วันจันทร์ที่ 12 กรกฎาคม พ.ศ. 2564

วิชาวินัยบัญญัติ นักธรรมชั้นโท 2554







 ปัญหาและเฉลยวิชาวินัยบัญญัติ นักธรรมชั้นโท สอบในสนามหลวง 

วันพฤหัสบดี ที่ ๑๕ ธันวาคม         พ.ศ. ๒๕๕๔



            ภิกษุผู้ปฏิบัติพระวินัยส่วนอภิสมาจารให้ได้ชื่อว่าเป็นผู้ป ปฏิบัติอย่างไร ? 


            จะชื่อว่าเป็นผู้ปฏิบัติดีงาม ต้องปฏิบัติโดยสายกลาง คือไม่ถื งมงาย จนเป็นเหตุท ำตนให้ล ำบากเพราะเหตุธรรมเนียมเล็ก ๆ น้อย ๆ ขัดต่อกาลเทศะ และไม่สะเพร่ามักง่าย ละเลยต่อธรรมเนียมของภิ จนถึงท ำตนให้เป็นคนเลวทราม ฯ



๒.    เปลือยกายอย่างไรต้องอาบัติถุลลัจจัย ?                                อย่างไรต้องอาบัติทุกก


๒.    เปลือยกายเป็นวัตรเอาอย่างเดียรถีย์                       ต้องอาบัติถุลลัจจัย ฯ


เปลือยกายท ำกิจแก่กัน เช่นไหว้ รับไหว้ ท ำบริกรรม ให้ของ และเปลือยกายในเวลาฉัน ในเวลาดื่ม ต้องอาบัติทุกกฏ ฯ


            ในบาลีแสดงเหตุนิสัยจะระงับจากอุปัชฌาย์ไว้เท่าไร ?  อะไรบ้าง ?


            แสดงไว้ ๕ ประการ ฯ


คือ อุปัชฌาย์หลีกไปเสียสึกเสีย๑ ๑ตายเสีย ๑ ไปเข้ารีตเดียรถีย์ ๑ สั่งบังคับ ๑ ฯ


            ภิกษุผู้ได้ชื่อว่า วตฺตสมฺปนฺโน ผู้ถึงพร้อมด้วยวัตร มีอะไรบ้าง ?



            วัตรคือแบบอย่างอันภิกษุควรประพฤติในกาลนั้น ๆ ในที่นั้น ๆ ใ แก่บุคคลนั้น ๆ ฯ



มี ๑.      กิจวัตร           ว่าด้วยกิจอันควรท ำ


๒.   จริยาวัตร        ว่าด้วยมารยาทอันควรประพฤติ


๓.    วิธิวัตร              ว่าด้วยแบบอย่าง ฯ


            คารวะ คืออะไร ? การลุกขึ้นยืนรับเป็นกิจที่ผู้น้อยพึงท ำแก แต่ควรเว้นในเวลาเช่นใดบ้าง ?


            คือ กิริยาที่แสดงอาการอ่อนน้อมโดยสมควรแก่กาล สถานที่ กิจ บุคคล ฯ ควรเว้นในเวลานั่งอยู่ในส ำนักของผู้ใหญ่ ไม่ลุกรับผู้น้อยก


ในเวลานั่งเข้าแถวในบ้าน               ในเวลาเข้าประชุมสงฆ์ในอาราม ฯ


            ในวัดที่ไม่มีภิกษุผู้ทรงจ ำปาติโมกข์ได้จนจบ ถึงวันอุโบสถ แล้วชักสุตบท (สวดย่อ) โดยอ้างว่าเกิดเหตุฉุกเฉิน ถูกต้อง เพราะเหตุใด ?



            สวดปาติโมกข์ย่อนั้น ถูกต้องแล้ว แต่จะอ้างว่าสวดย่อเพราะเก ฉุกเฉินนั้น ไม่ถูกต้อง ฯ เพราะการสวดย่อเนื่องจากจได้ไม่หมด ำ ทรงอนุญาตไว้แผนกหนึ่งต่างหา ไม่จัดเข้าในเหตุฉุกเฉิน ๑๐ ประการ ฯ


            สภาคาบัติ  คืออาบัติเช่นไร ?  ภิกษุต้องสภาคาบัติ  จะพึงปฏิบั


            คือ อาบัติที่ภิกษุต้องวัตถุเดียวกัน เพราะล่วงละเมิดสิกขาบ เมื่อภิกษุต้องสภาคาบัติ ห้ามไม่ให้แสดงอาบัตินั้นต่อกัน อาบัติของกัน ให้แสดงในส ำนักภิกษุอื่น ถ้าสงฆ์ต้องสภาคาบ ต้องส่งภิกษุรูปหนึ่งไปแสดงในที่อื่น ภิกษุที่เหลือจึงแสำนักของ ภิกษุนั้น ฯ




            ภิกษุได้รับการสรรเสริญว่า กุลปสาทโก ผู้ยังตระกูลให้เลื่อมใส ผู้ได้รับการต ำหนิว่า กุลทูสโก ผู้ประทุษร้ายตระกูล ความประพฤติเช่นไร ?



            ภิกษุผู้ได้รับการสรรเสริญว่า กุลปสาทโก เพราะถึงพร้อมด้วย ไม่ทอดตนเป็นคนสนิทของสกุลโดยฐานเป็นคนเลว ไม่รุกรานตัดรอนเข แสดงเมตตาจิต ประพฤติพอดีพองาม ท ำให้เขาเลื่อมใสนับถือ ส่วนภิกษุผู้ได้รับการต ำหนิว่า กุลทูสโก ผู้ประทุษร้ายสกุล ให้เขาเสียศรัทธาเลื่อมใส ประจบเขาด้วยกิริยาท ำตนอย่างคฤหัสถ์ ก ำนัลแก่สกุลอย่างคฤหัสถ์เขาท ำกัน ยอมตนให้เขาใช้สอย หรือด้ เอาเปรียบโดยเชิงให้สิ่งของเล็กน้อยด้วยหวังได้มาก ฯ



            ผ้าบริขารโจล ได้แก่ผ้าเช่นไร ? การอธิษฐานด้วยกายกับการอธิ ด้วยวาจาต่างกันอย่างไร ?


            ได้แก่  ผ้าที่ไม่ใช่ของใหญ่ถึงกับนุ่งห่มได้ถุงบาตรเช่นผ้ากรองนย่ามฯ ้ำ


การอธิษฐานด้วยกาย คือ การใช้มือจับหรือลูบบริขารที่จะอธิษ ท ำความผูกใจตามค ำอธิษฐานนั้น ๆ ส่วนการอธิษฐานด้วยวาจา การเปล่งค ำอธิษฐานนั้น ๆ ไม่ถูกของด้วยกายก็ได้ ฯ


๑๐.   ผ้าต่อไปนี้    คือ  สังฆาฏิ  อันตรวาสก  นิสีทนะ  ผ้าอา ผ้าเช็ดปาก  ผ้าถุงบาตร  ผืนใดที่ทรงอนุญาตให้อธิษฐานได้เพียงผ


๑๐. สังฆาฏิ             นิสีทนะ           อันตรวาสก           และผ้าอาบน ้ำฝน ฯ


*********


วิชาวินัยบัญญัติ นักธรรมชั้นโท 2555

 วิชาวินัยบัญญัติ นักธรรมชั้นโท 2555


ปัญหาและเฉลยวิชาวินัยบัญญัติ  นักธรรมชั้นโท

สอบในสนามหลวง

วันอาทิตย์ ที่ ๒ ธันวาคม พ.ศ. ๒๕๕๕

๑.      ภิกษุแม้ล่วงละเมิดพระวินัยแล้วไม่ต้องอาบัติ ได้รับยกเว้นทุกสิกขาบท ได้แก่ภิกษุประเภทไหนบ้าง?

ตอบ ได้แก่      ภิกษุบ้าคลั่งจนไม่มีสติสัมปชัญญะ

ภิกษุเพ้อจนไม่รู้สึกตัว

ภิกษุกระสับกระส่าย เพราะมีเวทนากล้าจนถึงไม่มีสติ ฯ

๒.     สังฆกรรม ๓ อย่างนี้ คือ การสวดปาฏิโมกข์ อุปสมบทกรรมและอัพภาณกรรม มีจำกัดจำนวนสงฆ์อย่างน้อยเท่าไรจึงจะถูกต้องตามพระวินัย?

ตอบ การสวดปาฏิโมกข์ ต้องการสงฆ์จตุวรรค คือ ๔ รูป เป็นอย่างน้อย

อุปสมบทกรรมในปัจจันตประเทศ ต้องการสงฆ์ปัญจวรรค คือ ๕ รูป เป็นอย่างน้อย อุปสมบทกรรมในมัธยมประเทศ ต้องการสงฆ์ทสวรรค คือ ๑๐ รูป เป็นอย่างน้อย

อัพภาณกรรมต้องการสงฆ์วีสติวรรค คือ ๒๐ รูปเป็นอย่างน้อย ฯ

๓.     จงให้ความหมายของคำต่อไปนี้ อุปัชฌายะ สัทธิวิหาริก นิสสัย

ตอบ อุปัชฌายะ เป็นชื่อเรียกภิกษุผู้รับให้พึ่งพิง แปลว่าผู้ฝึกสอนหรือผู้ดูแล,

สัทธิวิหาริก เป็นชื่อเรียกภิกษุผู้พึ่งพิง แปลว่าผู้อยู่ด้วย,

นิสสัย เป็นชื่อเรียกกิริยาที่พึ่งพิง ฯ

๔.     ภิกษุผู้ได้รับเสนาสนะของสงฆ์ให้เป็นที่อยู่อาศัย ควรเอาใจใส่รักษาเสนาสนะนั้นอย่างไร?

ตอบ ควรเอาใจใส่รักษาดังนี้

๑) ไม่ทำให้เปรอะเปื้อน

๒) ชำระให้สะอาด

๓) ระวังไม่ให้ชำรุด

๔) รักษาเครื่องเสนาสนะ

๕) ตั้งน้ำฉันน้ำใช้ไว้ให้มีพร้อม

๖) ของใช้สำหรับเสนาสนะหนึ่งอย่านำไปใช้ที่อื่นให้กระจัดกระจาย ฯ

๕.      คำว่า วัตถุเป็นอนามาส คืออะไร ภิกษุจับต้องวัตถุเป็นอนามาสเป็นอาบัติอะไร?

ตอบ คือ สิ่งที่ภิกษุไม่ควรจับต้อง ฯ

ภิกษุจับต้องมาตุคาม เป็นอาบัติสังฆาทิเสส ถุลลัจจัย และทุกกฏตามประโยค จับต้องบัณเฑาะก์ด้วยความกำหนัดเป็นอาบัติถุลลัจจัย นอกนั้นเป็นวัตถุแห่งอาบัติทุกกฏทั้งหมด ฯ

๖.      ภิกษุอยู่จำพรรษาครบ ๓ เดือนจนได้ปวารณา ย่อมได้อานิสงส์แห่งการจำพรรษาอะไรบ้าง?

ตอบ ได้รับอานิสงส์ ๕ อย่าง คือ

๑) เที่ยวไปไม่ต้องบอกลาตามสิกขาบทที่ ๖ แห่งอเจลกวรรคในปาจิตติยกัณฑ์

๒) เที่ยวจาริกไปไม่ต้องถือเอาไตรจีวรไปครบสำรับ

๓) ฉันคณโภชน์ และปรัมปรโภชน์ได้

๔) เก็บอติเรกจีวรไว้ได้ตามปรารถนา

๕)จีวรอันเกิดขึ้นในที่นั้น เป็นของได้แก่พวกเธอ

ทั้งได้โอกาสเพื่อกรานกฐิน และรับอานิสงส์ ๕ นั้นเพิ่มออกไปอีก ๔ เดือนตลอดเหมันตฤดู ฯ

๗.     ปวารณามีกี่อย่าง? อะไรบ้าง? ในอาวาสหนึ่งมีภิกษุจำพรรษา ๓ รูป เมื่อถึงวันปวารณา พึงปฏิบัติอย่างไร?

ตอบ มี ๓ อย่าง คือ สังฆปวารณา คณปวารณา และบุคคลปวารณา ฯ

พึงทำคณปวารณา ฯ

๘.     องค์ที่เป็นลักษณะแห่งการถือวิสาสะ คืออะไรบ้าง? เห็นว่าข้อไหนสำคัญ?

ตอบ คือ เป็นผู้เคยได้เห็นกันมา ๑         เป็นผู้เคยคบกันมา ๑     ได้พูดกันไว้ ๑

ยังมีชีวิตอยู่ ๑   รู้ว่าของนั้นเราถือเอาแล้วเขาจักพอใจ ๑ ฯ

เห็นว่าข้อสุดท้ายสำคัญ ฯ

๙.     ภิกษุได้ชื่อว่า อาจารโคจรสัมปันโน ผู้ถึงพร้อมด้วยมารยาทและโคจร เพราะประพฤติปฏิบัติเช่นไร?

ตอบ เพราะมีความประพฤติปฏิบัติสุภาพเรียบร้อยสมบูรณ์ด้วยอภิสมาจาริกวัตร เว้นจากอโคจร คือบุคคลและสถานที่ที่ไม่ควรไป ฯ

๑๐. เภสัช ๕ มีอะไรบ้าง จัดเป็นกาลิกอะไร?

ตอบ เนยใส เนยข้น น้ำมัน น้ำผึ้ง น้ำอ้อย ฯ จัดเป็นสัตตาหกาลิก ฯ

วิชาวินัยบัญญัติ นักธรรมชั้นโท 2556

 



ปัญหาและเฉลยวิชาวินัยบัญญัติ นักธรรมชั้นโท สอบในสนามหลวง
วันศุกร์ ที่ ๒๒ พฤศจิกายน พ.ศ. ๒๕๕๖
  อภิสมาจาร คืออะไร ? เป็นเหตุให้ต้องอาบัติอะไรได้บ้าง ? เฉลย คือ ขนบธรรมเนียมของภิกษุฯ

อาบัติถุลลัจจัยและอาบัติทุกกฏฯ

๒. ข้อว่า อย่าพึงนุ่งห่มผ้าอย่างคฤหัสถ์ นั้นมีอธิบายอย่างไร ?

เฉลย มีอธิบายว่าห้ามนุ่งห่มเครื่องนุ่งห่มของคฤหัสถ์เช่นกางเกง เสื้อ ผ้าโพก หมวก ผ้านุ่งผ้าห่มสีต่างๆชนิดต่างๆ และห้ามอาการนุ่งห่ม ต่าง ๆ ที่ไม่ใช่ของภิกษุฯ

 บริขาร ๘ มีอะไรบ้าง ? ที่จัดเป็นบริขารบริโภคและบริขารอุปโภค มีอะไรบ้าง ?

เฉลย มี ไตรจีวร คือผ้านุ่งผ้าห่มและผ้าทาบบาตรประคดเอว  เข็ม มีดโกน
และผ้ากรองน ฯ้ำ

ไตรจีวร บาตร ประคดเอว รวม ๕ อย่าง จัดเป็นบริขารบริโภค

เข็ม มีดโกน และผ้ากรองน จัดเป็นบริขารอุปโภค้ำฯ

  ค ำว่า ถือนิสัย หมายความว่าอย่างไร ? ภิกษุผู้เป็นนวกะจะต้ เสมอไปหรือไม่ประการไร ?

เฉลย หมายความว่า ยอมตนอยู่ในความปกครองของพระเถระผู้มีคุณสมบั ควรปกครองตนได้ ยอมตนให้ท่านปกครองพึ่งพิงพ ำนักอาศัยท่านฯ ต้องถือนิสัยเสมอไปแต่มีข้อยกเว้นภิกษุผู้ยังไม่ตั้งลงเป็นหลักแหลคือ ภิกษุเดินทางภิกษุผู้เป็นไข้ภิกษุผู้พยาบาลผู้ได้รับขอของคนไข้เพื่ ภิกษุผู้เข้าป่าเพื่อเจริญสมณธรรมชั่วคราวและกรณีที่ในที่ใดหาท่านผู้ให้ นิสัยมิได้ และมีเหตุขัดข้องที่จะไปอยู่ในที่อื่นไม่ได้ จะอย ว่าเมื่อใดมีท่านผู้ให้นิสัยได้มาอยู่จักถือนิสัยในท่านก็ใช้ได้ฯ

  ภิกษุเมื่อจะนั่งลงบนอาสนะ ทรงให้ปฏิบัติอย่างไรก่อน ? ที่ท อย่างนั้นเพื่อประโยชน์อะไร ?

เฉลย  ทรงให้พิจารณาก่อย่าผลุนผลันนั่งลงไปฯ

เพื่อว่าถ้ามีของอะไรวางอยู่บนนั้น จะทับหรือกระทบของนั้น ถ้ ก็จะหก เสียมารยาท พึงตรวจดูด้วยนัยน์ตาหรือด้วยมือลูบก่อนตามแต่ จะรู้ได้ด้วยอย่างไรแล้วจึงค่อยนั่งลงฯ

  วันเข้าพรรษาในบาลีกล่าวไว้ ๒ วัน คือวันเข้าพรรษาต้น และวันเข้ หลัง ในแต่ละอย่างก ำหนดวันไว้อย่างไร ?

เฉลย วันเข้าพรรษาต้นก ำหนดเมื่อพระจันทร์เพ็ญเสวยฤกษ์อาสาฬหะล่วงไปแ
วันหนึ่งคือวันแรม๑ ค ่ำเดือน ๘
วันเข้าพรรษาหลังก หนดเมื่อพระจันทร์เพ็ญเสวยฤกษ์อาสาฬหะนัำ
ล่วงแล้วเดือน๑ คือ วันแรม ๑ ค ่ำเดือน ๙ ฯ

  ในวัดหนึ่ง มีภิกษุอยู่กัน ๔ รูป ๓ รูป ๒ รูป ๑ รูป เมื่อถ พึงปฏิบัติอย่างไร ?


เฉลย  มีภิกษุ๔ รูป พึงประชุมกันในโรงอุโบสถสวดปาติโมกข์

มีภิกษุ ๓ รูป พึงประชุมกันท ำปาริสุทธิอุโบสถ รูปหนึ่งสวดป จบแล้วแต่ละรูปพึงบอกความบริสุทธิ์ของตน

มีภิกษุ๒ รูป ไม่ต้องตั้งญัตติพึงบอกความบริสุทธิ์แก่กันและกัน มีภิกษุ๑ รูป พึงอธิษฐาน

หรือมีภิกษุต ๔่ำกว่ารูปจะไปท ำสังฆอุโบสถกับสงฆ์ในอาวาสอื่นก็ควรฯ

  ภิกษุได้ชื่อว่าผู้ประทุษร้ายสกุล กับภิกษุได้ชื่อว่าผู้ยังสกุ ความประพฤติต่างกันอย่างไร ?

เฉลย ต่างกันอย่างนี้ภิกษุผู้ประทุษร้ายสกุลเป็นผู้ประพฤติให้เขาเสียศรัทธา เลื่อมใสประจบเขาด้วยกิริยาท ำตนอย่างคฤหัสถ์ให้ของก ำนัลแก่สกุล อย่างคฤหัสถ์เขาทยอมตนให้เขาใช้สอย ำหรือด้วยอาการเอาเปรียบโดย เชิงให้สิ่งของเล็กน้อยด้วยหวังได้มากส่วนภิษุผู้ยังสกุลให้เลื่อมใสเป็น ผู้ถึงพร้อมด้วยอาจาระไม่ทอดตนเป็นคนสนิทของสกุลโดยฐานเป็นคนเลว ไม่รุกรานตัดรอนเขาแสดงเมตตาจิต ประพฤติพอดีพองามท ำให้เขา เลื่อมใสนับถือตนฯ

  ก่อนหน้าปรินิพพาน ตรัสสั่งภิกษุทั้งหลายให้แสดงความเคารพด้ว กันว่าอย่างไร ?


  ตรัสให้ภิกษุผู้อ่อนพรรษากว่าเรียกผู้แก่พรรษากว่าว่าภันเตและให้ภิกษุ ผู้แก่พรรษากว่าเรียกผู้อ่อนพรรษากว่าว่าอาวุโสฯ

๑๐. อนามัฏฐบิณฑบาต ได้แก่โภชนะเช่นไร?มีข้อห้ามตามพระวินัยไว้อย่างไร

เฉลย ได้แก่โภชนะที่ภิกษุได้มายังไม่ได้หยิบไว้ฉันฯ มีข้อห้ามไม่ให้ภิกษุให้แก่คฤหัสถ์อื่นนอกจากมารดาและบิดาฯ

*********