วันพุธที่ 30 มิถุนายน พ.ศ. 2564

วิชาพุทธประวัติ นักธรรมชั้นตรี 2546

ปัญหาและเฉลยวิชาพุทธประวัติ  นักธรรมชั้นตรี

สอบในสนามหลวง

พ.ศ. ๒๕๔๖


๑.

๑.๑

ประชาชนในชมพูทวีป มีกี่จำพวก ? อะไรบ้าง ?


๑.๒

ชาวชมพูทวีป แบ่งเป็นกี่วรรณะ ? อะไรบ้าง ?

๑.

๑.๑

มี ๒ จำพวก คือ

      ๑) มิลักขะ   เจ้าของถิ่นเดิม

      ๒) อริยกะ    พวกอพยพมาใหม่ ฯ


๑.๒

แบ่งเป็น ๔ วรรณะ คือ  กษัตริย์ ๑  พราหมณ์ ๑  แพศย์ ๑  ศูทร ๑  ฯ

๒.

๒.๑

กษัตริย์พระองค์ใดที่เป็นต้นศากยวงศ์ ?


๒.๒

พระโอรสและพระธิดาของเจ้าศากยะไปสร้างพระนครขึ้นใหม่ชื่อว่าเมืองอะไร ?  ที่ชื่ออย่างนั้นเพราะเหตุไร ?

๒.

๒.๑

พระเจ้าโอกกากราช ฯ


๒.๒

เมืองกบิลพัสดุ์ ฯ  เพราะเป็นที่อยู่ของกบิลดาบสมาก่อน ฯ

๓.

สถานที่ต่อไปนี้เกี่ยวข้องกับพระพุทธเจ้าอย่างไร ?


๓.๑

ลัฏฐิวัน ฯ


๓.๒

เชตวัน ฯ

๓.

๓.๑

ลัฏฐิวัน เป็นสถานที่ที่พระศาสดาทรงแสดงอนุปุพพีกถาและอริยสัจ ๔

แด่พระเจ้าพิมพิสารพร้อมด้วยข้าราชบริพารผู้เสด็จไปเข้าเฝ้า ณ ที่นั่น ฯ


๓.๒

เชตวัน เป็นพระอารามซึ่งอนาถบิณฑิกเศรษฐีสร้างถวาย และพระพุทธองค์ประทับจำพรรษานานถึง ๑๙ พรรษา ฯ


๔.

๔.๑

เทศนากัณฑ์แรก  ชื่ออะไร ?


๔.๒

ปัจฉิมสักขิสาวก ได้แก่ใคร ?

๔.

๔.๑

เทศนากัณฑ์แรก  ชื่อ ธัมมจักกัปปวัตตนสูตร ฯ


๔.๒

ปัจฉิมสักขิสาวก ได้แก่ พระสุภัททะ ฯ

๕.

๕.๑

ปัญจวัคคีย์ ได้แก่ใครบ้าง ?


๕.๒

ท่านเหล่านั้นอุปสมบทด้วยวิธีอะไร ?  และบรรลุอรหัตผลที่ไหน ?

๕.

๕.๑

ได้แก่  พระอัญญาโกณฑัญญะ ๑   พระวัปปะ ๑   พระภัททิยะ ๑ 

พระมหานามะ ๑  พระอัสสชิ ๑ ฯ


๕.๒

อุปสมบทด้วยวิธีเอหิภิกขุอุปสัมปทา ฯ

บรรลุอรหัตผลที่ป่าอิสิปตนมฤคทายวัน เมืองพาราณสี ฯ

๖.

๖.๑

เมื่อวันพระศาสดาปรินิพพาน มีพระสาวกผู้ใหญ่อยู่ในที่นั้นกี่รูป ? ใครบ้าง ?


๖.๒

หลังพุทธปรินิพพานแล้ว ได้มีการถวายพระเพลิงพระพุทธสรีระที่ไหน ?  เมื่อไร ?

๖.

๖.๑

มี ๒ รูป คือ พระอนุรุทธเถระ และพระอานนทเถระ ฯ


๖.๒

ที่ มกุฏพันธนเจดีย์ ฯ  หลังพุทธปรินิพพานได้ ๗ วัน ฯ

๗.

๗.๑

ถูปารหบุคคล คือบุคคลเช่นไร ?


๗.๒

ตามข้อ ๗.๑ นั้น มีกี่ประเภท ?  คือใครบ้าง ?

๗.

๗.๑

คือ บุคคลที่ควรบรรจุอัฐิธาตุไว้ในสถูป เพื่อเป็นที่กราบไหว้สักการบูชา

ด้วยความเลื่อมใส ฯ


๗.๒

มี ๔ ประเภท ฯ  คือ พระสัมมาสัมพุทธเจ้า ๑  พระปัจเจกพุทธเจ้า ๑  พระอรหันต์ ๑ พระเจ้าจักรพรรดิราช ๑ ฯ



ศาสนพิธี

๘.

ท่านได้ศึกษาศาสนพิธีแล้ว  เข้าใจเรื่องต่อไปนี้อย่างไร ?


๘.๑

บุญพิธี


๘.๒

ทานพิธี

๘.

๘.๑

บุญพิธี ว่าด้วยพิธีทำบุญ มี ๒ อย่าง คือ

      ๑) ทำบุญงานมงคล เช่น ทำบุญขึ้นบ้านใหม่ ทำบุญอายุเป็นต้น

      ๒) ทำบุญงานอวมงคล เช่น งานศพ เป็นต้น ฯ


๘.๒

ทานพิธี ว่าด้วยพิธีถวายทานต่าง ๆ เช่น ถวายสังฆทานเป็นต้น ฯ

๙.

๙.๑

การแสดงความเคารพมีกี่วิธี ?  อะไรบ้าง ?


๙.๒

ในแต่ละวิธีนั้น มีวิธีปฏิบัติอย่างไร ?

๙.

๙.๑

มี ๓ วิธีคือ ประนมมือ ๑  ไหว้ ๑  กราบ ๑ ฯ


๙.๒

ประนมมือ คือการกระพุ่มมือทั้งสองประกบกันไว้ระหว่างอก  โดยให้ทุกนิ้วของมือทั้งสองแนบชิดติดตรงกัน

ไหว้ คือการยกมือที่ประนมขึ้นพร้อมก้มศีรษะเล็กน้อยให้มือประนมจรดหน้าผาก นิ้วมือทั้ง ๒ อยู่ระหว่างคิ้ว

กราบ คือการแสดงอาการกราบราบลงพื้นด้วยเบญจางคประดิษฐ์ ได้แก่กราบด้วยองค์ ๕ คือ หน้าผาก ๑  ฝ่ามือ ๒  เข่า ๒ จรดพื้น ฯ

๑๐.

๑๐.๑

คำว่า  หนฺทานิ มยํ ภนฺเต อาปุจฺฉาม พหุกิจฺจา มยํ พหุกรณียา  ใครเป็น

ผู้กล่าว และกล่าวในโอกาสอะไร  ?


๑๐.๒

ใครเป็นผู้กล่าวตอบคำนั้น และกล่าวว่าอย่างไร ?

๑๐.

๑๐.๑

อุบาสกอุบาสิกาผู้ไปฟังธรรมในวันธัมมัสสวนะเป็นผู้กล่าว 

ในโอกาสลากลับบ้าน ฯ


๑๐.๒

พระสงฆ์กล่าว และกล่าวว่า  ยสฺสทานิ  ตุมฺเห  กาลํ  มญฺญถ ฯ

วิชาพุทธประวัติ นักธรรมชั้นตรี 2547

 ปัญหาและเฉลยวิชาพุทธประวัติ  นักธรรมชั้นตรี

สอบในสนามหลวง

พ.ศ. ๒๕๔๗


   ๑.  พระพุทธเจ้าสืบเชื้อสายมาจากชนชาติใด ?  ชนชาตินั้นมาตั้งถิ่นฐานในชมพูทวีปได้

        อย่างไร ?

   ๑.  สืบเชื้อสายมาจากชนชาติอริยกะ ชาวอริยกะนั้นเป็นผู้เจริญด้วยความรู้และขนบ

        ธรรมเนียม มีฤทธิ์มีอำนาจมากกว่าพวกมิลักขะเจ้าของถิ่นเดิม เมื่อข้ามภูเขาหิมาลัยมา

        ก็รุกไล่พวกมิลักขะ เจ้าของถิ่นเดิมให้ถอยเลื่อนลงมาทางใต้ แล้วเข้าตั้งถิ่นฐาน

        ในชมพูทวีปแทน ฯ

   ๒.  พระนามและนามดังต่อไปนี้ เกี่ยวข้องกับเจ้าชายสิทธัตถะอย่างไร ?

               ก. พระเจ้าสุทโธทนะ

               ข. พระนางเจ้าสิริมหามายา

               ค. พระนันทะ

               ง. วิศวามิตร

               จ. นายฉันนะ

   ๒.          ก. พระเจ้าสุทโธทนะ เป็นพระราชบิดา

               ข. พระนางเจ้าสิริมหามายา เป็นพระราชมารดา

               ค. พระนันทะ เป็นพระกนิษฐภาดาต่างพระมารดา

               ง. วิศวามิตร เป็นครูผู้สอนศิลปวิทยาเมื่อยังทรงพระเยาว์

               จ. นายฉันนะ เป็นผู้ตามเสด็จในคราวออกผนวช ฯ

   ๓.  การที่พระราชบิดาและพระญาติวงศ์ คิดผูกพันเจ้าชายสิทธัตถะไว้ให้เพลิดเพลินอยู่

        ในกามสุขเพราะเหตุไร ?  และด้วยวิธีใด ?

   ๓.  เพราะพระราชบิดาและพระญาติวงศ์ได้ทรงฟังคำทำนายของอสิตดาบสว่า พระราชกุมาร

        นี้จักมีคติเป็นสอง คือ ถ้าอยู่ครองราชสมบัติจักได้เป็นจักรพรรดิราช  หรือถ้าออก

        บรรพชาจักได้เป็นศาสดาเอกในโลก  จึงปรารถนาให้อยู่ครองราชสมบัติมากกว่าที่จะ

        ยอมให้เสด็จออกบรรพชา ฯ

        ด้วยการตรัสให้ขุดสระโบกขรณีในพระราชนิเวศน์ ๓ สระ เพื่อให้เป็นที่เล่นสำราญ

        พระราชหฤทัย ให้จัดเครื่องทรง คือจันทน์สำหรับทา ผ้าโพกพระเศียร ฉลองพระองค์

        ผ้าทรงสะพัก พระภูษา ล้วนเป็นของประณีต  ให้สร้างปราสาท ๓ หลังสำหรับเป็นที่

        ประทับทั้ง ๓ ฤดู  ตรัสขอพระนางยโสธรามาอภิเษกเป็นพระชายา ฯ

   ๔.  หลังจากตรัสรู้แล้ว ในระหว่างทางที่เสด็จไปป่าอิสิปตนมฤคทายวัน พระพุทธองค์ทรง

        สนทนากับใคร ?  และผู้นั้นได้บรรลุธรรมชั้นไหน ?

   ๔.  ทรงพบอุปกาชีวก ฯ  อุปกาชีวกไม่ได้บรรลุธรรมชั้นไหนเลย ฯ

   ๕.  ในพิธีศิวาราตรี ถือว่าการอาบน้ำชำระร่างกายในแม่น้ำเป็นการลอยบาป  ส่วนในทาง

        พระพุทธศาสนาพระพุทธเจ้าทรงแสดงวิธีลอยบาปไว้อย่างไร ?

   ๕.  ทรงแสดงไว้ว่า การยังบาปให้สงบระงับจากสันดาน ละกิเลสที่ทำให้เป็นผู้ดุร้าย

        เย่อหยิ่งและกิเลสที่ย้อมจิตให้ติดแน่นในกามารมณ์ เป็นการลอยบาป ฯ

   ๖.  การปลงอายุสังขารของพระพุทธองค์ ถือโดยใจความว่าอย่างไร ? และทรงปลงอายุ

        สังขารเมื่อใด ?

   ๖.  ถือโดยใจความว่า พระองค์ทรงปลงพระทัยว่าจะทรงบำเพ็ญพุทธกิจต่อไปอีกไม่ได้

        แล้ว เพราะปรารภถึงสังขารของพระองค์ว่า ทรงพระชราแก่เฒ่าเป็นผู้ใหญ่ ล่วงกาล

        ผ่านวัยเสียแล้ว ที่ทรงเปรียบว่ากายของพระองค์เป็นประหนึ่งเกวียนชำรุดที่ซ่อมแซม

        ด้วยไม้ไผ่ มิใช่สัมภาระเกวียนฉะนั้น ฯ

        เมื่อวันเพ็ญ เดือน ๓  ก่อนวันปรินิพพาน ๓ เดือน ฯ

   ๗.  พระพุทธศาสนาสืบเนื่องมาถึงปัจจุบันนี้ได้อย่างไร ?

   ๗.  ได้ด้วยการที่บริษัททั้ง ๔ ปฏิบัติตามพระธรรมวินัย และด้วยวิธีที่พระสงฆ์สาวกผู้ใหญ่

        มีพระมหากัสสปะเป็นต้น เป็นประธานจัดทำสังคายนาพระธรรมวินัย วางแบบแผน

        ที่ถูกต้องลงไว้ในพระพุทธศาสนาเป็นครั้งแรก เพื่อให้บริษัท ๔ ได้เล่าเรียนปฏิบัติตาม

        เมื่อมีสิ่งไรไม่เป็นธรรมเกิดขึ้นในพระพุทธศาสนา พระอริยสงฆ์ในยุคนั้นๆ ได้ช่วยกัน

        ทำสังคายนาเป็นครั้งที่ ๒ และครั้งที่ ๓ เป็นลำดับมา เพื่อชำระสัทธรรมปฏิรูปนั้นเสีย

        จนได้จารึกไว้ในพระคัมภีร์ให้แพร่หลาย รวมทั้งจัดการส่งพระสงฆ์ไปประกาศพระ

        พุทธศาสนาในดินแดนต่างๆ  ให้ชุมชนในดินแดนนั้นๆ เลื่อมใสปฏิบัติตาม จึงทำให้

        พระพุทธศาสนาสืบเนื่องมาจนปัจจุบันนี้ ฯ

ศาสนพิธี

   ๘.  ในพิธีทำบุญต่างๆ  มีผู้เกี่ยวข้องในการปฏิบัติกี่ฝ่าย ?  คือใครบ้าง ?

   ๘.  มีผู้เกี่ยวข้องในการปฏิบัติ ๒ ฝ่าย  คือ

               ๑. ฝ่ายเจ้าภาพ         คือทายกทายิกา  ผู้ประกอบการทำบุญ

               ๒. ฝ่ายปฏิคาหก       คือผู้รับทานและประกอบพิธีกรรมตามประสงค์

                                          ของเจ้าภาพ ซึ่งเป็นบรรพชิต เรียกอีกอย่างว่า 

                                          ฝ่ายพระสงฆ์ ฯ

   ๙.  เพื่อปฏิบัติให้ถูกต้องตามหลักศาสนพิธี  เจ้าภาพพึงกรวดน้ำและประนมมือรับพร

        ตอนไหน ?

   ๙.  เมื่อพระสงฆ์เริ่มอนุโมทนาด้วยบทว่า ยถา วาริวหา ฯเปฯ  เจ้าภาพพึงกรวดน้ำ ไม่ใช้

        นิ้วมือรอง เวลารินไม่ให้น้ำขาดสาย  พอว่าบท สพฺพีติโย ฯเปฯ  รินน้ำให้หมดแล้ว

        ประนมมือรับพรต่อไปจนจบ ฯ


๑๐.  การเผดียงสงฆ์ และ การอาราธนา หมายถึงอะไร ?

๑๐.  การเผดียงสงฆ์ หมายถึง การแจ้งความประสงค์ให้สงฆ์ทราบ

        การอาราธนา หมายถึง การนิมนต์พระสงฆ์ในพิธีให้ศีล สวดพระปริตร หรือ

        แสดงธรรม ฯ

วิชาพุทธประวัติ นักธรรมชั้นตรี 2548

ปัญหาและเฉลยวิชาพุทธประวัติ  นักธรรมชั้นตรี

สอบในสนามหลวง

วันอาทิตย์ ที่  ๒๐  พฤศจิกายน พ.ศ. ๒๕๔๘


   ๑.  ประชาชนในชมพูทวีปแบ่งออกเป็นกี่วรรณะ ?  อะไรบ้าง ? มีหน้าที่ต่างกันอย่างไร ?

   ๑.  แบ่งออกเป็น ๔ วรรณะ คือ

             ๑. กษัตริย์ มีหน้าที่ปกครอง

             ๒. พราหมณ์ มีหน้าที่ทางฝึกสอนและทำพิธี

             ๓. แพศย์ มีหน้าที่ทางทำนาค้าขาย

             ๔. ศูทร มีหน้าที่รับจ้าง ฯ

   ๒.  ในวันเสด็จแรกนาขวัญ พระเจ้าสุทโธทนะบังคมสิทธัตถราชกุมารผู้ประทับนั่งใต้

        ต้นหว้า เพราะเหตุไร ?

   ๒.  เพราะทรงเห็นอัศจรรย์ในขณะที่สิทธัตถราชกุมารประทับนั่งใต้ต้นหว้า เงาของ

        ต้นหว้าไม่คล้อยไปตามตะวัน แม้จะเป็นเวลาบ่ายแล้ว ยังดำรงอยู่เสมือน

        เที่ยงวัน ฯ

   ๓.  พระมหาบุรุษเสด็จออกบรรพชา เพราะทอดพระเนตรเห็นอะไร ?  และเมื่อเห็น

        แล้วทรงพระดำริอย่างไร ?

   ๓.  เพราะทอดพระเนตรเห็นเทวทูต ๔ คือ คนแก่ คนเจ็บ คนตาย และสมณะ ฯ 

        ทรงพระดำริว่า บุคคลทั่วไปเมาอยู่ในวัย ในความไม่มีโรค และในชีวิต ถูก

        ความเจ็บ ความแก่ ความตายครอบงำ ไม่ล่วงพ้นไปได้ ถึงพระองค์เองก็มี

        อย่างนั้นเป็นธรรมดา ควรแสวงหาอุบายเครื่องพ้น ธรรมดาสภาวะทั้งปวงย่อมมี

        ของที่เป็นฝ่ายตรงกันข้ามแก้กัน เช่นมีร้อนก็ต้องมีเย็นแก้ มีมืดก็ต้องมีสว่างแก้ 

        แต่ฆราวาสเป็นที่คับแคบ ดุจเป็นทางที่มาแห่งธุลี บรรพชาเป็นช่องว่าง พอที่

        จะแสวงหาอุบายนั้นได้ จึงน้อมพระทัยไปในบรรพชา ฯ

   ๔.  พระญาณที่เกิดขึ้นแก่พระมหาบุรุษในวันที่ตรัสรู้นั้น คืออะไรบ้าง ?

   ๔.  คือ

              ๑. ปุพเพนิวาสานุสสติญาณ   ญาณเป็นเครื่องระลึกถึงชาติหนหลังของ

                 พระองค์ได้

              ๒. จุตูปปาตญาณหรือทิพพจักขุญาณ ญาณหยั่งรู้การจุติและการเกิดของ

                 สัตว์ทั้งหลายที่เป็นไปตามกรรม

              ๓. อาสวักขยญาณ ญาณเป็นเหตุสิ้นอาสวะอันหมักหมมอยู่ในจิตตสันดาน ฯ

   ๕.  อนุปุพพีกถา คืออะไรบ้าง ?  ทรงแสดงแก่ใครเป็นครั้งแรก ?

   ๕.  คือ ทาน ศีล สวรรค์ กามาทีนพ และเนกขัมมานิสงส์ ฯ แก่ยสกุลบุตร ฯ 

   ๖.  ในวันจาตุรงคสันนิบาต พระศาสดาทรงแสดงโอวาทปาฏิโมกข์แก่ใคร ?  ที่ไหน ? 

        ทรงยกธรรมข้อใดขึ้นแสดงเป็นข้อต้น ?

   ๖.  ทรงแสดงแก่พระอรหันตขีณาสพ จำนวน ๑,๒๕๐ องค์ ฯ ณ เวฬุวนาราม

        แคว้นมคธ ฯ  ทรงยกธรรมข้อขันติขึ้นแสดงเป็นข้อต้น ฯ

   ๗.  พระปัจฉิมโอวาท มีใจความว่าอย่างไร ?  ทรงประทานที่ไหน ?

   ๗.  มีใจความว่า ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย บัดนี้เราผู้พระตถาคตเตือนท่านทั้งหลายให้รู้

       สังขารทั้งหลายมีความเสื่อมสิ้นไปเป็นธรรมดา ท่านทั้งหลายจงยังกิจทั้งปวง

        อันเป็นประโยชน์ตนและประโยชน์ผู้อื่นให้บริบูรณ์ด้วยความไม่ประมาทเถิด ฯ

        ณ สาลวโนทยาน กรุงกุสินารา แคว้นมัลละ ฯ

ศาสนพิธี

   ๘.  ศาสนพิธี คืออะไร ?  ผู้ที่ได้เรียนรู้แล้วได้รับประโยชน์อย่างไรบ้าง ?

   ๘.  คือ แบบอย่าง หรือแบบแผนต่าง ๆ ที่พึงปฏิบัติในทางพระศาสนา ฯ  ย่อมได้รับ

        ประโยชน์ คือ เป็นผู้ฉลาดในพิธีกรรมที่เกี่ยวด้วยการบำเพ็ญกุศล การทำบุญ

        และการถวายทาน สามารถในการจัดพิธีต่างๆ ได้ถูกต้องตามระเบียบแบบแผน

        ชื่อว่าเป็นผู้รักษาขนบประเพณีอันงดงามของพระพุทธศาสนาไว้ได้ด้วย ฯ

   ๙.  วันอาสาฬหบูชา ตรงกับวันอะไรทางจันทรคติ ?  มีความสำคัญอย่างไร ?

   ๙.  ตรงกับวันเพ็ญเดือน ๘ ก่อนวันเข้าปุริมพรรษา ๑ วัน ฯ มีความสำคัญ เพราะเป็น

        วันที่พระพุทธเจ้าทรงแสดงปฐมเทศนาโปรดพระปัญจวัคคีย์ที่ป่าอิสิปตน-

        มฤคทายวัน แขวงเมืองพาราณสี ในปีที่ตรัสรู้ใหม่ และผลของการแสดงพระ

        ธรรมเทศนากัณฑ์นี้ เป็นเหตุให้พระโกณฑัญญะได้ดวงตาเห็นธรรม และทูลขอ

        บรรพชาอุปสมบท เป็นพระอริยสงฆ์องค์แรกในพระพุทธศาสนา จึงเป็นวันที่มี

        รัตนะครบ ๓ บริบูรณ์ เรียกว่าพระรัตนตรัย ฯ

๑๐.  อุโบสถ กับ ปกติอุโบสถ หมายถึงอะไร ?

๑๐.  อุโบสถ หมายถึง การเข้าจำ คือการจำศีล เป็นอุบายขัดเกลากิเลสอย่างหยาบ

        ให้เบาบาง เป็นทางแห่งความสงบระงับอันเป็นความสุขอย่างสูงสุดในพระพุทธ

        ศาสนา ฯ  ปกติอุโบสถ หมายถึง อุโบสถที่รักษากันในวันพระตามปกติ เฉพาะ

        วันหนึ่งคืนหนึ่งอย่างที่อุบาสกอุบาสิการักษาอยู่ในปัจจุบัน ฯ