วิชาธรรม นักธรรมชั้นโท 2546
ปัญหาและเฉลยวิชาธรรม นักธรรมชั้นโท
สอบในสนามหลวง
พ.ศ. ๒๕๔๖
๑.
๑.๑
เทสนา ๒ มีอะไรบ้าง ?
๑.๒
เทสนา ๒ อย่างนั้นต่างกันอย่างไร จงอธิบาย ?
๑.
๑.๑
มี ปุคคลาธิฏฐานา มีบุคคลเป็นที่ตั้ง ๑ ธัมมาธิฏฐานา มีธรรมเป็น
ที่ตั้ง ๑ ฯ
๑.๒
ต่างกันอย่างนี้
การสอนที่ยกบุคคลมาเป็นตัวอย่าง เช่น ในมหาชนกชาดก สอนเรื่องความเพียร โดยกล่าวถึงพระมหาชนกโพธิสัตว์ว่า ทรงมีความเพียรอย่างยิ่ง พยายามว่ายน้ำในท่ามกลางมหาสมุทรที่กว้างใหญ่มองไม่เห็นฝั่งอย่างไม่ย่อท้อ ด้วยความุ่งมั่นที่จะถึงฝั่งให้ได้ เป็น ปุคคลาธิฏฐานา ฯ
ส่วนการยกธรรมแต่ละข้อมาอธิบายความหมายอย่างเดียว เช่น สติ แปลว่า ความระลึกได้ หมายความว่า ก่อนจะทำ ก่อนจะพูดอะไร ต้องคิดให้รอบคอบเสียก่อน จึงทำ จึงพูดออกไป เป็นต้น เป็น ธัมมาธิฏฐานา ฯ
๒.
๒.๑
ญาณ ๓ ที่เป็นไปในอริยสัจ ๔ มีอะไรบ้าง ?
๒.๒
ญาณ ๓ ที่เป็นไปในทุกขนิโรธ มีอธิบายอย่างไร ?
๒.
๒.๑
มี ๑) สัจจญาณ ปรีชาหยั่งรู้อริยสัจ
๒) กิจจญาณ ปรีชาหยั่งรู้กิจอันควรทำ
๓) กตญาณ ปรีชาหยั่งรู้กิจอันทำแล้ว ฯ
๒.๒
มีอธิบายอย่างนี้
๑) ปรีชาหยั่งรู้ว่า นี้ทุกขนิโรธ จัดเป็นสัจจญาณ
๒) ปรีชาหยั่งรู้ว่า ทุกขนิโรธ เป็นสภาพที่ควรทำให้แจ้ง
จัดเป็นกิจจญาณ
๓) ปรีชาหยั่งรู้ว่า ทุกขนิโรธ เป็นสภาพที่ควรทำให้แจ้ง
ทำให้แจ้งแล้ว จัดเป็นกตญาณ ฯ
๓.
๓.๑
คำว่า “ โสดาบัน ” แปลว่าอะไร ?
๓.๒
พระอริยบุคคลชั้นโสดาบันนี้ ท่านละกิเลสอะไรได้ขาดบ้าง ?
๓.
๓.๑
โสดาบัน แปลว่า ผู้แรกถึงกระแสพระนิพพาน มีความไม่ตกต่ำเป็นธรรมดา จะต้องตรัสรู้ในภายภาคหน้า ฯ
๓.๒
ท่านละสังโยชน์ได้ขาด ๓ อย่าง คือ
๑) สักกายทิฏฐิ
๒) วิจิกิจฉา
๓) สีลัพพตปรามาส ฯ
๔.
๔.๑
ในอปัสเสนธรรม ข้อว่า “ พิจารณาแล้วเสพของอย่างหนึ่ง ” คำว่า
“ ของอย่างหนึ่ง ” ในข้อนี้ได้แก่อะไร ?
๔.๒
ผู้พิจารณาตามข้อ ๔.๑ นั้น ได้ประโยชน์อย่างไร ?
๔.
๔.๑
ได้แก่ ปัจจัย ๔ บุคคล และธรรม เป็นต้น ที่ทำให้เกิดความสบาย ฯ
๔.๒
ได้ประโยชน์อย่างนี้ คือ ทำกุศลที่ยังไม่เกิดให้เกิดขึ้น ทำกุศลที่เกิดขึ้นแล้วให้เจริญยิ่งขึ้น ทำกิเลสและอกุศลที่เกิดขึ้นแล้วให้เสื่อมไป ฯ
๕.
๕.๑
คำว่า ทักขิณา ในทักขิณาวิสุทธินั้น หมายถึงอะไร ?
๕.๒
ทักขิณาจะไม่บริสุทธิ์ และบริสุทธิ์ กำหนดรู้ได้อย่างไร ?
๕.
๕.๑
หมายถึง ของทำบุญ ฯ
๕.๒
กำหนดรู้ได้อย่างนี้
ทั้งทายก ทั้งปฏิคาหกเป็นผู้ไม่บริสุทธิ์ ทักขิณานั้น ชื่อว่า
ไม่บริสุทธิ์ทั้งสองฝ่าย
ฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งบริสุทธิ์ ชื่อว่าบริสุทธิ์ฝ่ายเดียว
ทั้งสองฝ่ายบริสุทธิ์ ชื่อว่าบริสุทธิ์ทั้งสองฝ่าย ฯ
๖.
๖.๑
ปัญจขันธ์ ได้ชื่อว่า มาร เพราะเหตุไร ?
๖.๒
กิเลสมาร และมัจจุมาร จัดเข้าในอริยสัจข้อใดได้หรือไม่ ?
เพราะเหตุไร ?
๖.
๖.๑
เพราะบางทีทำความลำบากให้ อันเป็นเหตุเบื่อหน่าย จนถึงฆ่าตัวตายเสียเองก็มี ฯ
๖.๒
ได้ ฯ กิเลสมาร จัดเข้าในทุกขสมุทัยสัจ เพราะกิเลสเป็นเหตุให้เกิดทุกข์ มัจจุมาร จัดเข้าในทุกขสัจ เพราะเป็นตัวทุกข์ ฯ
๗.
บุคคลผู้มีปกติต่อไปนี้ จัดเข้าในจริตอะไร ? จะพึงแก้ด้วยธรรมข้อใด ?
๗.๑
ผู้มีปกติรักสวยรักงาม
๗.๒
ผู้มีปกตินึกพล่าน
๗.
๗.๑
จัดเข้าในราคจริต ฯ จะพึงแก้ด้วยเจริญกายคตาสติ หรืออสุภกัมมัฏฐาน ฯ
๗.๒
จัดเข้าในวิตักกจริต ฯ จะพึงแก้ด้วยเพ่งกสิณ หรือเจริญอานาปานสติ ฯ
๘.
๘.๑
พระสงฆ์ ในบทสังฆคุณ ๙ ท่านหมายถึงพระสงฆ์เช่นไร ?
๘.๒
คำว่า “อุชุปฏิปนฺโน เป็นผู้ปฏิบัติตรง” คือปฏิบัติเช่นไร ?
๘.
๘.๑
หมายถึง พระสาวกผู้ได้บรรลุธรรมวิเศษ ฯ
๘.๒
คือไม่ปฏิบัติลวงโลก ไม่มีมายาสาไถย ประพฤติตรง ตรงต่อพระศาสดาและเพื่อนสาวกด้วยกัน ไม่อำพรางความในใจ ไม่มีแง่มีงอน ฯ
๙.
จงให้ความหมายของคำต่อไปนี้ ?
๙.๑
อโหสิกรรม
๙.๒
กตัตตากรรม
๙.
๙.๑
คือกรรมให้ผลสำเร็จแล้ว เป็นกรรมล่วงคราวแล้วเลิกให้ผล เปรียบเหมือนพืชสิ้นยางแล้ว เพาะไม่ขึ้น ฯ
๙.๒
คือ กรรมสักว่าทำ ได้แก่กรรมอันทำด้วยไม่จงใจ ฯ
๑๐.
๑๐.๑
ปังสุกูลิกังคะ องค์แห่งผู้ถือผ้าบังสุกุลเป็นวัตร คืออย่างไร ?
๑๐.๒
ธุดงค์ข้อใด ที่ภิกษุสมาทานสำเร็จด้วยอิริยาบถ ๓ คือ ยืน เดิน นั่ง ?
๑๐.
๑๐.๑
คือไม่รับจีวรจากทายก เที่ยวแสวงหาและใช้เฉพาะแต่ผ้าบังสุกุลมาเย็บย้อมทำจีวรใช้เอง ฯ
๑๐.๒
คือ เนสัชชิกังคะ องค์แห่งภิกษุผู้ถือการนั่งเป็นวัตร ถือเฉพาะอิริยาบถ ๓ คือ ยืน เดิน และนั่งเท่านั้น ฯ
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น