วันเสาร์ที่ 10 กรกฎาคม พ.ศ. 2564

วิชาธรรม นักธรรมชั้นโท 2551

 วิชาธรรม นักธรรมชั้นโท 2551


ปัญหาและเฉลยวิชาธรรม  นักธรรมชั้นโท

สอบในสนามหลวง

วันเสาร์ ที่ ๒๒ พฤศจิกายน พ.ศ. ๒๕๕๑


๑.       รูปในขันธ์ ๕  แบ่งเป็น ๒  ได้แก่อะไรบ้าง ?  จงอธิบายมาสั้น ๆ   พอเข้าใจ

๑.       ได้แก่ มหาภูตรูป และ อุปาทายรูป

มหาภูตรูป คือ รูปใหญ่  อันได้แก่ ธาตุ ๔  มีดิน น้ำ ไฟ ลม

อุปาทายรูป คือ รูปอาศัย เป็นอาการของมหาภูตรูป  เช่น ประสาท ๕ มีจักขุประสาทเป็นต้น  โคจร ๕ มีรูปารมณ์เป็นต้น ฯ

๒.      เจโตวิมุตติ กับ ปัญญาวิมุตติ  ต่างกันอย่างไร ?

๒.      เจโตวิมุตติ เป็นวิมุตติของท่านผู้ได้บรรลุฌานมาก่อนแล้ว จึงบำเพ็ญวิปัสสนาต่อ   ส่วนปัญญาวิมุตติ  เป็นวิมุตติของท่านผู้ได้บรรลุด้วยลำพังบำเพ็ญวิปัสสนาล้วน

อีกนัยหนึ่ง เรียกเจโตวิมุตติเพราะพ้นจากราคะ เรียกปัญญาวิมุตติเพราะพ้นจากอวิชชา ฯ

๓.       กิจจญาณ คืออะไร ?   เป็นไปในอริยสัจ ๔ อย่างไร ?

๓.       คือ  ปรีชาหยั่งรู้กิจอันควรทำ ฯ

ปรีชาหยั่งรู้ว่า ทุกข์เป็นธรรมชาติที่ควรกำหนดรู้  ทุกขสมุทัยเป็นธรรมชาติที่ควรละ  ทุกขนิโรธเป็นธรรมชาติที่ควรทำให้แจ้ง 

ทุกขนิโรธคามินีปฏิปทาเป็นธรรมชาติที่ควรทำให้เกิด ฯ


๔.       ปาฏิหาริย์ ๓  มีอะไรบ้าง ?   อย่างไหนเป็นอัศจรรย์ที่สุด ?

๔.       มี   อิทธิปาฏิหาริย์  ฤทธิ์เป็นอัศจรรย์

          อาเทสนาปาฏิหาริย์  ดักใจเป็นอัศจรรย์

          อนุสาสนีปาฏิหาริย์  คำสอนเป็นอัศจรรย์ ฯ

          อนุสาสนีปาฏิหาริย์  เป็นอัศจรรย์ที่สุด ฯ

๕.       กิเลส กรรม วิบาก เรียกว่าวัฏฏะ  เพราะเหตุไร ?   จงอธิบาย

๕.       เพราะวน คือหมุนเวียนกันไป ฯ   อธิบายว่า กิเลสเกิดขึ้นแล้วให้ทำกรรม  ครั้นทำกรรมแล้ว ย่อมได้รับวิบากแห่งกรรม  เมื่อได้รับวิบาก กิเลสก็เกิดขึ้นอีก    วนกันไปอย่างนี้ ฯ

๖.       คำว่า พระโสดาบัน และ สัตตักขัตตุปรมะ มีอธิบายอย่างไร ?

๖.       พระโสดาบัน คือพระอริยบุคคลผู้ได้บรรลุอริยผลขั้นแรก ฯ

สัตตักขัตตุปรมะ คือพระโสดาบันผู้จะเกิดอีก ๗ ชาติเป็นอย่างยิ่ง ฯ

๗.      อบาย ได้แก่อะไร ?   มีอะไรบ้าง ?

๗.      ได้แก่ ภูมิ กำเนิดหรือพวก อันหาความเจริญมิได้ ฯ

มี  นิรยะ คือนรก   ติรัจฉานโยนิ คือกำเนิดดิรัจฉาน   

ปิตติวิสัย คือภูมิแห่งเปรต   อสุรกาย คือพวกอสุระ ฯ



๘.       มานะ คืออะไร ?   ว่าโดยย่อ ๓ อย่าง  ได้แก่อะไรบ้าง ?

๘.       คือ ความสำคัญตัวว่าเป็นนั่นเป็นนี่ ฯ

ได้แก่   ๑. สำคัญตัวว่าเลิศกว่าเขา

                   ๒. สำคัญตัวว่าเสมอเขา

                   ๓. สำคัญตัวว่าเลวกว่าเขา ฯ

๙.       สมุทัยวาร กับ นิโรธวาร ในปฏิจจสมุปบาท  ต่างกันอย่างไร ?

๙.       สมุทัยวาร คือการแสดงความเกิดแห่งผล เพราะเกิดแห่งเหตุ  

ส่วนนิโรธวาร คือการแสดงความดับแห่งผล เพราะดับแห่งเหตุ ฯ

๑๐.     ธุดงค์ คืออะไร ?   ข้อใดของปัจจัย ๔ ไม่มีในธุดงค์ ?

๑๐.     คือ วัตตจริยาพิเศษอย่างหนึ่ง บัญญัติขึ้นด้วยหมายจะให้เป็นอุบาย           ขัดเกลากิเลส  และเป็นไปเพื่อความมักน้อยสันโดษ ฯ

          ข้อ ยารักษาโรค ฯ

***********

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น