วันเสาร์ที่ 26 มิถุนายน พ.ศ. 2564

วิชาธรรม นักธรรมชั้นตรี 2544

 วิชาธรรม นักธรรมชั้นตรี 2544

ปัญหาและเฉลยวิชาธรรม  นักธรรมชั้นตรี

สอบในสนามหลวง

วันเสาร์ ที่  ๓  พฤศจิกายน  พ.ศ. ๒๕๔๔

๑.

๑.๑

ธรรมคุ้มครองโลกมีอะไรบ้าง ?

๑.๒

ธรรมข้อนี้จะคุ้มครองโลกได้อย่างไร ?

๑.

๑.๑

มี  ๒  อย่างคือ

๑) หิริ  ความละอายแก่ใจ

๒) โอตตัปปะ  ความเกรงกลัว

๑.๒

ธรรมข้อนี้จะคุ้มครองโลกได้ เนื่องจากปัจจุบันโลกที่เกิดวิกฤตการณ์ในด้านต่าง ๆ ส่วนหนึ่งนั้นเป็นเพราะชาวโลกละทิ้งธรรม  คือ หิริ และโอตตัปปะ ไม่ละอายแก่ใจ ไม่เกรงกลัวต่อผลแห่งความชั่ว ขาดเมตตากรุณา เป็นคนเห็นแก่ตัวจัด มีการเบียดเบียน กระทำทุจริต  โดยวิธีการต่าง ๆ หากชาวโลกมีธรรมคู่นี้ตั้งมั่นในใจแล้ว ก็จะช่วยคุ้มครองโลกให้พ้นจากภาวะวิกฤตในปัจจุบันได้

๒.

๒.๑

พระรัตนตรัย กับไตรสรณคมน์ เป็นอย่างเดียวกัน  หรือต่างกันอย่างไร ?

๒.๒

การเปล่งวาจาถึงรัตนะ ๓ เป็นที่พึ่ง  จัดเป็นอย่างไหนใน ๒ อย่างนั้น ?

๒.

๒.๑

ต่างกัน พระรัตนตรัย ได้แก่หมวด ๓ แห่งรัตนะ คือ พระพุทธ พระธรรม  พระสงฆ์  ส่วนไตรสรณคมน์ ได้แก่การถึง (เข้าถึง) พระพุทธ พระธรรม  พระสงฆ์  เป็นสรณะ

๒.๒

จัดเป็นไตรสรณคมน์

๓.

๓.๑

ปธาน ๔  มีอะไรบ้าง ?

๓.๒

คนเสพยาเสพย์ติด เพียรพยายามจะเลิกให้ได้ ชื่อว่าตั้งอยู่ในปธานข้อไหน ?

๓.

๓.๑

มี         ๑) สังวรปธาน  เพียรระวังไม่ให้บาปเกิดขึ้นในสันดาน

๒) ปหานปธาน  เพียรละบาปที่เกิดขึ้นแล้ว

๓) ภาวนาปธาน  เพียรให้กุศลเกิดขึ้นในสันดาน

๔) อนุรักขนาปธาน  เพียรรักษากุศลที่เกิดขึ้นแล้วไม่ให้เสื่อม

๓.๒

ตั้งอยู่ในปหานปธาน

๔.

๔.๑

อริยสัจ ๔  มีอะไรบ้าง ?

๔.๒

ปรารถนาสิ่งใด  ไม่ได้สมหวัง  จัดเป็นอริยสัจข้อไหน ?

๔.

๔.๑

มี         ๑) ทุกข์

๒) สมุทัย คือ  เหตุให้ทุกข์เกิด

๓) นิโรธ  คือ  ความดับทุกข์

๔) มรรค  คือ  ข้อปฏิบัติให้ถึงความดับทุกข์

๔.๒

จัดเป็นทุกข์

๕.

๕.๑

กรรมที่เป็นบาปหนักที่สุด  มีชื่อเรียกว่าอะไร ?  คืออะไรบ้าง ?

๕.๒

เพราะเหตุไรจึงเป็นกรรมที่เป็นบาปหนักที่สุด ?

๕.

๕.๑

มีชื่อเรียกว่า  อนันตริยกรรม  คือ

๑) มาตุฆาต  ฆ่ามารดา

๒) ปิตุฆาต  ฆ่าบิดา

๓) อรหันตฆาต  ฆ่าพระอรหันต์

๔) โลหิตุปบาท ทำร้ายพระพุทธเจ้าจนถึงยังพระโลหิตให้ห้อขึ้นไป

๕) สังฆเภท  ยังสงฆ์ให้แตกจากกัน

๕.๒

เพราะห้ามสวรรค์ ห้ามนิพพาน ตั้งอยู่ในฐานปาราชิกของผู้นับถือ

พระพุทธศาสนา ห้ามไม่ให้ทำเป็นเด็ดขาด

๖.

๖.๑

ทรัพย์ประเภทไหนเรียกว่าอริยทรัพย์ ?

๖.๒

อริยทรัพย์ดีกว่าทรัพย์ภายนอกเพราะเหตุไร ?

๖.

๖.๑

ทรัพย์  คือคุณความดีที่มีในสันดานอย่างประเสริฐ  เรียกว่า อริยทรัพย์  มี  ศรัทธา  ศีล  เป็นต้น

๖.๒

ดีกว่า เพราะอริยทรัพย์ เป็นคุณธรรม เครื่องบำรุงจิตใจให้ปลื้มให้อบอุ่น มีแล้วไม่ต้องเป็นทุกข์กังวลในการคุ้มครองป้องกันโจรภัยเป็นต้น ใครแย่งชิงไปไม่ได้ ใช้เท่าใดก็ไม่ต้องกลัวหมดสิ้น ไม่ต้องเสี่ยงภัยในการแสวงหา เป็นต้น  ทั้งสามารถติดตามเป็นที่พึ่งในสัมปรายภพได้ด้วย

๗.

๗.๑

โลกธรรมมีกี่อย่าง ?  อะไรบ้าง ?

๗.๒

ท่านสอนให้ปฏิบัติต่อโลกธรรมอย่างไร ?

๗.

๗.๑

มี  ๘  อย่าง  คือ

มีลาภ ๑                      ไม่มีลาภ ๑

มียศ ๑   ไม่มียศ ๑

สรรเสริญ ๑                  นินทา ๑

สุข ๑      ทุกข์ ๑

๗.๒

สอนอย่างนี้ คือในโลกธรรมทั้ง ๘ อย่างนี้ อย่างใดอย่างหนึ่งเกิดขึ้น

ควรพิจารณาว่า  สิ่งนี้เกิดขึ้นแล้วแก่เรา  มันเป็นของไม่เที่ยง เป็นทุกข์  มีความแปรปรวนเป็นธรรมดา  ควรรู้ตามที่เป็นจริง  อย่าให้ครอบงำจิตได้  คืออย่ายินดีในส่วนที่ปรารถนา  อย่ายินร้ายในส่วนที่ไม่ปรารถนา

๘.

๘.๑

อบายมุข ๔  มีอะไรบ้าง ?

๘.๒

การเที่ยวกลางคืนมีโทษอย่างไรบ้าง ?

๘.

๘.๑

มี         ๑) ความเป็นนักเลงหญิง

๒) ความเป็นนักเลงสุรา

๓) ความเป็นนักเลงเล่นการพนัน

๔) ความคบคนชั่วเป็นมิตร

๘.๒

มีโทษ ๖ อย่างคือ

๑) ชื่อว่าไม่รักษาตัว

๒) ชื่อว่าไม่รักษาลูกเมีย

๓) ชื่อว่าไม่รักษาทรัพย์สมบัติ

๔) เป็นที่ระแวงของคนทั้งหลาย

๕) มักถูกใส่ความ

๖) ได้ความลำบากมาก

๙.

๙.๑

มิตตปฏิรูปได้แก่คนพวกไหนบ้าง ?

๙.๒

พระพุทธเจ้าทรงสอนให้ปฏิบัติต่อคนพวกนี้อย่างไร ?

๙.

๙.๑

ได้แก่      ๑) คนปอกลอก

๒) คนดีแต่พูด

๓) คนหัวประจบ

๔) คนชักชวนในทางฉิบหาย

๙.๒

ทรงสอนให้หลีกเลี่ยงไม่ควรคบเป็นมิตร เหมือนคนเดินทางหลีกเลี่ยงทางที่มีภัยอันตรายเสีย ฉะนั้น

๑๐.

๑๐.๑

จงเขียนศีล ๕  ข้อที่ ๓  พร้อมทั้งคำแปล

๑๐.๒

อุบาสก  อุบาสิกา  ควรงดเว้นการค้าขายที่ไม่ชอบธรรมอะไรบ้าง ?

๑๐.

๑๐.๑

กาเมสุ  มิจฉาจารา  เวรมณี  เว้นจากการประพฤติผิดในกาม

๑๐.๒

ควรงดเว้น           ๑) ค้าขายเครื่องประหาร

๒) ค้าขายมนุษย์

๓) ค้าขายสัตว์เป็นสำหรับฆ่าเพื่อเป็นอาหาร

๔) ค้าขายน้ำเมา

๕) ค้าขายยาพิษ

วิชาธรรม นักธรรมชั้นตรี 2545

 วิชาธรรม นักธรรมชั้นตรี 2545

ปัญหาและเฉลยวิชาธรรม  นักธรรมชั้นตรี

สอบในสนามหลวง

วันศุกร์ ที่  ๒๒  พฤศจิกายน พ.ศ. ๒๕๔๕

 ๑.    ๑.๑ คนที่ทำอะไรมักพลั้งพลาด เพราะขาดธรรมอะไร  ?

        ๑.๒ ผู้ได้ชื่อว่ากตัญญูกตเวทีบุคคล  เพราะปฏิบัติตนอย่างไร ?

 ๑.    ๑.๑ เพราะขาดสติ ความระลึกได้ก่อนแต่จะทำ และขาดสัมปชัญญะ ความรู้ตัว

             ในขณะทำ ฯ

        ๑.๒ เพราะเป็นผู้รู้อุปการะที่ท่านทำแล้ว และตอบแทน ฯ

 ๒.    ๒.๑ พระรัตนตรัยมีอะไรบ้าง ?

        ๒.๒ รัตนะที่ ๑ หมายถึงใคร ?  จงอธิบาย

 ๒.    ๒.๑ มีพระพุทธ ๑   พระธรรม ๑   พระสงฆ์ ๑ ฯ

        ๒.๒ หมายถึงพระพุทธเจ้า ฯ ได้แก่ท่านผู้สอนให้ประชุมชนประพฤติชอบด้วยกาย

             วาจา ใจ ตามพระธรรมวินัยที่ท่านเรียกว่า พระพุทธศาสนา ฯ

 ๓.    ๓.๑ โอวาทของพระพุทธเจ้า ๓ อย่าง มีอะไรบ้าง ?

        ๓.๒ บุคคลผู้หวังความเจริญ ควรตั้งอยู่ในธรรมอะไร ?   มีอะไรบ้าง ?

 ๓.    ๓.๑ ๑) เว้นจากทุจริต คือ ประพฤติชั่วด้วยกาย วาจา ใจ

             ๒) ประกอบสุจริต คือ ประพฤติชอบด้วยกาย วาจา ใจ

             ๓) ทำใจของตนให้หมดจดจากเครื่องเศร้าหมองใจ มีโลภ โกรธ หลง เป็นต้น ฯ

        ๓.๒ ควรตั้งอยู่ในวุฑฒิธรรม ฯ   มี

             ๑) คบสัตบุรุษ

             ๒) ฟังคำสั่งสอนของท่านโดยเคารพ

             ๓) ตริตรองให้รู้จักสิ่งที่ดีหรือชั่วโดยอุบายที่ชอบ

             ๔) ประพฤติธรรมสมควรแก่ธรรมซึ่งได้ตรองเห็นแล้ว ฯ

 ๔.    ๔.๑ ผู้ประกอบกิจการงานสำเร็จตามความประสงค์เพราะประพฤติธรรมอะไร ?

             มีอะไรบ้าง ?

        ๔.๒ คำว่าทุกข์ได้แก่อะไร ?   มีสาเหตุมาจากอะไร ?

 ๔.    ๔.๑ เพราะประพฤติอิทธิบาท ๔  มี

                   ๑) ฉันทะ  พอใจรักใคร่ในสิ่งนั้น

                   ๒) วิริยะ  เพียรประกอบสิ่งนั้น

                   ๓) จิตตะ  เอาใจฝักใฝ่ในสิ่งนั้น ไม่วางธุระ

                   ๔) วิมังสา  หมั่นตริตรองพิจารณาเหตุผลในสิ่งนั้น ฯ

        ๔.๒ ได้แก่ความไม่สบายกายไม่สบายใจ ฯ  มีสาเหตุมาจากตัณหา

             ความทะยานอยาก ฯ

 ๕.    ๕.๑ "รู้รักสามัคคี" เกิดขึ้นเพราะปฏิบัติธรรมอะไร ?

        ๕.๒ อปริหานิยธรรม คืออะไร ?   มีกี่ข้อ ? จงแสดงมา ๑ ข้อ

๕.     ๕.๑ สาราณิยธรรม ฯ

        ๕.๒ คือธรรมไม่เป็นที่ตั้งแห่งความเสื่อม   มี ๗ ข้อ ฯ  (ตอบข้อใดข้อหนึ่ง) คือ

                   ๑) หมั่นประชุมกันเนืองนิตย์

                   ๒) เมื่อประชุมก็พร้อมเพรียงกันประชุม เมื่อเลิกประชุมก็พร้อมเพรียง

                       กันเลิกและพร้อมเพรียงกันช่วยทำกิจที่สงฆ์จะต้องทำ

                   ๓) ไม่บัญญัติสิ่งที่พระพุทธเจ้าไม่บัญญัติขึ้น ไม่ถอนสิ่งที่พระองค์ทรง

                       บัญญัติไว้แล้ว สมาทานศึกษาอยู่ในสิกขาบทตามที่พระองค์ทรง

                       บัญญัติไว้

                   ๔) ภิกษุเหล่าใดเป็นผู้ใหญ่ เป็นประธานในสงฆ์ เคารพนับถือภิกษุเหล่านั้น

               เชื่อฟังถ้อยคำของท่าน

                   ๕) ไม่ลุอำนาจแก่ความอยากที่เกิดขึ้น

                   ๖) ยินดีในเสนาสนะป่า

                   ๗) ตั้งใจอยู่ว่า เพื่อนภิกษุสามเณรซึ่งเป็นผู้มีศีล ซึ่งยังไม่มาสู่อาวาส ขอให้มา                     ที่มาแล้ว ขอให้อยู่เป็นสุข ฯ

 ๖.    ๖.๑ มัตตัญญุตา ความเป็นผู้รู้ประมาณ ในสัปปุริสธรรม  มีอธิบายไว้อย่างไร ?

        ๖.๒ คำว่า  เจรจาชอบ  ในมรรคมีองค์ ๘ นั้น คือเจรจาอย่างไร ?

 ๖.    ๖.๑  ความเป็นผู้รู้ประมาณในการแสวงหาเครื่องเลี้ยงชีวิตแต่โดยทางที่ชอบและรู้จัก

             ประมาณในการบริโภคแต่พอควร ฯ

        ๖.๒ คือเว้นจากพูดเท็จ เว้นจากพูดส่อเสียด เว้นจากพูดคำหยาบ และเว้นจากพูด

             เพ้อเจ้อ ฯ

 ๗.    ๗.๑ นาถกรณธรรมคืออะไร ?

        ๗.๒ นาถกรณธรรมข้อว่า กัลยาณมิตตตา หมายความว่าอย่างไร ?

 ๗.    ๗.๑ คือธรรมทำที่พึ่ง ฯ

        ๗.๒ ความเป็นผู้มีเพื่อนดีงาม ไม่คบคนชั่ว ฯ

 ๘.    ๘.๑ มิตรแท้ ๔ จำพวก คือใครบ้าง ?

        ๘.๒ คำต่อไปนี้แปลว่าอย่างไร ?

                   ก) อติถิพลี

                   ข) ปุพพเปตพลี

 ๘.    ๘.๑ คือ

                   ๑) มิตรมีอุปการะ                                                                             ๒)       มิตรร่วมสุขร่วมทุกข์

                   ๓) มิตรแนะประโยชน์                                          

                   ๔) มิตรมีความรักใคร่ ฯ

        ๘.๒      ก) การต้อนรับแขก

                   ข) การทำบุญอุทิศให้ผู้ตาย ฯ


 ๙.    ๙.๑ คำว่า อุบาสก  อุบาสิกา  แปลว่าอะไร ?

        ๙.๒ การค้าขายยาเสพติดมียาบ้าเป็นต้นจัดเข้าในมิจฉาวณิชชาข้อไหน ?

 ๙.    ๙.๑ อุบาสก  แปลว่า ชายผู้เข้าถึงพระรัตนตรัย

             อุบาสิกา แปลว่า หญิงผู้เข้าถึงพระรัตนตรัย ฯ

        ๙.๒ การค้าขายน้ำเมา ฯ

๑๐.  ๑๐.๑ การถือมงคลตื่นข่าวคือถืออย่างไร ? พระพุทธศาสนาสอนให้ถืออย่างนั้นหรือ

             อย่างไร ?

      ๑๐.๒ สมณพราหมณ์ เมื่อได้รับการบำรุงแล้ว ย่อมอนุเคราะห์กุลบุตรอย่างไรบ้าง ?

๑๐. ๑๐.๑ ถือว่านี้ฤกษ์ดี ยามดี เป็นมงคลดี นี้ฤกษ์ไม่ดี ยามไม่ดี ไม่เป็นสวัสดิมงคล ฯ 

             พระพุทธศาสนาสอนไม่ให้ถือเช่นนั้น สอนให้เชื่อว่า เรามีกรรมเป็นของของตน

             เราทำดีจักได้ดี ทำชั่วจักได้ชั่ว ฯ

      ๑๐.๒ อย่างนี้ คือ

                   ๑) ห้ามไม่ให้กระทำความชั่ว                

                   ๒) ให้ตั้งอยู่ในความดี

                   ๓) อนุเคราะห์ด้วยน้ำใจอันงาม             

                   ๔) ให้ได้ฟังสิ่งที่ยังไม่เคยฟัง

                   ๕) ทำสิ่งที่เคยฟังแล้วให้แจ่ม                

                   ๖) บอกทางสวรรค์ให้ ฯ

วิชาธรรม นักธรรมชั้นตรี 2546

 วิชาธรรม นักธรรมชั้นตรี 2546

ปัญหาและเฉลยวิชาธรรม  นักธรรมชั้นตรี

สอบในสนามหลวง

พ.ศ. ๒๕๔๖


๑.

๑.๑

โลกเดือดร้อนวุ่นวาย เพราะขาดธรรมอะไร ?


๑.๒

บุคคลมีกาย วาจา ใจ งดงาม เพราะปฏิบัติธรรมอะไร ?

๑.

๑.๑

เพราะขาดธรรมคุ้มครองโลก ๒ อย่าง คือ

      ๑) หิริ          ความละอายแก่ใจ

      ๒) โอตตัปปะ  ความเกรงกลัว ฯ


๑.๒

เพราะปฏิบัติธรรมอันทำให้งาม ๒ อย่าง คือ

      ๑) ขันติ         ความอดทน

                        ๒) โสรัจจะ            ความเสงี่ยม ฯ

๒.

๒.๑

รัตนะ ๓ มีอะไรบ้าง ?


๒.๒

รัตนะ ๓ นั้น มีคุณอย่างไร ?

๒.

๒.๑

มี พระพุทธ ๑ พระธรรม ๑ พระสงฆ์ ๑ ฯ


๒.๒

มีคุณอย่างนี้ คือ

      ๑) พระพุทธเจ้ารู้ดีรู้ชอบด้วยพระองค์เองก่อนแล้ว สอนผู้อื่นให้รู้ตาม

      ๒) พระธรรมย่อมรักษาผู้ปฏิบัติไม่ให้ตกไปในที่ชั่ว

      ๓) พระสงฆ์ปฏิบัติชอบตามคำสอนของพระพุทธเจ้าแล้ว

          สอนผู้อื่นให้กระทำตาม ฯ

๓.

๓.๑

ธรรมเป็นดุจล้อรถนำไปสู่ความเจริญ เรียกว่าอะไร ?


๓.๒

ปุพฺเพกตปุญฺญตา หมายความว่าอย่างไร ?

๓.

๓.๑

เรียกว่า จักรธรรม ฯ


๓.๒

หมายความว่า ความเป็นผู้ได้ทำความดีไว้ในปางก่อน ฯ

๔.

๔.๑

ปธาน ๔ มีอะไรบ้าง ?


๔.๒

เพียรระวังตนให้ห่างไกลจากสิ่งเสพติด จัดเข้าในปธานข้อไหน ?

๔.

๔.๑

มี    ๑) สังวรปธาน         เพียรระวังไม่ให้บาปเกิดขึ้นในสันดาน

      ๒) ปหานปธาน       เพียรละบาปที่เกิดขึ้นแล้ว

      ๓) ภาวนาปธาน       เพียรให้กุศลเกิดขึ้นในสันดาน

      ๔) อนุรักขนาปธาน   เพียรรักษากุศลที่เกิดขึ้นแล้วไม่ให้เสื่อม ฯ


๔.๒

จัดเข้าในสังวรปธาน ฯ

๕.

จงอธิบายความหมายของคำต่อไปนี้ ?


๕.๑

ปัจจยปัจจเวกขณะ


๕.๒

อภิณหปัจจเวกขณะ

๕.

๕.๑

ปัจจยปัจจเวกขณะ คือ พิจารณาเสียก่อนจึงบริโภคปัจจัย ๔ คือ จีวร บิณฑบาต เสนาสนะ และเภสัช ไม่บริโภคด้วยตัณหา ฯ


๕.๒

อภิณหปัจจเวกขณะ คือ พิจารณาทุก ๆ วันว่า  เรามีความแก่  มีความเจ็บมีความตายเป็นธรรมดา ไม่ล่วงพ้นความแก่ เจ็บ ตายไปได้  เราต้อง

พลัดพรากจากของรักของชอบใจทั้งสิ้น เรามีกรรมเป็นของ ๆ ตน เราทำดี จักได้ดี ทำชั่ว จักได้ชั่ว ฯ

๖.

๖.๑

ธาตุกัมมัฏฐาน มีอะไรบ้าง ?


๖.๒

กำหนดพิจารณาอย่างไร เรียกว่า ธาตุกัมมัฏฐาน ?

๖.

๖.๑

มี  ๔ คือ ธาตุดิน ธาตุน้ำ ธาตุไฟ ธาตุลม ฯ


๖.๒

กำหนดพิจารณากายนี้ ให้เห็นว่าเป็นแต่เพียงธาตุ ๔ คือ ดิน น้ำ ไฟ ลม ประชุมกันอยู่ ไม่ใช่เรา ไม่ใช่ของเรา เรียกว่า ธาตุกัมมัฏฐาน ฯ

๗.

๗.๑

พาหุสัจจะ หมายความว่าอย่างไร ?


๗.๒

พาหุสัจจะ เป็นอริยทรัพย์อย่างหนึ่งนั้น อธิบายอย่างไร ?

๗.

๗.๑

หมายความว่า ความเป็นผู้เคยได้ยินได้ฟังมามาก ฯ


๗.๒

อธิบายว่า พาหุสัจจะ  คือความเป็นผู้เคยได้ยินได้ฟังมามากนั้น  ได้ชื่อว่าอริยทรัพย์ เพราะเป็นเหตุให้ได้อิฏฐผล มีลาภ ยศ สรรเสริญ สุข และไมตรี เป็นต้น  ทั้งไม่เป็นภาระแก่เจ้าของ  และที่ดีพิเศษกว่าทรัพย์สิน

เงินทองทั่วไป คือ ยิ่งใช้ยิ่งมี ฯ

๘.

๘.๑

สัมมาสังกัปปะ ดำริชอบ คือ ดำริอย่างไร ?


๘.๒

มรรคมีองค์ ๘ ข้อใดบ้างสงเคราะห์เข้าในสีลสิกขา ?

๘.

๘.๑

คือ   ดำริจะออกจากกาม ๑

      ดำริในอันไม่พยาบาท ๑

      ดำริในอันไม่เบียดเบียน ๑ ฯ


๘.๒

วาจาชอบ การงานชอบ เลี้ยงชีวิตชอบ สงเคราะห์เข้าในสีลสิกขา ฯ

๙.

๙.๑

บุคคลผู้สามารถยึดเหนี่ยวน้ำใจคนอื่นไว้ได้ เพราะตั้งอยู่ในธรรมอะไร ?


๙.๒

ธรรมในข้อ ๙.๑ นั้น มีอะไรบ้าง ?

๙.

๙.๑

ในสังคหวัตถุ ๔ ฯ


๙.๒

มี    ๑) ทาน          ให้ปันสิ่งของของตนแก่ผู้อื่นที่ควรให้ปัน

                         ๒) ปิยวาจา           เจรจาวาจาที่อ่อนหวาน

      ๓) อัตถจริยา     ประพฤติสิ่งที่เป็นประโยชน์แก่ผู้อื่น

      ๔) สมานัตตตา      ความเป็นคนมีตนเสมอไม่ถือตัว ฯ

๑๐.

๑๐.๑

อบายมุข คืออะไร ?


๑๐.๒

ดื่มน้ำเมามีโทษอย่างไรบ้าง ?

๑๐.

๑๐.๑

คือ เหตุเครื่องฉิบหาย ฯ


๑๐.๒

มีโทษ ๖ อย่าง คือ

      ๑) เสียทรัพย์

      ๒) ก่อการทะเลาะวิวาท

      ๓) เกิดโรค

      ๔) ถูกติเตียน

      ๕) ไม่รู้จักอาย

      ๖) ทอนกำลังปัญญา  ฯ