ทิศ ๖
๑. ปุรัตถิมทิส คือทิศเบื้องหน้า มารดาบิดา
๒. ทักขิณทิส คือทิศเบื้องขวา อาจารย์
๓. ปัจฉิมทิส
คือทิศเบื้องหลัง บุตรภรรยา
๔. อุตตรทิส
คือทิศเบื้องซ้าย มิตร
๕. เหฏฐิมทิส คือทิศเบื้องต่ำ บ่าว
๖. อุปริมทิส คือทิศเบื้องบน สมณพราหมณ์
๑. ปุรัตถิมทิส คือทิศเบื้องหน้า มารดาบิดา
บุตรพึงบำรุงด้วยสถาน ๕
๑. ท่านได้เลี้ยงมาแล้ว เลี้ยงท่านตอบ
๒. ทำกิจของท่าน ๓. ดำรงวงศ์สกุล
๔. ประพฤติตนให้เป็นคนควรรับทรัพย์มรดก
๕.
เมื่อท่านล่วงลับไปแล้ว ทำบุญอุทิศให้ท่าน
มารดาบิดาได้รับบำรุงฉะนี้แล้ว ย่อมอนุเคราะห์บุตรด้วยสถาน ๕
๑. ห้ามไม่ให้ทำความชั่ว ๒.
ให้ตั้งอยู่ในความดี ๓. ให้ศึกษาศิลปวิทยา
๔. หาภรรยา/สามีที่สมควร ๕.
มอบทรัพย์ให้ในสมัย
๒. ทักขิณทิส คือทิศเบื้องขวา อาจารย์
ศิษย์พึงบำรุงด้วยสถาน ๕
๑. ด้วยลุกขึ้นยืนรับ ๒.
ด้วยเข้าไปยืนคอยรับใช้ ๓. ด้วยเชื่อฟัง
๔. ด้วยอุปัฏฐาก ๕.
ด้วยเรียนศิลปวิทยาโดยเคารพ
อาจารย์ได้รับบำรุงฉะนี้แล้ว ย่อมอนุเคราะห์ศิษย์ด้วยสถาน ๕
๑. แนะนำดี
๒. ให้เรียนดี ๓.
บอกศิลปให้สิ้นเชิง
ไม่ปิดบังอำพราง
๔. ยกย่องให้ปรากฏในเพื่อนฝูง ๕.
ทำความป้องกันในทิศทั้งหลาย
๓. ปัจฉิมทิส คือทิศเบื้องหลัง ภรรยา
สามีพึงบำรุงด้วยสถาน ๕
๑. ด้วยยกย่องนับถือว่าเป็นภรรยา ๒.
ด้วยไม่ดูหมิ่น ๓. ด้วยไม่ประพฤติล่วงใจ
๔. ด้วยมอบความเป็นใหญ่ให้ ๕.
ด้วยให้เครื่องแต่งตัว
ภรรยาได้รับบำรุงฉะนี้แล้ว ย่อมอนุเคราะห์สามีด้วยสถาน ๕
๑. จัดการงานดี
๒.
สงเคราะห์คนข้างเคียงของผัวดี
๓. ไม่ประพฤติล่วงใจผัว
๔. รักษาทรัพย์ที่ผัวหามาได้ไว้ ๕. ขยันไม่เกียจคร้านในกิจการทั้งปวง
๔. อุตตรทิส คือทิศเบื้องซ้าย มิตร
กุลบุตรพึงบำรุงด้วยสถาน ๕
๑. ด้วยให้ปัน ๒.
ด้วยเจรจาถ้อยคำไพเราะ ๓. ด้วยประพฤติประโยชน์
๔. ด้วยความเป็นผู้มีตนเสมอ ๕. ด้วยไม่แกล้งกล่าวให้คลาดจากความเป็นจริง
มิตรได้บำรุงฉะนี้แล้ว ย่อมอนุเคราะห์กุลบุตรด้วยสถาน ๕
๑. รักษามิตรผู้ประมาทแล้ว ๒.
รักษาทรัพย์ของมิตรผู้ประมาทแล้ว
๓. เมื่อมีภัย เอาเป็นที่พึ่งพำนักได้ ๔.
ไม่ละทิ้งในยามวิบัติ ๕. นับถือตลอดถึงวงศ์ของมิตร
๕. เหฏฐิมทิส คือทิศเบื้องต่ำ บ่าว
นายพึงบำรุงด้วยสถาน ๕
๑. ด้วยจัดการงานให้ทำตามสมควรแก่กำลัง ๒.
ด้วยให้อาหารและรางวัล
๓. ด้วยรักษาพยาบาลในเวลาเจ็บไข้ ๔. ด้วยแจกของมีรสประหลาดให้กิน
๕. ด้วยปล่อยในสมัย
บ่าวได้บำรุงฉะนี้แล้ว ย่อมอนุเคราะห์นายด้วยสถาน ๕
๑. ลุกขึ้นทำการงานก่อนนาย ๒.
เลิกการงานทีหลังนาย ๓.
ถือเอาแต่ของที่นายให้
๔. ทำการงานให้ดีขึ้น ๕.
นำคุณของนายไปสรรเสริญในที่นั้น ๆ
๖. อุปริมทิส
คือทิศเบื้องบน สมณพราหมณ์
กุลบุตรพึงบำรุงด้วยสถาน ๕
๑. ด้วยกายกรรม
คือทำอะไร ๆ ประกอบด้วยเมตตา ๒.
ด้วยวจีกรรม คือพูดอะไร ๆ ประกอบด้วยเมตตา ๓.
ด้วยมโนกรรม คือคิดอะไร ๆ ประกอบด้วยเมตตา ๔. ด้วยความเป็นผู้ไม่ปิดประตู คือมิได้ห้ามเข้าบ้านเรือน ๕.
ด้วยให้อามิสทาน
สมณพราหมณ์ได้รับบำรุงฉะนี้แล้ว ย่อมอนุเคราะห์กุลบุตรด้วยสถาน ๖
๑. ห้ามไม่ให้กระทำความชั่ว ๒.
ให้ตั้งอยู่ในความดี
๓. อนุเคราะห์ด้วยน้ำใจอันงาม ๔. ให้ได้ฟังสิ่งที่ยังไม่เคยฟัง
๕.
ทำสิ่งที่เคยฟังแล้วให้ชัดเจน ๖. บอกทางสวรรค์ให้
อบายมุข คือเหตุเครื่องฉิบหาย ๖
๑. ดื่มน้ำเมา
๒ เที่ยวกลางคืน ๓.
เที่ยวดูการเล่น ๔. เล่นการพนัน
๕. คบคนชั่วเป็นมิตร ๖.
เกียจคร้านการทำงาน
๑. ดื่มน้ำเมา
มีโทษ ๖
๑. เสียทรัพย์
๒. ก่อการทะเลาะวิวาท ๓.
เกิดโรค ๔. ต้องติเตียน
๕. ไม้รู้จักอาย ๖.ทอนกำลังปัญญา
๒ เที่ยวกลางคืน มีโทษ
๖
๑. ชื่อว่าไม่รักษาตัว ๒.
ชื่อว่าไม่รักษาลูกเมีย ๓. ชื่อว่าไม่รักษาทรัพย์สมบัติ
๔. เป็นที่ระแวงของคนทั้งหลาย ๕.
มักถูกใส่ความ ๖. ได้ความลำบากมาก
๓. เที่ยวดูการเล่น มีโทษตามวัตถุที่ไปดู ๖
๑. รำที่ไหนไปที่นั่น ๒.
ขับร้องที่ไหนไปที่นั่น ๓. ดีดสีตีเป่าที่ไหนไปที่นั่น
๔. เสภาที่ไหนไปที่นั่น ๕.
เพลงที่ไหนไปที่นั่น ๖. เถิดเทิงที่ไหนไปที่นั่น
๔. เล่นการพนัน
มีโทษ ๖
๑. เมื่อชนะย่อมก่อเวร ๒.
เมื่อแพ้ย่อมเสียดายทรัพย์ที่เสียไป
๓. ทรัพย์ย่อมฉิบหาย ๔.ไม่มีใครเชื่อถือถ้อยคำ
๕.
เป็นที่หมิ่นประมาทของเพื่อน
๖.ไม่มีใครประสงค์จะแต่งงานด้วย
๕. คบคนชั่วเป็นมิตร มีโทษตามบุคคลที่คบ ๖
๑. นำให้เป็นนักเลงการพนัน ๒. นำให้เป็นนักเลงเจ้าชู้
๓. นำให้เป็นนักเลงเหล้า ๔.นำให้เป็นคนลวงเขาด้วยของปลอม
๕.
นำให้เป็นคนลวงเขาซึ่งหน้า
๖.นำให้เป็นคนหัวไม้
๖. เกียจคร้านการทำงาน มีโทษ
๖
๑. มักให้อ้างว่า หนาวนัก แล้วไม่ทำการงาน ๒.
มักให้อ้างว่า ร้อนนัก แล้วไม่ทำการงาน
๓.
มักให้อ้างว่าเวลาเย็นแล้ว แล้วไม่ทำการงาน
๔. มักให้อ้างว่า ยังเช้าอยู่
แล้วไม่ทำการงาน
๕. มักให้อ้างว่า
หิวนัก แล้วไม่ทำการงาน ๖. มักให้อ้างว่า กระหายนัก แล้วไม่ทำการงาน
ผู้หวังความเจริญด้วยโภคทรัพย์
พึงเว้นเหตุเครื่องฉิบหาย ๖ ประการนี้เสีย
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น