พิธีถวายผ้าป่า
คาว่า ผ้าป่า ในสมัยพุทธกาล เรียกว่า บังสุกุลจีวร หรือ ผ้าบังสุกุล แปลว่า ผ้าเปื้อนฝุ่น
ไม่มีเจ้าของหวงแหน ทิ้งอยู่ตามถนนหนทาง ในป่าช้า หรือแขวนอยู่ตามกิ่งไม้ในป่า แรกตรัสรู้
พระพุทธเจ้ายังมิได้ทรงอนุญาตให้พระภิกษุรับถวายจีวรจากชาวบ้าน ทรงอนุญาตเพียงให้
แสวงหาผ้าบังสุกุล ผ้าเปื้อนฝุ่นไม่มีเจ้าของ ผ้าห่อซากศพทิ้งตามป่าช้า และผ้าตกอยู่ตามถนน
นามาซักย้อมตัดเย็บเป็นสบง จีวร สังฆาฏิอย่างใดอย่างหนึ่ง เพื่อใช้นุ่งห่ม พุทธศาสนิกชน
สมัยนั้น เห็นความลาบากของพระภิกษุเรื่องนี้ มีความประสงค์จะบาเพ็ญกุศลไม่ขัดต่อ
พระพุทธบัญญัติ จึงจัดหาผ้าควรแก่สมณบริโภค นาไปทิ้งตามสถานที่ต่าง ๆ โดยมากตามป่า
หรือป่าช้า ดังนั้น พุทธศาสนิกชนชาวไทย จึงนิยมเรียกกันว่า ผ้าป่า
หนังสือนักธรรมชั้นตรี,นักธรรมตรีpdf,นักธรรมตรี,สรุปนักธรรมตรี,ข้อสอบนักธรรมตรี,เก็งข้อสอบนักธรรมตรี
- หน้าแรก
- พุทธประวัติ
- ธรรมวิภาค
- เบญจศีล-เบญจธรรม
- แบบกระทู้ธรรมชั้นตรี
- แบบกระทู้ธรรมชั้นโท
- แบบกระทู้ธรรมชั้นเอก
- หมวด พุทธศาสนสุภาษิต
- อนุพุทธประวัติชั้นโท
- ดาวโหลดหนังสือธรรมศึกษาชั้นตรี โท เอก
- Download ข้อสอบนักธรรมและธรรมศึกษา ปี 2559-2563
- ประวัตินักธรรม-ธรรมศึกษา โดยสังเขป
- ขอบข่ายการเรียนการสอนธรรมศึกษา 2561
- ขอบข่ายธรรมศึกษา ระดับอุดมศึกษาและประชาชนทั่วไป
- ข้อสอบนักธรรมตรี-โท-เอก[ย้อนหลัง]
วันพฤหัสบดีที่ 8 พฤศจิกายน พ.ศ. 2561
ความเป็นมาของพิธีลอยกระทงตามประทีป
ความเป็นมาของพิธีลอยกระทงตามประทีป
พิธีลอยกระทงของไทย เริ่มมีมาตั้งแต่สมัยกรุงสุโขทัยเป็นราชธานี ในรัชสมัยของ
พระมหาธรรมราชาลิไท ที่ ๕ นิยมทากันเป็นประเพณี ในวันเพ็ญเดือน ๑๒ โดยปรากฏใน
หนังสือตาหรับท้าวศรีจุฬาลักษณ์ ซึ่งเป็นพระสนมเอกของพระมหาธรรมราชาลิไท และเป็น
พระธิดาของพระศรีมโหสถ ตาแหน่งราชครู ตระกูลพราหมณ์ ได้เรียบเรียงเรื่องเกี่ยวกับ
ราชประเพณี ๑๒ เดือน ในราชสานักพระมหาธรรมราชาลิไท ความตอนหนึ่งว่า ถึงวันเพ็ญ
เดือน ๑๒ พระร่วงเจ้ารับสั่งให้บรรดาพระสนมนางใน เถ้าแก่แม่ท้าวทั้งหลาย ตกแต่งประดับ
กระทงดอกไม้ธูปเทียน นาลอยน้าหน้าพระที่นั่ง ตามประเพณีของกษัตริย์โบราณที่มีมาจากข้อความนี้แสดงว่า การลอยกระทงตามประทีป เพื่อบูชารอยพระพุทธบาทใน
วันเพ็ญเดือน ๑๒ ของไทย ทากันมาแต่ครั้งกรุงสุโขทัยเป็นราชธานี และในหนังสือพระราช
พิธี ๑๒ เดือน พระราชนิพนธ์พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ ๕ ก็ทรง
กล่าวถึงพิธีลอยกระทงตามประทีปไว้ แสดงว่าพิธีนี้ได้ปฏิบัติต่อเนื่องมาโดยตลอด
พิธีลอยกระทงตามประทีป เรียกกันทั่วไปว่า งานลอยกระทง ในภาคเหนือจัดเป็น
งานใหญ่เช่น จังหวัดเชียงใหม่ เรียกว่า งานประเพณียี่เป็ง ถือเป็นงานประเพณีสาคัญของ
จังหวัดเชียงใหม่ ซึ่งชาวไทยและชาวต่างชาติรู้จักกันดี จังหวัดอื่น ๆ ทางภาคเหนือก็ได้จัด
งานประเพณีลอยกระทงเช่นเดียวกัน ส่วนจังหวัดสุโขทัยเป็นต้นตาหรับของพิธีลอยกระทง
ตามประทีป ได้จัดงานประเพณีเผาเทียนเล่นไฟ เป็นงานใหญ่ประจาปีของจังหวัดในช่วง
เทศกาลลอยกระทง เป็นงานประเพณีมีชื่อเสียงเป็นที่รู้จักกันดีของนักท่องเที่ยวทั่วโลก
ก่อนลอยกระทงตามประทีปบูชาพระพุทธบาท โบราณมีการกล่าวคาบูชาด้วย
ปัจจุบัน การลอยกระทงโดยทั่วไป เป็นเรื่องเฉพาะบุคคล เฉพาะคนหนุ่มสาวจะชวนกันไป
ลอยกระทงเป็น คู่ ๆ และส่วนใหญ่จะอธิษฐานเกี่ยวกับความรัก จึงทาให้ไม่ค่อยมีคนนึกถึง
วัตถุประสงค์แท้จริงของประเพณีการลอยกระทงตามธรรมเนียมโบราณ
พิธีลอยกระทงของไทย เริ่มมีมาตั้งแต่สมัยกรุงสุโขทัยเป็นราชธานี ในรัชสมัยของ
พระมหาธรรมราชาลิไท ที่ ๕ นิยมทากันเป็นประเพณี ในวันเพ็ญเดือน ๑๒ โดยปรากฏใน
หนังสือตาหรับท้าวศรีจุฬาลักษณ์ ซึ่งเป็นพระสนมเอกของพระมหาธรรมราชาลิไท และเป็น
พระธิดาของพระศรีมโหสถ ตาแหน่งราชครู ตระกูลพราหมณ์ ได้เรียบเรียงเรื่องเกี่ยวกับ
ราชประเพณี ๑๒ เดือน ในราชสานักพระมหาธรรมราชาลิไท ความตอนหนึ่งว่า ถึงวันเพ็ญ
เดือน ๑๒ พระร่วงเจ้ารับสั่งให้บรรดาพระสนมนางใน เถ้าแก่แม่ท้าวทั้งหลาย ตกแต่งประดับ
กระทงดอกไม้ธูปเทียน นาลอยน้าหน้าพระที่นั่ง ตามประเพณีของกษัตริย์โบราณที่มีมาจากข้อความนี้แสดงว่า การลอยกระทงตามประทีป เพื่อบูชารอยพระพุทธบาทใน
วันเพ็ญเดือน ๑๒ ของไทย ทากันมาแต่ครั้งกรุงสุโขทัยเป็นราชธานี และในหนังสือพระราช
พิธี ๑๒ เดือน พระราชนิพนธ์พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ ๕ ก็ทรง
กล่าวถึงพิธีลอยกระทงตามประทีปไว้ แสดงว่าพิธีนี้ได้ปฏิบัติต่อเนื่องมาโดยตลอด
พิธีลอยกระทงตามประทีป เรียกกันทั่วไปว่า งานลอยกระทง ในภาคเหนือจัดเป็น
งานใหญ่เช่น จังหวัดเชียงใหม่ เรียกว่า งานประเพณียี่เป็ง ถือเป็นงานประเพณีสาคัญของ
จังหวัดเชียงใหม่ ซึ่งชาวไทยและชาวต่างชาติรู้จักกันดี จังหวัดอื่น ๆ ทางภาคเหนือก็ได้จัด
งานประเพณีลอยกระทงเช่นเดียวกัน ส่วนจังหวัดสุโขทัยเป็นต้นตาหรับของพิธีลอยกระทง
ตามประทีป ได้จัดงานประเพณีเผาเทียนเล่นไฟ เป็นงานใหญ่ประจาปีของจังหวัดในช่วง
เทศกาลลอยกระทง เป็นงานประเพณีมีชื่อเสียงเป็นที่รู้จักกันดีของนักท่องเที่ยวทั่วโลก
ก่อนลอยกระทงตามประทีปบูชาพระพุทธบาท โบราณมีการกล่าวคาบูชาด้วย
ปัจจุบัน การลอยกระทงโดยทั่วไป เป็นเรื่องเฉพาะบุคคล เฉพาะคนหนุ่มสาวจะชวนกันไป
ลอยกระทงเป็น คู่ ๆ และส่วนใหญ่จะอธิษฐานเกี่ยวกับความรัก จึงทาให้ไม่ค่อยมีคนนึกถึง
วัตถุประสงค์แท้จริงของประเพณีการลอยกระทงตามธรรมเนียมโบราณ
คติความเชื่อทางพุทธศาสนา
คติความเชื่อทางพุทธศาสนา
ในอรรถกถาปุณโณวาทสูตรกล่าวว่า สมัยหนึ่ง พระพุทธเจ้าเสด็จไปยังแม่น้านัมมทา
พญานัมมทานาคราช ทูลอาราธนาให้เสด็จไปสู่นาคพิภพด้วยความศรัทธาเลื่อมใส เพื่อถวาย
บูชาสักการะ พระองค์เสด็จไปตรัสเทศนาโปรดพญานาคราชพร้อมบริวารแล้ว ขณะเสด็จ
กลับ พญานาคราชได้กราบทูลขอสิ่งระลึกอย่างใดอย่างหนึ่ง เพื่อเป็นอนุสาวรีย์สาหรับบูชา
สักการะในกาลต่อไป พระพุทธเจ้าทรงประทานให้ตามความประสงค์ โดยประดิษฐาน
รอยฝ่าพระบาทไว้ ณ ริมฝั่งแม่น้านัมมทานั้น ให้เป็นที่สักการบูชาของพญานัมมทานาคราช
และบริวารสืบมา
ในอรรถกถาปุณโณวาทสูตรกล่าวว่า สมัยหนึ่ง พระพุทธเจ้าเสด็จไปยังแม่น้านัมมทา
พญานัมมทานาคราช ทูลอาราธนาให้เสด็จไปสู่นาคพิภพด้วยความศรัทธาเลื่อมใส เพื่อถวาย
บูชาสักการะ พระองค์เสด็จไปตรัสเทศนาโปรดพญานาคราชพร้อมบริวารแล้ว ขณะเสด็จ
กลับ พญานาคราชได้กราบทูลขอสิ่งระลึกอย่างใดอย่างหนึ่ง เพื่อเป็นอนุสาวรีย์สาหรับบูชา
สักการะในกาลต่อไป พระพุทธเจ้าทรงประทานให้ตามความประสงค์ โดยประดิษฐาน
รอยฝ่าพระบาทไว้ ณ ริมฝั่งแม่น้านัมมทานั้น ให้เป็นที่สักการบูชาของพญานัมมทานาคราช
และบริวารสืบมา
สมัครสมาชิก:
บทความ (Atom)