วันพฤหัสบดีที่ 22 กรกฎาคม พ.ศ. 2564

วิชาพุทธานุพุทธประวัติ นักธรรมชั้นเอก 2544

 ปัญหาและเฉลยวิชาพุทธานุพุทธประวัติ  นักธรรมชั้นเอก

สอบในสนามหลวง

วันอาทิตย์ ที่  ๔  พฤศจิกายน  พ.ศ. ๒๕๔๔

๑.

๑.๑

อาสภิวาจาคือวาจาเช่นไร ?  มีใจความว่าอย่างไร ?


๑.๒

พระพุทธองค์ทรงยืนยันพระองค์เองว่า เป็นสัมมาสัมพุทธะ เพราะทรงอาศัยเหตุอะไร ?

๑.

๑.๑

 คือวาจาที่เปล่งอย่างองอาจ เป็นภาษิตของบุรุษพิเศษอาชาไนย

มีใจความว่า  เราเป็นผู้เลิศ  เป็นผู้ใหญ่  เป็นผู้ประเสริฐแห่งโลก


๑.๒

เพราะทรงอาศัยเหตุที่ตรัสรู้อริยสัจ ๔  อย่างแจ่มแจ้งครบถ้วนทุกประการ อันมีรอบ ๓ มีอาการ ๑๒ จึงทรงปฏิญาณพระองค์ว่า เป็นสัมมาสัมพุทธะ

๒.

๒.๑

พระปัญจวัคคีย์ ได้ออกบวชตามพระมหาบุรุษเพราะมีความเชื่ออย่างไร ?


๒.๒

การได้บรรลุอริยผลของพระปัญจวัคคีย์  วันเดียวกันหรือต่างวันกัน ?

๒.

๒.๑

มีความเชื่อว่า พระมหาบุรุษจะได้ตรัสรู้อย่างแน่นอน จึงพร้อมใจกันออกบวชติดตามเฝ้าอย่างใกล้ชิด ด้วยหวังว่า พระองค์ได้ตรัสรู้แล้ว

จักได้เทศนาโปรดตน


๒.๒

การบรรลุอริยผลชั้นต้นต่างวันกัน ส่วนการบรรลุอริยผลชั้นสูงสุด

วันเดียวกัน

๓.

๓.๑

บุคคลผู้ได้ชื่อว่า  อัปปรชักขชาติ  มีลักษณะอย่างไร ?


๓.๒

พระโกณฑัญญะ ได้นามเพิ่มข้างหน้าว่า พระอัญญาโกณฑัญญะ 

เพราะเหตุใด ?

๓.

๓.๑

มีกิเลสธุลีในปัญญาจักษุน้อยเป็นปกติ สามารถจะรู้ทั่วถึงธรรมได้โดยพลัน


๓.๒

เพราะพระพุทธองค์ทรงทราบว่า ดวงตาเห็นธรรมได้เกิดขึ้นแล้วแก่ท่าน

จึงทรงเปล่งอุทานว่า อญฺญาสิ วต โภ โกณฺฑญฺโญ อญฺญาสิ วต โภ 

โกณฺฑญฺโญ  โกณฑัญญะได้รู้แล้วหนอ ๆ อาศัยคำอุทานว่า อญฺญาสิ  อญฺญาสิ  ท่านจึงได้นามเพิ่มข้างหน้าว่า  อัญญาโกณฑัญญะ

๔.

๔.๑

พระศาสดาทรงแสดงอนุปุพพีกถา และอริยสัจ ๔ ตามลำดับ แก่บุคคลผู้มีคุณสมบัติเช่นไร ?


๔.๒

พระศาสดาประทานเอหิภิกขุอุปสัมปทาแก่พระยสกุลบุตรว่าอย่างไร ?

๔.

๔.๑

แก่ผู้มีคุณสมบัติดังต่อไปนี้คือ

           ๑) เป็นมนุษย์

           ๒) เป็นคฤหัสถ์

           ๓) มีอุปนิสัยแก่กล้า  ควรบรรลุโลกุตรคุณ


๔.๒

ท่านจงเป็นภิกษุมาเถิด ธรรมเรากล่าวดีแล้ว ท่านจงประพฤติพรหมจรรย์เถิด

๕.

๕.๑

คำว่า  " บัวไม่ให้ช้ำ น้ำไม้ให้ขุ่น "   เปรียบด้วยปฏิปทาจริยาวัตร

ข้อใดของพระโมคคัลลานะ ?


๕.๒

เจ้าศากยะได้ทูลขอพระศาสดาให้บวชอุบาลีภูษามาลาก่อน เพราะเห็นประโยชน์อันใด ?

๕.

๕.๑

ข้อที่ท่านเป็นผู้ฉลาดในการแนะนำตระกูลที่ยังไม่เลื่อมใสให้เลื่อมใส  ไม่ทำศรัทธาและโภคทรัพย์ของเขาให้เสีย เปรียบเหมือนแมลงผึ้งบินเที่ยวไปในสวนดอกไม้ ไม่ทำสีและกลิ่นของดอกไม้ให้ช้ำ ถือเอาแต่รสบินไปฉะนั้น


๕.๒

เพราะเห็นประโยชน์ว่า จักได้ทำการกราบไหว้ ลุกรับ ประณมมือ  และทำกิจที่สมควรอื่น ๆ แก่พระอุบาลีซึ่งเดิมเป็นคนรับใช้ เมื่อเป็นเช่นนี้จักละมานะความถือตัวได้

๖.

๖.๑

ข้อความว่า " ขออย่าให้พระภิกษุทั้งหลายบวชบุตรที่บิดามารดายังไม่อนุญาตต่อไป " เป็นคำพูดของใคร ?  มีความเป็นมาอย่างไร ?


๖.๒

พระราหุลได้สำเร็จเป็นพระอรหันต์  เพราะได้สดับธรรมอะไร ?

๖.

๖.๑

เป็นพระดำรัสของพระเจ้าสุทโธทนะ, มีความเป็นมาอย่างนี้ คือเมื่อ

พระนันทะพระโอรสทรงผนวช พระเจ้าสุทโธทนะทรงโทมนัสเป็น

อันมาก ครั้นราหุลกุมารบวชแล้ว สิ้นผู้ที่จะสืบพระวงศ์ ยิ่งทรงโทมนัสมากขึ้น ทรงปรารภถึงทุกข์อันนี้ที่จะพึงมีแก่มารดาบิดาในตระกูลอื่นในเวลาเมื่อบุตรออกบวช  จึงทูลขอพรนี้                          


๖.๒

เพราะได้สดับพระโอวาทซึ่งสั่งสอนในทางวิปัสสนาคล้ายกับโอวาทที่

ตรัสสอนพระปัญจวัคคีย์ต่างกันแต่ทรงยกอายตนะภายในภายนอก

เป็นต้นขึ้นแสดงแทนขันธ์  ๕  เท่านั้น

๗.

๗.๑

พระพุทธเจ้าทรงสั่งสอนคฤหัสถ์ด้วยวิธี ๔ สถานนั้น ได้แก่อะไรบ้าง ?


๗.๒

ในการสอนธรรมของพระพุทธองค์นั้น ทรงมีจุดมุ่งหมายอย่างไรบ้าง ?

๗.

๗.๑

ได้แก่      ๑) สันทัสสนา  ชี้ให้ชัด  ให้เห็นแจ่มแจ้งในสัมมาปฏิบัติ

           ๒) สมาทปนา  ชวนให้ปฏิบัติ  แสดงเหตุผลให้เห็นสมจริง

           ๓) สมุตเตชนา  ให้อาจหาญ  มีกำลังใจในสัมมาปฏิบัติ

           ๔) สัมปหังสนา  ให้ร่าเริง  แช่มชื่น  ในการปฏิบัติตามธรรม

               ของพระสัมมาสัมพุทธเจ้า


๗.๒

อย่างนี้คือ ๑) เพื่อให้ผู้ฟังได้รู้เห็นในสิ่งที่ควรรู้ควรเห็น

            ๒) เพื่อให้ผู้ฟังใช้เหตุผลตรองตามจนเห็นจริง

            ๓) เพื่อให้ผู้ฟังนำไปปฏิบัติและได้รับผลของการปฏิบัติ

                ตามสมควรแก่การปฏิบัติของตน ๆ

๘.

๘.๑

จงแสดงใจความแห่งพระพุทธพจน์ที่ชี้ให้เห็นว่า พระอรหันต์ยังมีได้ตลอดเวลาที่บุคคลยังปฏิบัติชอบอยู่ ?


๘.๒

ในสมัยพุทธกาล พระสาวกองค์ใดได้รับการอุปสมบทด้วยญัตติจตุตถ-กรรมวาจาเป็นองค์แรก  และองค์ใดเป็นองค์สุดท้าย ?

๘.

๘.๑

ใจความแห่งพระพุทธพจน์ที่ตรัสก่อนปรินิพพานกับสุภัททปริพาชกว่า  " ดูก่อนสุภัททะ  ถ้าภิกษุทั้งหลาย  ยังเป็นผู้ปฏิบัติดีปฏิบัติชอบอยู่ โลกก็จะไม่ว่างจากพระอรหันต์ "


๘.๒

พระราธะเป็นองค์แรก  พระสุภัททะเป็นองค์สุดท้าย

๙.

๙.๑

ภิกษุณีผู้มีชื่อต่อไปนี้ได้รับเอตทัคคะในทางไหน ?

           ก. พระนางมหาปชาบดีโคตมี         

           ข. นางเขมาเถรี              

           ค. นางอุบลวัณณาเถรี          

           ง. นางปฏาจาราเถรี                   

           จ. นางธัมมทินนาเถรี


๙.๒

พระสงฆ์เถรวาทในเมืองไทยไม่สามารถบวชภิกษุณีได้เพราะเหตุไร ?

๙.

๙.๑

           ก. ได้รับเอตทัคคะในทางรัตตัญญู   

           ข. ได้รับเอตทัคคะในทางมีปัญญา

           ค. ได้รับเอตทัคคะในทางมีฤทธิ์                

           ง. ได้รับเอตทัคคะในทางทรงวินัย

           จ. ได้รับเอตทัคคะในทางธรรมกถึก


๙.๒

เพราะมีพระพุทธานุญาตว่า " ภิกษุณีต้องบวชจากภิกษุณีสงฆ์ก่อน  แล้วจึงบวชจากภิกษุสงฆ์อีกครั้งหนึ่ง " เวลานี้ภิกษุณีสงฆ์ไม่มีแล้ว  การที่จะบวชภิกษุณีจึงไม่สามารถทำได้

๑๐.

๑๐.๑

พระยาวัสวดีมาร ได้ทูลขอพระพุทธเจ้าให้เสด็จปรินิพพานกี่ครั้ง ?

ที่ไหนบ้าง ?


๑๐.๒

เมื่อคราวที่มารทูลขอให้ปรินิพพานครั้งแรก พระองค์ทรงตอบมารว่าอย่างไร ?

๑๐.

๑๐.๑

ได้ทูลขอพระพุทธเจ้าให้เสด็จปรินิพพาน ๒ ครั้งคือ

           ครั้งแรกที่ใต้ต้นอชปาลนิโครธ

           ครั้งที่สองที่ปาวาลเจดีย์


๑๐.๒

ทรงตอบมารว่า " ดูก่อนมารผู้ใจบาป เมื่อใดพุทธบริษัท ๔ เป็นผู้ฉลาด เป็นพหูสูตร สามารถดำรงพระธรรมวินัยสืบต่อศาสนาได้ สามารถแสดงธรรมโปรดเวไนยสัตว์ ให้สำเร็จมรรค ผล นิพพาน และเผยแผ่ศาสนาไปได้อย่างกว้างขวางมั่นคง เมื่อนั้น ตถาคต

จึงจะปรินิพพาน "

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น