วันเสาร์ที่ 16 ธันวาคม พ.ศ. 2560

บทที่ ๙ บำเพ็ญพุทธกิจในมคธและเสด็จสักกะ

บทที่ ๙  บำเพ็ญพุทธกิจในมคธและเสด็จสักกะ
•   พระมหากัสสปะมีชื่อเดิมว่า ปิปผลิมาณพ  เป็นบุตรกบิลพราหมณ์กัสสปโคตร  ในบ้านมหาติฏฐะ  จังหวัดมคธรัฐ  แต่งงานกับนางภัททกาปิลานี  บุตรีพราหมณ์โกสิยโครต  แห่งสาคลนคร  จังหวัดมคธรัฐ
•   ปิปผลิมาณพได้เดินทางไปพบพระพุทธเจ้าที่ใต้ต้นไทร มีชื่อว่าพหุปุตตกนิโครธ  กึ่งทางระหว่างกรุงราชคฤห์กับเมืองนาลันทา
•   พระพุทธเจ้าทรงบวชให้พระกัสสปะด้วยการประทานโอวาท  ๓  ข้อ
๑. กัสสปะ ท่านพึงศึกษาว่า  เราจักเข้าไปตั้งความละอายและความยำเกรงไว้ในภิกษุทั้งที่เป็นผู้เฒ่า-ผู้ใหม่-ปานกลาง
๒. ธรรมอันใดที่ประกอบด้วยกุศล เราจะตั้งใจฟังและพิจารณาเนื้อความแห่งธรรมนั้น
๓. เราจักไม่ละสติออกจากกาย  คือพิจารณากายเป็นอารมณ์
•   เมื่อพระกัสสปะบวชแล้ว ภิกษุสหธรรมิกนิยมเรียกท่านว่า  พระมหากัสสปะ
•   การอุปสมบทด้วยการรับโอวาท ๓ ข้อ เรียกว่า  โอวาทปฏิคคหณูปสัมปทา
•   พระมหากัสสปะได้ฟังพระพุทธโอวาท  ๓  ข้อแล้วบำเพ็ญเพียรบรรลุธรรมในวันที่ ๘  แห่งการอุปสมบท
•   พระมหากัสสปะ  ถือธุดงค์คุณ  ๓  อย่างคือ 
๑. ถือการนุ่งห่มผ้าบังสุกุลเป็นวัตร  
๒. ถือการเที่ยวบิณฑบาตรเป็นวัตร   
๓. ถือการอยู่ป่าเป็นวัตร
•   ได้รับยกย่องจากพระศาสดาว่า  เป็นผู้เลิศกว่าภิกษุทั้งหลายผู้ทรงธุดงค์
•   จาตุรงคสันนิบาต แปลว่าการประชุมพร้อมด้วยองค์  ๔  คือ
๑.   พระอรหันต์ขีณาสพ  อยู่จบพรหมจรรย์  ๑๒๕๐  องค์  มาประชุมกัน
๒. พระสาวกเหล่านั้น  ล้วนเป็นเอหิภิกขุ ผู้ได้อภิญญา ๖
๓.   พระสาวกเหล่านั้น  ต่างมากันเองโดยมิได้นัดหมายกันมาก่อน
๔. เป็นวันเพ็ญ  พระจันทร์เต็มดวง  เสวยมาฆฤกษ์   พระบรมศาสดาทรงแสดงโอวาทปาฏิโมกข์ในท่ามกลางสาวกเหล่านั้น
 พระศาสดาทรงอนุญาตเสนาสนะ( ที่นอนและที่นั่ง) ๕ ชนิด คือ
๑.วิหาร คือกุฏิมีหลังคา 
๒.  อัฑฒโยค คือกระท่อม 
๓.ปราสาท คือเรือนชั้น(กุฏิหลาย ๆ ชั้น)
๔. หัมมิยะ  ได้แก่  เรือนหรือกุฏิหลังคาตัด      
๕.  คูหา  ได้แก่ ถ้ำ 
•   ราชคหกเศรษฐี เป็นผู้ถวายเสนาสนะ  ๖๐  หลังเป็นคนแรก
 ทรงแสดงวิธีทำปุพพเปตพลี
•   พระเจ้าพิมพิสารทรงกระปุพพเปตพลีทำเป็นครั้งแรก   
•   ทักษิณาอุทิศคนตายทั่วไป  เรียกว่า  ทักษิณานุปทาน
•   มตกทาน  แปลว่า  การอุทิศให้ผู้ตาย
•   ทักษิณาอุทิศเฉพาะบุรพบิดา  เรียกว่าปุพพเปตพลี
•   การอุปสมบทแบบญัตติจตุตถกรรมอุปสัมปทา  พระราธะบวชเป็นองค์แรก  มีพระสารีบุตรเป็นอุปัชฌาย์  ที่เวฬุวันมหาวิหาร  กรุงราชคฤห์
•   พระราธได้รับยกย่องจากพระศาสดาว่า เป็นผู้เลิศกว่าภิกษุทั้งหลายในทางปฏิภาณ
•   การบวชหรืออุปสมบทกรรมมี  ๓  วิธี คือ
๑. เอหิภิกขุอุปสัมปทา   ๒.  ติสรณคมนูปสัมปทา   
๓.  ญัตติจตุตถกรรม 

 พระพุทธองค์ ทรงแสดงทิศ  ๖  แก่สิงคาละมาณพ

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น