วันจันทร์ที่ 12 กรกฎาคม พ.ศ. 2564

วิชาวินัยบัญญัติ นักธรรมชั้นโท 2556

 



ปัญหาและเฉลยวิชาวินัยบัญญัติ นักธรรมชั้นโท สอบในสนามหลวง
วันศุกร์ ที่ ๒๒ พฤศจิกายน พ.ศ. ๒๕๕๖
  อภิสมาจาร คืออะไร ? เป็นเหตุให้ต้องอาบัติอะไรได้บ้าง ? เฉลย คือ ขนบธรรมเนียมของภิกษุฯ

อาบัติถุลลัจจัยและอาบัติทุกกฏฯ

๒. ข้อว่า อย่าพึงนุ่งห่มผ้าอย่างคฤหัสถ์ นั้นมีอธิบายอย่างไร ?

เฉลย มีอธิบายว่าห้ามนุ่งห่มเครื่องนุ่งห่มของคฤหัสถ์เช่นกางเกง เสื้อ ผ้าโพก หมวก ผ้านุ่งผ้าห่มสีต่างๆชนิดต่างๆ และห้ามอาการนุ่งห่ม ต่าง ๆ ที่ไม่ใช่ของภิกษุฯ

 บริขาร ๘ มีอะไรบ้าง ? ที่จัดเป็นบริขารบริโภคและบริขารอุปโภค มีอะไรบ้าง ?

เฉลย มี ไตรจีวร คือผ้านุ่งผ้าห่มและผ้าทาบบาตรประคดเอว  เข็ม มีดโกน
และผ้ากรองน ฯ้ำ

ไตรจีวร บาตร ประคดเอว รวม ๕ อย่าง จัดเป็นบริขารบริโภค

เข็ม มีดโกน และผ้ากรองน จัดเป็นบริขารอุปโภค้ำฯ

  ค ำว่า ถือนิสัย หมายความว่าอย่างไร ? ภิกษุผู้เป็นนวกะจะต้ เสมอไปหรือไม่ประการไร ?

เฉลย หมายความว่า ยอมตนอยู่ในความปกครองของพระเถระผู้มีคุณสมบั ควรปกครองตนได้ ยอมตนให้ท่านปกครองพึ่งพิงพ ำนักอาศัยท่านฯ ต้องถือนิสัยเสมอไปแต่มีข้อยกเว้นภิกษุผู้ยังไม่ตั้งลงเป็นหลักแหลคือ ภิกษุเดินทางภิกษุผู้เป็นไข้ภิกษุผู้พยาบาลผู้ได้รับขอของคนไข้เพื่ ภิกษุผู้เข้าป่าเพื่อเจริญสมณธรรมชั่วคราวและกรณีที่ในที่ใดหาท่านผู้ให้ นิสัยมิได้ และมีเหตุขัดข้องที่จะไปอยู่ในที่อื่นไม่ได้ จะอย ว่าเมื่อใดมีท่านผู้ให้นิสัยได้มาอยู่จักถือนิสัยในท่านก็ใช้ได้ฯ

  ภิกษุเมื่อจะนั่งลงบนอาสนะ ทรงให้ปฏิบัติอย่างไรก่อน ? ที่ท อย่างนั้นเพื่อประโยชน์อะไร ?

เฉลย  ทรงให้พิจารณาก่อย่าผลุนผลันนั่งลงไปฯ

เพื่อว่าถ้ามีของอะไรวางอยู่บนนั้น จะทับหรือกระทบของนั้น ถ้ ก็จะหก เสียมารยาท พึงตรวจดูด้วยนัยน์ตาหรือด้วยมือลูบก่อนตามแต่ จะรู้ได้ด้วยอย่างไรแล้วจึงค่อยนั่งลงฯ

  วันเข้าพรรษาในบาลีกล่าวไว้ ๒ วัน คือวันเข้าพรรษาต้น และวันเข้ หลัง ในแต่ละอย่างก ำหนดวันไว้อย่างไร ?

เฉลย วันเข้าพรรษาต้นก ำหนดเมื่อพระจันทร์เพ็ญเสวยฤกษ์อาสาฬหะล่วงไปแ
วันหนึ่งคือวันแรม๑ ค ่ำเดือน ๘
วันเข้าพรรษาหลังก หนดเมื่อพระจันทร์เพ็ญเสวยฤกษ์อาสาฬหะนัำ
ล่วงแล้วเดือน๑ คือ วันแรม ๑ ค ่ำเดือน ๙ ฯ

  ในวัดหนึ่ง มีภิกษุอยู่กัน ๔ รูป ๓ รูป ๒ รูป ๑ รูป เมื่อถ พึงปฏิบัติอย่างไร ?


เฉลย  มีภิกษุ๔ รูป พึงประชุมกันในโรงอุโบสถสวดปาติโมกข์

มีภิกษุ ๓ รูป พึงประชุมกันท ำปาริสุทธิอุโบสถ รูปหนึ่งสวดป จบแล้วแต่ละรูปพึงบอกความบริสุทธิ์ของตน

มีภิกษุ๒ รูป ไม่ต้องตั้งญัตติพึงบอกความบริสุทธิ์แก่กันและกัน มีภิกษุ๑ รูป พึงอธิษฐาน

หรือมีภิกษุต ๔่ำกว่ารูปจะไปท ำสังฆอุโบสถกับสงฆ์ในอาวาสอื่นก็ควรฯ

  ภิกษุได้ชื่อว่าผู้ประทุษร้ายสกุล กับภิกษุได้ชื่อว่าผู้ยังสกุ ความประพฤติต่างกันอย่างไร ?

เฉลย ต่างกันอย่างนี้ภิกษุผู้ประทุษร้ายสกุลเป็นผู้ประพฤติให้เขาเสียศรัทธา เลื่อมใสประจบเขาด้วยกิริยาท ำตนอย่างคฤหัสถ์ให้ของก ำนัลแก่สกุล อย่างคฤหัสถ์เขาทยอมตนให้เขาใช้สอย ำหรือด้วยอาการเอาเปรียบโดย เชิงให้สิ่งของเล็กน้อยด้วยหวังได้มากส่วนภิษุผู้ยังสกุลให้เลื่อมใสเป็น ผู้ถึงพร้อมด้วยอาจาระไม่ทอดตนเป็นคนสนิทของสกุลโดยฐานเป็นคนเลว ไม่รุกรานตัดรอนเขาแสดงเมตตาจิต ประพฤติพอดีพองามท ำให้เขา เลื่อมใสนับถือตนฯ

  ก่อนหน้าปรินิพพาน ตรัสสั่งภิกษุทั้งหลายให้แสดงความเคารพด้ว กันว่าอย่างไร ?


  ตรัสให้ภิกษุผู้อ่อนพรรษากว่าเรียกผู้แก่พรรษากว่าว่าภันเตและให้ภิกษุ ผู้แก่พรรษากว่าเรียกผู้อ่อนพรรษากว่าว่าอาวุโสฯ

๑๐. อนามัฏฐบิณฑบาต ได้แก่โภชนะเช่นไร?มีข้อห้ามตามพระวินัยไว้อย่างไร

เฉลย ได้แก่โภชนะที่ภิกษุได้มายังไม่ได้หยิบไว้ฉันฯ มีข้อห้ามไม่ให้ภิกษุให้แก่คฤหัสถ์อื่นนอกจากมารดาและบิดาฯ

*********




ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น