วันจันทร์ที่ 5 กรกฎาคม พ.ศ. 2564

วิชาวินัยบัญญัติ นักธรรมชั้นตรี 2547

 วิชาวินัยบัญญัติ นักธรรมชั้นตรี 2547

ปัญหาและเฉลยวิชาวินัยบัญญัติ  นักธรรมชั้นตรี

สอบในสนามหลวง

พ.ศ. ๒๕๔๗


   ๑.  อุปสัมปทา (การอุปสมบท) มี ๓ วิธี  ในปัจจุบันใช้วิธีไหน ?  กำหนดสงฆ์อย่างต่ำ

        ไว้เท่าไร ?

   ๑.  ใช้ญัตติจตุตถกัมมอุปสัมปทา  การอุปสมบทด้วยกรรมมีญัตติเป็นที่ ๔ ฯ

        กำหนดสงฆ์อย่างต่ำไว้คือ  ในมัธยมประเทศ ๑๐ รูป  ในปัจจันตชนบท ๕ รูป ฯ

   ๒.  พระวินัย คืออะไร ?  พระภิกษุรักษาพระวินัยดีแล้ว ย่อมได้รับอานิสงส์อย่างไร ?

   ๒.  คือ พระพุทธบัญญัติและอภิสมาจาร ฯ

        พระภิกษุรักษาพระวินัยดีแล้วย่อมได้รับอานิสงส์คือ ความไม่ต้องเดือดร้อนใจ ได้รับ                ความแช่มชื่นว่า ได้ประพฤติดีงาม เข้าหมู่สงฆ์ก็อาจหาญ ฯ

   ๓.  นิสสัยและอกรณียกิจคืออะไร ?   ทั้ง ๒ อย่างรวมเรียกว่าอะไร ?

   ๓.  นิสสัยคือ ปัจจัยเครื่องอาศัยของบรรพชิต  อกรณียกิจคือ กิจที่บรรพชิตไม่ควรทำ ฯ

        ทั้ง ๒ อย่าง รวมเรียกว่า อนุศาสน์ ฯ

   ๔.  สิกขา กับ สิกขาบท ต่างกันอย่างไร ?

   ๔.  ต่างกันอย่างนี้ สิกขา ได้แก่ข้อที่ควรศึกษา คือ ศีล สมาธิ และปัญญา  สิกขาบท

        ได้แก่ พระบัญญัติมาตราหนึ่งๆ ฯ

   ๕.  อาการที่ภิกษุจะต้องอาบัติข้อที่ว่า ต้องด้วยสงสัยแล้วขืนทำลง มีอธิบายอย่างไร ?

   ๕.  มีอธิบายว่า ภิกษุสงสัยอยู่ว่า ทำอย่างนั้นๆ ผิดพระบัญญัติหรือไม่ แต่ขืนทำ

        ด้วยความสะเพร่าเช่นนี้ ถ้าการที่ทำนั้นผิดพระบัญญัติก็ต้องอาบัติตามวัตถุ ถ้าไม่ผิด

        ก็ต้องอาบัติทุกกฏเพราะสงสัยแล้วขืนทำ ฯ

   ๖.  คำว่า มาตุคาม ในสังฆาทิเสส สิกขาบทที่ ๒, ๓, ๔ และ ๕  ต่างกันอย่างไร ?

   ๖.  มาตุคามในสังฆาทิเสสสิกขาบทที่ ๒ หมายรวมทั้งหญิงที่รู้เดียงสาและไม่รู้เดียงสา

        โดยที่สุดแม้เกิดในวันนั้น  ส่วนมาตุคามในสังฆาทิเสสสิกขาบทที่ ๓, ๔ และ ๕

        หมายเฉพาะหญิงผู้รู้เดียงสาแล้วเท่านั้น ฯ

   ๗.  ในอนิยต ที่ลับตา และที่ลับหู ได้แก่ที่เช่นไร ?  ภิกษุอยู่กับมาตุคามสองต่อสองในที่

        เช่นนั้น เป็นทางปรับอาบัติอะไรได้บ้าง ?

   ๗.  ที่ลับตา ได้แก่ ที่มีวัตถุกำบัง แลเห็นไม่ได้  ที่ลับหู ได้แก่ ที่แจ้ง แลเห็นได้ แต่ห่าง

        ไม่ได้ยินเสียงพูด ฯ

        ในที่ลับตา เป็นทางปรับอาบัติปาราชิก สังฆาทิเสส และ ปาจิตตีย์

        ในที่ลับหู เป็นทางปรับอาบัติสังฆาทิเสส และ ปาจิตตีย์ ฯ

   ๘.  จีวรที่เป็นนิสสัคคีย์แล้ว ควรสละให้แก่ใคร ?  ถ้าจีวรนั้นสูญหาย พึงปฏิบัติเช่นไร ?

   ๘.  ควรสละให้แก่สงฆ์ก็ได้ แก่คณะก็ได้ แก่บุคคลก็ได้ ฯ

        ถ้าจีวรนั้นสูญหาย พึงแสดงอาบัติเท่านั้น ฯ

   ๙.  ภิกษุรู้อยู่ น้อมลาภสงฆ์ไปเพื่อตนก็ดี เพื่อบุคคลก็ดี เพื่อสงฆ์อื่นก็ดี ต้องอาบัติอะไร ?

   ๙.  น้อมลาภที่เขาจะถวายสงฆ์มาเพื่อตน ต้องนิสสัคคิยปาจิตตีย์ เพื่อบุคคล ต้องปาจิตตีย์

        เพื่อสงฆ์อื่น ต้องทุกกฏ ฯ

๑๐.  ข้อว่า ภิกษุพึงทำความศึกษาว่า เราจักฉันบิณฑบาตโดยเคารพ นั้น มีอธิบายอย่างไร ?

๑๐.  มีอธิบายว่า ภิกษุฉันบิณฑบาต แม้เป็นของเลว ก็ไม่แสดงอาการวิการ คือฉันโดยปกติ

        และเมื่อฉัน ก็ไม่ฉันพลางทำกิจอื่นพลาง ฯ

วิชาวินัย นักธรรมชั้นตรี 2548

 วิชาวินัย นักธรรมชั้นตรี 2548

ปัญหาและเฉลยวิชาวินัย  นักธรรมชั้นตรี

สอบในสนามหลวง

วันจันทร์ ที่  ๒๑  พฤศจิกายน พ.ศ. ๒๕๔๘


   ๑.  กิจที่บรรพชิตไม่ควรทำเรียกว่าอะไร ?  มีอะไรบ้าง ?

   ๑.  เรียกว่าอกรณียกิจ ฯ  มีดังนี้คือ

             ๑. เสพเมถุน 

             ๒. ลักทรัพย์ 

             ๓. ฆ่าสัตว์ 

             ๔. พูดอวดคุณวิเศษที่ไม่มีในตน ฯ

   ๒.  ภิกษุฆ่าสัตว์ให้ตายและพยายามฆ่าตนเอง ต้องอาบัติอะไร ?

   ๒. ฆ่ามนุษย์ให้ตาย  ต้องอาบัติปาราชิก

        ฆ่าอมนุษย์ให้ตาย  ต้องอาบัติถุลลัจจัย

        ฆ่าสัตว์เดรัจฉานทั่วไปให้ตาย ต้องอาบัติปาจิตตีย์

        พยายามฆ่าตนเอง ต้องอาบัติทุกกฏ ฯ

   ๓.  คำต่อไปนี้มีความหมายอย่างไร ?

           ก. สจิตตกะ

             ข. อจิตตกะ

   ๓.        ก. อาบัติที่ต้องเพราะมีเจตนาล่วงละเมิด

             ข. อาบัติที่ต้องแม้ไม่มีเจตนาล่วงละเมิด ฯ


   ๔.  ผ้าไตรจีวรคือผ้าอะไร ?  ได้แก่อะไรบ้าง ?

   ๔.  คือ ผ้า ๓ ผืนที่ทรงอนุญาตให้ภิกษุอธิษฐานไว้ใช้สำหรับตนเอง ฯ ได้แก่ สังฆาฏิ

        (ผ้าคลุม)  อุตตราสงค์ (ผ้าห่ม)  อันตรวาสก (ผ้านุ่ง) ฯ

   ๕.  อติเรกบาตร คืออะไร ?  ภิกษุเก็บไว้เกินกี่วัน ต้องอาบัตินิสสัคคิยปาจิตตีย์ ?

   ๕.  คือ บาตรนอกจากบาตรอธิษฐาน ฯ  เกิน ๑๐ วัน ฯ

   ๖.  เภสัช ๕ ที่ภิกษุรับประเคนแล้วเก็บไว้ฉันได้ไม่เกิน ๗ วัน ได้แก่อะไรบ้าง ?

   ๖.  ได้แก่ เนยใส ๑  เนยข้น ๑  น้ำมัน ๑  น้ำผึ้ง ๑  น้ำอ้อย ๑ ฯ

   ๗.  บุคคลที่เรียกว่า ปริพาชก และ ปริพาชิกา คือใคร ?  ภิกษุให้ของเคี้ยวก็ดี ของกิน

        ก็ดี แก่บุคคลเหล่านั้นอย่างไรเป็นอาบัติและอย่างไรไม่เป็นอาบัติ ?

   ๗.  ปริพาชก คือนักบวชผู้ชายนอกพระพุทธศาสนา  ปริพาชิกา คือนักบวชผู้หญิง

        นอกพระพุทธศาสนา ฯ   ให้ด้วยมือของตนต้องอาบัติปาจิตตีย์  สั่งให้ให้ก็ดี

        วางให้ก็ดี ไม่เป็นอาบัติ ฯ

   ๘.  เมื่อภิกษุได้จีวรใหม่มา ก่อนที่จะนุ่งห่ม ต้องทำพินทุด้วยสี ๓ สี อย่างใด

        อย่างหนึ่ง คือสีอะไรบ้าง ?

   ๘.  คือ

             ๑. สีเขียวคราม 

             ๒. สีโคลน 

             ๓. สีดำคล้ำ ฯ

   ๙.  เสขิยวัตรคืออะไร ?  ถ้าไม่เอื้อเฟื้อต้องอาบัติอะไร ?

   ๙.  คือวัตรหรือธรรมเนียมที่ภิกษุจะต้องศึกษา ฯ  ต้องอาบัติทุกกฏ ฯ

๑๐.  ในพระวินัย กำหนด ๑ ปีมีกี่ฤดู ?  อะไรบ้าง ?  ตั้งแต่วันแรม ๑ ค่ำเดือน ๘

        ถึงวันขึ้น ๑๕ ค่ำ เดือน ๑๒ เป็นฤดูอะไร ?

๑๐.   ๓ ฤดู คือ ฤดูหนาว ๑  ฤดูร้อน ๑  ฤดูฝน ๑ ฯ  ฤดูฝน ฯ

วิชาวินัยบัญญัติ นักธรรมชั้นตรี 2549

 วิชาวินัยบัญญัติ นักธรรมชั้นตรี 2549

ปัญหาและเฉลยวิชาวินัยบัญญัติ  นักธรรมชั้นตรี

สอบในสนามหลวง

วันพุธ ที่ ๔ ตุลาคม พ.ศ. ๒๕๔๙

   ๑.  พระศาสดาผู้เป็นสังฆบิดรดูแลภิกษุสงฆ์ ทรงทำหน้าที่ทางพระวินัยอย่างไร ?

   ๑.  ทรงทำหน้าที่ ๒ ประการ คือ

              ๑.  ทรงตั้งพุทธบัญญัติเพื่อป้องกันความประพฤติเสียหาย และ

                   วางโทษแก่ภิกษุผู้ล่วงละเมิดด้วยปรับอาบัติหนักบ้าง เบาบ้าง

            ๒.  ทรงตั้งขนบธรรมเนียม ซึ่งเรียกว่าอภิสมาจารเพื่อชักนำความ

                   ประพฤติของภิกษุสงฆ์ให้ดีงาม ฯ

  ๒.  ทำไมต้องมีพระวินัยสำหรับปกครองหมู่ภิกษุ และหมู่ภิกษุทำไมต้อง

        ประพฤติตามพระวินัย ?

  ๒.  หากจะไม่มีพระวินัยสำหรับปกครอง หรือหมู่ภิกษุจะไม่ประพฤติตาม

        พระวินัย ก็จะเป็นหมู่ภิกษุที่เลวทราม ไม่เป็นที่ตั้งแห่งศรัทธาและ

        เลื่อมใส แต่ถ้าต่างรูปประพฤติตามพระวินัย ก็จะเป็นหมู่ภิกษุที่ดี ทำให้

        เกิดศรัทธาเลื่อมใส พระวินัยจึงรักษาหมู่ภิกษุให้ตั้งอยู่เป็นอันดี และ

        ทำให้เป็นหมู่ที่งดงาม ฯ

  ๓.  คำว่า ต้องอาบัติ หมายความว่าอย่างไร ?  อาบัติมีโทษกี่สถาน ?  อะไรบ้าง ?

  ๓.  หมายความว่า ต้องโทษ คือมีความผิดฐานละเมิดข้อที่พระพุทธเจ้าทรงห้าม ฯ 

        มี ๓ สถาน คือ อย่างหนัก อย่างกลาง และ อย่างเบา

        (หรือจะตอบว่า มี ๒ สถาน คือ แก้ไขได้ และแก้ไขไม่ได้ ก็ได้)

   ๔.  กิจที่บรรพชิตไม่ควรทำซึ่งเรียกว่า อกรณียกิจ มีกี่อย่าง ?  อะไรบ้าง ?

   ๔.  มี ๔ อย่าง คือ

              ๑.  เสพเมถุน

              ๒.  ลักของเขา

              ๓.  ฆ่าสัตว์

              ๔.  พูดอวดคุณวิเศษที่ไม่มีในตน ฯ

   ๕.  อุตตริมนุสสธรรม คืออะไร ?  มีอะไรบ้าง ?

   ๕.  คือ ธรรมอันยิ่งของมนุษย์ หรือคุณอย่างยวดยิ่งของมนุษย์ ฯ 

        มี ฌาน วิโมกข์ สมาธิ สมาบัติ มรรค ผล นิพพาน ฯ

   ๖.  ในอทินนาทานสิกขาบท กำหนดราคาทรัพย์ เป็นวัตถุแห่งอาบัติไว้

        อย่างไรบ้าง ?

   ๖.  ทรัพย์มีราคาตั้งแต่ ๕ มาสก ขึ้นไป เป็นวัตถุแห่งอาบัติปาราชิก

        ทรัพย์มีราคาต่ำกว่า ๕ มาสก แต่สูงกว่า ๑ มาสก เป็นวัตถุแห่งอาบัติ

        ถุลลัจจัย

        ทรัพย์มีราคาตั้งแต่ ๑ มาสก ลงไป เป็นวัตถุแห่งอาบัติทุกกฏ ฯ

  ๗.  ภิกษุมีความกำหนัดจับต้องกายหญิง กะเทย บุรุษ สัตว์ดิรัจฉานเพศผู้

        สัตว์ดิรัจฉานเพศเมีย ต้องอาบัติอะไร ?

  ๗.  ภิกษุมีความกำหนัดจับต้องกายหญิง ต้องสังฆาทิเสส

        จับต้องกายกะเทย ต้องถุลลัจจัย

        จับต้องกายบุรุษ จับต้องสัตว์ดิรัจฉานทั้งเพศผู้เพศเมีย ต้องทุกกฏ ฯ

  ๘.  นิสสัคคิยปาจิตตีย์ หมายความว่าอย่างไร ?  ภิกษุต้องอาบัตินี้แล้ว  ทำ

        อย่างไรจึงจะพ้น ?

  ๘.  นิสสัคคิยปาจิตตีย์ หมายความว่า อาบัติปาจิตตีย์ ที่จำต้องสละสิ่งของ ฯ 

        ภิกษุต้องอาบัตินี้แล้วต้องสละสิ่งของอันเป็นเหตุให้ต้องอาบัตินั้นก่อน

        แล้วแสดงอาบัติจึงพ้นจากอาบัตินั้นได้ ฯ

   ๙.  ภิกษุกำลังฟังพระปาฏิโมกข์อยู่ กล่าวขึ้นว่า “จะสวดไปทำไม ฟังก็ไม่

        รู้เรื่อง น่าเบื่อน่ารำคาญ”  เช่นนี้ต้องอาบัติอะไร ?  เพราะเหตุไร ?

   ๙.  ต้องอาบัติปาจิตตีย์ ฯ  เพราะก่นสิกขาบท ฯ

๑๐.  เสขิยวัตร คืออะไร ?  มีกี่ข้อ ?  ภิกษุละเมิดต้องอาบัติอะไร ?

๑๐.  คือวัตรที่ภิกษุจะต้องศึกษา ฯ

       มี ๗๕ ข้อ ฯ 

       ต้องอาบัติทุกกฏ ฯ


**********