วันอาทิตย์ที่ 11 กรกฎาคม พ.ศ. 2564

วิชาวินัยบัญญัติ นักธรรมชันโท 2558


 


ปัญหาวิชาวินัยบัญญัติ นักธรรมชันโท
สอบในสนามหลวง

วันอังจันทร์ที่๓๐พฤศจิกายนพุทธศักราช๒๕๕๘ 
๑.    ภิกษุผู้ปฏิบัติพระวินัยส่วนอภิสมาจารให้ดีงาม  จะต้องปฏิบัติอย่างไร ?

เฉลย    ต ้องปฏิบัติโดยสายกลาง คือไม่ถือเคร่งครัดอย่างงมงาย จนเป็ นเหตุท าต

ล    าบากเพราะเหตุธรรมเนียมเล็กๆ น้อยๆ อันขัดต่อกาลเทศะ และไม่สะเพร่ามั ง่าย ละเลยต่อธรรมเนียมของภิกษุ จนถึงท าตนให ้เป็นคนเลวทราม ฯ

๒.   ภิกษุผู้ละเมิดสิกขาบทนอกพระปาติโมกข์ ต้องอาบัติอะไรได้บ้าง ? เฉลย ต ้องอาบัติถุลลัจจัย และ ทุกกฏ ฯ

๓.   ผ้าสาหรับทาจีวรนุ่งห่มนั้น ทรงอนุญาตไว้กี่ชนิด ? อะไรบ้าง ? เฉลย ๖ ชนิด ฯ คือ

๑. โขมะ ผ ้าท าด ้วยเปลือกไม ้ ๒. กัปปาสิกะ ผ ้าท าด ้วยฝ้ าย ๓. โกเสยยะ ผ ้าท าด ้วยใยไหม

๔.  กัมพละ ผ ้าท าด ้วยขนสัตว์ ยกเว ้นผมและขนมนุษย์

๕.  สาณะ ผ ้าท าด ้วยเปลือกป่าน
๖.  ภังคะ ผ ้าที่ท าด ้วยของ๕อย่างนั้น แต่อย่างใดอย่างหนึ่งปนกัน ฯ
๔.   ในบาลีแสดงเหตุนิสสัยระงับจากอุปัชฌายะไว้๕ประการ   มีอะไรบ้าง ?

เฉลย มีอุปัชฌายะหลีกไปเสีย๑ สึกเสีย๑ ตายเสีย๑ ไปเข ้ารีตเดียรถีย์เสีย๑ สั่งบังคับ๑ฯ

 ๕.    ภิกษุผู้อาพาธควรปฏิบัติตนอย่างไร  จึงไม่เป็ นภาระแก่ผู้พยาบาล ?

เฉลย   ควรปฏิบัติตนให ้เป็นผู ้พยาบาลง่ายคือทาความสบายให ้แก่ตน(ไม่ฉันของแสลง)

รู ้จักประมาณในการบริโภค ฉันยาง่ายบอกอาการไข ้ตามเป็นจริงแก่ผู ้พยาบาล เป็นผู ้อดทนต่อทุกขเวทนา ฯ

๖.    การลุกยืนขึ้นรับ เป็นกิจที่ผู้น้อยพึงทาแก่ผู้ใหญ่จะปฏิบัติอย่างไรจึงไม่ขัดต่อพระวินัย ? เฉลย นั่งอยู่ในส านักผู ้ใหญ่ ไม่ลุกรับผูนั่งเข้น้อยกว่าท่านถวในบ้าแ้าน เข ้าประชุมสงฆ์

ในอาราม ไม่ลุกรับท่านผู ้ใดผู ้หนึ่ง ฯ

๗. ธุระเป็ นเหตุไปด้วยสัตตาหกรณียะที่ท่านกล่าวไว้ในบาลี มีอะไรบ้าง ? เฉลย มี

๑.
สหธรรมิกหรือมารดาบิดาเจ็บไข ้
รู ้เข ้า  ไปเพื่อรักษาพยาบาล
๒.
สหธรรมิกกระสันจะสึก
รู ้เข ้า
ไปเพื่อระงับ
๓.
มีกิจสงฆ์เกิดขึ้ น
เป็ นต ้นว่า วิหารช ารุดลงในเวลานั้นอหาเครื่องไปเพื่

ทัพพสัมภาระมาปฏิสังขรณ์

๔.
ทายกต ้องการจะบ าเพ็ญกุศล ส่งมานิมนต์ ไปเพื่อบ ารุงศรัทธาของเ

หรือแมธุระอื่นนอกจากนี้ ที่เป็นกิจลักษณะ อนุโลมตามนี้ ฯ

๘.   บุพพกรณ์และบุพพกิจ ในการท าอุโบสถสวดปาติโมกข์  ต่างกันอย่างไร ?

เฉลย ต่างกันอย่างนี้ บุพพกรณ์เป็นกิจที่ภิกษุพึงท าก่อนแต่ประชุมสงฆ์ มีกวาดบริเ ที่ประชุมเป็ นต ้น ส่วนบุพพกิจเป็ นกิจที่ภิกษุ พึงท าก่อนแต่สวดป มีน าปาริสุทธิของภิกษุผู ้อาพาธมาเป็นต ้น ฯ


  
๙.    อุปปถกิริยา  คืออะไร ?   มีกี่อย่าง ?   อะไรบ้าง ?

เฉลย คือการท านอกรีตนอกรอยของสมณะ ฯ ๓มีอย่าง ฯ คืออนาจาร ได ้แก่ความ ประพฤติไม่ดีไม่งาม ปาปสมาจาร ได ้แก่ความประพฤติเลวทราม และอเนสนา ได ้แก่ความหาเลี้ยงชีพไม่สมควร ฯ

๑๐.  มหาปเทส แปลว่าอะไร ?   ทรงประทานไว้เพือประโยชน์อะไร่ ?

เฉลย       แปลว่า ข ้อส าหรับอ ้างใหญ่ ฯ เพื่อเป็ นหลักแห่งการวินิจฉัยทั้งในทางธ ในทางวินัย ฯ


วิชาวินัยบัญญัติ นักธรรมชันโท 2559





ปัญหาวิชาวินัยบัญญัติ นักธรรมชันโท


สอบในสนามหลวง


วันเสาร์ที๑๙ พฤศจิกายน พุทธศักราช๒๕๕๙ 

๑.            อภิสมาจารคืออะไร? ภิกษุผู้ไม่เอื อเฟื อในอภิสมาจารมีโทษอย่างไรบ้าง ? ตอบ คือธรรมเนียมของภิกษุ ฯ


มีโทษปรับอาบัติถุลลัจจัยเป็นอย่างสูง แต่มีน้อย ส่วนมากปรับอาบัติทุกกฏเป็นพื น


๒.   ในกายบริหาร มีข้อปฏิบัติเกี วกับหนวดและคิย วไว้อย่างไร ?

ตอบ   เกี ยวกับหนวด มีข ้อปฏิบัติไว้ว่า อย่าพึงไว ้หนวดไว ้เครา คือต้องโกนเสมอ ห้ามไม่ให้แ

และห้ามไม่ให้ตัดหนวดด้วยกรรไกร

เกี ยวกับคิ ว ไม่ได้วางหลักปฏิบัติไว้ แต่พระสงฆ์ไทยนิยมโกนพร้อมกับผม ฯ


๓.           สังฆาฏิ บาตร ประคตเอว เข็ม มีดโกน อย่างไหนจัดเป็ นบริขารบริโภค อย่างไหนจัดเป็ น บริขาร อุปโภค?


ตอบ   สังฆาฏิ บาตร ประคตเอว จัดเป็นบริขารบริโภค เข็ม มีดโกน จัดเป็นบริขารอุปโภค ฯ


๔.           นิสัยระงับ กับ นิสัยมุตตกะ มีอธิบายอย่างไร?


ตอบ   นิสัยระงับ หมายถึงการทีถือนิสัยขาดจากปกครอง ภิกษุผู้ เช่น อุปัชฌาย์มรณภาพ เป็นต้น นิสัยมุตตกะ หมายถึงภิกษุผู ด้พรรษา้ไ๕ แล ้ว และมีคุณสมบัติพอรักษาตนได้เมื ออยู่ตามลําพ ทรงพระอนุญาตให้พ้นจากนิสัย ฯ

๕.           วัตรคืออะไร? อุปัชฌายวัตรและสัทธิวิหาริกวัตร ใครพึงทําแก่ใคร? ตอบ คือ แบบอย่างอันดีงามที ภิกษุควรประพฤติในกาลนั น ๆ ฯ


อุปัชฌายวัตร สัทธิวิหาริกพึงทําแก่อุปัชฌาย์ สัทธิวิหาริกวัตร อุปัชฌาย์พึงทําแก่สัทธิวิหาริก ฯ


๖.            ภิกษุได้ชื อว่า“กุลปสาทโก ผู้ยังตระกูลให้เลือมใส”  เพราะมีปฏิปทาอย่างไร?

ตอบ    เพราะมีปฏิปทาอย่างนี  คือเป็นผู ้ถึงพร้อมด้วยอาจาระ ไม่ทอดตนเป็นคนสนิทของสกุล โดยฐานเป็นคนเลว และอีกอย่างหนึ ง ไม่รุกรานตัดรอนเขา แสดงเมตตาจิตต่อเขา ประพฤติพอดีพองาม ยังความเลื อมใสนับถือของเขาให้เกิดในตน ฯ


๗.           ภิกษุอยู่จําพรรษาแล้ว มีเหตุไปที น ือ ผูกใจจะกลับมาให้ทันในวันนั น แต่กลับมาไม่ทัน เช่นนี พรรษา ขาดหรือไม่? เพราะเหตุใด?


ตอบ    ถ้าไปด้วยธุระที ทรงอนุญาตให้ไปด้วยสัตตาหกรณียะ พรรษาไม่ขาด เพราะยังอยู่ใน พระพุทธานุญาตนั นเอง ทั งจิตคิดจะกลับก็มีอยู่ ถ้าไปด้วยมิใช่ธุระที เป็นสัตตาหก พรรษาขาด ฯ  

๘.           สงฆ์สวดปาฏิโมกข์อยู่ภิกษุอืนมาถึง  หรือมาถึงเมื อสวดจบแล้ว พึงปฏิบัติอย่างไร ?

ตอบ   พึงปฏิบัติอย่างนี  คือ ถ้าภิกษุมาใหม่มากกว่า ภิกษุที ประชุมกันอยู่ ต้องสวดตั น้อยกว่า ส่วนที สวดไปแล ้วก็แล ้วไป ให้ภิกษุที มาใหม่ฟังส่วนที ยังเหลืออยู่ มากกว่าหรือน้อยกว่าต้องสวดซํก็ไม่ าอีก ให้ภิกษุที มาใหม่บอกปาริสุทธิในสํานักภิกษุ แล ้ว ฯ

 ๙.            อนาจาร หมายถึงอะไร? เล่นอย่างไรบ้าง จัดเป็ นอนาจาร?

ตอบ   อนาจาร หมายถึง ความประพฤติไม่ดีไม่งาม และการเล่นมีประการต่าง ๆ ฯ

เล่นอย่างเด็ก เล่นคะนอง เล่นพนัน เล่นปู้ยีนอึงคะนึง ปู้ยําจัดเป็นอนาจารเล่ ฯ

๑๐.    ภัณฑะของภิกษุผู้มรณภาพ จะตกเป็ นของใคร? ภิกษุผู้อุปัฏฐากจะถือเอาด้วยวิสาสะได้หรือไม่?จงอธิบาย

ตอบ    ตกเป็นของสงฆ์ ฯ

ไม่ได้ เพราะการจะถือเอาด้วยวิสาสะ ต้องถือเอาในเวลาที เจ้าของภัณฑะยังมีชีวิตอยู่ ฯ




ให้เวลา๓ ชั วโมง

 

วิชาวินัยบัญญํติ นักธรรมชั้นโท 2560


 



ปัญหาและเฉลยวิชาวินัยบัญญัติ นักธรรมชั้นโท สอบในสนามหลวง
วันพุธ ที่๘พฤศจิกายนพุทธศักราช๒๕๖๐ 

๑.               สิกขาบทนอกพระปาฏิโมกข์เรียกว่าอะไร?ทรงบัญญัติไว้ เพื่อประโยชน์อะไร?
ตอบ  เรียกว่า อภิสมาจาร ฯ
ทรงบัญญัติไว้เพื่อความเป็นระเบียบเรียบร้อยของภิกษุ และเพื
ของพระศาสนา เช่นเดียวกับตระกูลใหญ่ จ าต้องมีขนบธรรมเนียม
และระเบียบไว้รักษาเกียรติ และความเป็นผู้ดีของตระกูล ฯ 
๒.              ภิกษุเช่นไรควรได้นิสัยมุตตกะ?
ตอบ  ภิกษุผู้ควรได้นิสัยมุตตกะ คือ
๑. เป็นผู้มีศรัทธา หิริ โอตตัปปะ วิริยะ สติ

๒.   เป็นผู้ถึงพร้อมด้วยศีล อาจาระ ความเห็นชอบ เคยได้ยิน ได้ฟังมามาก มีปัญญา

๓.  รู้จักอาบัติ มิใช่อาบัติ อาบัติเบา อาบัติหนัก จ าพระป แม่นย า ทั้งมีพรรษาพ้น๕ฯ

๓.             ภิกษุเช่นไร ชื่อว่า นวกะ มัชฌิมะ? เถระ ตอบ ภิกษุมีพรรษาไม่ถึง๕ชื่อว่า นวกะ

ภิกษุมีพรรษาตั้งแต่๕ขึ้นไป แต่ยังไม่ถึง๑๐ต้องประกอบด้วยคุณธรรม ตามพระวินัยชื่อว่า มัชฌิมะ ภิกษุมีพรรษาตั้งแต่๑๐ขึ้นไป ต้องประกอบด้วยคุณธรรมตามพระวินัย ชื่อว่า เถระ ฯ 
  
๔.             ภิกษุผู้จะไปสู่อาวาสอื่น พึงปฏิบัติตนอย่างไรบ้าง?ให้ตอบมา๓ข้อ ตอบ พึงปฏิบัติตนอย่างนี้
๑.   ท าความเคารพในเจ้าของถิ่น
๒. แสดงความเกรงใจเจ้าของถิ่น

๓.  แสดงอาการสุภาพต่อเจ้าของถิ่น ๔. แสดงอาการสนิทสนมกับเจ้าของถิ่น

๕. ถ้าจะอยู่ที่นั่น ควรประพฤติให้ถูกธรรมเนียมของเจ้าของถ

๖.   ถือเสนาสนะแล้วอย่าดูดาย เอาใจใส่ปัดกวาดให้สะอาดหมดจด ตั้งเครื่องเสนาสนะให้เป็นระเบียบ ฯ

๕.              เมื่ออยู่ในกุฎีเดียวกันกับพระเถระผู้มีพรรษามากกว่า ต
ท่านให้ปฏิบัติอย่างไร?

ตอบ   ให้ปฏิบัติอย่างนี้ คือ จะท าสิ่งใด ๆ ควรขออนุญาตท่านก่อ จะสอนธรรม จะอธิบายความ จะสาธยาย จะแสดงธรรม จะเปิดจะปิดไฟ จะเปิดจะปิดประตูหน้าต่าง ห้ามมิให้ท าตามอ าเภอใจ ฯ

๖.               ธุระเป็นเหตุให้ไปค้างแรมที่อื่นด้วยสัตตาหกรณียะไว้ในบาลีที่กล่าว มีกี่อย่าง ? อะไรบ้าง ?
ตอบ  มี๔ อย่าง ฯ คือ

๑.   สหธรรมิกหรือมารดาบิดาเจ็บไข้ รู้เข้าแล้วไปเพื่อพยาบาล ๒. สหธรรมิกกระสันจะสึก รู้เข้าแล้วไปเพื่อระงับ ๓. มีกิจสงฆ์เกิดขึ้น เช่น วิหารช ารุด ไปเพื่อหาเครื่องทัพ

มาซ่อมแซม ๔. ทายกต้องการจะท าบุญ ส่งคนมานิมนต์ ไปเพื่อบ ารุงศรัทธ
แม้กิจอื่นที่อนุโลมตามนี้ ท่านก็อนุญาต ฯ

๗.             ก าลังสวดพระปาฏิโมกข์อยู่ มีภิกษุอื่นเข้ามา จะพึงปฏิบั?

ตอบ    ปฏิบัติอย่างนี้ คือ ถ้าภิกษุผู้เข้ามาใหม่มีจ านวนมากกว่า ต ตั้งแต่ต้น ถ้ามีจ านวนเท่ากันหรือน้อยกว่า ส่วนที่สวดไปแล สวดแล้วให้เธอผู้มาใหม่ฟังส่วนที่ยังเหลือต่อไป ฯ 
๘.              อเนสนาได้แก่อะไร?มีอะไรบ้าง?

ตอบ    อเนสนา ได้แก่ กิริยาแสวงหาเลี้ยงชีพในทางไม่สมควร ฯ มี๒ อย่าง คือ
๑. การแสวงหาเป็นโลกวัชชะ มีโทษทางโลก
๒.  การแสวงหาเป็นปัณณัตติวัชชะมีโทษทางพระบัญญัติ ฯ 
๙.              ภัตตุทเทสกะ จีวรภาชกะ และอัปปมัตตกวิสัชชกะ หมายถึงภิกษ ผู้มีหน้าที่อะไร?
ตอบ  ภัตตุทเทสกะ หมายถึง ภิกษุผู้มีหน้าที่แจกภัตตาหาร ตลอดถึง
ของทายกแล้วจัดส่งพระไปให้

จีวรภาชกะ หมายถึง ภิกษุผู้มีหน้าที่แจกจีวร อัปปมัตตกวิสัชชกะ หมายถึง ภิกษุผู้มีหน้าที่แจกเภสัชและบ เล็กน้อย ฯ 
๑๐.     ภิกษุผู้ได้ชื่อว่า โคจรสัมปันโน ผู้ถึงพร้อมด้วยโคจร เพราะปฏิ อย่างไร? 

ตอบ    เพราะเว้นอโคจร๖ จะไปหาใครหรือจะไปที่ไหน เลือกบุคคล เลือกสถานอันสมควรไปเป็นกิจลักษณะในเวลาอันควร ไม่ไปพร่ าเพรื กลับในเวลา ประพฤติตนไม่ให้เป็นที่รังเกียจของเพื่อนสหธรรมิก





ให้เวลา๓ ชั่วโมง