หมวดที่ ๑ ให้ผลตามคราว
๑. ทิฏฐธรรมเวทนียกรรม กรรมให้ผลในภพนี้
๒. อุปปัชชเวทนียกรรม กรรมให้ผลต่อเมื่อเกิดแล้วในภพหน้า
๓. อปราปรเวทนียกรรม กรรมให้ผลในภพสืบๆ
๔. อโหสิกรรม กรรมให้ผลสำเร็จแล้ว
หมวดที่ ๒ ให้ผลตามกิจ
๕. ชนกกรรม กรรมแต่งให้เกิด
๖. อุปัตถัมภกกรรม กรรมสนับสนุน
๗. อุปปีฬกกรรม กรรมบีบคั้น
๘. อุปฆาตกกรรม กรรมตัดรอน
หมวดที่ ๓ ให้ผลตามลำดับ
๙. ครุกรรม กรรมหนัก
๑๐. พหุลกรรม กรรมชิน
๑๑. อาสันนกรรม กรรมเมื่อจวนเจียน
๑๒. กตัตตากรรม กรรมสักว่าทำ
กรรม แปลว่ำ การกระทา คำว่ำ กรรม เป็นคำกลำงๆ ถ้ำเป็นส่วนดี เรียกว่ำ
กุศลกรรม ส่วนไม่ดี เรียกว่ำ อกุศลกรรม กรรม เมื่อจำแนกตำมหลักเกณฑ์เกี่ยวกับ
กำรให้ผลทั้งฝ่ำยกุศลและอกุศล พระอรรถกถำจำรย์ได้แสดงไว้เป็น ๓ หมวด หมวดละ
๔ ประเภท รวมเรียกว่ำ กรรม ๑๒
กรรม ๑๒ นี้ แสดงให้รู้ว่ำ คนบำงคนทำกรรมชั่ว แต่ยังคงได้รับควำมสุขควำมเจริญ
อยู่ในปัจจุบัน ก็เพรำะกรรมดีที่เคยทำไว้ในอดีตกำลังให้ผล หรือเพรำะกรรมชั่วที่ทำใน
ปัจจุบันยังไม่ได้โอกำสให้ผล อนึ่ง พึงทรำบว่ำกรรม ๑๒ นี้ ไม่มีปรำกฏในพระไตรปิฎก แต่
พระอรรถกถำจำรย์ มีพระพุทธโฆสำจำรย์เป็นต้น ได้จัดรวบรวมไว้ในภำยหลัง ดังที่ปรำกฏใน
คัมภีร์วิสุทธิมรรค และคัมภีร์อภิธัมมัตถสังคหะ
หนังสือนักธรรมชั้นตรี,นักธรรมตรีpdf,นักธรรมตรี,สรุปนักธรรมตรี,ข้อสอบนักธรรมตรี,เก็งข้อสอบนักธรรมตรี
- หน้าแรก
- พุทธประวัติ
- ธรรมวิภาค
- เบญจศีล-เบญจธรรม
- แบบกระทู้ธรรมชั้นตรี
- แบบกระทู้ธรรมชั้นโท
- แบบกระทู้ธรรมชั้นเอก
- หมวด พุทธศาสนสุภาษิต
- อนุพุทธประวัติชั้นโท
- ดาวโหลดหนังสือธรรมศึกษาชั้นตรี โท เอก
- Download ข้อสอบนักธรรมและธรรมศึกษา ปี 2559-2563
- ประวัตินักธรรม-ธรรมศึกษา โดยสังเขป
- ขอบข่ายการเรียนการสอนธรรมศึกษา 2561
- ขอบข่ายธรรมศึกษา ระดับอุดมศึกษาและประชาชนทั่วไป
- ข้อสอบนักธรรมตรี-โท-เอก[ย้อนหลัง]
วันพฤหัสบดีที่ 1 พฤศจิกายน พ.ศ. 2561
คติ ๒ ธรรมศึกษา วิชา ธรรม ระดับอุดมศึกษา (ธศ 332) ชั้นเอก
สังสารวัฏ หมำยถึงการเวียนว่ายตายเกิด ได้แก่ลำดับกำรสืบต่อที่เป็นไปไม่ขำดสำย
แห่งขันธ์ ธำตุ และอำยตนะทั้งหลำย หรือกำรเวียนว่ำยตำยเกิดอยู่ในภพภูมิกำเนิดต่ำงๆ
คติ คือภูมิเป็นที่ไป หรือเป็นที่ถึงเบื้องหน้ำแต่ตำย มี ๒ อย่ำง คือ (๑) ทุคติ ภูมิ
เป็นที่ไปข้างชั่ว ได้แก่ สถำนที่ไปเกิดที่มีแต่ควำมทุกข์ร้อน (๒) สุคติ ภูมิเป็นที่ไปข้างดี ได้แก่
สถำนที่ไปเกิดที่มีควำมสุขสบำย คติทั้ง ๒ นั้น มีที่มำในพระสูตรต่ำงๆ แห่งพระไตรปิฎกดังนี้
๑. ทุคติ
ทุคติ ในบำงพระสูตรแจกเป็น ๒ คือ (๑) นิรยะ คือนรก โลกอันหำควำมเจริญมิได้
(๒) ติรัจฉานโยนิ กำเนิดสัตว์ดิรัจฉำน (สัตว์เจริญโดยขวำงหรือไปตำมยำว) บำงพระสูตร
เพิ่ม ปิตติวิสยะ แดนแห่งเปรต เข้ำไปเป็น ๓ ด้วยกัน อีกอย่ำงหนึ่งว่ำ อบาย โลกอัน
ปรำศจำกควำมเจริญ ทุคติ ภูมิเป็นที่ไปข้ำงชั่ว วินิบาต โลกที่ทำให้สัตว์ผู้ตกอยู่ไร้อำนำจ ใน
พระสูตรโดยมำกเพิ่ม นิรยะ ไว้ตอนท้ำย จึงรวมเป็น ๔
ในคัมภีร์อรรถกถำพระวินัยปิฎกและพระสุตตันตปิฎก ได้ให้คำจำกัดควำมทุคติ
ไว้ ๔ อย่ำง ดังนี้
อบาย หมำยถึงภูมิอันปรำศจำกควำมสุข ไร้ควำมเจริญ หรือสถำนที่ปรำศจำกบุญ
ที่เป็นเหตุให้ได้สมบัติ ๓ คือ มนุษย์ สวรรค์ นิพพำน
ทุคติ หมำยถึงภูมิอันมีแต่ควำมทุกข์ หรือสถำนที่สัตว์ไปเกิดเพรำะผลกรรมชั่วอัน
เนื่องจำกควำมเป็นคนเจ้ำโทสะ
วินิบาต หมำยถึงภูมิเป็นที่ตกแห่งสัตว์ผู้ไร้อำนำจ หรือตกไปมีแต่ควำมพินำศ
มีอวัยวะแตกกระจัดกระจำย
นิรยะ หรือ นรก หมำยถึงภูมิอันไม่มีควำมเจริญ มีแต่ควำมเร่ำร้อนกระวนกระวำย
ในคัมภีร์สุมังคลวิลำสินี คำว่ำ วินิบาต หมำยถึงสัตว์จำพวกที่ไม่นับเข้ำในสัตว์
ผู้บังเกิดในอบำยภูมิ ๔ ได้แก่ พวกเวมานิกเปรต คือเปรตที่แม้จะมีวิมำนอยู่ แต่ไม่รุ่งเรือง
เหมือนเทพอื่นๆ ได้เสวยสุขเพียงชั่วครู่แล้วเสวยทุกข์ทรมำนต่ำงๆ เป็นช่วงๆ สลับกันไป
๒. สุคติ
สุคติ คือ ภูมิอันเป็นที่เกิดของผู้ประกอบกุศลกรรม มี ๒ อย่ำง คือ
๑) มนุษยโลก โลกของมนุษย์ หมำยถึงภูมิที่อยู่ของสัตว์ที่มีจิตใจสูง เป็นผู้รู้จักใช้
เหตุผล
๒) เทวโลก โลกของเทวดาและพรหม หมำยถึงภูมิที่อยู่ของเทวดำในสวรรค์ชั้น
กำมำพจร ๖ และพรหมผู้สถิตอยู่ในพรหมโลก
สวรรค์ชั้นกามาพจร ได้แก่โลกสวรรค์อันเป็นที่อยู่ของเทวดำที่ยังข้องอยู่ในกำมคุณ ๕
เป็นภูมิที่มีแต่ควำมสุขสบำย สมบูรณ์ด้วยโภคสมบัติ หรือเรียกว่ำ สุคติโลกสวรรค์ มี ๖ ชั้น คือ
(๑) จาตุมหาราชิกา สวรรค์ที่ท้ำวมหำรำชทั้ง ๔ คือ ท้ำวธตรฐ ท้ำววิรุฬหก
ท้ำววิรูปักษ์ ท้ำวกุเวร เป็นผู้ปกครอง
(๒) ดาวดึงส์ สวรรค์เป็นที่อยู่ของเทวดำสหำย ๓๓ องค์ มีท้ำวสักกเทวรำชเป็น
ผู้ปกครอง
(๓) ยามา สวรรค์เป็นที่อยู่ของเทวดำผู้ปรำศจำกทุกข์
(๔) ดุสิต สวรรค์เป็นที่อยู่ของเทวดำผู้เอิบอิ่มด้วยทิพยสมบัติอันเป็นของเฉพำะตน
(๕) นิมมานรดี สวรรค์เป็นที่อยู่ของเทวดำผู้ยินดีในกำมสุขที่ตนเนรมิตขึ้น
(๖) ปรนิมมิตวสวัตดี สวรรค์เป็นที่อยู่ของเทวดำผู้ยินดีในกำมสุขที่ผู้อื่นเนรมิตให้
พรหมโลก ได้แก่ภูมิอันที่อยู่ของพรหมผู้ประเสริฐและบริสุทธิ์ คือผู้บำเพ็ญสมำธิจิต
แน่วแน่จนได้บรรลุฌำนสมำบัติหรือสำเร็จเป็นอริยบุคคลชั้นอนำคำมีในโลกมนุษย์ เมื่อสิ้นชีวิต
จึงไปบังเกิดในพรหมโลกตำมลำดับชั้นแห่งคุณธรรมที่ได้บรรลุ
แห่งขันธ์ ธำตุ และอำยตนะทั้งหลำย หรือกำรเวียนว่ำยตำยเกิดอยู่ในภพภูมิกำเนิดต่ำงๆ
คติ คือภูมิเป็นที่ไป หรือเป็นที่ถึงเบื้องหน้ำแต่ตำย มี ๒ อย่ำง คือ (๑) ทุคติ ภูมิ
เป็นที่ไปข้างชั่ว ได้แก่ สถำนที่ไปเกิดที่มีแต่ควำมทุกข์ร้อน (๒) สุคติ ภูมิเป็นที่ไปข้างดี ได้แก่
สถำนที่ไปเกิดที่มีควำมสุขสบำย คติทั้ง ๒ นั้น มีที่มำในพระสูตรต่ำงๆ แห่งพระไตรปิฎกดังนี้
๑. ทุคติ
ทุคติ ในบำงพระสูตรแจกเป็น ๒ คือ (๑) นิรยะ คือนรก โลกอันหำควำมเจริญมิได้
(๒) ติรัจฉานโยนิ กำเนิดสัตว์ดิรัจฉำน (สัตว์เจริญโดยขวำงหรือไปตำมยำว) บำงพระสูตร
เพิ่ม ปิตติวิสยะ แดนแห่งเปรต เข้ำไปเป็น ๓ ด้วยกัน อีกอย่ำงหนึ่งว่ำ อบาย โลกอัน
ปรำศจำกควำมเจริญ ทุคติ ภูมิเป็นที่ไปข้ำงชั่ว วินิบาต โลกที่ทำให้สัตว์ผู้ตกอยู่ไร้อำนำจ ใน
พระสูตรโดยมำกเพิ่ม นิรยะ ไว้ตอนท้ำย จึงรวมเป็น ๔
ในคัมภีร์อรรถกถำพระวินัยปิฎกและพระสุตตันตปิฎก ได้ให้คำจำกัดควำมทุคติ
ไว้ ๔ อย่ำง ดังนี้
อบาย หมำยถึงภูมิอันปรำศจำกควำมสุข ไร้ควำมเจริญ หรือสถำนที่ปรำศจำกบุญ
ที่เป็นเหตุให้ได้สมบัติ ๓ คือ มนุษย์ สวรรค์ นิพพำน
ทุคติ หมำยถึงภูมิอันมีแต่ควำมทุกข์ หรือสถำนที่สัตว์ไปเกิดเพรำะผลกรรมชั่วอัน
เนื่องจำกควำมเป็นคนเจ้ำโทสะ
วินิบาต หมำยถึงภูมิเป็นที่ตกแห่งสัตว์ผู้ไร้อำนำจ หรือตกไปมีแต่ควำมพินำศ
มีอวัยวะแตกกระจัดกระจำย
นิรยะ หรือ นรก หมำยถึงภูมิอันไม่มีควำมเจริญ มีแต่ควำมเร่ำร้อนกระวนกระวำย
ในคัมภีร์สุมังคลวิลำสินี คำว่ำ วินิบาต หมำยถึงสัตว์จำพวกที่ไม่นับเข้ำในสัตว์
ผู้บังเกิดในอบำยภูมิ ๔ ได้แก่ พวกเวมานิกเปรต คือเปรตที่แม้จะมีวิมำนอยู่ แต่ไม่รุ่งเรือง
เหมือนเทพอื่นๆ ได้เสวยสุขเพียงชั่วครู่แล้วเสวยทุกข์ทรมำนต่ำงๆ เป็นช่วงๆ สลับกันไป
๒. สุคติ
สุคติ คือ ภูมิอันเป็นที่เกิดของผู้ประกอบกุศลกรรม มี ๒ อย่ำง คือ
๑) มนุษยโลก โลกของมนุษย์ หมำยถึงภูมิที่อยู่ของสัตว์ที่มีจิตใจสูง เป็นผู้รู้จักใช้
เหตุผล
๒) เทวโลก โลกของเทวดาและพรหม หมำยถึงภูมิที่อยู่ของเทวดำในสวรรค์ชั้น
กำมำพจร ๖ และพรหมผู้สถิตอยู่ในพรหมโลก
สวรรค์ชั้นกามาพจร ได้แก่โลกสวรรค์อันเป็นที่อยู่ของเทวดำที่ยังข้องอยู่ในกำมคุณ ๕
เป็นภูมิที่มีแต่ควำมสุขสบำย สมบูรณ์ด้วยโภคสมบัติ หรือเรียกว่ำ สุคติโลกสวรรค์ มี ๖ ชั้น คือ
(๑) จาตุมหาราชิกา สวรรค์ที่ท้ำวมหำรำชทั้ง ๔ คือ ท้ำวธตรฐ ท้ำววิรุฬหก
ท้ำววิรูปักษ์ ท้ำวกุเวร เป็นผู้ปกครอง
(๒) ดาวดึงส์ สวรรค์เป็นที่อยู่ของเทวดำสหำย ๓๓ องค์ มีท้ำวสักกเทวรำชเป็น
ผู้ปกครอง
(๓) ยามา สวรรค์เป็นที่อยู่ของเทวดำผู้ปรำศจำกทุกข์
(๔) ดุสิต สวรรค์เป็นที่อยู่ของเทวดำผู้เอิบอิ่มด้วยทิพยสมบัติอันเป็นของเฉพำะตน
(๕) นิมมานรดี สวรรค์เป็นที่อยู่ของเทวดำผู้ยินดีในกำมสุขที่ตนเนรมิตขึ้น
(๖) ปรนิมมิตวสวัตดี สวรรค์เป็นที่อยู่ของเทวดำผู้ยินดีในกำมสุขที่ผู้อื่นเนรมิตให้
พรหมโลก ได้แก่ภูมิอันที่อยู่ของพรหมผู้ประเสริฐและบริสุทธิ์ คือผู้บำเพ็ญสมำธิจิต
แน่วแน่จนได้บรรลุฌำนสมำบัติหรือสำเร็จเป็นอริยบุคคลชั้นอนำคำมีในโลกมนุษย์ เมื่อสิ้นชีวิต
จึงไปบังเกิดในพรหมโลกตำมลำดับชั้นแห่งคุณธรรมที่ได้บรรลุ
วันพุธที่ 31 ตุลาคม พ.ศ. 2561
นิพพาน ธรรมศึกษา วิชา ธรรม ระดับอุดมศึกษา (ธศ 332) ชั้นเอก
คำว่ำ นิพพาน สมเด็จพระมหำสมณเจ้ำฯ ทรงแสดงพระมติไว้ ๒ นัย ดังนี้
๑) นิพฺพาน แปลว่ำ ดับ มำจำก วา ธำตุ, มี นี เป็นบทหน้ำ, ยุ ปัจจัย, แปลง ยุ เป็น
อน, แปลง ว เป็น พ สำเร็จรูปเป็น นิพฺพาน
๒) นิพฺพาน แปลว่ำ หาของเสียบแทงมิได้ ออกจำก วาน ศัพท์ อันเป็นชื่อของ
ลูกศร มี นี เป็นบทหน้ำ ในควำมหมำยปฏิเสธ เข้ำรูปเป็นปัญจมีหรือฉัฏฐีพหุพพิหิสมำส
เทียบได้กับบทว่ำ “อพฺพุฬฺหสลฺโล : ผู้มีลูกศรอันถอนแล้ว” เป็นคุณบทของพระอรหันต์
นิพพาน มีความหมาย ๒ นัย
นัยที่ ๑ นิพพาน แปลว่ำ ธรรมหาเครื่องเสียบแทงมิได้ หมำยถึงภำวะที่จิต
ปรำศจำกตัณหำเครื่องเสียบแทง นิพพำนตำมควำมหมำยนี้ ตรงกับคำว่ำ สอุปาทิเสส-
นิพพาน คือภำวะที่จิตดับกิเลสตัณหำได้ แต่ยังมีเบญจขันธ์อยู่ หรือภำวะจิตของบุคคลที่สิ้น
กิเลสแล้วแต่ยังมีชีวิตอยู่
นัยที่ ๒ นิพพาน แปลว่ำ ความดับ หมำยถึงภำวะที่ดับกิเลส คือรำคะ โทสะ และ
โมหะได้อย่ำงเด็ดขำด หรือสภำพที่ดับกองทุกข์ในวัฏฏะทั้งมวลอันมี ชาติ ควำมเกิด ชรา
ควำมแก่ มรณะ ควำมตำยเป็นต้น ได้อย่ำงสิ้นเชิง นิพพำนตำมควำมหมำยนี้ ตรงกับคำว่ำ
อนุปาทิเสสนิพพาน คือภำวะที่ดับกิเลสไม่มีเบญจขันธ์เหลือ หรือภำวะที่สิ้นทั้งกิเลสทั้งชีวิต
ดุจประทีปสิ้นเชื้อดับไปฉะนั้น
พระพุทธพจน์ที่แสดงปฏิปทำแห่งนิพพำน มีนัยดังนี้
ภิกษุยินดีในความไม่ประมาทแล้ว หรือเห็นภัยในความประมาทโดยปกติ
ย่อมเป็นผู้ไม่ควรเพื่อเสื่อมรอบ ย่อมปฏิบัติใกล้นิพพานเทียว.
อัปปมำทวรรค : ขุททกนิกำย ธรรมบท
ความไม่ประมาท ในที่นี้ คือกำรอยู่ไม่ปรำศจำกสติ เจริญสติปัฏฐำน ๔ อยู่เสมอ
ซึ่งเป็นหลักธรรมสำคัญที่ทำผู้ปฏิบัติให้บรรลุนิพพำนได้
ภิกษุหนักในพระศาสดา หนักในพระธรรม มีความเคารพกล้าใน
พระสงฆ์ มีความเพียร หนักในสมาธิ มีความเคารพกล้าในสิกขา หนัก
ในความไม่ประมาท และเคารพในปฏิสันถาร ย่อมเป็นผู้ไม่ควรเพื่อ
เสื่อมรอบ ย่อมปฏิบัติใกล้นิพพานเทียว.
คำรวสูตร : อังคุตตรนิกำย สัตตกนิบำต
ความเคารพ ในที่นี้ คือควำมเอื้อเฟื้อตระหนักในพระรัตนตรัย ในกำรบำเพ็ญสมำธิ
ในกำรปฏิบัติตำมหลักไตรสิกขำ ในควำมไม่ประมำทต่อกำรเจริญสติปัฏฐำน ๔ และในธรรม
ปฏิสันถำร เมื่อผู้ใดมีควำมเคำรพดังกล่ำวมำนี้ ชื่อว่ำปฏิบัติตนเพื่อควำมเจริญ มุ่งตรงต่อกำร
บรรลุนิพพำนอย่ำงแน่แท้
ฌานและปัญญามีในผู้ใด ผู้นั้นปฏิบัติใกล้นิพพาน.
ภิกขุวรรค : ขุททกนิกำย ธรรมบท
ฌานและปัญญา ในที่นี้ คือ ฌาน ได้แก่จิตที่เป็นสมำธิแน่วแน่ สงบจำกนิวรณธรรม
ในภำคปฏิบัติ ได้แก่ การเจริญสมถกัมมัฏฐาน ส่วนปัญญา ได้แก่จิตที่รู้เท่ำทันควำมเป็นไป
ของสรรพสิ่งตำมเป็นจริง ในภำคปฏิบัติ ได้แก่ การเจริญวิปัสสนากัมมัฏฐาน
ภิกษุ เธอจงวิดเรือนี้ เรืออันเธอวิดแล้ว จักพลันถึง
เธอตัดราคะและโทสะแล้ว แต่นั้นจักถึงนิพพาน.
ภิกขุวรรค : ขุททกนิกำย ธรรมบท
คำว่ำ เรือ หมำยถึง อัตภาพร่างกายของคนเรำ อันลอยอยู่ในแม่น้ำคือสังสำรวัฏ
เรืออันเธอวิดแล้ว หมำยถึงกำรบรรเทำกิเลสและบำปธรรมให้เบำบำงลงจนตัดได้เด็ดขำด
เมื่อตัดกิเลสและบำปธรรมได้แล้ว เรือคืออัตภำพนี้ก็จักแล่นไปถึงท่ำคือพระนิพพำนได้
ในที่สุด
๑) นิพฺพาน แปลว่ำ ดับ มำจำก วา ธำตุ, มี นี เป็นบทหน้ำ, ยุ ปัจจัย, แปลง ยุ เป็น
อน, แปลง ว เป็น พ สำเร็จรูปเป็น นิพฺพาน
๒) นิพฺพาน แปลว่ำ หาของเสียบแทงมิได้ ออกจำก วาน ศัพท์ อันเป็นชื่อของ
ลูกศร มี นี เป็นบทหน้ำ ในควำมหมำยปฏิเสธ เข้ำรูปเป็นปัญจมีหรือฉัฏฐีพหุพพิหิสมำส
เทียบได้กับบทว่ำ “อพฺพุฬฺหสลฺโล : ผู้มีลูกศรอันถอนแล้ว” เป็นคุณบทของพระอรหันต์
นิพพาน มีความหมาย ๒ นัย
นัยที่ ๑ นิพพาน แปลว่ำ ธรรมหาเครื่องเสียบแทงมิได้ หมำยถึงภำวะที่จิต
ปรำศจำกตัณหำเครื่องเสียบแทง นิพพำนตำมควำมหมำยนี้ ตรงกับคำว่ำ สอุปาทิเสส-
นิพพาน คือภำวะที่จิตดับกิเลสตัณหำได้ แต่ยังมีเบญจขันธ์อยู่ หรือภำวะจิตของบุคคลที่สิ้น
กิเลสแล้วแต่ยังมีชีวิตอยู่
นัยที่ ๒ นิพพาน แปลว่ำ ความดับ หมำยถึงภำวะที่ดับกิเลส คือรำคะ โทสะ และ
โมหะได้อย่ำงเด็ดขำด หรือสภำพที่ดับกองทุกข์ในวัฏฏะทั้งมวลอันมี ชาติ ควำมเกิด ชรา
ควำมแก่ มรณะ ควำมตำยเป็นต้น ได้อย่ำงสิ้นเชิง นิพพำนตำมควำมหมำยนี้ ตรงกับคำว่ำ
อนุปาทิเสสนิพพาน คือภำวะที่ดับกิเลสไม่มีเบญจขันธ์เหลือ หรือภำวะที่สิ้นทั้งกิเลสทั้งชีวิต
ดุจประทีปสิ้นเชื้อดับไปฉะนั้น
พระพุทธพจน์ที่แสดงปฏิปทำแห่งนิพพำน มีนัยดังนี้
ภิกษุยินดีในความไม่ประมาทแล้ว หรือเห็นภัยในความประมาทโดยปกติ
ย่อมเป็นผู้ไม่ควรเพื่อเสื่อมรอบ ย่อมปฏิบัติใกล้นิพพานเทียว.
อัปปมำทวรรค : ขุททกนิกำย ธรรมบท
ความไม่ประมาท ในที่นี้ คือกำรอยู่ไม่ปรำศจำกสติ เจริญสติปัฏฐำน ๔ อยู่เสมอ
ซึ่งเป็นหลักธรรมสำคัญที่ทำผู้ปฏิบัติให้บรรลุนิพพำนได้
ภิกษุหนักในพระศาสดา หนักในพระธรรม มีความเคารพกล้าใน
พระสงฆ์ มีความเพียร หนักในสมาธิ มีความเคารพกล้าในสิกขา หนัก
ในความไม่ประมาท และเคารพในปฏิสันถาร ย่อมเป็นผู้ไม่ควรเพื่อ
เสื่อมรอบ ย่อมปฏิบัติใกล้นิพพานเทียว.
คำรวสูตร : อังคุตตรนิกำย สัตตกนิบำต
ความเคารพ ในที่นี้ คือควำมเอื้อเฟื้อตระหนักในพระรัตนตรัย ในกำรบำเพ็ญสมำธิ
ในกำรปฏิบัติตำมหลักไตรสิกขำ ในควำมไม่ประมำทต่อกำรเจริญสติปัฏฐำน ๔ และในธรรม
ปฏิสันถำร เมื่อผู้ใดมีควำมเคำรพดังกล่ำวมำนี้ ชื่อว่ำปฏิบัติตนเพื่อควำมเจริญ มุ่งตรงต่อกำร
บรรลุนิพพำนอย่ำงแน่แท้
ฌานและปัญญามีในผู้ใด ผู้นั้นปฏิบัติใกล้นิพพาน.
ภิกขุวรรค : ขุททกนิกำย ธรรมบท
ฌานและปัญญา ในที่นี้ คือ ฌาน ได้แก่จิตที่เป็นสมำธิแน่วแน่ สงบจำกนิวรณธรรม
ในภำคปฏิบัติ ได้แก่ การเจริญสมถกัมมัฏฐาน ส่วนปัญญา ได้แก่จิตที่รู้เท่ำทันควำมเป็นไป
ของสรรพสิ่งตำมเป็นจริง ในภำคปฏิบัติ ได้แก่ การเจริญวิปัสสนากัมมัฏฐาน
ภิกษุ เธอจงวิดเรือนี้ เรืออันเธอวิดแล้ว จักพลันถึง
เธอตัดราคะและโทสะแล้ว แต่นั้นจักถึงนิพพาน.
ภิกขุวรรค : ขุททกนิกำย ธรรมบท
คำว่ำ เรือ หมำยถึง อัตภาพร่างกายของคนเรำ อันลอยอยู่ในแม่น้ำคือสังสำรวัฏ
เรืออันเธอวิดแล้ว หมำยถึงกำรบรรเทำกิเลสและบำปธรรมให้เบำบำงลงจนตัดได้เด็ดขำด
เมื่อตัดกิเลสและบำปธรรมได้แล้ว เรือคืออัตภำพนี้ก็จักแล่นไปถึงท่ำคือพระนิพพำนได้
ในที่สุด
สมัครสมาชิก:
บทความ (Atom)