พิธีเจริญพระพุทธมนต์
คาว่า เจริญพระพุทธมนต์และสวดพระพุทธมนต์ เป็นศัพท์บัญญัติใช้กับพิธีทาบุญ
ทางพระพุทธศาสนา การเจริญพระพุทธมนต์ใช้กับงานพิธีปรารภเหตุ คือ ความสุข ความ
เจริญของตนเอง ครอบครัวบ้าง สังคมบ้าง นิยมเรียกว่า งานมงคล การสวดพระพุทธมนต์
ใช้กับงานปรารภเหตุ คือ การตาย นิยมเรียกว่า งานอวมงคล
แต่กิริยาสาธยายว่า เจริญหรือสวดนั้น ต่างกันเพียงประเภทของงานเท่านั้น เมื่อใช้
ภาษาให้เข้าใจง่าย เรียกรวมกันว่า สวดมนต์ ไม่ว่าจะเป็นงานใดก็ตาม
พิธีมงคลจัดขึ้นเพื่อความสุขความเจริญ นิยมสวดพระปริตรและพระสูตรเหล่านี้ คือ
๑. เจ็ดตานาน หรือ จุลราชปริตร
๒. สิบสองตานาน หรือ มหาราชปริตร
๓. ธัมมจักกัปปวัตตนสูตร
๔. มหาสมัยสูตร
๕. โพชฌงคสูตร
๖. คิริมานนทสูตร
๗. มหาสติปัฏฐานสูตร
๘. ชยมงคลคาถา
๙. คาถาจุดเทียนชัยและคาถาดับเทียนชัย
เจ็ดตานานและสิบสองตานาน
พิธีทาบุญเนื่องด้วยการเฉลิมฉลองและปรารภความสุขความเจริญ ทาให้เกิดความ
เป็นสิริมงคลแก่เจ้าภาพ เช่น งานฉลองพระบวชใหม่ งานขึ้นบ้านใหม่ งานแต่งงาน งานวันเกิด
การเจริญพระพุทธมนต์ นิยมใช้เจ็ดตานานเป็นพื้น บทสวดมนต์เจ็ดตานาน พระโบราณาจารย์
ท่านกาหนดพระสูตร คาถา และหัวข้อพุทธภาษิต บรรดาที่มีอานุภาพในทางแนะนาและ
ป้องกันสรรพภัยพิบัติ รวมเรียกว่า พระปริตร แปลว่า เครื่องป้องกันหรือเครื่องต้านทาน
เจ็ดตานานหรือจุลราชปริตร ประกอบด้วย
๑. มงคลสูตร
๒. รตนสูตร
๓. กรณียเมตตสูตร
๔. ขันธปริตร
๕. โมรปริตร
๖. ธชัคคปริตร หรือ ธชัคคสูตร
๗. อาฏานาฏิยปริตร
๘. โพชฌงคปริตร
เมื่อรวมโมรปริตรเข้ากับธชัคคปริตร เหลือเพียง ๗ ปริตร จึงเรียกว่า เจ็ดตานาน
สิบสองตานาน หรือ มหาราชปริตร ประกอบด้วย
๑. มงคลสูตร
๒. รตนสูตร
๓. กรณียเมตตสูตร
๔. ขันธปริตร
๕. โมรปริตร
๖. วัฏฏกปริตร
๗. ธชัคคปริตร หรือ ธชัคคสูตร
๘. อาฏานาฏิยปริตร
๙. องคุลิมาลปริตร
๑๐. โพชฌังคปริตร
๑๑. อภยปริตร
๑๒. ชยปริตร
ในการสวดทั่วไป นิยมใช้เพียง ๗ หัวข้อหรือน้อยกว่า พิธีที่ใช้สวดทั้ง ๘ หรือ ๑๒
หัวข้อก็มีทั้งนี้ ขึ้นกับความสาคัญของงานและมีเวลาอานวยในการสวด ดังนั้น ปัจจุบันจึง
มีสวดอยู่ ๓ แบบ คือแบบเต็ม แบบย่อและแบบลัด
อนึ่ง พิธีเจริญหรือสวดพระพุทธมนต์ในพิธีการต่าง ๆ พระสงฆ์จะสวดบทเบื้องต้นก่อน
เรียกว่า ต้นสวดมนต์ หรือต้นตานาน แล้วจึงสวดพระปริตรหรือพระสูตรต่าง ๆ ตามกาหนด
เรียกว่าตัวตานาน สุดท้ายเป็นเบื้องปลายบทสวดมนต์ เรียกว่า ท้ายสวดมนต์ หรือ ท้ายตานาน
ต้นตานาน เริ่มด้วยบทชุมนุมเทวดา เรียกอย่างสามัญว่า ขัดสัคเค พระสงฆ์รูปที่ ๓ จะเป็น
ผู้ขัด จากนั้นสวดบทนมัสการ คือ นโม ตัสสะ จนถึงบทนมการอัฏฐกคาถา หรือนโม ๘ บท
แล้วจึงสวดบทพระปริตรหรือพระสูตรเป็นลาดับต่อไปบทชุมนุมเทวดาหรือขัดสัคเค เป็นบทขัดเพื่อเชิญเทวดาผู้สถิตอยู่ ณ สถานที่ต่าง ๆ
ให้มาร่วมประชุมฟังธรรม คือ การเจริญพระพุทธมนต์ การขัดสัคเค มีบทนาขัดอยู่ ๓ แบบ
ใช้ในพิธีแตกต่างกัน ดังนี้
แบบที่ ๑ ใช้ในงานพระราชพิธีและรัฐพิธี มีบทนาในการขัดสัคเคว่า สะรัชชัง
สะเสนัง สะพันธุง นรินทัง ปะริตตานุภาโว สะทา รักขะตูติ ผะริตวานะ เมตตัง สะเมตตา
ภะทันตา อะวิกขิตตะจิตตา ปะริตตัง ภะณันตุ แล้วว่าบทขัดสัคเคที่เหลือต่อไปจนจบ
แบบที่ ๒ ใช้ขัดในการสวดพระพุทธมนต์ ๑๒ ตานาน เริ่มต้นคาว่า สะมันตา
จักกะวาเฬสุ อัตราคัจฉันตุ เทวะตา สัททัมมัง มุนิราชัสสะ สุณันตุ สัคคะโมกขะทัง แล้วว่า
บทขัดสัคเค ที่เหลือต่อไปจนจบ
แบบที่ ๓ ใช้ขัดในการสวดพระพุทธมนต์ ๗ ตานาน เริ่มต้นคาว่า ผะริตวานะ เมตตัง
สะเมตตา ภะทันตา อะวิกขิตตะจิตตา ปะริตตัง ภะณันตุ แล้วว่าบทขัดสัคเคที่เหลือ
ต่อไปจนจบ
ท้ายตานาน คือบท นัตถิ เม สะระณัง อัญญัง ... ต่อกับบท ยังกิญจิ ระตะนัง
โลเก ...และต่อด้วยบท ทุกขัปปัตตา ถ้ามีการถวายภัตตาหารด้วย จะสวดบทถวายพรพระ
จบด้วยบท ภะวะตุ สัพพะมังคะลัง ... เป็นอันเสร็จพิธีเจริญพระพุทธมนต์ สาหรับการสวด
มนต์เย็น ไม่มีบทสวดถวายพรพระและจบด้วยบท ภะวะตุ สัพพะมังคะลัง ... เช่นเดียวกัน
หนังสือนักธรรมชั้นตรี,นักธรรมตรีpdf,นักธรรมตรี,สรุปนักธรรมตรี,ข้อสอบนักธรรมตรี,เก็งข้อสอบนักธรรมตรี
- หน้าแรก
- พุทธประวัติ
- ธรรมวิภาค
- เบญจศีล-เบญจธรรม
- แบบกระทู้ธรรมชั้นตรี
- แบบกระทู้ธรรมชั้นโท
- แบบกระทู้ธรรมชั้นเอก
- หมวด พุทธศาสนสุภาษิต
- อนุพุทธประวัติชั้นโท
- ดาวโหลดหนังสือธรรมศึกษาชั้นตรี โท เอก
- Download ข้อสอบนักธรรมและธรรมศึกษา ปี 2559-2563
- ประวัตินักธรรม-ธรรมศึกษา โดยสังเขป
- ขอบข่ายการเรียนการสอนธรรมศึกษา 2561
- ขอบข่ายธรรมศึกษา ระดับอุดมศึกษาและประชาชนทั่วไป
- ข้อสอบนักธรรมตรี-โท-เอก[ย้อนหลัง]
วันพุธที่ 7 พฤศจิกายน พ.ศ. 2561
ความศักดิ์สิทธิ์ของพระพุทธมนต์
ความศักดิ์สิทธิ์ของพระพุทธมนต์
การเจริญหรือการสวดพระพุทธมนต์ จะเกิดพุทธานุภาพ ธรรมานุภาพ สังฆานุภาพ
และปริตตานุภาพอันศักดิ์สิทธิ์สมบูรณ์ ผู้ร่วมประกอบพิธีกรรมต้องมีความพร้อม ๓ ประการ คือ
๑. ผู้ฟังมีศรัทธาความเชื่อความเลื่อมใสในพระพุทธมนต์
๒. ผู้เจริญหรือสวดพระพุทธมนต์มีจิตสงบนิ่ง เป็นสมาธิแน่วแน่
๓. สวดด้วยจิตเมตตา หวังให้ผู้ฟังได้รับอานิสงส์เต็มที่
การเจริญหรือการสวดพระพุทธมนต์ จะเกิดพุทธานุภาพ ธรรมานุภาพ สังฆานุภาพ
และปริตตานุภาพอันศักดิ์สิทธิ์สมบูรณ์ ผู้ร่วมประกอบพิธีกรรมต้องมีความพร้อม ๓ ประการ คือ
๑. ผู้ฟังมีศรัทธาความเชื่อความเลื่อมใสในพระพุทธมนต์
๒. ผู้เจริญหรือสวดพระพุทธมนต์มีจิตสงบนิ่ง เป็นสมาธิแน่วแน่
๓. สวดด้วยจิตเมตตา หวังให้ผู้ฟังได้รับอานิสงส์เต็มที่
เพิ่มเติมความรู้ โดย พระวิจิตรธรรมาภรณ์ ผู้ช่วยเจ้าอาวาสวัดสระเกศฯ
จิตที่สงบราบเรียบละเอียดอ่อนจากการสวดมนต์ จะทำให้เกิดความรู้สึกนึกคิดที่เปี่ยมล้นด้วยพลังแห่งความดีงาม ย่อมส่งผลดีต่อร่างกายได้ จิตที่สงบสุขย่อมอยู่ในร่างกายที่สมบูรณ์แข็งแรง ปราศจากความอ่อนแอ ในขณะเดียวกันร่างกายที่มีโรคภัยไข้เจ็บ ย่อมจะทำให้จิตใจอ่อนแอตามไปด้วย
ผู้ที่สวดมนต์เป็นประจำ มักจะมีสุขภาพที่ดีภายใต้จิตใจที่เบิกบานแจ่มใส อยู่ในโลกได้อย่างมีความสุข การสวดมนต์เป็นประจำมีอานิสงส์ ดังนี้
๏ ทำให้เป็นคนไม่เคร่งเครียด หากความเคียดเกิดขึ้นก็จะคลายลงได้ จนกระทั่งความเครียดนั้นจางหายไปในที่สุด
๏ ทำให้จิตใจสงบนิ่งเยือกเย็น ผู้ที่มีจิตใจเร่าร้อนเป็นไฟอยู่เสมอ การสวดมนต์จะช่วยให้ความเร่าร้อนทางอารมณ์ที่โหมไปด้วยเพลิงโทสะ เพลิงโมหะ เพลิงอิจฉาริษยาลดลงได้ ทำให้เป็นสุภาพชนที่มีลักษณะสุขุมเยือกเย็น ภายใต้จิตใจที่อ่อนโยนงดงาม
๏ ทำให้หลับสบายตื่นก็เป็นสุข ผู้ที่นอนหลับยาก การสวดมนต์จะช่วยปรับความสมดุลทางจิตให้ก้าวลงสู่ความหลับอย่างสบายไม่กระสับกระส่าย เพราะจิตใจไม่แปรปรวน ตื่นขึ้นมาก็สดชื่นไม่ง่วงซึม
๏ ทำให้อาการผิดปกติของระบบทางเดินอาหารหมดไป ความเครียดทำให้เกิดระบบทางเดินอาหารผิดปกติ เพราะน้ำย่อยหรือน้ำดีจะหลั่งออกมาจากตับแล้วทำให้ระคายเคืองผนังกระเพราะอาหาร ผู้ที่มีเครียดมักจะปวดท้อง หรืออาเจียน
๏ ทำให้จิตใจสงบนิ่งเยือกเย็น ผู้ที่มีจิตใจเร่าร้อนเป็นไฟอยู่เสมอ การสวดมนต์จะช่วยให้ความเร่าร้อนทางอารมณ์ที่โหมไปด้วยเพลิงโทสะ เพลิงโมหะ เพลิงอิจฉาริษยาลดลงได้ ทำให้เป็นสุภาพชนที่มีลักษณะสุขุมเยือกเย็น ภายใต้จิตใจที่อ่อนโยนงดงาม
๏ ทำให้หลับสบายตื่นก็เป็นสุข ผู้ที่นอนหลับยาก การสวดมนต์จะช่วยปรับความสมดุลทางจิตให้ก้าวลงสู่ความหลับอย่างสบายไม่กระสับกระส่าย เพราะจิตใจไม่แปรปรวน ตื่นขึ้นมาก็สดชื่นไม่ง่วงซึม
๏ ทำให้อาการผิดปกติของระบบทางเดินอาหารหมดไป ความเครียดทำให้เกิดระบบทางเดินอาหารผิดปกติ เพราะน้ำย่อยหรือน้ำดีจะหลั่งออกมาจากตับแล้วทำให้ระคายเคืองผนังกระเพราะอาหาร ผู้ที่มีเครียดมักจะปวดท้อง หรืออาเจียน
การสวดมนต์ช่วยให้ลดระดับการเกร่งของประสาททุกส่วนในร่างกาย จึงทำให้ความเคียดลดลง และทำให้อาการผิดปกติของระบบทางเดินอาหารหายไปด้วย เมื่อไม่มีความเครียดปัญหาเกี่ยวกับระบบทางเดินอาหารก็หมดไป เท่ากับว่าการสวดมนต์ช่วยปรับความสมดุลของระบบทางเดินอาหารในกระเพาะ
๏ ทำให้ปฏิบัติหน้าที่การงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ เนื่องจากร่างกายมีสุขภาพดี จิตใจก็ย่อมปลอดโปร่งมีความสุข จิตใจที่ปลอดโปร่งย่อมทำงานได้ผลอย่าง มีประสิทธิภาพ
๏ ทำให้เกิดความคิดสร้างสรรค์ ผู้ที่มีจิตปลอดโปร่งเป็นสมาธิ ย่อมมีวิสัยทัศน์กว้างไกล ทำให้เกิดความคิดสร้างสรรค์ต่างๆ มากมาย
๏ ครอบครัวมีความสุข มีอนาคต เป็นทรัพยากรบุคคลของชาติที่มีค่ายิ่ง ประเทศชาติจะกว้าไปข้างหน้าด้วยดีทุกวิถีทาง คนที่มีคุณงามความดีขนาดนี้แล้ว เรื่องที่ไม่ดีย่อมจะไม่มีให้เห็นได้เลย เพราะการสวดมนต์บำบัดนั้นมีผลดีมากมายและแปลกประหลาด
๏ ผู้คนก็เมตตาเทวดาก็รัก เป็นที่รักของเทวดาและมนุษย์ทั้งหลาย จะอยู่ที่ไหน เทวดาก็ให้การคุ้มครองรักษา
๏ ทำให้เกิดความคิดสร้างสรรค์ ผู้ที่มีจิตปลอดโปร่งเป็นสมาธิ ย่อมมีวิสัยทัศน์กว้างไกล ทำให้เกิดความคิดสร้างสรรค์ต่างๆ มากมาย
๏ ครอบครัวมีความสุข มีอนาคต เป็นทรัพยากรบุคคลของชาติที่มีค่ายิ่ง ประเทศชาติจะกว้าไปข้างหน้าด้วยดีทุกวิถีทาง คนที่มีคุณงามความดีขนาดนี้แล้ว เรื่องที่ไม่ดีย่อมจะไม่มีให้เห็นได้เลย เพราะการสวดมนต์บำบัดนั้นมีผลดีมากมายและแปลกประหลาด
๏ ผู้คนก็เมตตาเทวดาก็รัก เป็นที่รักของเทวดาและมนุษย์ทั้งหลาย จะอยู่ที่ไหน เทวดาก็ให้การคุ้มครองรักษา
ความเป็นมาของพิธีเจริญพระพุทธมนต์
ความเป็นมาของพิธีเจริญพระพุทธมนต์
การเจริญหรือการสวดพระพุทธมนต์ มีมาตั้งแต่สมัยพุทธกาล เพื่อป้องกันอันตราย
และให้เกิดความสุขสวัสดีแก่ผู้ประกอบพิธี การเจริญพระพุทธมนต์นั้น เมื่อเจริญหรือสวดด้วย
จิตเมตตาว่า ขออานุภาพพระปริตร จงคุ้มครองปกปักรักษาทุกเมื่อ มีจิตเป็นสมาธิแน่วแน่
ย่อมทาให้พระปริตรมีพลังและอานุภาพยิ่งขึ้น ดังเช่นการสวดพระปริตรในสมัยพุทธกาล
สมัยหนึ่ง ได้เกิดภัย คือความแห้งแล้งขึ้นในเมืองเวสาลี ทาให้พืชพันธุ์ธัญญาหาร
เสียหายมาก เป็นเหตุให้ข้าวยากหมากแพง เกิดโรคระบาดอย่างร้ายแรง ชาวเมืองเวสาลี
ล้มตายจานวนมาก ซ้าวิญญาณที่ยังไม่ได้ไปเกิดใหม่ ก็มาทาร้ายชาวเมืองให้ล้มตายมากยิ่งขึ้น
ชาวเมืองจึงไปกราบทูลกษัตริย์ลิจฉวี ให้หาผู้วิเศษมาช่วยขจัดปัดเป่าภัยพิบัติ กษัตริย์ลิจฉวี
ทรงระลึกถึงพระพุทธเจ้าว่า ทรงช่วยขจัดปัดเป่าภัยพิบัตินั้นได้ ทรงทราบว่าพระพุทธเจ้า
ประทับอยู่ที่เมืองราชคฤห์ จึงแต่งตั้งเจ้าลิจฉวี ๒ องค์ พร้อมเครื่องบรรณาการไปถวาย
พระเจ้าพิมพิสารที่เมืองราชคฤห์ทันที
เจ้าลิจฉวีทั้ง ๒ องค์ เสด็จถึงเมืองราชคฤห์ ได้เข้าเฝ้าพระเจ้าพิมพิสาร กราบทูล
เรื่องราวความเดือดร้อนของชาวเมืองเวสาลี และมีความประสงค์จะกราบทูลนิมนต์
พระพุทธเจ้าเสด็จไปโปรดชาวเมืองเวสาลี จึงพากันเข้าไปเฝ้าพระพุทธเจ้าเพื่อกราบทูล
อาราธนา พระพุทธเจ้าทรงพิจารณาว่า ถ้าพระองค์เสด็จไป ภัยทั้งปวงจะสงบลง เป็นประโยชน์
แก่ชาวเมืองเวสาลี จึงทรงรับการอาราธนาของเจ้าลิจฉวี กษัตริย์ลิจฉวีทรงทราบว่าพระพุทธเจ้า
ทรงรับนิมนต์แล้ว ทรงประกาศให้ชาวเมืองทราบ และให้จัดเตรียมการรับเสด็จพระพุทธดาเนิน
โปรดชาวเมืองเวสาลีอย่างยิ่งใหญ่ตลอดระยะทาง ๓ โยชน์
เมื่อพระพุทธเจ้าพร้อมด้วยพระสงฆ์สาวก ๕๐๐ รูป เสด็จถึงเมืองเวสาลี ด้วยเรือแพ
ที่พระเจ้าพิมพิสารรับสั่งให้ต่อถวาย เพื่อเสด็จข้ามแม่น้าคงคา กษัตริย์ลิจฉวีทรงลุยน้า
ไปรับเสด็จพระพุทธเจ้าด้วยความปลื้มปีติ กราบทูลอาราธนาให้เสด็จเข้าเมืองเวสาลี
ด้วยพระพุทธานุภาพบันดาลให้ฝนตกกระหน่าอย่างหนัก น้าท่วมทั่วเมืองเวสาลี เพื่อล้างสิ่งสกปรกและซากศพทั่วเมืองให้หมดไป ทาให้เมืองเวสาลีกลับมาสะอาดสงบดังเดิม
เมื่อพระพุทธเจ้าเสด็จพระพุทธดาเนินถึงประตูเมืองเวสาลี ท้าวสักกเทวราชพร้อมด้วย
เทพบริวารเสด็จมาชุมนุมอยู่ ณ ที่นั้นด้วย ทาให้อมนุษย์เป็นอันมากพากันหลบหนีไป แต่ยังมี
หลงเหลืออยู่บ้าง
เมื่อพระพุทธเจ้าเสด็จเข้าสู่ประตูเมืองเวสาลี ได้ตรัสกับพระอานนท์ว่า ดูก่อนอานนท์
เธอจงเรียนเอารตนสูตรนี้ จาริกไปภายในกาแพงเมือง ๓ ชั้นกับพวกกุมารลิจฉวี ทาพระปริตร
ให้ทั่วเมืองเถิด แล้วตรัสรตนสูตรแก่พระอานนท์
พระอานนท์เถระ เรียนพระพุทธมนต์บทรตนสูตรที่พระพุทธองค์ทรงประทาน
ให้แล้ว นาบาตรศิลาของพระพุทธเจ้ามาใส่น้า ถือไปยืนที่หน้าประตูเมือง น้อมราลึกถึง
พระคุณของพระพุทธเจ้า จากนั้นเข้าไปภายในพระนคร เดินประพรมน้าพระพุทธมนต์ไป
ทั่วเมืองเวสาลี ภัยทั้งหลายและอมนุษย์ที่ยังหลงเหลืออยู่ ก็หายไปหมดสิ้น โรคภัยไข้เจ็บ
ของชาวเมือง ก็สงบลง ชาวเมืองเวสาลีต่างพากันออกมาจากบ้านเรือน นาดอกไม้ของหอม
เดินตามบูชาพระอานนท์เถระซึ่งเดินประพรมน้าพระพุทธมนต์ไปทั่วเมืองตลอดคืน
พระโบราณาจารย์พิจารณาเห็นความศักดิ์สิทธ์แห่งพระพุทธมนต์ จึงได้รวบรวม
พระพุทธมนต์บทรตนสูตรและบทอื่น ๆ มาเป็นพระปริตร เรียกว่า เจ็ดตานานบ้าง สิบสอง
ตานานบ้าง หรือเรียกชื่อตามพระสูตรนั้น ๆ บ้าง เพื่อให้พุทธศาสนิกชนสวดหรือเจริญ เป็น
เครื่องป้องกันภัยอันตราย และเกิดความสุขสวัสดีแก่ชีวิต
อนึ่ง พระอานนท์เถระนาบาตรศิลาของพระพุทธเจ้า บรรจุน้าพระพุทธมนต์จนเต็ม
บาตร เดินประพรมทั่วเมืองเวสาลีในคราวนั้น ถือเป็นแบบอย่างในการทาน้าพระพุทธมนต์
และประพรมน้าพระพุทธมนต์ปัจจุบันนี้
การเจริญหรือการสวดพระพุทธมนต์ มีมาตั้งแต่สมัยพุทธกาล เพื่อป้องกันอันตราย
และให้เกิดความสุขสวัสดีแก่ผู้ประกอบพิธี การเจริญพระพุทธมนต์นั้น เมื่อเจริญหรือสวดด้วย
จิตเมตตาว่า ขออานุภาพพระปริตร จงคุ้มครองปกปักรักษาทุกเมื่อ มีจิตเป็นสมาธิแน่วแน่
ย่อมทาให้พระปริตรมีพลังและอานุภาพยิ่งขึ้น ดังเช่นการสวดพระปริตรในสมัยพุทธกาล
สมัยหนึ่ง ได้เกิดภัย คือความแห้งแล้งขึ้นในเมืองเวสาลี ทาให้พืชพันธุ์ธัญญาหาร
เสียหายมาก เป็นเหตุให้ข้าวยากหมากแพง เกิดโรคระบาดอย่างร้ายแรง ชาวเมืองเวสาลี
ล้มตายจานวนมาก ซ้าวิญญาณที่ยังไม่ได้ไปเกิดใหม่ ก็มาทาร้ายชาวเมืองให้ล้มตายมากยิ่งขึ้น
ชาวเมืองจึงไปกราบทูลกษัตริย์ลิจฉวี ให้หาผู้วิเศษมาช่วยขจัดปัดเป่าภัยพิบัติ กษัตริย์ลิจฉวี
ทรงระลึกถึงพระพุทธเจ้าว่า ทรงช่วยขจัดปัดเป่าภัยพิบัตินั้นได้ ทรงทราบว่าพระพุทธเจ้า
ประทับอยู่ที่เมืองราชคฤห์ จึงแต่งตั้งเจ้าลิจฉวี ๒ องค์ พร้อมเครื่องบรรณาการไปถวาย
พระเจ้าพิมพิสารที่เมืองราชคฤห์ทันที
เจ้าลิจฉวีทั้ง ๒ องค์ เสด็จถึงเมืองราชคฤห์ ได้เข้าเฝ้าพระเจ้าพิมพิสาร กราบทูล
เรื่องราวความเดือดร้อนของชาวเมืองเวสาลี และมีความประสงค์จะกราบทูลนิมนต์
พระพุทธเจ้าเสด็จไปโปรดชาวเมืองเวสาลี จึงพากันเข้าไปเฝ้าพระพุทธเจ้าเพื่อกราบทูล
อาราธนา พระพุทธเจ้าทรงพิจารณาว่า ถ้าพระองค์เสด็จไป ภัยทั้งปวงจะสงบลง เป็นประโยชน์
แก่ชาวเมืองเวสาลี จึงทรงรับการอาราธนาของเจ้าลิจฉวี กษัตริย์ลิจฉวีทรงทราบว่าพระพุทธเจ้า
ทรงรับนิมนต์แล้ว ทรงประกาศให้ชาวเมืองทราบ และให้จัดเตรียมการรับเสด็จพระพุทธดาเนิน
โปรดชาวเมืองเวสาลีอย่างยิ่งใหญ่ตลอดระยะทาง ๓ โยชน์
เมื่อพระพุทธเจ้าพร้อมด้วยพระสงฆ์สาวก ๕๐๐ รูป เสด็จถึงเมืองเวสาลี ด้วยเรือแพ
ที่พระเจ้าพิมพิสารรับสั่งให้ต่อถวาย เพื่อเสด็จข้ามแม่น้าคงคา กษัตริย์ลิจฉวีทรงลุยน้า
ไปรับเสด็จพระพุทธเจ้าด้วยความปลื้มปีติ กราบทูลอาราธนาให้เสด็จเข้าเมืองเวสาลี
ด้วยพระพุทธานุภาพบันดาลให้ฝนตกกระหน่าอย่างหนัก น้าท่วมทั่วเมืองเวสาลี เพื่อล้างสิ่งสกปรกและซากศพทั่วเมืองให้หมดไป ทาให้เมืองเวสาลีกลับมาสะอาดสงบดังเดิม
เมื่อพระพุทธเจ้าเสด็จพระพุทธดาเนินถึงประตูเมืองเวสาลี ท้าวสักกเทวราชพร้อมด้วย
เทพบริวารเสด็จมาชุมนุมอยู่ ณ ที่นั้นด้วย ทาให้อมนุษย์เป็นอันมากพากันหลบหนีไป แต่ยังมี
หลงเหลืออยู่บ้าง
เมื่อพระพุทธเจ้าเสด็จเข้าสู่ประตูเมืองเวสาลี ได้ตรัสกับพระอานนท์ว่า ดูก่อนอานนท์
เธอจงเรียนเอารตนสูตรนี้ จาริกไปภายในกาแพงเมือง ๓ ชั้นกับพวกกุมารลิจฉวี ทาพระปริตร
ให้ทั่วเมืองเถิด แล้วตรัสรตนสูตรแก่พระอานนท์
พระอานนท์เถระ เรียนพระพุทธมนต์บทรตนสูตรที่พระพุทธองค์ทรงประทาน
ให้แล้ว นาบาตรศิลาของพระพุทธเจ้ามาใส่น้า ถือไปยืนที่หน้าประตูเมือง น้อมราลึกถึง
พระคุณของพระพุทธเจ้า จากนั้นเข้าไปภายในพระนคร เดินประพรมน้าพระพุทธมนต์ไป
ทั่วเมืองเวสาลี ภัยทั้งหลายและอมนุษย์ที่ยังหลงเหลืออยู่ ก็หายไปหมดสิ้น โรคภัยไข้เจ็บ
ของชาวเมือง ก็สงบลง ชาวเมืองเวสาลีต่างพากันออกมาจากบ้านเรือน นาดอกไม้ของหอม
เดินตามบูชาพระอานนท์เถระซึ่งเดินประพรมน้าพระพุทธมนต์ไปทั่วเมืองตลอดคืน
พระโบราณาจารย์พิจารณาเห็นความศักดิ์สิทธ์แห่งพระพุทธมนต์ จึงได้รวบรวม
พระพุทธมนต์บทรตนสูตรและบทอื่น ๆ มาเป็นพระปริตร เรียกว่า เจ็ดตานานบ้าง สิบสอง
ตานานบ้าง หรือเรียกชื่อตามพระสูตรนั้น ๆ บ้าง เพื่อให้พุทธศาสนิกชนสวดหรือเจริญ เป็น
เครื่องป้องกันภัยอันตราย และเกิดความสุขสวัสดีแก่ชีวิต
อนึ่ง พระอานนท์เถระนาบาตรศิลาของพระพุทธเจ้า บรรจุน้าพระพุทธมนต์จนเต็ม
บาตร เดินประพรมทั่วเมืองเวสาลีในคราวนั้น ถือเป็นแบบอย่างในการทาน้าพระพุทธมนต์
และประพรมน้าพระพุทธมนต์ปัจจุบันนี้
สมัครสมาชิก:
บทความ (Atom)