วันศุกร์ที่ 23 กรกฎาคม พ.ศ. 2564

วิชาวินัยบัญญัติ นักธรรมชั้นเอก 2546

ปัญหาและเฉลยวิชาวินัยบัญญัติ  นักธรรมชั้นเอก

สอบในสนามหลวง

พ.ศ. ๒๕๔๖

๑.

๑.๑

สังฆกรรมมีกี่อย่าง ?  อะไรบ้าง ?


๑.๒

ในสีมาเดียวกัน  ภิกษุจะประชุมกันทำสังฆกรรมวันหนึ่ง ๒ ครั้งไม่ได้ ข้อนี้มีความจริงเป็นอย่างไร ?  จงอธิบาย

๑.

๑.๑

มี  ๔  อย่าง  คือ

    ๑) อปโลกนกรรม

    ๒) ญัตติกรรม 

    ๓) ญัตติทุติยกรรม  

    ๔) ญัตติจตุตถกรรม ฯ


๑.๒

มีความจริงเป็นอย่างนี้ คือ สังฆกรรมบางอย่าง  เช่น  อุโบสถ  ปวารณา  ภิกษุอยู่ในสีมาเดียวกัน  จะต้องพร้อมเพรียงกันทำ  จะแยกกันทำ ๒ พวก ๒ ครั้งไม่ได้ แต่สังฆกรรมบางอย่าง  เช่น  อุปสมบทกรรม อัพภานกรรม  จะทำวันเดียวหลายครั้งก็ได้ ฯ

๒.

๒.๑

สีมามีกี่ประเภท ?  อะไรบ้าง ?


๒.๒

แดนที่มีสังวาสเสมอกันเรียกว่าอะไร ?  มีประโยชน์อย่างไร ?

๒.

๒.๑

มี  ๒  ประเภท  คือ

      ๑) พัทธสีมา  

      ๒) อพัทธสีมา ฯ


๒.๒

เรียกว่า  สมานสังวาสสีมา ฯ




มีประโยชน์อย่างนี้  คือ  ภิกษุผู้อยู่ในเขตนี้  มีสิทธิในอันจะเข้าอุโบสถ  ปวารณา  และสังฆกรรมร่วมกัน  เป็นแดนที่กำหนดความพร้อมเพรียง  ภิกษุผู้อยู่ในสีมานี้ทั้งหมดเข้าประชุมกันเป็นสงฆ์ หรือนำฉันทะของภิกษุ

ผู้ไม่มาเข้าประชุม เรียกว่าสงฆ์ผู้พร้อมเพรียงกัน ฯ

๓.

๓.๑

การทักนิมิตในทิศทั้ง ๘ นั้น  ทักทิศละหนถูกต้องหรือไม่ ? เพราะเหตุไร ?


๓.๒

จงเขียนคำทักนิมิตในทิศตะวันออกเฉียงเหนือ  มาดู ?

๓.

๓.๑

ไม่ถูกต้อง ฯ  ที่ถูกต้องนั้นเมื่อเริ่มต้นทักนิมิตในทิศบูรพาแล้ว  ทักมา

โดยลำดับจนถึงนิมิตสุด  ต้องวนไปทักนิมิตในทิศบูรพาซ้ำอีก ฯ


๓.๒

คำทักนิมิตในทิศตะวันออกเฉียงเหนือว่าดังนี้  “ อุตฺตราย  อนุทิสาย  กึ  นิมิตฺตํ ”  ฯ

๔.

๔.๑

คำว่า  “ กฐิน ”  เป็นชื่อของอะไร ?  มีชื่อเรียกอย่างนั้นเพราะเหตุไร ?


๔.๒

การกรานกฐินนั้น  มีวิธีปฏิบัติอย่างไร ?

๔.

๔.๑

เป็นชื่อของสังฆกรรมอย่างหนึ่ง ฯ  เพราะมีชื่อออกจากไม้สะดึงที่ลาดหรือกางออก เพื่อขึงจีวรเย็บ ฯ


๔.๒

มีวิธีปฏิบัติอย่างนี้ คือ เมื่อมีผ้าเกิดขึ้นแก่สงฆ์ในกาลเช่นนั้นพอจะทำเป็นไตรจีวรผืนใดผืนหนึ่งได้ สงฆ์พร้อมใจกันยกให้แก่ภิกษุรูปหนึ่ง เพื่อประโยชน์นี้  ภิกษุผู้ได้รับผ้านั้นเอาไปทำจีวรให้เสร็จในวันนั้น  แล้วมาบอกภิกษุผู้ยกผ้านั้นให้เพื่ออนุโมทนา  ภิกษุเหล่านั้นอนุโมทนา ฯ

๕.

๕.๑

ศัพท์ว่า  “ บรรพชา ”  มีอธิบายว่าอย่างไร ?


๕.๒

นอกจากคนมีอายุไม่ครบ ๒๐ ปีบริบูรณ์ และอภัพพบุคคลแล้ว ยังมีบุคคลจำพวกไหนอีกบ้างที่ห้ามไม่ให้อุปสมบท ?

๕.

๕.๑

มีอธิบายว่า  ศัพท์นี้  หมายเอาการบวชทั่วไป  รวมทั้งอุปสมบทด้วยก็มี  หมายเอาเฉพาะการบวชเป็นบุรพประโยคแห่งอุปสมบทก็มี หมายถึง

การบวชลำพังเป็นสามเณรก็มี ฯ


๕.๒

มีบุคคลที่ถูกห้ามไม่ให้อุปสมบทอีก  ๓  จำพวก คือ

      ๑) คนไม่มีอุปัชฌาย์  หรือมีคนอื่นนอกจากภิกษุเป็นอุปัชฌาย์  หรือ

          ถือสงฆ์ ถือคณะเป็นอุปัชฌาย์

      ๒) คนไม่มีบาตร  ไม่มีจีวร  หรือไม่มีทั้งบาตรทั้งจีวร

      ๓) คนยืมบาตร  ยืมจีวรเขามาหรือยืมทั้งบาตรทั้งจีวรเขามา ฯ

๖.

๖.๑

ไตรจีวร กำหนดให้เรียกผ้านุ่งว่า  อันตรวาสก  เรียกผ้าห่มว่า อุตตราสงค์ เรียกผ้าทาบว่า สังฆาฏิ  ในเวลาไหนบ้าง ?


๖.๒

ผ้า  ๓  ผืนนั้น  กำหนดให้เรียกว่า  จีวร  ในเวลาไหนบ้าง ?

๖.

๖.๑

ในเวลาดังต่อไปนี้ คือ ในเวลาบอกบาตรจีวรแก่อุปสัมปทาเปกขะ ในเวลาอธิษฐานเป็นผ้าครอง ในเวลาปัจจุทธรณ์  และในเวลากรานกฐิน ฯ


๖.๒

ในเวลาผ้า  ๓  ผืนนั้น  เป็นนิสสัคคีย์เพราะอยู่ปราศ  คำเสียสละเรียกว่าจีวรทุกผืน  และในเวลาผ้าเหล่านั้นเป็นอติเรกจีวร  คำวิกัป  คำถอนวิกัป  รวมเรียกว่าจีวรทั้งสิ้น ฯ

๗.

๗.๑

สัมมุขาวินัยสำหรับระงับวิวาทาธิกรณ์นั้น มีวิธีอย่างไร ?


๗.๒

อธิกรณ์ที่ภิกษุจะพึงยกขึ้นว่านั้น ต้องเป็นเรื่องที่มีมูล ก็เรื่องที่มูลนั้นมีลักษณะเช่นไร ?

๗.

๗.๑

มีวิธีอย่างนี้ คือ

      ๑) ด้วยการตกลงกันเอง

      ๒) ด้วยการตั้งผู้วินิจฉัย

      ๓) ด้วยอำนาจแห่งสงฆ์


๗.๒

มีลักษณะ  ๓  ประการ  คือ

      ๑) เรื่องที่ได้เห็นเอง

      ๒) เรื่องที่ได้ยินเอง  หรือมีผู้บอกและเชื่อว่าเป็นจริง

      ๓) เรื่องที่เว้นจาก  ๒  สถานนั้น  แต่รังเกียจโดยอาการ ฯ

พระราชบัญญัติคณะสงฆ์  พ.ศ.  ๒๕๐๕,  (ฉบับที่  ๒)  พ.ศ.  ๒๕๓๕

๘.

๘.๑

องค์กรการปกครองคณะสงฆ์สูงสุด  คืออะไร ?


๘.๒

ตามมาตรา ๑๒ แห่งพระราชบัญญัติคณะสงฆ์   กำหนดองค์ประกอบขององค์กรนั้นไว้อย่างไร ?

๘.

๘.๑

คือ  มหาเถรสมาคม ฯ


๘.๒

กำหนดไว้ดังนี้

                   สมเด็จพระสังฆราช  ทรงดำรงตำแหน่งประธานกรรมการโดยตำแหน่ง

      สมเด็จพระราชาคณะทุกรูป เป็นกรรมการโดยตำแหน่ง และ

พระราชาคณะซึ่งสมเด็จพระสังฆราชทรงแต่งตั้ง มีจำนวนไม่เกิน ๑๒ รูปเป็นกรรมการ ฯ

๙.

๙.๑

ภิกษุรูปหนึ่งต้องคำพิพากษาคดีถึงที่สุดให้เป็นบุคคลล้มละลาย  ภิกษุนั้นจะต้องปฏิบัติอย่างไร ?  ตามพระราชบัญญัติคณะสงฆ์มาตราไหน ?


๙.๒

ถ้าภิกษุนั้นฝ่าฝืนไม่ปฏิบัติตามคำพิพากษาจะถูกลงโทษอย่างไร ?

๙.

๙.๑

ภิกษุนั้นต้องสึกภายในสามวัน  นับแต่วันที่คดีถึงที่สุด ฯ  ตามมาตรา  ๒๘ 

แห่งพระราชบัญญัติคณะสงฆ์ ฯ


๙.๒

ถ้าฝ่าฝืนไม่ปฏิบัติตาม  ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกินหนึ่งปี ตามมาตรา ๔๓  แห่งพระราชบัญญัติคณะสงฆ์ ฯ

๑๐.

๑๐.๑

ที่วัด  ที่ธรณีสงฆ์  และที่ศาสนสมบัติกลาง  ได้แก่สถานที่เช่นไร ?


๑๐.๒

เจ้าพนักงาน  ตามความในประมวลกฎหมายอาญา  ในพระราชบัญญัติ

คณะสงฆ์ได้แก่ใคร ?

๑๐.

๑๐.๑

ที่วัด                    ได้แก่ที่ซึ่งตั้งวัดตลอดจนเขตของวัดนั้น

ที่ธรณีสงฆ์             ได้แก่ที่ซึ่งเป็นสมบัติของวัด

ที่ศาสนสมบัติกลาง    ได้แก่ที่ซึ่งเป็นทรัพย์สินของพระศาสนาซึ่งมิใช่

                             ของวัดใดวัดหนึ่ง ฯ


๑๐.๒

ได้แก่พระภิกษุซึ่งได้รับแต่งตั้งให้ดำรงตำแหน่งในการปกครองคณะสงฆ์และไวยาวัจกร  ฯ

วิชาวินัยบัญญัติ นักธรรมชั้นเอก 2547

ปัญหาและเฉลยวิชาวินัยบัญญัติ  นักธรรมชั้นเอก

สอบในสนามหลวง

พ.ศ. ๒๕๔๗

   ๑.  สังฆกรรมแต่ละประเภท ทรงอนุญาตให้สงฆ์พร้อมเพรียงกันทำในที่เช่นไร ?

   ๑.  อปโลกนกรรม ทรงอนุญาตให้สงฆ์พร้อมเพรียงกันทำในเขตสีมาหรือนอกเขตสีมาก็ได้ ฯ

        ญัตติกรรม ญัตติทุติยกรรม และญัตติจตุตถกรรม ทรงอนุญาตให้สงฆ์พร้อมเพรียง

        กันทำในเขตสีมาเท่านั้น จะเป็นพัทธสีมาหรืออพัทธสีมาก็ได้ ฯ

   ๒.  ภัณฑุกรรม และ อุกเขปนียกรรม คืออะไร ?  จัดเป็นสังฆกรรมประเภทไหน ?

   ๒.  ภัณฑุกรรม คือ กรรมที่ภิกษุแจ้งให้สงฆ์ทราบเพื่อปลงผมคนผู้มาขอบวชซึ่งยังไม่ได้

        ปลงผมมาก่อน และภิกษุจะปลงให้เอง ฯ

        อุกเขปนียกรรม คือ กรรมที่สงฆ์ทำแก่ภิกษุผู้ต้องอาบัติแล้ว ไม่ยอมรับว่าต้องอาบัติ

        เรียกว่าไม่เห็นอาบัติ  หรือไม่ทำคืนอาบัติ  หรือมีทิฏฐิบาปไม่ยอมสละ อันเป็น

        การเสียสีลสามัญญตา และทิฏฐิสามัญญตา ฯ

        ภัณฑุกรรมจัดเป็นอปโลกนกรรม ฯ

        อุกเขปนียกรรม จัดเป็นญัตติจตุตถกรรม ฯ

   ๓.  วัดที่ได้รับพระราชทานวิสุงคามสีมาและสร้างโรงอุโบสถแล้ว ภายหลังรื้อสร้างใหม่

        จะต้องขอพระราชทานวิสุงคามสีมาใหม่หรือไม่ ?  จงชี้แจง

   ๓.  ถ้าสร้างอยู่ในเขตวิสุงคามสีมาเดิมที่ได้รับพระราชทานไว้ ไม่ต้องขอพระราชทานใหม่  

        แต่ถ้าสร้างพ้นเขตวิสุงคามสีมาที่กำหนดเดิมนั้น ต้องขอพระราชทานวิสุงคามสีมาใหม่ ฯ

   ๔.  สงฆ์ผู้ทำกรรมในการให้ผ้ากฐิน มีกำหนดจำนวนอย่างน้อยไว้เท่าไร ?  ที่กำหนดไว้

        อย่างนั้น มีพระพุทธประสงค์อย่างไร ?

   ๔.  มี ๕ รูปเป็นอย่างน้อย ฯ

        มีพระพุทธประสงค์ว่า ภิกษุรูปหนึ่งเป็นบุคคลผู้รับผ้ากฐิน  เหลืออีก ๔ รูปเป็นสงฆ์

        กรานและอนุโมทนา จึงกำหนดอย่างนั้น ฯ

   ๕.  บุรพกิจก่อนแต่อุปสมบท มีอะไรบ้าง ?  กิจทั้งหมดนั้นที่จัดเป็นญัตติกรรม ทำเป็น

        การสงฆ์ คือกิจอะไรบ้าง ?

   ๕.  มีการให้บรรพชา  ขอนิสสัย  ถืออุปัชฌายะ  ขนานชื่อมคธแห่งอุปสัมปทาเปกขะ บอก

        นามอุปัชฌายะ  บอกบาตรจีวร  สั่งอุปสัมปทาเปกขะให้ออกไปยืนข้างนอก  สมมติ

        ภิกษุรูปหนึ่งเป็นผู้ซักซ้อมอุปสัมปทาเปกขะถึงอันตรายิกธรรม เรียกอุปสัมปทาเปกขะ

        เข้าในสงฆ์ ให้ขออุปสมบท สมมติภิกษุรูปหนึ่งสอบถามอุปสัมปทาเปกขะถึง

        อันตรายิกธรรมในสงฆ์ ฯ

        กิจเหล่านี้คือ การสมมติภิกษุรูปหนึ่งเป็นผู้ซักซ้อมอุปสัมปทาเปกขะถึงอันตรายิกธรรม 

        การเรียกอุปสัมปทาเปกขะเข้าในสงฆ์  การสมมติภิกษุรูปหนึ่งสอบถามอุปสัมปทาเปกขะ

        ถึงอันตรายิกธรรมในสงฆ์  จัดเป็นญัตติกรรม ทำเป็นการสงฆ์ ฯ

   ๖.  เมื่อมุ่งถึงพระพุทธบัญญัติ ภิกษุผู้ได้ชื่อว่าปฏิบัติเพื่อความตั้งอยู่ยั่งยืนแห่งพระธรรมวินัย

        ควรปฏิบัติเช่นไร ?

   ๖.  ควรปฏิบัติอย่างนี้ คือ ตั้งอยู่ในลัชชีธรรม  ใคร่ความบริสุทธิ์  อาบัติที่ไม่ควรต้อง

        อย่าต้อง อาบัติที่ต้องแล้ว พึงทำคืนเสีย  เช่นนี้จักเป็นผู้มีศีลเสมอด้วยสพรหมจารี

        ทั้งหลาย   ชื่อว่าปฏิบัติเพื่อความตั้งอยู่ยั่งยืนแห่งพระธรรมวินัย ฯ

   ๗.  การทำนาสนา คือการทำเช่นไร ? บุคคลที่ทรงอนุญาตให้นาสนามีกี่ประเภท ? ใครบ้าง ?

   ๗.  คือการยังบุคคลผู้ไม่ควรถือเพศ ให้ละเพศเสีย ฯ

        บุคคลที่ทรงอนุญาตให้นาสนามี ๓ ประเภท คือ

               ๑. ภิกษุผู้ต้องอันติมวัตถุแล้ว ยังปฏิญญาตนเป็นภิกษุ

               ๒. บุคคลผู้อุปสมบทไม่ขึ้น ได้รับอุปสมบทแต่สงฆ์

               ๓. สามเณรผู้ประกอบด้วยองค์ ๑๐ ข้อใดข้อหนึ่ง เช่นเป็นผู้มักผลาญชีวิตสัตว์

                   เป็นต้น ฯ

พระราชบัญญัติคณะสงฆ์

   ๘.  กรรมการมหาเถรสมาคมดำรงอยู่ในตำแหน่งคราวละกี่ปี ?

   ๘.  กรรมการมหาเถรสมาคมที่เป็นสมเด็จพระราชาคณะ ไม่มีกำหนดเวลา

        กรรมการมหาเถรสมาคมที่สมเด็จพระสังฆราชทรงแต่งตั้ง ดำรงอยู่ในตำแหน่งคราวละ ๒ ปี ฯ

   ๙.  ที่วัด ที่ธรณีสงฆ์ หรือที่ศาสนสมบัติกลาง จะสามารถโอนกรรมสิทธิ์ได้หรือไม่ มีหลัก

        ปฏิบัติอย่างไร ?

   ๙.  สามารถโอนได้ มีหลักปฏิบัติตามความในมาตรา ๓๔ แห่งพระราชบัญญัติคณะสงฆ์

        พ.ศ. ๒๕๐๕ แก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติคณะสงฆ์ (ฉบับที่ ๒) พ.ศ. ๒๕๓๕ ฯ

๑๐.  ศาสนสมบัติมีกี่ประเภท ?  อะไรบ้าง ?  ใครเป็นผู้มีอำนาจดูแลรักษาและจัดการ

        ศาสนสมบัติ ?

๑๐.  มี ๒ ประเภท (ตามมาตรา ๔๐) คือ

               ๑. ศาสนสมบัติกลาง ได้แก่ ทรัพย์สินของพระศาสนาซึ่งมิใช่ของวัดใดวัดหนึ่ง ฯ

               สำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ มีอำนาจดูแลรักษาและจัดการ ฯ        

               ๒. ศาสนสมบัติของวัด ได้แก่ ทรัพย์สินของวัดใดวัดหนึ่ง ฯ

               เจ้าอาวาสวัดแต่ละวัด มีอำนาจดูแลรักษาและจัดการ ฯ

วิชาวินัย นักธรรมชั้นเอก 2548

ปัญหาและเฉลยวิชาวินัย  นักธรรมชั้นเอก

สอบในสนามหลวง

วันจันทร์ ที่  ๒๑  พฤศจิกายน พ.ศ. ๒๕๔๘


   ๑.  ในสังฆกรรมทั้ง ๔ นั้น การสวดอนุสาวนามีอยู่ในกรรมไหนบ้าง ?  ในแต่ละกรรม

        นั้นให้สวดกี่ครั้ง ?

   ๑.  มีอยู่ใน ญัตติทุติยกรรม และ ญัตติจตุตถกรรม ฯ  ในญัตติทุติยกรรมให้สวด

        ๑ ครั้ง  ในญัตติจตุตถกรรมให้สวด ๓ ครั้ง ฯ

   ๒.  สีมาเป็นหลักสำคัญแห่งสังฆกรรมอย่างไร ? พัทธสีมามีกำหนดขนาดพื้นที่ไว้อย่างไร ?

   ๒.  สีมาเป็นเขตประชุมของสงฆ์ผู้ทำกรรม พระศาสดาทรงพระอนุญาตให้สงฆ์

        พร้อมเพรียงกันทำภายในสีมา เพื่อจะรักษาสามัคคีในสงฆ์ ฯ

        อย่างนี้ คือ กำหนดไม่ให้สมมติสีมาเล็กเกินไปจนจุภิกษุ ๒๑ รูป นั่งไม่ได้และ

        ไม่ให้สมมติสีมาใหญ่เกินไปกว่า ๓ โยชน์ ฯ

   ๓.  ภิกษุได้รับอานิสงส์กฐิน เข้าบ้านในเวลาวิกาลโดยไม่บอกลา ต้องอาบัติอะไร

        หรือไม่ ?  เพราะเหตุไร ?

   ๓.  ในกรณีที่รับนิมนต์แล้ว ไปในที่นิมนต์ ภายหลังภัตรเข้าบ้านโดยไม่บอกลา

        ไม่ต้องอาบัติ ซึ่งได้รับยกเว้นด้วยอานิสงส์ที่ว่าเที่ยวไปไม่ต้องบอกลา ตาม

        สิกขาบทที่ ๖ แห่งอเจลกวรรค ในปาจิตติยกัณฑ์ ฯ  แต่ในกรณีที่ไม่ได้รับนิมนต์

        เข้าบ้านในเวลาวิกาล ต้องอาบัติปาจิตตีย์ ตามสิกขาบทที่ ๓ แห่งรัตนวรรค

        ในปาจิตติยกัณฑ์ ยกเว้นในกรณีรีบด่วน เช่นภิกษุถูกงูกัดรีบเข้าไปเพื่อหายา

        หรือตามหมอ ฯ

   ๔.  วัตถุสมบัติในการอุปสมบทคืออะไร ?  ต้องประกอบด้วยคุณสมบัติอะไรบ้าง ?

   ๔.  คือผู้จะเข้ารับการอุปสมบท ฯ  ประกอบด้วยคุณสมบัติ ๕ ประการ  คือ

             ๑. เป็นชาย

             ๒. มีอายุครบ ๒๐ ปี

             ๓. ไม่เป็นมนุษย์วิบัติ  เช่นถูกตอน  หรือเป็นกะเทย

             ๔. ไม่เคยทำอนันตริยกรรม 

             ๕. ไม่เคยต้องปาราชิก  หรือไม่เคยเข้ารีตเดียรถีย์ทั้งที่เป็นภิกษุ ฯ

   ๕.  อภัพพบุคคลที่ถูกห้ามอุปสมบทเพราะกระทำผิดต่อพระศาสนา มีกี่ประเภท ?

        ใครบ้าง ?

   ๕.  มี ๗ ประเภท คือ

             ๑. คนฆ่าพระอรหันต์

             ๒. คนทำร้ายภิกษุณี ได้แก่ผู้ข่มขืนภิกษุณีในอัธยาจาร

             ๓. คนลักเพศ คือคนถือเพศเป็นภิกษุเอง

             ๔. ภิกษุไปเข้ารีตเดียรถีย์

             ๕. ภิกษุต้องปาราชิก

             ๖. ภิกษุทำสังฆเภท

             ๗. คนทำร้ายพระศาสดาจนถึงห้อพระโลหิต ฯ

   ๖.  อธิกรณ์อันสงฆ์วินิจฉัยแล้ว ฝ่ายไม่ชอบใจจักอุทธรณ์ได้หรือไม่ ?  จงตอบให้มีหลัก

   ๖.  อุทธรณ์ได้ก็มี อุทธรณ์ไม่ได้ก็มี โดยอธิบายว่า ตามสิกขาบทที่ ๓ แห่งสัปปาณวรรค

        ปาจิตติยกัณฑ์ โจทก์ก็ดี จำเลยก็ดี สงฆ์ก็ดี รู้อยู่ว่าอธิกรณ์นั้น สงฆ์หมู่นั้น

        วินิจฉัยเป็นธรรมแล้ว ฟื้นขึ้นเพื่อวินิจฉัยใหม่ ต้องอาบัติปาจิตตีย์ อย่างนี้อุทธรณ์

        ไม่ได้  แต่ถ้าเห็นว่าไม่เป็นธรรม ฟื้นขึ้นไม่เป็นอาบัติ อย่างนี้ อุทธรณ์ได้ ฯ

   ๗.  ปริวาส คืออะไร ?  มานัต คืออะไร ?

   ๗.  ปริวาส คือ การประพฤติวัตรพิเศษอย่างหนึ่งเท่าจำนวนวันที่ปกปิดอาบัติไว้

        ก่อนจะประพฤติมานัตต่อไป ฯ 

        มานัต คือ การประพฤติวัตรพิเศษอย่างหนึ่ง เป็นเวลา ๖ ราตรี เพื่อออก

        จากอาบัติสังฆาทิเสส ฯ

พระราชบัญญัติคณะสงฆ์

   ๘.  มหาเถรสมาคมมีอำนาจหน้าที่อะไรบ้าง ?

   ๘.  มีอำนาจหน้าที่ดังนี้

              ๑. ปกครองคณะสงฆ์ให้เป็นไปโดยเรียบร้อยดีงาม

              ๒. ปกครองและกำหนดการบรรพชาสามเณร

             ๓. ควบคุมและส่งเสริมการศาสนศึกษา การศึกษาสงเคราะห์ การเผยแผ่

                 การสาธารณูปการ  และการสาธารณสงเคราะห์ของคณะสงฆ์

             ๔. รักษาหลักพระธรรมวินัยของพระพุทธศาสนา

             ๕. ปฏิบัติหน้าที่อื่น ๆ ตามที่บัญญัติไว้ในพระราชบัญญัตินี้ หรือกฎหมายอื่น ฯ

   ๙.  ตามมาตรา ๒๗ แห่งพระราชบัญญัติคณะสงฆ์ (ฉบับที่ ๒) พ.ศ. ๒๕๓๕  กำหนด

        ให้พระภิกษุสละสมณเพศในกรณีใดบ้าง ?

   ๙.  ในกรณีใดกรณีหนึ่ง ดังต่อไปนี้

             ๑. ต้องคำวินิจฉัยตามมาตรา ๒๕ ให้รับนิคหกรรมไม่ถึงให้สึก แต่ไม่ยอมรับ

                 นิคหกรรมนั้น

             ๒. ประพฤติล่วงละเมิดพระธรรมวินัยเป็นอาจิณ

             ๓. ไม่สังกัดอยู่ในวัดใดวัดหนึ่ง

             ๔. ไม่มีวัดเป็นที่อยู่เป็นหลักแหล่ง ฯ

๑๐.  ที่วัดและที่ธรณีสงฆ์ได้แก่ที่เช่นไร ? นาย ก ได้รับอนุญาตจากเจ้าอาวาสให้เข้าปลูกบ้าน

        อยู่อาศัยในที่เช่นนั้นนานเกินสิบปี ภายหลังจะยึดที่ดินผืนนั้นเป็นสมบัติส่วนตัว จึงยก

        อายุความขึ้นต่อสู้กับวัด  โดยอ้างสิทธิครอบครองได้หรือไม่ ?  เพราะเหตุไร ?

๑๐.  ที่วัด คือที่ที่ตั้งวัดตลอดจนเขตของวัดนั้น ที่ธรณีสงฆ์ คือที่ซึ่งเป็นสมบัติของวัด ฯ

        ไม่ได้  เพราะมาตรา ๓๔ วรรคสาม แห่งพระราชบัญญัติคณะสงฆ์ (ฉบับที่ ๒)

        พ.ศ. ๒๕๓๕ บัญญัติว่า ห้ามมิให้บุคคลใดยกอายุความขึ้นต่อสู้กับวัดหรือสำนักงาน

        พระพุทธศาสนาแห่งชาติแล้วแต่กรณี ในเรื่องทรัพย์สินอันเป็นที่วัด ที่ธรณีสงฆ์

        หรือที่ศาสนสมบัติกลาง ฯ