วันเสาร์ที่ 10 กรกฎาคม พ.ศ. 2564

วิชาอนุพุทธประวัติ นักธรรมชั้นโท 2549

 วิชาอนุพุทธประวัติ นักธรรมชั้นโท 2549


ปัญหาและเฉลยวิชาอนุพุทธประวัติ  นักธรรมชั้นโท

สอบในสนามหลวง

วันเสาร์ ที่ ๑๖ ธันวาคม พ.ศ. ๒๕๔๙


   ๑.  อนุพุทธบุคคล คือใคร ? ท่านเหล่านั้นมีความสำคัญต่อพระศาสดา

        อย่างไร ?

   ๑.  คือ สาวกผู้ตรัสรู้ตามพระพุทธเจ้า ฯ

        มีความสำคัญอย่างนี้ แม้พระศาสดาได้ตรัสรู้และทรงแสดงธรรม แต่เมื่อ

        ขาดผู้รู้ธรรมและรับปฏิบัติ ความตรัสรู้ของพระองค์ก็ไม่สำเร็จประโยชน์ ฯ

  ๒.  พระอัญญาโกณฑัญญะ  ใคร่ครวญดูตามประวัติ ความเชื่อถือของท่าน

        หนักไปทางไหน ในตำราทายลักษณะหรือในอัตตกิลมถานุโยคปฏิบัติ ?

        ขอฟังเหตุผล

  ๒.  เห็นว่าหนักไปในอัตตกิลมถานุโยคปฏิบัติ เหตุผลคือ เดิมท่านเชื่อตำรา

        แน่ใจ จึงบวชตามและเฝ้าอุปัฏฐาก ครั้นเห็นทรงเลิกทุกรกิริยา ก็สิ้นหวัง

        นี่ก็เพราะเชื่อมั่นในอัตตกิลมถานุโยคปฏิบัติว่า เลิกเสียเป็นอันไม่สำเร็จ

        เมื่อพระองค์ตรัสบอกว่า สำเร็จแล้ว ก็คัดค้านไม่เชื่อถือ อาการที่คัดค้าน

        และพูดถ้อยคำที่แสดงอคารวะนั้น เป็นเครื่องยืนยันความเห็นดังกล่าว ฯ

  ๓.  พระยสะมีมารดาบิดาตั้งภูมิลำเนาอยู่ที่ไหน ?  ออกบวชเพราะเหตุไร ?

  ๓.  อยู่ที่เมืองพาราณสี ใกล้ป่าอิสิปตนมฤคทายวัน ฯ

        เพราะมีความเบื่อหน่ายในการครองฆราวาส เนื่องจากได้เห็นอาการของ

        พวกชนบริวารอันวิปริตไปโดยอาการต่างๆ ไม่เป็นที่ตั้งแห่งการยังจิตให้


        เพลิดเพลิน จึงได้เดินออกจากเรือนไปพบพระพุทธองค์ได้ฟังพระธรรมเทศนา

        จนบรรลุเป็นพระอรหันต์ จึงได้ออกบวช ฯ

   ๔.  ความเป็นผู้มีบริวารมาก  เป็นผลมาจากอะไร ?  และดีอย่างไร ? 

        พระสาวกองค์ใดได้รับการยกย่องว่าเลิศในทางนี้ ?

   ๔.  เป็นผลมาจากความรู้จักเอาใจบริษัท รู้จักสงเคราะห์ด้วยอามิสบ้าง

        ด้วยธรรมบ้าง ฯ

        ดีอย่างนี้คือ ภิกษุผู้ประกอบด้วยคุณสมบัติเห็นปานนี้ ย่อมเป็นผู้อัน

        บริษัทรักใคร่นับถือ สามารถควบคุมบริษัทไว้อยู่ เป็นผู้อันจะพึงปรารถนา

        ในสาวกมณฑล ฯ

        พระอุรุเวลกัสสปะ ฯ

   ๕.  เมื่อเอ่ยถึง  พระสารีบุตร ทำให้นึกถึงพระสาวกอีกองค์หนึ่ง คือใคร ?

        ท่านได้บรรลุพระอรหัตและนิพพานที่ไหน ? ก่อนหรือหลังพระสารีบุตร

        กี่วัน ?

   ๕. คือพระโมคคัลลานะ ฯ

        ท่านได้บรรลุพระอรหัตที่บ้านกัลลวาลมุตตคาม แขวงมคธ ก่อนพระ       

        สารีบุตร ๘ วัน และนิพพานที่ตำบลกาฬศิลา แขวงมคธ หลังพระสารีบุตร

        ๑๕ วัน ฯ

   ๖.  พระสาวกผู้ปรารภเหตุว่า “ผู้อยู่ครองเรือนต้องคอยนั่งรับบาป เพราะ

        การงานที่ผู้อื่นทำไม่ดี” แล้วมีใจเบื่อหน่ายสละทรัพย์สมบัติออกบวช

        คือใคร ?  ท่านได้รับยกย่องจากพระศาสดาว่า  เป็นผู้เลิศในทางไหน ?

        เพราะเหตุใด ?

   ๖. คือ พระมหากัสสปะ ฯ

        ท่านได้รับยกย่องจากพระศาสดาว่า เป็นผู้เลิศในทางถือธุดงค์ เพราะ

        ท่านถือธุดงค์ ๓ อย่างเป็นประจำ คือ ทรงผ้าบังสุกุลจีวรเป็นวัตร ๑

        เที่ยวบิณฑบาตเป็นวัตร ๑ อยู่ป่าเป็นวัตร ๑ ฯ

  ๗.  พระสาวก ผู้อธิบายภัทเทกรัตตสูตรที่ทรงแสดงโดยย่อให้พิสดาร คือ

        ใคร ?  ท่านได้รับการสรรเสริญจากพระศาสดาว่าอย่างไร ?

  ๗.  คือ พระมหากัจจายนะ ฯ  

        ท่านได้รับสรรเสริญจากพระศาสดาว่า เป็นผู้ฉลาดในการอธิบายคำที่ย่อ

        ให้พิสดาร ฯ

ศาสนพิธี

  ๘.  ศาสนพิธี คืออะไร ?  การศึกษาศาสนพิธีให้เข้าใจ มีประโยชน์อย่างไร ?

  ๘.  คือ พิธีทางศาสนา ฯ

        มีประโยชน์คือ

             ๑. ทำให้เข้าใจเรื่องของศาสนพิธีได้โดยถูกต้อง

             ๒. ให้เห็นเป็นเรื่องสำคัญไม่ไร้สาระ

             ๓. ทำให้ปฏิบัติได้ถูกต้อง ไม่ผิดเพี้ยนจากขนบธรรมเนียมประเพณี ฯ

  ๙.  การทำวัตร  คืออะไร ?  ทำวัตรสวดมนต์  เพื่อความมุ่งหมายใด ?

  ๙.  คือ การทำกิจวัตรของภิกษุสามเณรและอุบาสกอุบาสิกา เป็นการทำกิจ                ที่ต้องทำประจำจนเป็นวัตร-ปฏิบัติ เรียกสั้นๆ ว่า ทำวัตร ฯ

        ความมุ่งหมายของการทำวัตรสวดมนต์นี้ บัณฑิตถือว่าเป็นอุบายสงบจิต

        ไม่ให้คิดวุ่นวายตามอารมณ์ได้ชั่วขณะที่ทำ เมื่อทำประจำวันละ ๒ เวลา

        ทั้งเช้าเย็นครั้งละครึ่งชั่วโมง หรือ ๑ ชั่วโมงเป็นอย่างน้อย ก็เท่ากับได้

        ใช้เวลาสงบจิตได้วันละไม่ต่ำกว่า ๑ ใน ๒๔ ชั่วโมง ฯ

๑๐.  ในวันอุโบสถ พระธรรมกถึกให้ศีล ๘ เป็นอุโบสถศีล แต่มีผู้ศรัทธาจะ

        รักษาเพียงศีล ๕ เท่านั้น  พึงปฏิบัติอย่างไร ?

๑๐.  พึงปฏิบัติอย่างนี้ สมาทานเพียง ๕ ข้อ ในระหว่างข้อที่ ๓ ซึ่ง

        พระธรรมกถึกให้ด้วยบทว่า อพฺรหฺมจริยา ... พึงรับสมาทานว่า กาเมสุ

        มิจฺฉาจารา... และรับต่อไปจนครบ ๕ ข้อเมื่อครบแล้วก็กราบ ๓ ครั้ง

        ลดลงนั่งราบไม่ต้องรับต่อไป ฯ


*********

วิชาอนุพุทธประวัติ นักธรรมชั้นโท 2550

 วิชาอนุพุทธประวัติ นักธรรมชั้นโท 2550


ปัญหาและเฉลยวิชาอนุพุทธประวัติ  นักธรรมชั้นโท

สอบในสนามหลวง

วันพุธ ที่ ๒๘ พฤศจิกายน พ.ศ. ๒๕๕๐

๑.     สัมมาสัมพุทธะ  ปัจเจกพุทธะ  และอนุพุทธะ  ต่างกันอย่างไร ?  

การเรียนอนุพุทธประวัติสำเร็จประโยชน์อย่างไร ?

๑.     สัมมาสัมพุทธะ  ตรัสรู้เองโดยชอบ  และสอนผู้อื่นให้รู้ตามได้ด้วย 

ปัจเจกพุทธะ  ตรัสรู้เฉพาะตน  แต่ไม่สามารถสอนผู้อื่นให้รู้ตามได้

อนุพุทธะ  ตรัสรู้ตาม  คือมีพระพุทธเจ้าสั่งสอนจึงรู้ตามได้  และสามารถสอนผู้อื่นให้กระทำตามด้วย ฯ

        เพื่อจะได้ทราบความเป็นไปและปฏิปทาของท่าน  ที่ได้ช่วยประกาศพระศาสนาในที่นั้น ๆ  จนเป็นเหตุเจริญแพร่หลายและมั่นคง  แล้วจักได้ถือเป็นทิฏฐานุคติ  บำเพ็ญประโยชน์ตนและประโยชน์ท่านโดยควรแก่ฐานะของตน  ทั้งให้สำเร็จเป็นสังฆานุสติมั่นคงอีกด้วย ฯ

๒.    พระอัญญาโกณฑัญญะ  ชื่อเดิมว่าอะไร ?   เกิดที่ไหน ?   เรียนจบอะไร ?   ทำไมจึงได้ชื่ออัญญาโกณฑัญญะ ?

๒.    ชื่อเดิมว่าโกณฑัญญะ ฯ

เกิดที่บ้านพราหมณ์ชื่อโทณวัตถุ อยู่ไม่ห่างจากกรุงกบิลพัสดุ์ ฯ

เรียนจบไตรเพทและรู้ตำราทำนายลักษณะ ฯ

เพราะอาศัยพระอุทานว่า อญฺญาสิ ที่แปลว่า ได้รู้แล้ว  ที่พระผู้มี    พระภาคเจ้าทรงเปล่งเมื่อท่านโกณฑัญญะได้ดวงตาเห็นธรรม ฯ

๓.     เศรษฐีบิดาพระยสะออกติดตามหาพระยสะให้กลับบ้าน  แต่เหตุไฉนเมื่อพบแล้วจึงมิได้นำกลับไปตามความประสงค์เดิม ?

๓.     เพราะได้ทราบว่า  พระยสะบรรลุเป็นพระอรหันต์แล้ว  ไม่ควรเพื่อจะกลับไปครองเรือนอีกต่อไป  ควรจะออกบวชเป็นพระภิกษุ ฯ

๔.     พระอุรุเวลกัสสปะบวชเป็นพระภิกษุในพระพุทธศาสนา เพราะเหตุใด ?   พระพุทธองค์ทรงพาท่านไปกรุงราชคฤห์ด้วย  เพราะทรงมีพุทธประสงค์อย่างไร ?

๔.     พระอุรุเวลกัสสปะเห็นอภินิหารของพระพุทธองค์หลายประการ จนถอนทิฏฐิมานะของตน  เห็นว่าลัทธิของตนหาแก่นสารมิได้  และตนก็มิได้เป็นผู้วิเศษ  ได้ความสลดใจ  จึงทูลขออุปสมบท ฯ

ทรงมีพุทธประสงค์จะปลูกศรัทธาแก่มหาชน เพราะท่านเป็นที่นับถือของมหาชนมานาน ฯ

๕.     พรข้อว่า  ถ้าจักไม่โปรดให้ข้าพระองค์อยู่ในที่ประทับของพระองค์   และข้อว่า  ถ้าพระองค์จะเสด็จไปสู่ที่นิมนต์ที่ข้าพระองค์รับไว้ 

พระอานนท์ทูลขอเพื่อประโยชน์อะไร ?

๕.     ข้อต้น  เพื่อป้องกันคำติเตียนว่า  พระอานนท์บำรุงพระศาสดาเพราะเห็นแก่ลาภ

ข้อหลัง  เพื่อป้องกันคนกล่าวว่า  พระอานนท์บำรุงพระศาสดาไปทำอะไร  เพราะพระองค์ไม่ทรงอนุเคราะห์แม้ด้วยกิจเท่านี้ ฯ



๖.     ธรรมุทเทศ  มีอะไรบ้าง ?   ใครแสดงแก่ใคร ?

๖.     มี 

๑. โลกคือหมู่สัตว์  อันชรานำเข้าไปใกล้  ไม่ยั่งยืน

๒. โลกคือหมู่สัตว์  ไม่มีผู้ป้องกัน  ไม่เป็นใหญ่จำเพาะตน

๓. โลกคือหมู่สัตว์  ไม่มีอะไรเป็นของ ๆ ตน  จำต้องละทิ้งสิ่งทั้งปวงไป

๔. โลกคือหมู่สัตว์ พร่องอยู่เป็นนิตย์  ไม่รู้จักอิ่ม เป็นทาสแห่งตัณหา ฯ

พระรัฐบาลแสดงถวายพระเจ้าโกรัพยะ ฯ

๗.    พระโมฆราชทูลถามปัญหาพระพุทธองค์เป็นคนที่เท่าไร ? เพราะเหตุไร ?

๗.    เป็นคนที่ ๑๕ ฯ  เพราะครั้งแรกเห็นว่าท่านอชิตมาณพเป็นผู้ใหญ่กว่าจึงยอมให้ถามก่อน  แต่เมื่อปรารภจะทูลถามเป็นคนที่ ๒ และคนที่ ๙  ถูกพระพุทธองค์ทรงห้ามไว้ให้รอก่อน  จึงได้โอกาสทูลถามเป็นคนที่ ๑๕ ฯ

๘.     ในอสีติมหาสาวก  มีองค์ไหนบ้างมีความสัมพันธ์เป็นศิษย์และอาจารย์กัน ?  จงบอกมาสัก ๒ คู่

๘.     (ตอบเพียง ๒ คู่)

พระอัญญาโกณฑัญญะกับพระปุณณมันตานีบุตร

        พระอัสสชิกับพระสารีบุตร

พระสารีบุตรกับพระราธะ

พระสารีบุตรกับพระราหุล

พระมหากัจจายนะกับพระโสณกุฏิกัณณะ ฯ




ศาสนพิธี

๙.     วันเทโวโรหณะ  คือวันอะไร ?   เนื่องด้วยวันนั้น  มีบุญพิธีอะไรที่ทำกันมาจนถึงบัดนี้ ?

๙.     คือ  วันที่พระพุทธเจ้าเสด็จลงจากเทวโลก  หลังจากที่เสด็จขึ้นไป      จำพรรษาในดาวดึงสพิภพถ้วนไตรมาส  โบราณเรียกอีกอย่างหนึ่งว่า     วันพระเจ้าเปิดโลก ตรงกับวันขึ้น ๑๕ ค่ำ เดือน ๑๑ ฯ

มีการทำบุญตักบาตรแด่พระพุทธเจ้าพร้อมทั้งพระสงฆ์ในวันรุ่งขึ้น    จนเป็นประเพณีทำบุญตักบาตรที่เรียกว่าตักบาตรเทโวโรหณะ มาจนถึงปัจจุบันนี้ ฯ

๑๐.   บังสุกุลเป็น  คืออะไร ?  คาถาที่ใช้บังสุกุลเป็น  ว่าอย่างไร ?

๑๐.   บังสุกุลเป็น   คือบุญกิริยาที่เจ้าภาพประสงค์จะบริจาควัตถุเนื่องด้วยกายของตน  โดยเฉพาะผ้าอุทิศสงฆ์ให้เป็นผ้าบังสุกุล  ปกตินิยมทำเมื่อป่วยหนัก  เป็นการกำหนดมรณานุสสติวิธีหนึ่ง ฯ

        ว่า         อจิรํ วตยํ กาโย          ปฐวึ อธิเสสฺสติ

                  ฉุฑฺโฑ อเปตวิญฺญาโณ  นิรตฺถํว กลิงฺครํ ฯ

***********

วิชาอนุพุทธประวัติ นักธรรมชั้นโท 2551

 วิชาอนุพุทธประวัติ นักธรรมชั้นโท 2551


ปัญหาและเฉลยวิชาอนุพุทธประวัติ  นักธรรมชั้นโท

สอบในสนามหลวง

วันอาทิตย์ ที่ ๒๓ พฤศจิกายน พ.ศ. ๒๕๕๑ 

๑.       พุทธบุคคล มีกี่ประเภท ?   อะไรบ้าง ?

๑.       มี ๓ ประเภท ฯ   คือ ๑. พระสัมมาสัมพุทธะ  ๒. พระปัจเจกพุทธะ 

๓. พระอนุพุทธะ ฯ

๒.      ปัญจวัคคีย์ทั้ง ๕ ท่าน ได้ดวงตาเห็นธรรมก่อนหลังกันอย่างไร ?

๒.      ท่านโกณฑัญญะ ได้ดวงตาเห็นธรรมเป็นองค์แรก ต่อมาท่านวัปปะและท่านภัททิยะจึงได้   และต่อมาท่านมหานามะและท่านอัสสชิจึงได้ตามลำดับ ฯ

๓.       พระสาวกผู้สำเร็จเป็นพระอริยบุคคลเพราะฟังธรรมเทศนาเรื่องเดียวซ้ำ ๒ ครั้ง  คือใคร ?   ธรรมเทศนาเรื่องอะไร ?

๓.       คือ พระยสะ ฯ  เรื่อง อนุปุพพีกถาและอริยสัจ ๔ ฯ

๔.       อนัตตลักขณสูตร และ อาทิตตปริยายสูตร  ว่าด้วยเรื่องอะไร ?  

ทรงแสดงแก่ใคร ?

๔.       อนัตตลักขณสูตร ว่าด้วยเรื่อง ขันธ์ ๕ คือ รูป เวทนา สัญญา สังขาร วิญญาณ เป็นอนัตตา  ทรงแสดงแก่พระปัญจวัคคีย์

อาทิตตปริยายสูตร ว่าด้วยเรื่อง สิ่งทั้งปวงเป็นของร้อน  ร้อนเพราะไฟคือราคะโทสะโมหะ ฯ

ทรงแสดงแก่ชฎิล ๓ พี่น้อง พร้อมด้วยบริวาร ๑,๐๐๐ คน ฯ

๕.       อุปติสสปริพาชกเลื่อมใสในพระพุทธศาสนาเพราะได้ฟังธรรมจากใคร ? 

มีใจความว่าอย่างไร ?

๕.       จากพระอัสสชิ ฯ   มีใจความว่า  พระศาสดาทรงแสดงความเกิดแห่งธรรมทั้งหลาย เพราะเป็นไปแห่งเหตุ  และความดับแห่งธรรมเหล่านั้น เพราะดับแห่งเหตุ  พระศาสดาตรัสอย่างนี้ ฯ

๖.       พระมหากัสสปเถระเป็นประธานในการทำสังคายนาครั้งแรกที่ไหน ?  

ใช้เวลานานเท่าไร ?

๖.       ที่ถ้ำสัตตบัณณคูหา เวภารบรรพต กรุงราชคฤห์ ฯ ใช้เวลา ๗ เดือน ฯ

๗.      การบวชของพระมหากัจจายนะ มีความเป็นมาอย่างไร ?

๗.      มีความเป็นมาอย่างนี้ ท่านได้รับมอบหมายจากพระเจ้าจัณฑปัชโชตให้ไปทูลเชิญพระพุทธเจ้าเสด็จกรุงอุชเชนี จึงทูลลาบวชด้วย ครั้นได้เข้าเฝ้าฟังธรรมแล้ว บรรลุพระอรหัต จึงทูลขอบวช ฯ

๘.       “โลกมีอะไรผูกพันไว้  อะไรเป็นเครื่องสัญจรของโลกนั้น  ท่านกล่าวกันว่า นิพพานๆ ดังนี้ เพราะละอะไรได้ ?”   ปัญหานี้ใครทูลถาม ?

๘.       อุทยมาณพเป็นผู้ทูลถาม ฯ

  

ศาสนพิธี

๙.       ในงานมงคลที่ทำกันอย่างสามัญทั่วไป นิยมเจริญพระพุทธมนต์ด้วย          บทสวดมนต์ที่รวมเรียกสั้นๆ ว่าอะไร ?  และต้องมีบทอื่นมาประกอบอีก เรียกว่าอะไร ?

๙.      เรียกว่า เจ็ดตำนาน ฯ

          เรียกว่า ต้นสวดมนต์หรือต้นตำนาน และท้ายสวดมนต์ ฯ

๑๐.    เทศน์มหาชาติ คือการเทศน์เรื่องอะไร ?   มีกี่กัณฑ์ ?  

จบเทศน์มหาชาติแล้ว นิยมเทศน์ต่อด้วยเรื่องอะไร ?

๑๐     เรื่องเวสสันดรชาดก ฯ   มี ๑๓ กัณฑ์ ฯ   เรื่อง จตุราริยสัจจกถา ฯ

***********