วันศุกร์ที่ 9 พฤศจิกายน พ.ศ. 2561

สิ่งต้องจัดเตรียมในพิธีอุปสมบท

สิ่งต้องจัดเตรียมในพิธีอุปสมบท
สิ่งต้องจัดเตรียมในพิธีอุปสมบทประกอบด้วยสิ่งจาเป็นตามข้อกาหนดในพระวินัย
ได้แก่อัฐบริขาร เรียกว่า บริขารแปด และเครื่องใช้สอยสาหรับพระบวชใหม่ คือ
๑. ไตรครอง ประกอบด้วย สังฆาฏิ จีวร สบง ประคตเอว อังสะ ผ้ารัดอก
๒. บาตร พร้อมฝาบาตร เชิงบาตร ถลกบาตร สายสะพาย๓. มีดโกน พร้อมหินลับมีด
๔. เข็มเย็บผ้า พร้อมด้ายเย็บผ้า
๕. ธมกรก อ่านว่า ทะมะกะหรก คือ ที่กรองน้า
๖. เสื่อ หมอน มุ้ง ผ้าห่ม ผ้าเช็ดตัว
๗. ตาลปัตร ย่าม ร่ม รองเท้า
๘. จาน ช้อนส้อม กระติกน้า แก้วน้า
๙. ขันอาบน้า สบู่ ยาสีฟัน แปรงสีฟัน
สิ่งของข้อ ๑ ถึง ๕ ขาดสิ่งใดสิ่งหนึ่งไม่ได้ เพราะเป็นอัฐบริขารของพระภิกษุ จาเป็น
ต้องมีส่วนข้อ ๖ ถึง ๙ จะมีหรือไม่มีก็ได้ เพราะสามารถจัดหาเพิ่มเติมได้ภายหลัง สาหรับ
การเตรียมอัฐบริขาร ผ้าไตรครองควรวางไว้บนพานแว่นฟ้า มีดโกน พร้อมหินลับมีด กล่องเข็ม
และธมกรก รวบรวมใส่ไว้ในบาตร นาบาตรสวมในถลกบาตรอีกชั้นหนึ่ง
พิธีปลงผมและทาขวัญนาค
งานอุปสมบท เรียกอีกอย่างหนึ่งว่า งานบวช หรือ งานบวชนาค ตามประเพณี
ภาคกลาง ถือเป็นงานใหญ่ มีการออกบัตรเชิญหรือแจกการ์ด แก่ญาติมิตรของเจ้าภาพและ
เพื่อนนาคด้วย เดิมนิยมจัดงานเป็น ๒ วัน วันแรกเป็นวันทาขวัญนาค หลังจากปลงผมแต่งตัว
นาคเรียบร้อยแล้ว อาจมีพิธีเจริญพระพุทธมนต์ตอนเย็น แต่จะไม่เลี้ยงพระเช้า เพราะตอน
เช้าเจ้าภาพต้องเตรียมแห่นาคไปวัด พระสงฆ์เจริญพระพุทธมนต์จบ เจ้าภาพถวายไทยธรรม
พระสงฆ์อนุโมทนา เจ้าภาพและนาคกรวดน้ารับพร เป็นอันเสร็จพิธี ภาษาท้องถิ่นเรียกว่า
สวดมนต์ปล่อย ตกตอนกลางคืน จึงให้มีพิธีทาขวัญนาค หรือบางงานนิมนต์พระมาเทศน์
สอนนาคแทน เพื่อให้นาคเข้าใจถึงวัตถุประสงค์และอานิสงส์ของการบวช อาจมีมหรสพมา
แสดงสมโภชด้วยก็ได้
ความหมายคาว่า นาค
นาค แปลว่า ผู้ประเสริฐ หรือ ผู้ไม่กลับมาสู่ความชั่ว หมายถึง มีจิตศรัทธาบวช
ตั้งใจละความไม่ดีต่าง ๆ เคยทามาแล้ว และจะไม่หวนกลับมาทาสิ่งนั้นอีก ผู้บวชแล้วกลับมา
ทาความชั่วความเลวอีก โบราณบอกว่า บวชเสียผ้าเหลือง ความเป็นมาของคาว่า นาค

มีเรื่องเล่าว่าครั้งหนึ่ง พระพุทธเจ้าเสด็จไปแสดงธรรมโปรดเวไนยสัตว์ พญานาคตนหนึ่งจาแลง
กาย เป็นชายหนุ่มมาฟังพระธรรมเทศนาด้วย เกิดความเลื่อมใสในพระพุทธศาสนา มีความ
ประสงค์จะบวชเป็นพระภิกษุ จึงเข้าไปหาพระสงฆ์ เพื่อขอบวชพระ พระสงฆ์ไม่ทราบว่า
พญานาคจาแลงมา จึงบวชให้ เมื่อท่านบวชแล้ว ได้ปฏิบัติตามพระธรรมวินัยเหมือนพระสงฆ์
รูปอื่น ๆ ต่อมาวันหนึ่งพระภิกษุนาคจาแลงนั้น นอนเผลอสติหลับไป ร่างมนุษย์ได้กลับคืน
เป็นพญานาคตามเดิม พระภิกษุรูปหนึ่งมาเห็นเข้า ตกใจกลัว ไปกราบทูลพระพุทธเจ้า
ให้ทรงทราบ พระองค์สั่งให้ตรัสเรียกพระภิกษุนาคจาแลงนั้นมา ตรัสบอกว่า สัตว์ดิรัจฉาน
ไม่สามารถอุปสมบทเป็นพระภิกษุในพระพุทธศาสนาได้ พญานาคจึงสละเพศพระภิกษุ
แต่ด้วยความเลื่อมศรัทธาในพระพุทธศาสนา จึงทูลขอพรว่า ภายภาคหน้า ถ้ากุลบุตรมี
ศรัทธาขอบวชพระให้เรียกผู้นั้นว่า นาค พระพุทธเจ้าทรงประทานพรนั้น คาว่า นาค จึงเป็น
คาเรียกผู้ขอบรรพชาอุปสมบทมาจนบัดนี้การจัดขบวนแห่นาค
การจัดขบวนแห่นาค มีรูปแบบการจัดแตกต่างกันไปในแต่ละพื้นที่ ในเขตภาคกลาง
เดิมมีการจัดขบวนแห่นาคจากบ้านงานไปวัด ทั้งทางน้าและทางบก ปัจจุบันการคมนาคม
ทางบกสะดวกกว่า จึงนิยมแห่นาคทางบกเป็นหลัก ขบวนแห่นาคจัดการแสดงนาหน้า เช่น
สิงโต ฟ้อนรา ตามด้วยดนตรี กลองยาว หรือแตรวง ลาดับต่อมาเป็นผู้ถือของสักการะ
พระอุปัชฌาย์และคู่สวด ผู้ถือไทยธรรมพระอันดับ บิดาหรือญาติผู้ชายสะพายบาตร ถือตาลปัตร
มารดาหรือญาติผู้หญิง อุ้มพานแว่นฟ้า ผ้าไตรครอง ส่วนนาคประนมมือ ถือดอกบัว ๓ ดอก
ธูป ๓ ดอก เทียน ๒ เล่ม เดินตรงกลางขบวน ญาติผู้หญิงอุ้มพานแว่นฟ้า ผ้าไตรอาศัย ผู้ถือ
บริขารสาหรับพระบวชใหม่ และ ผู้ร่วมขบวนแห่ทั้งหมด เดินตามหลังนาค กระทั่งนาคเข้าโบสถ์

พิธีอุปสมบทเป็นพระภิกษุ

พิธีอุปสมบทเป็นพระภิกษุ
การอุปสมบท คือ การบวชกุลบุตรเป็นพระภิกษุ เรียกให้เต็มรูปแบบของพิธีบวชว่า
พิธีบรรพชาอุปสมบท เพราะผู้บวชเป็นพระภิกษุ ต้องผ่านการบวชเป็นสามเณรในเบื้องต้นก่อน
คาว่า อุปสมบท มาจากคาว่า อุปสัมปทา แปลว่า ความถึงพร้อม ผู้จะอุปสมบทต้องมีคุณสมบัติ
พร้อมสมบูรณ์ เช่น เป็นผู้ชาย มีอายุครบ ๒๐ ปี ได้รับอนุญาตจากบิดามารดา มีอัฐบริขารครบ
ไม่มีบรรพชาโทษหรือข้อห้ามในการอุปสมบท เช่น เป็นโรคเรื้อรัง เป็นทาสเขา มีหนี้สินติดตัว
เป็นข้าราชการ ยังไม่ได้รับอนุญาตให้ลาบวช
การเตรียมตัวอุปสมบทเป็นพระภิกษุ เหมือนการเตรียมตัวบรรพชาเป็นสามเณร
ข้างต้น เพียงแต่เดิมผู้ขออุปสมบทต้องไปอยู่วัด ประมาณ ๑๕ วัน ถึง ๑ เดือน เพื่อฝึกท่อง
ขานนาค นอกจากนี้ ยังต้องท่องบทสวดมนต์อื่น ๆ ซึ่งจาเป็นต้องใช้หลังจากอุปสมบทแล้ว
แต่ปัจจุบันการปฏิบัติเช่นนี้มีน้อยแล้ว ผู้ขออุปสมบทส่วนมากท่องขานนาคที่บ้าน พอใกล้ถึง
วันบวช จึงไปฝึกซ้อมต่อหน้าพระอุปัชฌาย์หรือผู้ได้รับมอบหมาย อย่างไรก็ตาม ผู้บวชต้อง
ท่องขานนาคจนจาได้และกล่าวคาขอบรรพชาอุปสมบทได้ถูกต้องชัดเจนด้วยตนเอง

ระเบียบพิธีบรรพชาสามเณร

ระเบียบพิธีบรรพชาสามเณร
ก่อนถึงเวลา ผู้ขอบรรพชาควรปลงผม โกนขนคิ้ว โกนหนวดให้เรียบร้อย ถึงเวลา
บรรพชา จุดธูปเทียนบูชาพระรัตนตรัย กราบด้วยเบญจางประดิษฐ์ ๓ ครั้ง รับผ้าไตรจาก
บิดามารดาหรือผู้ปกครอง เข้าไปหาพระอุปัชฌาย์ ถวายเครื่องสักการะพระอุปัชฌาย์
กราบ ๓ ครั้ง อุ้มผ้าไตรระหว่างแขน ประนมมือ กล่าวคาขอบรรพชา คาขอบรรพชามี ๒ แบบ
คือ อุกาสะ และ เอสาห จะกล่าวแบบใด พระอุปัชฌาย์เป็นผู้กาหนดให้ท่องพระอุปัชฌาย์
รับผ้าไตรไปถือไว้ ให้โอวาท และสอนตจปัญจกกัมมัฏฐาน โดยอนุโลมและปฏิโลม เสร็จแล้ว
มอบผ้าไตรให้นุ่งห่ม ผู้ขอบรรพชาครองผ้าเรียบร้อยแล้ว กลับเข้ามาหาพระอุปัชฌาย์
นั่งคุกเข่าประนมมือ เปล่งวาจาขอสรณคมน์และศีล ๑๐ พระอุปัชฌาย์ว่านะโม ๓ จบ ต่อด้วย
สรณคมน์และศีล ๑๐ ผู้ขอบรรพชาเปล่งวาจาตามไปทุกบท จบแล้วกราบพระอุปัชฌาย์
๓ ครั้ง เป็นอันเสร็จพิธี
สามเณร แปลว่า เหล่ากอของสมณะ จัดเป็นบรรพชิตในพระพุทธศาสนา ๕ ประเภท
ประกอบด้วย ภิกษุ ภิกษุณี สิกขมานา สามเณร สามเณรี รวมเรียกว่า สหธรรมิก ปัจจุบัน
ในประเทศไทยเหลืออยู่เพียงภิกษุและสามเณรเท่านั้น สามเณรต้องรักษาศีล ๑๐ ข้อ คือ
๑. เว้นจากการฆ่าสัตว์
๒. เว้นจากการลักขโมย
๓. เว้นจากการเสพกาม
๔. เว้นจากการพูดโกหก พูดคาหยาบ พูดยุยงให้เขาแตกกัน และพูดเรื่องไร้สาระ
๕. เว้นจากการดื่มสุราเมรัยและของมึนเมาต่าง ๆ
๖. เว้นจากการฉันอาหารในเวลาวิกาล หลังจากเที่ยงวันเป็นต้นไป
๗. เว้นจากการฟ้อนรา ขับร้อง ประโคมดนตรี และดูการละเล่น
๘. เว้นจากการตกแต่งร่างกาย ทัดทรงดอกไม้ ลูบไล้ด้วยของหอม
๙. เว้นจากการนั่งนอนบนเตียงฟูกตั่งสูงใหญ่ ภายในยัดนุ่นสาลี มีลวดลายวิจิตร
งดงาม
๑๐. เว้นจากการรับเงินและทอง รวมทั้งของมีค่าอื่น ๆ
ถ้าสามเณรทาผิดศีลทั้ง ๑๐ ข้อนี้ เรียกว่า ศีลขาด หมายถึง ขาดจากความเป็นสามเณร
แต่สามเณรสามารถสมาทานศีล ๑๐ ข้อนั้นอีกได้ เรียกว่า ต่อศีล นอกจากนั้นสามเณรยังต้อง
ศึกษาและปฏิบัติตามเสขิยวัตร ๗๕ ข้อเช่นเดียวกับพระภิกษุ เพื่อฝึกกิริยามารยาทให้เรียบร้อย
เป็นที่เจริญศรัทธาเกิดความเลื่อมใสแก่ผู้พบเห็น