า อา์บ ารุงะศาสดาไป ราะพะอค์ไม่รงนุเคระห์แม้ด้วยกจเท่านี้ (ปี 46) พระอานนด้บปัตตลเราฟัโอวาจา? แลด้บุอหัตผลมื่อไ? ท่านบรรลุอรหัตผลและนิพพาน ต่างจากพระสาวกองค์อื่นอย่างไร?

ตอบ จากพระปุณณมันตานีบุตร บรรลุอรหัตผลก่อนวันรุ่งขึ้นจะท าปฐมสังคายนา การบรรลุอรหัตผลของท่านในขณะที่ก าลังเอนกายศีรษะยังไม่ถึงหมอนเท้ายกขึ้นในระหว่างอิริยาบถ ท่นนิพาบนากาศ ลาแม่น ้าโีแล้วอิษานห้สรีระขท่าแยกเป็น ภาค ตกลที่ั่ แม่น ้าฝั่ภาค

 

พระอนุรุทธเถระ

(ปี 46) จงตอบค าถามเกี่ยวกับพระอนุรุทธเถระ ดังต่อไปนี้

. ท่านเป็นโอรสของใคร?                                         . เกี่ยวเนื่องกับพระบรมศาสดาอย่างไร? . ท่านออกบวชพร้อมกับใครบ้าง?                                                . ได้รับยกย่องจากพระบรมศาสดาอย่างไร? ตอบ      . ของพระเจ้าศากยะพระนามว่า อมิโตทนะ พระมารดาไม่ปรากฏพระนาม

. เป็นพระโอรสของพระเจ้าอาของพระบรมศาสดา จึงนับเป็นพระอนุชาของพระบรมศาสดา . พร้อมกับอุ ภัททิยะ คุ กิมพ พรอา ะพระเทวัต

. เป็นผู้เทามีจักษุิพย์

 

 

ลุ่ศิษยองมณ์ีม คน (เข้าไถามปัหาพรพุธเจ้า)

·        พระอชิตะ ทูลถามปัญหาพระพุทธเจ้า เป็นคนที่

·        พระปุณณกะ ทูลถามปัญหาพระพุทธเจ้า เป็นคนที่

·        พระอุทยะ ทูลถามปัญหาพระพุทธเจ้า เป็นคนที่ ๑๓

·        พระโมฆราช ทูลถามปัญหาพระพุทธเจ้า เป็นคนที่ ๑๕

·        ปิงคิยมาณพ ทูลถามปัญหาพระพุทธเจ้า เป็นคนที่ ๑๖

(ปี 61) ปิคิยมณพพยากรัญหาจากะบมศาสดาแล้ว ด้บรุธรมั้นไห ? ราะเตุไร ?

อบ ด้ดตาห็นธร เพระความฟุ้ซ่านด้วยควมคิดถึอาารย์ในะฟัะธมเทศ ม่อาจท าจิตใหิ้นาส (ปี 58) บรรดาศิษย์ ๑๖ คน ศิษย์คนใดน าพระธรรมเทศนาของพระพุทธองค์ไปบอกแก่พราหมณ์ พาวรีผู้เป็นอาจารย์ ? พราห์พารี ฟัพระธรมเทนานั้แล้ว รรลุธรมั้นไห ? อบ ปิคิยมาณพ ั้นเขภมิ

(ปี 57) มาั้ง ผู้ทปัญากะพะพุค์ เป็นศิย์ขใคร? ท่าตั้งส านักยู่ที่ไหน?

อบ พราหม์พารี ยู่ทีั่แม่น ้าโคธาวรี ะหวเมืออักะแะเมืออากะ

(ปี 56) ปัญหาว่า กคืหมูัตวอัอะไรปิบัว้จึหลอยู่ี่มืด ดันี้ ใครเป็นผู้ถา? ะพะศดาทรง์ว่า?

อบ ิตมาณพเป็นผู้ถ พยา์ว่า กคืหมูัตว์ ันวิาคือคามรู้แจ้งปดบังไว้ จึหลดุจอยู่ในี่มืด

(ปี 55) หมู่มนุษย์ในโลกนี้ อาศัยอะไรจึงบูชายัญบวงสรวงเทวดา นี่เป็นปัญหาของใคร? และได้รับพุทธพยากรณ์ว่าอย่างไร?

อบ เป็นปญหาขอปุกม ด้ับุทพยาก์ว่า หมูมนษย์เห่านั้น อยาด้ขอที่ตนปรรถนาอาศัยขที่มีชราทรุโทรม จึงายัญ บวงสรวงเทวดา

(ปี 54) อาจารยผู้ผูกปญหาให้ศิย์ ๑๖ ูลมพระพุธเจ้า ื่อ? ทั้อาจารย์แะศิษย์ฟัพุยากร์แล้ด้รรลุ?

พราหม์พารี ปิคิยมพไวงตาเห็นรรม ศิษย์ีก คน บรุเป็นอรหนต์ฯ ่วอาจ ด้บภู


(ปี 53) พระพุธเจ้าทรงดงธรมะโด้วื่ออะ? มีความมายอย่า?

อบ ด้วยเรื่อานปัสนาฯ มีความหมายว่า ให้ิจรณเห็ดยควาเป็นขว่าเป่า ความเห็นว่าเป็ตัวตนขอีย

(ปี 52) ˚าถามว่า ข้าเจ้าจัการเห็นย่าง มัจราจึงจัม่เห็ ใครเป็ู้ถาม ศาสดาพยาก์ไว้ย่าง?

อบ พระราเป็ู้ทูลถาม ดาทรงยา์ว่า ท่าเป็นคนมีติ พิณาเหโดความเป็นขว่าเป่า ควาตามห็นว่า ตัวขาเทุกเมื่อเถ ท่าจัข้ามล่วมัจจราด้วยอุบาอย่านี้ ท่าพิจารห็นโนี้แล มัจจุจึงม่แเห็น

(ปี 51) กมีะไรผูกันไว้ ป็นเรื่อัญรขอกนั้น นกล่าวกัน่า านๆ ดันี้ เพาะะไรไ?” ปัหานี้ครทูาม?


อบ อุยมาณพเป็นผู้ทถาม (**หมายเห ระพุทธเจด้พายณ์ว้ว่า ควมเพลิเพลิผูกัน ควรึกเป็นรื่อสัญจ เพราะล

(ปี 50) พระราทูลถามปาพระพุทค์เป็นคนี่เท่า? ราะเตุไ?


หา)


เป็นคนี่ ๑๕ รารั้งแรกเห็นว่าท่าพเป็ผู้ใญ่กว่าจึยอมให้ามก่อน ต่มื่อราจะทูลถมเป็นคนี่ ี่ ถูก พระพุทธองค์ทรงห้ามไว้ให้รอก่อน จึงได้โอกาสทูลถามเป็นคนที่ ๑๕

(ปี 44) พระัฐาล ะพระนัทะ บวเพราเหุใ? มฆรา พระอุบ ด้รับกยกย่อว่าเลิศใทา?

ตอบ พระรัฐบาล ออกบวชเพราะศรัทธา                                         พระนันทะ  ออกบวชเพราะจ˚าใจ พระาช รับยกย่อว่าเป็ู้ทรจีวรเร้ามอง                                                       พระอุบาล  ด้ับยกย่อว่าเป็พระวินัย

 

พระมหากัจจายนะ

( 59, 49) พระาวก ู้อิบาเทกรัตูตที่รงแดงดยย่อห้พิสด คือ? ท่านไับกาญจากะศาสดาว่าย่าง?

อบ คือ พระมหากัจจาย ท่าด้ญจากศาสดาว่า เป็นผู้ฉาดในการอิบา˚าทีย่อห้พิสดาร

(ปี 56) พระหากัจจายะได้รัมอบหมายจากพุธเจ้าใหยแผ่พุธศาสาแค์ เมือใด เป็นอย่าง?

อบ เมืออุเช               ด้ับ คือ เจ้จัฑปัโชตและชนครื่อมพุธศานา

(ปี 54) พราวกผู้ดงควาต่างกัแห่วรร หล่า คื? แสแก่? ที่? พระนั้นื่อ ?

อบ พระหากัจจยนะเป็ู้แดง แก่เจ้าาช ันตบุตร  ที่คุธาัน มธุรธานี  ูตนั้นื่อ่า มธุร

(ปี 53)  พระมหากัจจายนะเคยได้รับมอบหมายจากพระพุทธเจ้าให้ไปเผยแผ่พระศาสนาแทนพระองค์เมื่อครั้งไหน?  ได้ผลอย่างไร?

อบ เมื่อครั้งี่ท่าบรุพระ และอุมบทเป็ภิกษุแล้ว ทูลเิญพะพุจ้าให้เด็ปกรอุเช เพื่ประกาศตามพระ

ราปรค์ พระเจ้าจฑปัโชต แต่พุธเจ้รับั่ให้่าปแ พระเจ้าจฑปัโชตะชาพระนคื่อมพระพุศาสนา

( 51) การบวพระมหากัจยนะ มีควาเป็นมาอย่า? มีความเป็นาอย่านี้ ่านไมอบหมายากจ้าจฑปัตให้ไูล


เชิญพระพุทเจ้เสด็จกรุอุเช จึทูลาบวด้วย ครั้เข้า้าฟธรรมแล้ว รรลุพระอหัต จึง

(ปี 48) พระมหากัจจายนะ นิพพานก่อนหรือหลังพระพุทธเจ้า? มีอะไรเป็นข้ออ้าง?


ขอบวช


อบ พระมหากจจาย นิพาหลพระพุธเจ้า มธุูตเป็นข้าง โดยมีใจความ ตอหนึ่นั้น่า ะเจ้มธุรเดี๋ยวนี้ พรู้มีพะภเจ้านั้นด็จอยู่ ี่ไหน ากัจจายะทูลว่า ู้มีพะภเจ้ารินิพานแล้ว


ถามว่า


 

พระรัฐบาล

(ปี 60, 50) ธรรมุเทศ มีอะไรบ้าง? ใครแสดงแก่ใคร?

อบ         มี           . โลคือหมู่ว์ ันรา˚าเข้กล้ ม่ยั่งยืน

. โลคือหมู่ว์ ู้ป้กัน ม่เป็นหญ่จ˚เพาะต

. โลกคือหมู่สตว์ ไมมีอะไรเป็นของ ตน ˚าต้องละทิ้งสิ่งทั้งปวงไป


. โลคือหมู่ว์ พร่ออยู่เป็นนตย ู้จักิ่ม เปสแห่หา พระรัฐบาลแสดงถวายพระเจ้าโกรัพยะ

(ปี 55) จงระบุชื่พราวกผู้ที่เพราต่อไปนี้ . บวเพาะศัท . บวเพระจ˚าใจ . บวเพราหลหลใตอบ .บวชเพราะศรัทธา คือ พระรัฐบาล .บวชเพราะจ˚าใจ คือ พระนันทะ  .บวชเพราะหลงไหลในรูป คือ พระวักกลิ ฯ (ปี 55) ข้ธรรมว่า กคืหมูว์อัรา˚าเข้าไ ยั่งยื ียกว่ามอ? ครสดงว่าคร?

ตอบ เรียกว่า ธรรมุเทศ พระรัฐบาลแสดงถวายแก่พระเจ้าโกรัพยะ

(ปี 44) พระัฐาล ะพระนัทะ บวราะเหตุใ? มฆรา ะพระอุ ด้ับกยกย่อว่าเลิศใทาไหน?

ตอบ พระรัฐบาล ออกบวชเพราะศรัทธา                                         พระนันทะ  ออกบวชเพราะจ˚าใจ พระาช รับยกย่อว่าเป็ู้ทรจีวรเร้ามอง                                                       พระอุบาล  ด้ับยกย่อว่าเป็พระวินัย (ปี 43) ธรรมุเทศคืออะไรบ้าง? ใครแสดงแก่ใคร?

ตอบ ธรรมุเทศ คือ . โลกคือหมู่สตว์อันชราน˚าเข้าไปใกล้ ไม่ยั่งยืน

. โลกคือหมู่สตว์ไม่มีผป้องกัน ไม่เป็นใหญ่จ˚าเพาะตน

. โลกคือหมู่สตว์ไม่มีอะไรเป็นของ ตน ˚าต้องละสิ่งทั้งปวงไป

. คือหมู่ว์พร่ออยู่เป็นนิย์ ไม่รูจักิ่ม เป็นทาสห่ตั พระรัฐบาลแสดงถวายพระเจ้าโกรัพยะ

 

ุล

(ปี 61) พราวกค์ใด ทรายเต็มือแล้วรารถนาว่า "ห้เด้โอวา˚าสั่ต่˚ทศ ะพระอุย์อจารย์ เท่า เม็ดทรยใน˚ามือนี้เถิด" ? ะท่านเป็นเลิศใด้านใด ? อบ พระาหุล เป็ิศใด้เป็นผู้ใร่นการศึกษา

(ปี 46) การศึกษาเป็นการพัฒนาชีวิตและสังคมให้ก้าวหน้าและก้าวไกล จึงอยากทราบว่า

พระเถะอค์ใด ับการย่อว่า เป็นผู้ใฝ่ใจนการศึกษ? ท่าด้ับารยกย่อเช่นั้น เพระมฏิปทาย่างไ?

อบ พระาหเถ มีปฏิปอย่านี้คือ ่านตื่นขึ้แต่เ้าแล้วเอาทรายมเต็มก˚มือแล้วาว่า ให้เราได้รโอวา˚ั่ แต่ ˚านักพระทศพลและพระอุปัชฌาย์อาจารยเท่าเมดทรายในก˚ามือเถิด แล้วตั้งใจศึกษา ตั้งใจปฏิบัติอย่างจริงจัง ด้วยปฏิปทาเช่นนี้แล จึงได้รับการ ยกย่องว่าเป็นผู้ใฝ่ใจในการศึกษา

(ปี 45) ราหุลกุมาร ได้บรรพชาเป็นสามเณรเพราะเหตุใด? พระราหุล ไดรับยกย่องว่าเลิศในทางใด?

ตอบ เพราะพระมารดาให้ไปขอราชสมบัติกับพระพุทธองค์ ซึ่งเป็นพระราชบิดา ดังนั้น พระองค์จึงทรงประทานทรัพย์อันเป็นโลกุตตระ โดย มอบหมายให้พระสารีบุตร เป็นพระอุปัชฌาย์ บรรพชาให้ราหุลกุมาร ด้วยการรับสรณคมน์ ได้รับยกย่องว่าเลิศกว่าภิกษุทั้งหลายผู้ใคร่ศึกษาพระธรรมวินัย

 

พระราธะ

(ปี 63, 45) พระสาวกผู้ได้รับการอุปสมบทด้วยญัตติจตุตถกรรมวาจาเป็นองค์แรกคือใคร? ท่านได้รับยกย่องจากพระศาสดาว่าเลิศกว่าภิกษุทั้งหลาย อย่างไร?

อบ ราธะ ด้ยกย่อว่า เลิศกว่าภิกุทั้หลีปฏิาณ คือญาแจมแจ้งนธรรเทศนา

(ปี 43) พราวกรูปรับกาบวด้วยญัตตุเป็นรูป? พระาวรูปนั้นด้ยกย่อป็นเลิศใทา?

ตอบ พระราธะ ในทางมีปฏภาณ คือญาณแจ่มแจ้งในพระธรรมเทศนา


พระนันทะ / พระวักกลิ / พระอุบาล

·       พระอุบาล บวพร้อมกักับ ะเจ้าภิยาช ้าชายนุรุธะ ้าชายานนท์ เจ้ภคุ ้ากิมิละ เจ้าชายทัต และอุ บาลี รวมแ้วั้ คน

(ปี 57) การที่เจ้ศากยะทให้อุู้เป็น่ากัลบกบวก่ เพราตุไ? อบ เพราค์จะละมาะขอตน

(ปี 55) จงระบุชื่พราวกผู้ที่พราะตุต่อไปนี้ . บวเพาะศัท . บวเพระจ˚าใจ . บวเพราหลหลใตอบ  .บวชเพราะศรัทธา คือ พระรัฐบาล         .บวชเพราะจ˚าใจ คือ พระนันทะ                                          .บวชเพราะหลงไหลในรูป คือ พระวักกลิ (ปี 44) พระัฐาล ะพระนัทะ บวเพราเหุใ? มฆรา ะพระอุ ด้ับยกย่อว่าเลิศใทาตอบ พระรัฐบาล ออกบวชเพราะศรัทธา                                  พระนันทะ ออกบวชเพราะจ˚าใจ

พระาช รับยกย่อว่าเป็ู้ทรจีวรเร้ามอง                                พระอุบาล  ด้ับยกย่อว่าเป็พระวนัย

 

 

ะโสณิวิสะ (ู้ิศทามีความเพียรราภแ)

(ปี 64, 59) พระพุทธเจ้าทรงแสดงธรรมอุปมาด้วยพิณ สาย แกใคร ? ด้วยทรงพระประสงค์ใด ?

อบ แก่โสณโกฬิ ด้วทรพระปรค์จะให้ท่า˚าคมเพียรพะม เพระท่าน˚ความเพียรอยยิ่ง เดินจกรเทาแตก เป็นเหุใหเกิดทุกเวท ˚าให้ม่บรุธรม

(ปี 57)  พระพุทธองค์ทรงแสดงโทษแห่งความเพียรที่ตึงเกินไปและหย่อนเกินไปแก่พระโสณโกฬิวิสะว่าอย่างไร?

ตอบ ทรงแสดงว่า ความเพียรที่ตึงเกินไปเป็นไปเพื่อความฟุ้งซ่าน ทหย่อนเกินไปเป็นเพื่อความเกียจคร้าน

 

 

เป็นศิษย์เป็นอาจารย์กัน

(ปี 50) อสีติมาสาวก มีอค์หนบ้ามีความพันเป็นศิษย์ะอาจารย์กัน? จงัก คู่

ตอบ (ตอบเพียง คู่)                    พระอัญญาโกณฑัญญะกับพระปุณณมันตานีบุตร

พระอัิกับารีบุร พระสารีบุตรกับพระราธะ พระสารีบุตรกับพระราหุล พระมหากัจจายนะกับพระโสณกุฏิกัณณะ

 

ภิกษุณ

(ปี 55) ุพที่เป็นสาวกสาวิาขพระศา ซึ่รับการอุมบทด้วยวิีพิเศมีบ้างหรืม่? ถ้ามี คืใคร? อุมบทด้วยวิีใด? ตอบ มี คือ พระมหากัสสปะ อปสมบทด้วยวิธีรับพระโอวาท ขอ, พระนางมหาปชาบดีโคตมี อุปสมบทด้วยวิธรับครุธรรม ประการ ( 45) พระนางปาบดีคตมี ยิดีับครุรรม ้อมาปฏบัติ อุาเหมือ?

พระเถรู้มีชื่ต่อไปนีรับเอตทัคะในหน?

. กิสามีเถรี                         . กุณฑีเรี                         . ภัททาปิลานีเรี                      . ภัททาัจจานาเถรี                      . โสณาเถรี

อบ เปรียบเมือนหญิงหรือที่ยัรุ่นาวรุ่นหนุ ˚าลังรักต่งกาย อา˚้าสะเ้าแล้ด้พวุบล พวมะ หรือ˚ดวน้ว จะพึง รับด้วยมือั้ง ้วตั้งไว้บนศรษะ้วยควายินดีฉันนั้น

. ทาทรว้ซึ่จีวรอันเศร้าหอง                                  . ทาขิปาภิ หรือ รัสรู็ว                                 . ทาึกด้ซึ่งปุเพนิาส

. ทาถึซึ่อภิญาอัใหญ่                                    . ทามีความเพียรราภแ้ว


พระโสณกุฏิกัณณะ

(ปี 44) พระศาสดาทรงทราบความขัดข้องจากพระสาวกรูปใด จึงได้ทรงพระอนุญาตให้สงฆ์ปัญจวรรคท˚าการอุปสมบทในปัจจันตชนบทได้? ท่าน รัยกย่อว่าเลิศทาหน? อบ พระกุฏิก เป็ู้มีาจารา

 

ปริพาชกทีฆนขะ

(ปี 44) ทิฏฐิแสดงความเห็นว่า " สิ่งทั้งปวงไม่ควรแก่ข้าพเจ้า ข้าพเจ้าไม่ชอบใจทั้งหมด " ใครพูดกับใคร? ตามทิฏฐิแสดงความเห็นนั้น มีค˚ากล่าว


ตอบว่าย่างไร ? อบ ปริพาีฆนขะ อัคคิเวนโตร ทูลกับดา มี˚นั้น ก็ต้องไม่ควรแก่ท่าน ท่านก็ต้องไม่ชอบความเห็นอย่างนั้น "


ตอบว่า " อัคคิเวส ถ้าย่างั้น ความเหาง


 


คนแรก/คนสุดท้าย

·        ู้ถึรันะ คือ ตปุ

·        ู้ถึรันะ คืบิดาขอ


ลิกะ


·        พระพุค์ทรแสุปุีกาแก่ครป็นคนรก คือ กุลบตร

·        ผู้ทีาย้าวสสาฎก (อาบ) เป็นคแรก คื นาวิสาขา

·        สามเณรรูปแรกในพระพุทธศาสนา คือ สามเณรราหุล ได้บรรลุพระอรหัตเพราะฟังธรรมจากพระพุทธองค์

·        ภิกษุณีูปรกพระพุธศนา พระนามหาปชาบดีคตมี

( 63, 57) ามปแรกใะพุธศาสนา คืใคร? ด้บุพะอรหัเพราฟัรมจาก? อบ ามรา จากพุค์

(ปี 61) พระอนุุทค์รก คืใคร ? ด้ดาเห็นธรมราะฟัพระธรมเทศื่อะไร ?

ตอบ คือพระอัญญาโกณฑัญญะ เพราะฟังธรรมจักกัปปวัตตนสูตร

(ปี 59) สตรีคนแรกทไี่ ด้อุปสมบทในพุทธศาสนาคือใคร ? อุปสมบทด้วยวิธีใด ?

ตอบ คือ พระมหาปชาบดีโคตมี ด้วยวิธีรับครุธรรม ประการ

(ปี 58) ุพค์แรก คืใคร ? ˚เป็นพระรหันตเพราฟัรมเทศนาื่อ ?

อบ คือ พระอัญาโ ื่อนัตตัก

(ปี 57) อุบาสกผู้ประกาศตนถึงรัตนะ และรตนะ ว่าเป็นสรณะคนแรก คือใคร?

อบ         ู้ถึรันะ คืตปุ ภัลลกะ                                             ู้ถึรันะ คืบิดาขอ

(ปี 53) พุธบริษัท ผู้ริยาวก มี˚าดับกกิดขึ้น่อย่างไ? บุคแรกขแต่ริษัทั้นคืใคร?

อบ มี˚าดับอย่างี้ คือ ภิกษุ อุาส อุาสิกา ะภิก พระอัญญาโกณฑัญญะ เป็นคนแรกของภิกษุบริษัท บิดาของพระยสะ เป็นคนแรกของอุบาสกบริษัท

มารดาและภรรยาของพระยสะ เป็นคนแรกของอุบาสิกาบริษัท พระนางปชาบดีโคตมี เป็นคนแรกของภิกษุณีบริษัท


ามหมามส˚าคัิธ

(ปี 62, 49, 45) ศาสิธี คือ? การศึกษาศิธีห้เข้าใจ ประโยน์ย่า?

อบ คือ พิีทาศาสนา มีปรโยน์คือ  . ˚าใหเข้าใจเรื่อศาสิธีไยถูกต้อง  . ˚ห้เห็นเป็นรื่อ˚าค

. ˚าให้ปฏิบัติได้ถูกต้องไม่ผดเพี้ยนจากขนบธรรมเนียมประเพณี

(ปี 44) กุศลพิธี และบุญพิธี คือพิธีเช่นไร?

อบ กุศลพิธี คืพิีกรรมต่านเกี่ยวด้วยกรอบรมควมดามพระพุธศาสาเฉพะตัวบุค ่น พิีราอุโบสถศเป็นต้น บุญพิธี คือิธี˚าบุญงานมคล ะงานวมคล

 

·        นพิธี ด้แก่ ิธีวายผ้าวสสาฎก (้าอาบ˚) พิีถายเาสนะกุฎีวิาร พิีท้าป ิธีวายผ้าอัจจีวร ้าจ˚าน˚

(ปี 59, 55) การถวายผ้าสสฎกนั้น มีมเหาจากอ? เป็นผู้ถายคนรก?

อบ มีมูลตุมาากเยังไมีพุธานุญาตให้ภิกษุม้าวสสาฎก ภิกุทั้หลายจึงเือยกายาบน˚ วิสาขามหาอุบิการารืนั้น้ว เห็นว่าไม่สมควรแก่เพศสมณะ จึงทูลขอพระพุทธานุญาต เพื่อถวายผ้าอาบน˚้าฝนแกภิกษุทั้งหลาย

(ปี 58) จงห้ความหมยขคาตอไปนี้ . ปาฏิปุคคิกาน . ทาน . ภัต . ผ้าวกสา . ผ้าอัเจกจีวร

อบ         . ปาฏิปุคคิกาน คือานี่ถยเจาะจเฉพูปนั้รูปนี้

. เภทาน คืการถวเภัช ได้แก่ ยใส เนยข้น ˚มัน ˚ึ้ง ˚้าอ้. สลากภัต คือภัตตาหารที่ทายกทายิกาถวายตามสลาก

. ผ้าวัสาฎก คื้าทีิษานส˚หรับ้นุ่เวลาอาบ˚ าบน˚้าทั่. ผ้าอัจเจกจีวร คือผ้าจ˚าน˚าพรรษาที่ทายกรีบด่วนถวายก่อนวันออกพรรษา

( 54) วิหารทานคา ซึ่เป็นนุโมทนาิเศษ เริ่ต้นด้วย ีต˚ ุณฺห˚ ปฏิหนฺติ นิ้สวดมื่อ?

อบ เมื่อายกถายเาสมี โบสถ์ วิหาร ุฎี เป็นต้น

(ปี 48) ผ้าป่าคือผ้าอะไร ? ˚าพิจารณาผ้าป่าว่าอย่างไร ?

อบ คือ ้าบัุกุลจีวร ด้แก้าปื้นฝุ่นที่ไม่มเจ้าขอหวแหน ทิ้อยู่ตามป่ดงบ้าง ตามป่าช้าบ้าง ามถนนหทาแลห้อยยูตามกิม้บ้าง ที่สุดจนกะทั่ที่เขา อุิศไว้แท้า รวมรีย่า ้าป่า

˚าพิจาาผ้าปาว่า ิม˚ ํสุกูลจวร˚ อสฺมิก˚ มย˚ ปาปุณติ  หรือ่า ิม˚ ตฺถ˚ อสฺามิก˚ ปํสุกจีวร˚ มยฺห˚ ปาปาติ

(ปี 48) จงห้ความหมยข˚าตอไปนี้ ?  . ปาฏิปุคคลิกาน  . เภทาน  . ภัต์  . ผ้าวัสาฎก  . ผ้าอัเจกจีวร

อบ         . คือานี่ถายเจาะจเฉพาปนั้รูปนี้

. คือารายเัช ด้แก่ ยใส เนยข้น ˚มัน ˚ึ้ง ˚้าอ้. คือภัตตาหารที่ทายกทายิกาถวายตามสลาก

. คื้าที่านส˚าหรับใ้นุ่เวลาอาบน˚ หรือาบน˚้าั่วไป . คือผ้าจ˚าน˚าพรรษาที่ทายกรีบด่วนถวายก่อนก˚าหนดกาล

(ปี 47) สลากภัต หมายถึงอะไร? ตอบ หมายถึง ภัตตาหารที่ทายก ทายิกาถวายตามสลาก

(ปี 45) ผ้าวัสสิกสาฎก ใครเป็นผถวายคนแรก? การถวายผ้าวัสสิกสาฎกนั้น มีมูลเหตุมาจากอะไร?

อบ นาวิสา มหาอุบาสิกา มีมเหาจากดิมยังม่มีพุธานญาให้ภิก้าอาบ˚ ภิกษทั้หลายจึงเปลยกายอาบน˚้า วิสาขาหา อุาสิการารื่อนั้น้ว เห็นว่มควรแกเพศสจึงูลพระพุธานุญาต เพื่อวายผ้าอาบนแ่ภิกษุั้หล

(ปี 44) ผ้าป่า และผาอัจเจกจีวร ได้แก่ผาเช่นไร? การทอดผาป่าก˚าหนดกาลเวลาทอดไว้หรือไม่?


ตอบ ผ้าป่า หมายถึงผ้าเปื้อนฝุ่นที่ไม่มเจ้าของหวงเเหน ทิ้งอยู่ตามป่าดงบ้าง ตามป่าช้าบ้าง ตามถนนหนทางและห้อยย้อยอยู่ตามกิ่งไม้บ้าง ผ้าอัจเจกจีวร หมายถึงผ้าจ˚าน˚าพรรษาที่ทายกรีบด่วนถวายก่อนก˚าหนดกาล คือถวายก่อนออกพรรษา

ไม่มีก˚าหนดกาลเวลา มีศรัทธาเมื่อไรก็ถวายได้

(ปี 43) ผ้าวัสสิกสาฎกคือผ้าเช่นไร? ผ้าจ˚าน˚าพรรษาคือผ้าเช่นไร?

อบ คือ ้าส˚าหรุใ้นุ่เวลาอาบ˚้าฝรืออาบ˚้าทั่ รียกกัว่า ้าอาบ˚นบ้าง ผ้าาบบ้าง ผ้านีเกิดขึ้นเฉพฤดูกที่รง อุญาเป็นริขารพิเศษั่วราว ิษานไว้ใ้ได้ต ดือน พ้จากเขตนั้นเป็นรรมเนียให้ิกัป

คือ ้าที่ทายกวายแก่ภิกุผู้ยู่จ˚าพรรษาค เดือน เว้้ากฐิน

 

·       บุญิธี ด้แก่ ิธี˚าบุญตักบทโวโร านมงคล ะงานมงคล พิีแสรมเทศนา (เทน์มหาชาติ) พิีสวดแจง พิีสวด พระอภิธรม พิีสมาติกา ามญอนุโมทนา วิสสมทนา

งานมงคล ได้แก่ งานท˚าบุญต่อนามหรือต่ออายุ งานอวมงคล ได้แก่ การท˚าบญอัฐิ

(ปี 60) วันที่พระพุทธเจ้าเสด็จลงจากสวรรค์ชั้นดาวดึงส์ เรียกว่าวันอะไร ? ตรงกับวนอะไร ?

อบ รีย่า ันเทโวรห กับันมหาปว เพ็ญดือน ๑๑

(ปี 54) วันเโวโรห คือันะไ? เนื่อด้วยวันนั้น มีบุญพิีอที˚ันมาจนถึบัดนี้?

ตอบ คือ วันที่พระพุทธเจ้าเสด็จลงจากเทวโลก หลังจากทเสด็จขึ้นไปจ˚าพรรษาในดาวดึงสพิภพถ้วนไตรมาส โบราณเรียกอีกอย่างหนึ่งว่า วันพระ เจ้าปิ มีกรท˚าบุตักบแด่พะพุธเจ้าพร้มทั้พระสฆ์ จนเป็นปรเพณีท˚ักบารที่เียกว่า ตักาตทโวรห มาจนึง ปัจจุบันนี้

(ปี 53) ˚าว่า เจรญพระพุทธมนต์กับสวดพระพุทธมนต์ใช้ต่างกันอย่างไร? การท˚าบุญฉลองอัฐิจัดเข้าในอย่างไหนใน ๒  อย่างข้างต้น?

อบ เจิญพะพุธมนต์ใ้ใานมงคล สวดพุธมนต์ใ้ใานวมคล  จัดข้านกาวดพะพุธมนต์

(ปี 53) ˚ุญ่อามรือต่อายุ คือาน˚าบุญเ่นไ?

อบ คือาน˚าบุญที่คณาติขู้ก˚าลังป่ยหนักจดขึ้น เพื่อห้ผู้ปวยหายป่วย ะเพื่ใหู้ป่วโอกาสบ˚าเญกุศบั้นายแหีวิตข ตน หรือ เป็นคามค์ขะท˚าบุญต่อายเอเพื่อคามเป็ิริมแก่ีวิต

( 51) านมงคลที่˚ากันย่างสามัญทั่ ิยมพรพุนต์ด้วย ทสวมนต์ที่รมเยก ว่า? ะต้อมีอื่ประอีก เรียกว่าอะไร? ตอบ เรียกว่า เจ็ดต˚านาน      เรยกว่า ต้นต˚านาน และท้ายต˚านาน

( 51) เทศน์มหาาติ คือศน์เรื่ออะ? มีกี่กฑ์? บเทศนมหาชาติแล้ว นิมเทศ์ต่ด้วยเรือะไ?

อบ ื่อเวสาดก  มี ฑ์  เรื่อง จตราริัจ

( 50) วันเโวโ คือัน? เนื่อด้วยวันนั้น มีบุญพิีอที่˚ากันมาจนถึบัดนี้?

ตอบ คือ วันที่พระพุทธเจ้าเสด็จลงจากเทวโลก หลังจากที่เสด็จขึ้นไป ˚าพรรษาในดาวดึงสพิภพถ้วนไตรมาส โบราณเรียกอีกอย่างหนึ่งว่า วันพระ เจ้าปิ รงกับันึ้น ˚่า เดือน ๑๑ มีการ˚ักบรแด่พระพุจ้าพร้อมทั้พรฆ์ในันรุ่งึ้น จนเป็นปรเพณีท˚ักบาที่เรียกว่าตักบาตรเทโวโรหณะ มาจนถึงปัจจุบันนี้

(ปี 47) ˚าต่อไปนี้หมายถึงอะไร? . เทศน์มหาชาติ . ˚าบุญอัฐิ . สามัญอนุโมทนา . วิเสสอนุโมทนา . สลากภัต

     . หมายถึง เทศนาเรื่อพรเวนดราดก

. หมายถึง ˚ุญหจากกศพรา่วับ้ว

. หมายถึง การอนุโมทนาี่นิ้ปฏิบัติกันวไปเป็นปติ


. หมายถึง การอนุโมทนาด้วยบวดหรับนุมทนาเป็นิเศษ าะทาน เฉพาะกาล เฉพาะรื่อง . หมายถึง ภัตตาหารที่ทายก ทายิกาถวายตามสลาก

(ปี 47) ปรเพณีกทศ์แจะการดแจงาศัยเคามูลมาจารื่ออะไ? นิยเทศน์านะไ?

ตอบ อาศัยเค้ามลมาจากเรื่องการท˚าปฐมสังคายนา ซึ่งเป็นการรวบรวมพระธรรมวินัย จัดไว้เป็นหมวดหมู่ เรียกว่า พระไตรปิฎก ดังนั้นการเทศน์

แจจึงเป็นารธรรจกแจวัตถุและหัว้อรปิฎ นการท˚าปยนา มีการฆ์จ˚นวน ๐๐ ารดแจงจนิยมนิมนต

พระฆ์ รูป ห้เท่าจ˚านวการกฆ์ในครั้ง                               นิยมเทศ์ใานฌาปนกิจศพ

(ปี 45) าน˚าบุญต่อคือาน˚าบุญเ่นไ? อบ คือาน˚าบุที่คณะาติขอู้ก˚ป่วยหนัดขึ้น เพื่อห้ผู้ป่วยหายป่ แลพื่ให้ผู้ป่วย ได้มโอกาสบ˚าเพ็ญกุศลในบั้นปลายแห่งชีวิตของตน

( 45) พิีท˚ุญักบาทโ พรพุธรูปที่ะปะดิษานบนรถรงหรือคานาม นิยมพุธรูปปาอะ?

อบ นิยมพระพุธรูปปาอุ้มบ ถ้าไม่มจะป็นพุธรูปปารกด้

(ปี 44) วันเโวโรห คือันะไ? มีชื่ียกอีอย่าหนึ่ว่าัน?

อบ คือันี่พระอค์เด็จาเทวโล กอีอย่หนึว่าันเจ้เปิ

( 44) พิีสวดพะอภิธรมมีกี่ย่าง? อะไรบ้าง? กาวดมติกคือารื่ออะ?

ตอบ มี อย่างคือ             . สวดประจ˚ายามหน้าศพ                        . สวดหน้าไฟในขณะฌาปนกิจ

คือารวดบมาติกาพระธรรจ็ดคัภีรือที่เรยกว่า " ัตตัปปกาภิ " ซึ่งมีการบัุกุลเป็นุด เป็นเพณีนิมจดให้พรฆ์

สวดในงานท˚าบุญหน้าศพอย่างหนึ่ง เรียกโดยโวหารทางราชการในงานหลวงว่า " สดับปกรณ์ " แต่ราษฎรสามัญทั่วไปเรยกว่า " สวดมาติกา "

(ปี 43) ˚าว่า สวดมาติกาหรือสดับปกรณ์ หมายถึงอะไร? ˚าทั้งสองนั้นใช้ต่างกันอย่างไร?

อบ หมายถึการดบทมาติกพระอภิธรรม คัภี หรือียกว่า ตตัปปกภิธร ซึ่มีการบัุกเป็นที่ส เป็นปะเีนิยมจให้วดใาน˚าบุญหน้ศพย่างหนึ่ง ˚าว่าสวดติกา ้ใานศราษฎรามญทั่วไป ่วนค˚่า ดับปก ้เียกหารทาง ราการในานหลวง (ศพหรือัฐิเจ้านายตั้งแต่ั้นหม่อเจ้าขึ้น)

 

·       กุศลิธี คือ พิีบ˚าเพ็ญกุ ด้แก่ ิธีารานาศีลอุโสถ พิีกรรมวนธรรวนะ พิ˚ัตวดมต์ พิีสฆอุโบ พิีเข้าพรษา ิธี ษา พิีท˚าสามีจิ

(ปี 64, 59) ธรรมเนียมของสงฆ์ที่พึงปฏิบัติชอบต่อกัน เพื่อความสามัคคี เรียกว่าอะไร ? หมายถึงอะไร ?

ตอบ เรียกว่า สามีจิกรรม หมายถึง การขอขมาโทษ และการให้อภัยกัน

(ปี 63, 56) จงให้ความหมายของค˚าต่อไปนี้ การเข้าพรรษา การออกพรรษา

อบ การเข้าษา มายถึง ารที่ภิกุผูกจว่าะอยู่ ที่ดที่นึ่อดเ ดือนดู ม่ปค้ามให่วีใที่ห่อื่หว่าง ผูกจนั้น เว้นแต่ได้วัตตหกียะ รออพรรษา หมยถึง าลที่สิ้น˚าหนดยู˚รษภิกษุตามพระวินัยบ มีพธีเป็นสังฆ กรรมพิเศโดเฉพาะ รียกโาษาวินัย่า าร˚วาาขฆ์ู้อยูร่วกันตลอดเ เดือน

(ปี 63, 61, 57, 48) วันนะ คืวัน? ทรุญตให้มีวันดบ้าง?

อบ คือันก˚าหดปุมฟัธร หรือที่เรีย่า "วัน" ˚่าและวัน ˚หรือ ˚่าขปัก์ทั้ข้าขึ้แลข้าแรม

(ปี 62, 49) การท˚าวัตรดมนต์ มีปรโยน์ย่างไร ? จงธิบาย อบ เป็นอุบายสงบ ไม่ให้คดวุนวายตามอ์ได้ชั่ะที่˚มื˚ประ˚าวัเวล ทั้เช้าเย็น รัะคึ่ั่วโมง หรือ ั่วมงเป็อย่าน้ ก็เ่ากับได้ใ้เวลจิตด้ วัม่ต˚่ากว่า โม(ปี 61) สามีจิกรรม หมายถึงอะไร ? มีกี่แบบ ? อะไรบ้าง ?


อบ หมายถึง ารขมาโทษให้ภัยกันุกโอกาส ม่ว่าจมีโดข้อหมอใจันหรือไม่ก็ต ถึโอกาสที่ควรท˚มีจิกรมกัน้ว กรูป ม่พึโอกาสีย มี บบ คือ . บขขมาโทษ . บบวายสักกา

(ปี 60) กุศลพิธี คือะไร ? พิีท˚าสามีจิ มายถึอะ ?

อบ คือ พิีบ˚าเพ็ญกุศล หมยถึง ารขมาโทษัน ให้ภัยุกโอกาส ไม่ว่จะโทษัดข้อหมอใจันหรืไม่กตาม โอกที่ครท˚ามีจิมกัน้ว ทุรูปไม่โอกาสีย

(ปี 56) ศาสิธี่ม ดงบสถกรว้ี่? อะไรบ? อบ ประเ คือ ฆอุโ ปารุทิอุโ ธิฐาน

(ปี 49) การท˚าวั คือะไร? ˚ัตดมนต์ เพื่ควมมุ่หมยใ?

อบ คืการท˚ากิจัตภิกษุามเรแะอุบาสกอุบิกา เป็นาร˚ิจที่ต้อ˚˚าจนเป็นวั-ปฏิบัต ยกสั้ ว่า ˚ัตร ความมุ่งหมายขอการท˚าวมนต์นี้ บัณถือ่าเป็นอุบาจิต ม่ให้คดวุ่นวายตมอาร ั่วณะที่˚ เมื่อ˚าปร˚าวันละ เวลา ทั้เช้าเย็นครั้ครึ่งั่วโมง หรือ ั่วโมงเป็นย่าง้อย ก็ท่าับด้ ้เวลาสบจิด้วัม่ต˚่ากว ใน ๒๔ ั่วโมง

(ปี 49) วันุโบ พระถึให้ศีล เป็นุโถศีล ต่าจะักเพียงศีล เท่าั้น พึปฏิบัติอย่า?

อบ พึปฏิบัติอย่านี้ มาทานพียง ข้อ นระหว่าข้ที่ ซึ่พระธรมกถึกห้ดวยบว่า ฺริยา ... รัมาทาน่า มิจฺฉาจา รา... ับต่ปจนรบ ้อมื่อครบแล้วรา รั้ง นั่ราบไรับต่อไป

(ปี 47) การท˚าวัตร และการสวดมนต์ ต่างกันอย่างไร?

ตอบ การท˚าวัตร คือ การท˚ากิจวัตรที่ต้องท˚าประจ˚ วันละ เวลา คือ เช้า-เย็น จนเป็นวัตรปฏิบัติ มีการสวดบูชาพระรัตนตรัย และสวดพิจารณา ปัจจัยที่บริภคป็ต้น ส่วนกาดมนต์คือ กาวดพุธมนต กเหนือจาวดท˚ที่เป็นส่วนรก็ม ี่เป็่วนปรตร ก็มี ที่เป็นส่วนเฉพาะคาถาอันนิยมก˚าหนดให้น˚ามาสวดประกอบในการสวดมนต์เป็นประจ˚าก็มี

(ปี 46) ศาสิธี่ม ดงบสกรว้ี่ภท? อะไรบ? แต่ภทต่างกัอย่า? อบ แสว้ ภทคือ อุโบสถ ริุทิอุโ ธิานุโบ มีความแตกต่างกันดังนี้

. ฆอุโ คือ อุโบสถมทีพระิกุตั้งแต่ รูปขึ้ปประวดพะปา

. ปารุทิอุโบสถ คือ ุโสถรมที่ภิกษุน้ยกว่า รูป เพยง รูป หรือ รูป ร่วมกันท˚าเปนการค ให้ต่ละรูปบอควบริุทิ์ ของตน

. ิษานุโบ คือ อุโบสถรมที่ภิกษุรูปดีย˚าเป็นกบุคคล ด้วยกรอธิฐานคามริิ์จขตนเอง

(ปี 46) จงให้ความหมายของค˚าต่อไปนี้ . การเข้าพรรษา                                         . การออกพรรษา

ตอบ        . การเข้าพรรษา หมายถึง การที่ภิกษุผูกใจว่า จะอยู่ประจ˚าเสนาสนะในวัดใดวัดหนึ่งตลอดเวลา เดือนในฤดูฝน ไม่ไปค้างแรมให้ล่วง ราีใที่ห่อื่น ระหวผูกจนั เว้นแต่ไปด้ตาห

. การอษา หมายถึง ที่สิ้นสุดก˚หนดอยู่จ˚ษาุตามพระวินับัญ มีพิธีเป็ฆกรมพิเศษดยเฉพ ยก โดาษาวินัย่า รณากรม คืาร˚าขู้ยู่ร่วมกันอดเ ดือน

( 46) ามจิกร หมายถึง? มีเท่าไ? รบ้า? กาเทศน์นปัจจุบันิยมท˚ากันี่ลัก? รบ?

อบ หมายถึง ารขมาโทษให้ภัยกัน ทุโอกาสไม่ว่าจมีโัดข้อหมใจันหรือไม่ก็ต ถึโอกาสที่ควรท˚าสจิกรมกัน้ว ทุรูป ม่พึโอกาสีย มี บบ . แบบมาโทษ  . แบบวายสักกา

นิยมท˚ากัน ลักษณะ คือ . เทศน์ในงานท˚าบุญ . เทศน์ตามกาลนิยม . เทศน์พิเศษ . เทศน์มหาชาติ (ปี 43) ศาสิธี่ม อุบสถกรว้ี่ภท? อะไรบ? แต่ภทมีความตกต่าย่างไ? อบ มี ประภท คือ สังฆอุโ ปาริุทิอุโ ฐานุโบ


มีความแตกต่างกันดังนี้

. ฆอุโ คือ โบมทีพระิกุตั้งแต่ รูปขึ้ วดพะปา

. ปารุทิอุโบสถ คือ ุโรมที่ภิกษุน้ยกว่า รูป เพยง รูป หรือ รูป ร่วมกันท˚าเปนการค ห้แตู่ปบกควบริุทิ์ ของตน

. ิษานุโบ คือุโรรมี่พระิกุรปเ˚าเป็นการคคลด้วยกรอธิฐานคามริธิ์จขตนเอง

 

·        ปกิณกพิธี ด้แก่ บัุกเป

( 50) บัุกุเป็น คือะ? ถาี่ใ้บัสุกุลเป็น ว่าย่างไ?

อบ บัุกุลเป็น คือบุญกริยาที่เจาภาพปรค์จะริจาควตถเนื่อด้วยกายขอตน โดเฉพา้าอุิศสฆ์ให้เป็้าบัุก ตินิย˚าเมื่อป่หนัก เป็นการก˚าหนดมรณานุสสติวิธีหนึ่ง

ว่า          อจิร˚ วตย˚ กาโย                         ปฐวึ อธิเสสฺสติ ฉุฑฺโฑ อเตวิญญา                         นิรตฺถ˚ ฺคร˚

 

บทอนุโมทนาคาถา

(ปี 52) บท ทาสิ เม าส แลบท ญฺจ โข กฺิณ ินฺน ้ต่างกัอย่า?

อบ าส เม กาสิ เม ้ใกรีที่ศยังยู่                                                  อยญฺจ โข ฺขิณา ทิฺนา ้ใกรีท˚ฐิ

·        สามัญอนุโมทนา / วิเสสอนุโมทนา

(ปี 52) สามัญอนุโมทนากับวเสสอนุโมทนา ต่างกันอย่างไร?

อบ ต่างกัอย่านี้ ามัญมทนา ารุโมาที่ิยมใ้ปฏบัติกันั่วไปเป็นปติ ม่ว่าานใด้อุโมาอย่านั้น ่วนิเุโมคือการอนุโมทนาด้วยบทสวดส˚าหรับอนุโมทนาเป็นพเศษเฉพาะทาน เฉพาะกาล และเฉพาะเรื่อง

 

*** บทสวดต้องท่องไปสอบ ให้ฝึกเขียนให้ถูกต้อง

·        อุโบสถศีล

.าติปตา เว ิกฺาป˚ สมาทิยามิ

.ินฺนาานา เวร ิกฺาป˚ สมาทิยามิ

.ฺรหจริยา ิกฺาป˚ มาทิยมิ

.าวา เว ิกฺาป˚ าทิยามิ

.รยมชฺปมาฏฺฐานา เว กฺาป˚ มาทิยมิ

.วินา เว ิกฺาป˚ สมาทิยมิ

.นจฺจคตวาทิตวิสูกสฺนา าลคนฺธิเปนณฺฑนวภูนฏฺานา เวร สิกฺขาป˚ มาทยาม

.อุจฺจยนมหยนา เวร กฺาป˚ สมาทิยามิ

(ปี 64, 58) จงเขียนโบถศีลข้ที่ มาดู อบ ฺรหฺมริย วรม ิกฺาป˚ มาทิามิ

(ปี 57) จงเขียนคาาที่ใช้ใการบุกุลเป็น ะบังสุกตาย มาด

อบ คาถาี่ใ้ใการบังสุกุลเป็น ว่า

อจิร˚ ตย˚ าโย                         ปฐวึ ิเสฺติ


ฉุฑฺโฑ อเปตวิญญา                     นิรตฺถ˚ ฺคร˚ คาถาี่้ใการบังสุกุลยว่า

อนิจฺจา วต สงฺขารา                      อุปฺปาทวยธมฺมิโน อฺุปิตฺวา นิรฺุฌนฺต                         เตส˚ โม ุโข

(ปี 55) จงเขียนุโถศีล เฉพข้ที่ มาดู

อบ นจฺจคีตวาทิตวิสูกทสนา าลาคนฺธปนฺฑนวิภนฏฺฐานา เวร สิกฺขาป˚ มาทยาม

( 50) คาถาี่ใ้บัุกุลเป็น ว่าย่างไ?

อบ         อจิร˚ ตย˚ าโย                         ปฐ ธิเสสฺติ ฉุฑฺโฑ อเปตวิญญา                         นิรตฺถ˚ ฺคร˚

(ปี 48) ˚าพิจารณาผ้าป่าว่าอย่างไร ?

อบ         อิม˚ ปํสุกูจีวร˚ อสามิก˚ ยฺห˚ ปาปุาติ  หรือ่า ิม˚ ตฺถ˚ อสามิก˚ ปํสุกจีวร˚ มย˚ ปาปุณติ

(ปี 45) จงเขียนค˚ุกเป็น ดู

อบ         อจิร˚ ตย˚ าโย                         ปฐ ธิเสสฺติ ฉุฑฺโฑ อเปตวิญญา                       นิรตฺถ˚ ฺคร˚


 

วินัย แบ่งออกเป็น


สรุปวินัยมุข นักธรรมชั้นโท


.  ทิหมจริยกสิ ิกาบอัมาในปาตโม

. อภิสมาจาริกาสิกขา หรือ อภิสมาจาร คือ ธรรมเนียมของภิกษุ (สกขาบทนอกพระปาติโมกข์) แบ่งเป็น ประเภท คือ เป็นข้อห้าม เป็นขุ้ญาต  ภิกษุผู้ไม่เอื้เฟื้อภิสมาจามีปรับอาบัิถุจจเป็นอย่าแต่มีน้อย ส่วมากปรับอาบัิทกกป็นื้น

(ปี 64, 58) ภิกษุผู้ปฏิบัติวิน่วนมาจรให้ดีงาม ะต้อปฏิบัติอย่า ?

อบ ต้อปฏิบัติโดายลาง คืม่ถืร่งครัดอย่ามงาย นเหตุท ตนให บากเราหตุเนี็กๆ อััดตาลเทศะ และไม่สะเพร่ามักง่าย ละเลยต่อธรรมเนียมของภิกษุ จนถึงท าตนให้เป็นคนเลวทราม

(ปี 63, 61, 59, 56, 51, 49, 45) อภิสมาจาร คืออะไร? แบ่งเป็นกี่ประเภท? อะไรบ้าง?

อบ คือมเนีมขอภิกษุ แบ่เป็น ปรเภ คือ เป็นข้ห้าม เป็น้อ

(ปี 63, 61, 59, 44) ภิกษุผู้ไม่เอื้อเฟื้อในอภิสมาจาร มีโทษอย่างไรบ้าง? [บางปีข้อสอบก็ถามว่า ท่านปรับอาบัติอะไรบ้าง? 👉้ตอบเ👉มอนข้างล่าง เช่กัน] อบ ปรับอาบัติถุลจัเป็นอยู่ง ต่มีน้ ่วนมากรับอาบัติทุกฏเป็นื้น

(ปี 62, 60) ิกาบะปฏิมกข์ยกว่า ? ทรัตว้ เพื่อยช์อะ ?

อบ ียกว่า อภิมาจาร ทรบัญญัตว้เพื่ควาเป็นรเบียบยบร้อยภิกษุ แลเพื่อคามงมขอพระศานา เชดียวกับะกูลใหญ่ จ าต้มีขนบรรมเนี แลบียบไว้รักษเกียติ และควมเนผู้ีขะก

( 58) ภิกษุผูมิิกาบปาตโม ต้ออาบัติด้บ้า? อบ ต้ออาบัติถุลัจจ และ ุกกฏ

(ปี 57) พระวินัยแบ่กเป็นกี่ย่าง? อะไรบ? อบ แบ่ออป็ อย่าคือ อาิพรหมจิยก                                                    อภิสมาาริกิก

(ปี 56) อภิสมาจาร เป็นเหตุให้ต้องอาบัติอะไรได้บ้าง? ตอบ อาบัติถุลลัจจัยและอาบัติทุกกฏ

(ปี 54) ภิกษุผู้ฏิบัติพะวินัยสภิมาารห้ด้ชื่าเป็นผู้ฏิบติดี ต้อปฏิบัติอย่า?

อบ จะชื่ว่าเป็นผู้ปฏิบติดาม ปฏิบัติโดายลาง คืม่ถือคร่งครัอย่ามงาย เป็นเหุท าตให้ล าบาเพราเหเนีมเน้ อัขัดต่อกาเทศะ ะไมะเพรามักง่าย ยต่อรมเนยมขอภิกษุ จนถึท าห้เป็นนเ

( 53) อาิพรหมริยกาสิกขา ภิมาจริกิก ต่ากัน?

ตอบ ต่างกันดังนี้ อาทิพรหมจริยกาสิกขา ได้แก่ข้อศึกษาอันเป็นเบื้องต้นแห่งพรหมจรรย์ อันได้แก่พระพุทธบัญญัติที่ทรงตั้งไว้ให้เป็นพุทธอาณา เป็นสิกาบอัมาในะปาต เป็น้อคับโดรงต้อประติปฏิบดยร่งครัด

่วนภิสมาจาริาสิก ด้แก่ข้ศึกาอัเนื่อด้วยอภิมาจาร คืมายาทันดี ี่ทรบัญันุญาตว้ อัานติโข์ เป็น ขนบธรรมเนียมอันดีงามของหมู่คณะที่ควรประพฤติ

( 52) ิกาบพระปติ์ที่เรีย่าอภาจแบ่เป็น คืเป็นข้ห้ เป็น้อนุญ ั้นคือย่า? ปรับโแก่ผู่วเมว้ย่าง?

อบ ที่เป็น้อห้ามคือ กิริยาบาย่างหรือบริขาบาปรเภม่าะแก่สารูป จึทรห้าม่ใหกระท าหรือ้บริขเช่นั้น เช่น ห้ามม่ให้ ไว้ผมยาว ไม่ให้ไว้หนวดเครายาว ไม่ให้ใช้บาตรไม้ เป็นต้น

ที่เป็น้อนุญาต คือเป็นปรทาประโยน์ิเศษแก่ภิกษุ ่น ทรุญาวัสิกาฎดู เป็นต้น ปรับโยตรงมเพียง คือ ัจจัย ุกกฏ แม้ใข้ที่รงนุญาต เมื่ม่ท าต ก็เป็นาบติทกกฏ เอื้อเื้อ (ปี 51) อภิมาจาร รับอาบัตกี่ย่าง? อะไรบ้าง? อบ ปรับอบัติด้ ย่าง คือุลจัยทุกฏ

(ปี 50) อภิมาจาร มีรูปเป็น ย่าง อย่าหนึ่เป็นขุ้ญาต ีกย่างหนึ่คือ? ะปรับาบติะไรไดบ้า?

ตอบ อีกอย่างหนึ่งคือ ข้อห้าม ปรับอาบัติถุลลัจจัยและอาบัติทุกกฏ


(ปี 49) ภิกษุล่วงละเมิดในอภิสมาจารจะเกิดความเสยหายอย่างไร?

อบ ถ้าล่วะเดแต่บาอย่ารือบาครั้งก็เหายนอย แต่ถ้ะเดมากย่างหรืเป็นนิตย์ เนยมย่มกลรือเื่อ ภิกุจะ แตกเป็น พวก คือเคร่งและไม่เคร่ง

( 48) ภิกษุผูมิิกาบปาฏโม์ต้ออาบัติบ้าง? อบ ต้ออาบัติถุลัจจัย ุกกฏ (ปี 46) ิกาบฏิ เรียาอะ? มีกี่อย่? อะ? ภิกษุล่วงลเมิกาบปาฏโม์นั ต้ออาบัตโดย่างไบ้าง?

ตอบ เรียกว่าอภิสมาจาร                มี อย่าง คือ เป็นข้อห้าม เป็นขออนุญาต                          ต้องอาบัติโดยตรง อย่าง คือ ถุลลัจจัย ทุกกฏ

( 44) พระวินัย กเปนกี่ย่าง? อะไรบ้าง? จะฏิบัติพะวินยอย่า จึงจียด้ว่า อดีพ?

อบ แบ่กเป็น ย่างคือ ทิรหมจิยาสิกาบท มาจาร

ต้อปฏิบัติพระวินยกลาง คือไม่ถือเคร่งรัอย่ามงาย ป็นเหตุต้อนให้ป็นคนล า เพราตุธรมเนี็ก น้ อัขัด ต่อกาลเ และเร่ามัก ละยต่อเนียมภิกษุ ท าตนห้เป็นคนเาม จึจะยกได้ว่า อดีพาม

 

ล่วงละเมิดพระวินัยแล้วไม่ต้องอาบัต

(ปี 55) ภิกษุแม้ล่วมิดะวินัยแล้วม่ต้ออาบัติ ด้ับยเว้ทุิกาบท ได้แก่ภิกหนบ้า?


ตอบ ได้แก่ ภิกษุบ้าคลั่งจนไม่มีสติสัมปชัญญะ  ภิกษุเพ้อจนไม่รส


ตัว  ภิกษุกระับ่าย เพมีเนากล้าจนถึม่


ติ


 

 

นั่งลงบนอาสนะ

(ปี 56) ภิกษุเมื่อจะนั่งลงบนอาสนะ ทรงให้ปฏิบัติอย่างไรก่อน? ที่ทรงให้ปฏิบัติอย่างนั้นเพื่อประโยชน์อะไร?

ให้ิจาราก่อน ย่าันนั่ เพื่อาถ้ามีไรวาอยู่บนั จะทับรือกรนั้น ถ้าเป็นันน ้า็จะหก ีย มารยาท พึงตรวจดูด้วยนัยน์ตา หรือด้วยมือลูบก่อน ตามแต่จะรไู้ ด้ด้วยอย่างไร แล้วจึงค่อยนั่งลง

 

สังฆกรรม

. การสวดปาฏิโมกข์ ต้องการสงฆ์จตุวรรค คือ รูป เป็นอย่างน้อย

. อุปสมบทกรรมในปัจจันตประเทศ ต้องการสงฆ์ปัญจวรรค คือ รูป เป็นอย่างน้อย

อุปสมบทกรรมในมัธยมประเทศ ต้องการสงฆ์ทสวรรค คือ ๑๐ รูป เป็นอย่างน้อย

. อัพภาณกรรม ต้องการสงฆ์วีสติวรรค คือ ๒๐ รูปเป็นอย่างน้อย

(ปี 55) สังฆกรรม อย่างนี้ คือ การสวดปาฏิโมกข์ อุปสมบทกรรมและอัพภาณกรรม มีจ ากัดจ านวนสงฆ์อย่างน้อยเท่าไรจึงจะถูกต้องตามพระ วินัย?

ตอบ การสวดปาฏิโมกข์ ต้องการสงฆ์จตุวรรค คือ รูป เป็นอย่างน้อย

อุปสมบทกรรมในปัจจันตประเทศ ต้องการสงฆ์ปัญจวรรค คือ ๕ รูป เป็นอย่างน้อย อุปสมบทกรรมในมัธยมประเทศ ต้องการสงฆ์ทสวรรค คือ ๑๐ รูป เป็นอย่างน้อย

อัพภาณกรรมต้องการสงฆ์วีสติวรรค คือ ๒๐ รูปเป็นอย่างน้อย


กายบิห ธรรมเนียมกักกายขภิกษุห้สะอดถูกสุขอามัย (รุปนี้เอามพาะที่เคยอ้อสอบเท่าั้น)

·        อย่พึว้ผมยาว ด้เพียง ดือน หรือ ิ้ว

·       อยพึว้เล็บาว พึตัด้วดเลมอนื ะอย่าพึขัดล็บห้เกงเกล เปื้อน ะขัดทิน หรือจะแอยู่ นี้เป็นกิจที่ควรท˚


 

เล็บได้


·       อย่าพึงเปลือยกายในที่หรือเวลาไม่สมควร ถ้าเปลือยกายเป็นวตรเอาอย่างเดียรถีย์ ต้องอาบัติถุลลัจจัย ถ้าเปลือยกายท˚ากิจแก่กัน เช่น หว้ รับไห ˚าบริรม ขอ รับของ ะเปลือยกยในเวลาฉัน เวลาดื่ม ต้ออาบัติุกกฏ แต่ือยกาือะใน˚้า ไม ต้องอาบัติ


·       อย่านุ่ห่ม้าอย่าคฤหัสถ์ ห้นุ่ห่มเครื่องุ่ห่มขอคฤหัสถ์ ห้ามอาการนุ่ห่ต่า ทีม่ใ่ขภิกษุ


กาเกง ื้อ ้าพก วก ผ้นุ่้าห่ม่าง นิดต่าง


·        อย่าพึงผัดหน้า อย่าพึงไล้หน้า อย่างพึงทาหน้า อย่าพึงย้อมหน้า อย่าพึงเจิมหน้า อย่าพึงย้อมตัว เว้นไว้แต่อาพาธ.

·        อย่าพึงไว้หนวดไว้เครา คือต้องโกนเสมอ ห้ามไม่ให้แต่งหนวด และห้ามไม่ให้ตัดหนวดด้วยกรรไกร

(ปี 64, 59) ในกายบริหาร มีข้อปฏิบัติเกี่ยวกับหนวดและคิ้วไว้ย่างไร ?

อบ เกี่ยวกับหน มีข้อฏิบั ว้่า ย่าพึว้หนว้เรา คืต้โกนเมอ ห้าม่ให้ต่งหน ะห้ม่ใหตัดหนดด้วย เกี่ยวกับคิ้ว ไมไ่ ด้วางหลักปฏิบัติไว้ แต่พระสงฆ์ไทยนิยมโกนพร้อมกับผม

(ปี 62, 54) เปลือยกายอย่างไรตองอาบัติถุลลัจจัยอย่างไรต้องอาบัติทุกกฎ?

ตอบ เปลือยกายเป็นวัตรเอาอย่างเดียรถีย์ ต้องอาบัติถุลลัจจัย

เปือยกาย˚ากิจแก่ัน เช่หว้ บไหว้ ˚ริกรม ห้ข รับข ะเือยกายนเาฉัน าดื่ ต้ออาบัติุกกฏ

(ปี 57) การผดหน้า ไล้หน้า ทาหน้า ทรงห้ามและทรงอนุญาตไว้ในกรณ๊ใด?

อบ ทรห้ามในกรณีที่˚าเพื่อวยาม รงนุญาตีที่พาธ ่น เป็นโคผิวหนัง เป็ต้น

(ปี 57, 44) ภิกษุเปลือยกายในกรณีต่อไปนี้ ต้องอาบัติอะไรหรือไม่?

. เปลือยเป็นวัตรอย่างเดียรถีย์                         . เปลือยกายท˚ากิจแก่กัน คือไหว้ รับไหว้ ˚าบริกรรม ให้ของ รับของ เปลือยกายในเวลาฉันและดื่ม . เปนเาฉัน เวลดื่ม   . เปลือยนเรือ                                           . เปลือยนน˚้า

อบ         . ต้ออาบัติถุลจัย                                 . และ . ต้ออาบัติุกกฏ                                         . และ . ้ออาบัติ

(ปี 56) ข้อว่า อย่าพึงนุ่งห่มผ้าอย่างคฤหัสถ์ นั้นมีอธิบายอย่างไร?

อบ มีอธิบาย่า ห้ามนุ่ห่มเรื่นุ่ห่หัถ์ ่น กาเกง ื้อ ผ้าโพก หมวก ้านุ่ง้าห นิดต่าง และหมอาการนุห่มต่าง ที่ไม่ใ่ขภิกษุ

(ปี 52) มีพระิข้อหนึว่า อย่านุ่้าอย่าคฤหัสถ์ ย่าพึ้าอย่าคฤหถ์ กรีที่ภิกุถกโจร้านุ่ห่ปห พึฏิบัย่จึจะถูกต้อตามะวินัย? อบ พึปิดกายด้วยวตถุอย่าใดอย่าหนึ่เป็นการชั่ครา ดยที่สดแม้ใบก็ใช้ได้ ห้ามมิให้เือยกาย

(ปี 51) มีข้อ˚าหนดในาวพระิกุอย่า? การกนผม ภิกษุ้กรกรแทดโด้รือไ?

อบ ว้ได้เพียง ดือน หรือ ิ้ว ป็นย่างยิ่ง ม่ได้ เวนไว้ต่อาพาธ

(ปี 50) ภิกษุ้เคื่อนุ่ห่มขอคฤหัสถ์ปกปิดกายแนจี ิดรือไม่ ย่าง?

อบ อาจจะผิดรือม่้วแต นกีที่ไมมีจีวร ่นจีรถูกไฟไหม จรปห นุ่ห่มคฤหัสถ์ได้ ห้มมิใหือย ้าม่ กปิด ต้ออาบัติุกกฏ ต่ถ้มีเหตุ้วนุ่ห่มต้ออาบัตทุกฏ

(ปี 49) ภิกษุพึงปฏิบัติเกี่ยวกับเลบมือเล็บเท้าของตนอย่างไร จึงจะถูกต้องตามวินัยแผนกอภิสมาจาร?


อบ พึปฏิบัติอย่านี้ คือ พึว้เล็บยาว พึตัดมอเนื้อ ม่พขัดเ็บี้ยงเาด้วยมุ่ยให้เกิดควาวยาม แตเปื้ จะขัด

ทิหรือด้อยู่ นีเป็กิจควรท˚

(ปี 48) พระพุค์ทรุญาให้ภิกุไว้ยาวี่ดเท่า? ด้นานที่สดเท่? อบ เกิน นิ ม่เกิน เดือน

(ปี 47) ในพระวินัยส่วนอภิสมาจาร มีพระพุทธบัญญัติให้รักษาความสะอาดเกี่ยวกับร่างกายไว้อย่างไร? การเคี้ยวไม้ช˚าระฟันมีประโยชน์อย่างไร ? อบ มีพระพุธบัญญติว่าด้วยกยบริหาว้่า ห้าว้มยา ามว้หนเค ห้าว้็บยาว ห้ามมูกยาว มื่อถ่าอุจจาระ แล้ว ˚้ามีอยู่ไม่ช˚าระไม่ได้ อนุญาตให้ใช้ไม้ช˚าระฟัน ˚้าดื่มให้กรองก่อน

มีปรโยน์ คือ . ันไกปรก . ปาเหม็น . ้นาทรับรสหมจด . มหม่หุมอาหาร                                                     . หารรส

 

 

ิขาร

·       ิขภค ิ่˚าเป็นที่ภิกษุจะต้อมี เช่น รจีวร(จี าฏิ ) บาตร ้าปู าเช็ดหน้า ผ้เช็ดปาก ้า นิสีทนะ

·       ิขอุปภค ิ่เคื่อ้สอยเล็ก น้ ˚รับภิก ่น เข็ม(รวมถึกล่อเข็ม) ดโกน(มถึหินส˚หรัับ ับเรื่อง สะบัด) เครื่องกรองน ้า(หรือผ้ากรองน˚้า) ร่ม รองเท้า

·        ิขเสนาส เคื่อ้นั่แลที่ยู่อาศขอภิกษุ เช่น กเตีย(ี่น) หมอนหนุศีรษะ ตีย ูกตั่ง(เบาะ)

(ปี 63, 61) บาตรที่ทรงอนุญาต มีกี่ชนิด? อะไรบ้าง? บาตรแสตนเลสจัดเข้าในชนิดไหน?

อบ มี นิด คือ  . บาตดินเ                        . บา็ก             บาตตนลสดเข้านบ็ก

(ปี 62, 56) บริขาร อย่างไหนจัดเป็นบริขารบรโภค อย่างไหนจัดเป็นบริขารอุปโภค ?

ตอบ ไตรจีวร บาตร ประคตเอว รวม อย่าง จัดเป็นบริขารบริโภค                                          เข็ม มีดโกน และผ้ากรอกน˚้า จัดเป็นบริขารอุปโภค

(ปี 59) สังฆาฏิ บาตร ประคตเอว เข็ม มีดโกน อย่างไหนจัดเป็นบริขารบริโภค อย่างไหนจัดเป็นบริขาร อุปโภค ?

ตอบ สังฆาฏิ บาตร ประคตเอว จัดเป็นบริขารบรโภค                                            เข็ม มีดโกน จัดเป็นบริขารอุปโภค

(ปี 57) บาตรที่ทรงอนุญาตให้ใช้มีกี่ชนิด และกี่ขนาด? อะไรบ้าง?

อบ มี นิด คืบาตดิะบา็ก มี นาด คืนาดเ็ก ดกลาง ะขนาดใญ่

(ปี 56) บริขาร มีอะไรบ้าง? ที่จัดเป็นบริขารบรโภคและบริขารอุปโภคมีอะไรบ้าง?

อบ มี จี คือผ้านุ่งผาห่ม้าทาบ บา ะคดเอว เข็ม ดโกน้า˚้า

ไตรจีวร บาตร ประคดเอว รวม อย่าง จัดเป็นบริขารบริโภค                                     เข็ม มีดโกน และผ้ากรองน˚้า จัดเป็นบริขารอุปโภค

( 49) ภิกษุ้บริขารบริภคะเรื่ออุคอย่า จึงจดูนาเื่อมะชา?

อบ การใ้บริขารบริภคะเรือุคนั้น ภิกษุควรรูต้นเค้คืนิสัย ว่า ภิกษุย่มนิยม้สอยริารที่เป็นนหรือขีย ม่ใ้ ขดีที่ก˚าลังตื่นกัมัยอันะพึ่าโอ่ ามติปภิกษุนี้ย่มท˚ห้เกิดควาแก่คบาี่เียกว่า ประแปลว่า มีขนเป็นปรมาณ คือมีขนเป็นเหตุนับือ

(ปี 49) ผ้าสังฆาฏิ คือผ้าอะไร? มีหลักฐานความเป็นมาอย่างไร?

อบ คือ ้าส˚าหรห่มกันหนาวรือห่มซ้ออก รงญาเพือใ้ใฤดูหนาว

มีเรื่อว่า ฤดูหนาวจัด รงห่มจีืนดียยู่ในี่แจ้ง สามรถกันคามหนาด้ยมหนึ่ง ้าอยู่ตรา ต้อ้า ั้นจกัน ความหนาวด้ จึทรุญาฏิ ั้นเข้ากับุตค์ั้นเ จะไเป็น ั้น กันความนาวดักล่าวด้

( 47) บริขาเหนี้คือ รจีวร ูกเตีย (ที่) หมอนหนุศีรษะ ียง ้าปูน เช็ดหน้า ตั่ง (เบาะ) ผ้านิสีท อย่าจัดป็น บรขารเรื่อบริภค อย่าหนจเป็นบริขาเคื่อนาส?


อบ จี ้าปูน เช็ดหน ผ้านิสีท ดเป็นขารเรื่บริโภค

ฟูเตียง (ี่น) หมอหนุนศีรษะ เตีย ูกตั่ง (เบาะ) จัดป็นบริารเคื่อนะ

(ปี 46) บริขารต่อไปนี้ได้แก่อะไรบ้าง? . บริขารเครื่องบริโภค                                                . บริขารเครื่องอุปโภค

ตอบ        . ได้แก่ ไตรจีวร ผ้าปูนอน ผ้าเช็ดหน้าเช็ดปาก ผ้านิสีทนะ บาตร

. ด้แก กล่ข็ม รื่อกรอ˚้า มีดโกนพร้อมั้ัก หิ˚รับ ับเครื่อะบ ร่ม รอเท้า

 

 

ผ้าส าหรับท าจีวร ทรงอนุญาตไว้ ชนิด

(ปี 58, 52, 44) ้าส˚หรับ˚จีรนุ่งห่มนั้น ทรุญาว้ี่นิด ? อะไรบ้าง ?

อบ นิด คือ . โขมะ ้าท˚ด้วเปือม้                                     . ัปปาสิ ้าท˚ด้                           . โก ้าท˚ด้ยใยไ

. กัมพละ ผ้าท˚าด้วยขนสัตว์ ยกเว้นผมและขนมนุษย์                                                       . สาณะ ผ้าท˚าด้วยเปลือกป่าน

. ภังคะ ผาที่ท˚าด้วยของ อย่างนั้น แต่อย่างใดอย่างหนึ่งปนกน

 

 

วัสสิสาฎก (บน ้า)

(ปี 44) วัสสิกสาฎกได้แก่ผ้าเช่นไร? มีจ˚ากัดประมาณ กว้าง ยาว ไว้อย่างไร?

อบ ด้แก่ผ้าอาบ˚ มีจ˚ากยาว คืบ คืบครึ ห่คืบุคต

 

รูปแบบการตัดเย็บจีวร

(ปี 51) จีวรหนึ่ง มีก˚าหนดจ˚วนัณฑ์ไว้ย่า? ใน ขัฑ์บด้วยอรบาง?

อบ ˚าหนดจ˚านวม่น้อยก่า ขัณฑ์ แต่ให้เป็นฑ์คี่ คือ , , เป็นต้น                                            ประด้วยม ัฑฒ ัฑฒกุสิ

(ปี 45) ขันธ์แห่งจีวรประกอบด้วยอะไรบ้าง? ทรงมีพระพุทธานุญาตไว้อย่างไร?

ตอบ ประกอบด้วยมณฑล อัฑฒมณฑล และอัฑฒกสิ

มีพระพุธานุญว้่า จีหนึ่ให้มีขัธ์ไม่น้ยกว่า เกิ่านั้น้ได้ แต่ให้เป็นขัธ์เป็คี่ คือ , , เป็ต้น

 

ข้อก าหนดในการใช้ผ้า

·        ไตรจีวร ประกอบด้วย .ผ้าสังฆาฏิ (ผ้าคลม) .ผ้าอุตตราสงค์ (จีวร หรือ ผ้าห่ม) .อันตรวาสก (สบง หรือ ผ้านุ่ง)

( 54) ้าต่ปนี้ คือ ฏิ อัวาสก ีท ้าอาบ เช็ดปาก ้าถุบา ืนดทีุ่ญาให้ธิฐานไพียงผืนดีย? ตอ

ฆา ีท อั แล้าอาบ˚้าฝ

 

 

วิธีอธิษฐาน

.  กาอธิษาน้วกาย การใ้มือจหรือลูบริขารที่จะอธิฐานล้˚าคามูกจตมค˚าอธิฐานั้น

.  กาอธิษาน้วจา การเ˚าอิษานนั้น ไม่ถูด้วยายก็ได้

(ปี 57) ภิกษุจะปลี่ยรคอง พึปฏิบัตตา˚ดัย่างไ?

อบ ต้อปัจจุธร์คือิษนผืนเก่าก่ แล้วท˚ินุแะอธิฐานผหม่

(ปี 54) ้าริขารจล ด้แก่ผเช่? การอธิฐานด้ยกายกับกาิษานด้วยวาจาต่างกัอย่า?

อบ ด้แก่ ผ้าที่ม่ใ่ขใหญ่ถกับุ่ห่มด้ เช่้ากรอ˚้า ถุบา ย่าม


ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น